Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1437
บทที่ 1437 – สังหาร กล่องสมบัติที่สาม
ชิงสุ่ยกลัวไหมเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้? แน่นอนว่าไม่ หลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับอสูรศิลาถึงสองครั้ง ชิงสุ่ยตระหนักว่าการต่อสู้กับมนุษย์นั้นง่ายยิ่งกว่า เขากำลังค้นหาว่าคนพวกนั้นจะปรากฏตัวออกมาที่ใด
ผู้นำกลุ่มเป็นชายชรา เขามีรูปลักษณ์ธรรมดา กลิ่นอายที่เขาปล่อยออกมาช่างสง่างาม สิ่งเดียวที่ขัดแย้งกันคือคำพูดสั้นๆของเขาที่ดูจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย
มีการเน้นย้ำเสมอว่าอารมณ์ของคนเราจะแสดงออกมาผ่านคำที่พูดกับผู้อื่น สำหรับชายคนนี้ ความสง่างามของเขาจางหายไปในทันทีที่เปิดปากพูด
ชายชราคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นรอบชิงสุ่ยและประมุขอสูร
พวกเขาแต่ละคนเป็นผู้มีชื่อเสียงจากมหาทวีปมังกรอหังกาล แม้ชิงสุ่ยจะไม่รู้จำนวนคนที่กลุ่มมังกรอหังกาลส่งมา แต่เขาเชื่อว่าเหล่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าต้องมาจากที่นั่นบ้าง
“โง่เง่า เจ้าคิดว่าพวกเราจะมอบมันให้งั้นหรือ” ชิงสุ่ยยิ้มและถาม
ชายชราตกตะลึงเมื่อโดนชิงสุ่ยตะโกนใส่ หลังจากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะของเขาคล้ายกับเสียงนกฮูก ในเวลาเสียงนิดเดียว ตาของชายชราก็รี่เล็กลง “เด็กสารเลว เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ ข้าเปา จุน ขอรับรองว่าเจ้าจะได้ตายอย่างน่าอนาถ”
……
“เปาจุน? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อ” ชิงชูยิ้มส่ายหัวและกล่าว
ในขณะที่พูด ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและยืนอยู่หน้าประมุขอสูร เขาพร้อมแล้วสำหรับการต่อสู้ พวกที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่ายๆ
มีกลิ่นอายลึกลับจางๆเริ่มไหลเวียนไปรอบๆตัวชิงสุ่ย นี่คือทักษะย่างก้าว 9 เทวา เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชิงสุ่ยจึงไม่ลังดลที่จะพุ่งเข้าใส่ เขารีบโยนเครื่องรางแห่งสวรรค์สองอันให้ตัวเองและประมุขอสูร ในขณะที่ทำเช่นนั้น เขายังคงไหลเวียนลมปราณเพื่อใช้หงส์ทองประลองพินิจ
“ฆ่ามันให้ตาย!”
ช่วงขณะที่ชายชราพูดจบ เขาดีดมุกสีดำในมือออกไป พวกมันมีขนาดเท่ากำปั้นและรวดเร็ว เคล็ดวิชาที่เขาใช้เพื่อปล่อยมันนั้นยอดเยี่ยมมาก
อันที่จริงแล้วชิงสุ่ยเตรียมการป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไว้นานแล้ว ในช่วงที่ชายชรายกมือขึ้น ชิงสุ่ยก็ตอบสนองในทันที เขาสบัดมือออก
กระบี่ทองคำ!
ปัง!
ชิงสุ่ยมีเคล็ดวิชาศาสตราวุธเร้นลับ ทันทีที่เขาเห็นการเคลื่อนไหวมือของชายชรา เขาก็รู้ทันทีว่าสามารถสกัดการโจมตีของอีกฝ่ายได้ทัน แม้ว่ากระบี่ทองคำของเขารวดเร็ว แต่การโจมตีของอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเพียงอันเดียว พวกเขาลงมือพร้อมกัน
โชคดีที่ชิงสุ่ยหยุดมุกเหล่านั้นก่อนที่จะเข้ามาใกล้ได้ทัน
ปัง ปัง…..
มีการระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้ง แม้ว่าการโจมตีจะเบาลงกว่าก่อนหน้านี้ แรงระเบิดก็ยังคงรุนแรง พวกเขาสองคนได้รับเจ็บ ถึงแม้มันจะไม่หนัก แต่ก็ไม่ได้ไม่มีผล
นี่คือสิ่งที่เล็งเอาไว้ ความตั้งใจของเขาคือทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพวกเขาจะทำการปล่อยอะไรบางอย่างเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาทำได้สำเร็จ
“ไอเด็กสารเลว!”
ด้วยความอัปยศ เปาจุนเข้าสู่ความโกรธ ชิงสุ่ยไม่ปล่อยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความอับอายนี้ ลึกลงไป เปาจุนหวาดกลัวว่าชิงสุ่ยหยุดมุกได้อย่างไร
ชิงสุ่ยยื่นมือออกไปและโยนเครื่องรางแห่งสวรรค์ จุดประสงค์เพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอลง เขาโยนมันทั้งหมดใส่อีกฝ่าย
ชิงสุ่ยรู้ว่าเขาจะต้องไม่ละสายตาจากคนเหล่านี้ ถ้าเขาทำเช่นนั้น ชายชราจะมีโอกาสช้มุกที่น่าสะพรึงกลัวของเขา
ปราณจักรพรรดิ!
การลดความแรง 10% เมื่อก่อนทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดมาก และตอนนี้พวกเขาได้อีกครั้งสูญเสียอีก 20% ของความแข็งแรงของพวกเขา ตอนนั้น ชิงสุ่ย เริ่มโจมตีแล้ว
ปราณจักรพรรดิ!
พลังของเหล่าชายชราลดลง 10% ก่อนหน้านี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดมาก และตอนนี้พวกเขาได้สูญพลังไปอีก 20% เช่นนั้นชิงสุ่ยจึงเริ่มลงมือ
หุบเขา 9 เทวา
หุบเขา 9 เทวาบดบังการมองเห็นของพวกเขา ชิงสุ่ยใช้ช่วงเวลานี้เรียกอสูรสยบมังกรและโยนมันใส่ฝ่ายตรงข้าม
แม้จะมีหุบเขา 9 เทวาจะบังอยู่ อสูรสยบมังกรก็สามารถขึ้นไปข้างบนมันได้ในทันที เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นอสูรสยบมังกร มันก็สายเกินไปสำหรับพวกเขา เหล่าชายชราพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อต่อกรกับสัตว์อสูร แต่น้อยคนนักที่พบอสูรสยบมังกรแล้วจะไม่ถูกสังหารในทันที
ฟู่!
ชายชราพยายามป้องกันด้วยชุดเกราะและอาวุธ แต่ปัญหาหลักคือความเร็วของอสูรสยบมังกรที่ไม่ธรรมดา ถ้าชายชราเลือกที่จะปลดปล่อยการโจมตีทั้งหมดออกมา เขาก็ยังอาจมีความหวังที่จะรอดชีวิต อย่างไรก็ตามเขาต้องตายหากยังคอยป้องกันอยู่ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีพลังเทียบเท่าอสูรศิลา
อสูรสยบมังกรเข้าไปหากลุ่มชายชราอย่างต่อเนื่อง มันสามารถรับมือได้ ไม่เพียงแต่มันไม่กลัวที่จะถูกโจมตี แต่การโจมตีของพวกเขาไม่สามารถทำอะไรมันได้ หลังจากที่เหล่าชายชราสามคนถูกจัดการไปทีละคน พวกเขาก็เริ่มตระหนักถึงปัญหา ซึ่งเมื่อถึงเวลาชิงสุ่ยและประมุขอสูรก็เข้ามาร่วมด้วย การโจมตีที่รุนแรงและเด็ดขาดของพวกเขาทำให้ศัตรูลดลงไปมาก เพียงพริบตาฝ่ายตรงข้ามที่มีสิบกว่าคนเหลือรอดอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น อสูรสยบมังกรตัวเดียวจัดการพวกเขาไปถึง 4 คน
ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามลดลง 30% ขณะที่ชิงสุ่ยและพรรคพวกเพิ่มขึ้น 20%
“ตายซะ!”
ทันใดนั้นชายชราก็ตะโกนออกมาเสียงดัง พลังภายในอากาศเริ่มพลุ่งพล่านรุนแรงขึ้น ชิงสุ่ยรู้สึกไม่ดี เขาควบคุมหุบเขา 9 เทวาด้วยจิตสำนึกและในเวลาเดียวกันก็พุ่งไปหาประมุขอสูรด้วยทักษะย่างก้าว 9 เทวาพร้อมกอดร่างของเธอไว้
ตูม……
สิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยได้ยินคือเสียงการระเบิดที่คุ้นเคย หลังจากนั้นเขาเริ่มรู้สึกร้อนในลำคอ ด้วยความพยายามอย่างมาก เขาขยับศีรษะออกจากประมุขอสูรเพื่อไม่ให้เลือดของเขาเลอะเปื้อนเธอ ร่างกายของชิงสุ่ยห่อหุ้มประมุขอสูรไว้
ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบ อสูรสยบมังกรถูกแรงระเบิดอัดเข้าใส่ แต่มันก็ไม่ได้แสดงถึงอาการบาดเจ็บใดๆ มันดูราวกับว่าสัตว์อสูรตัวเล็กนี้มีความต้านทานมากกว่าอสูรศิลา มันอาจมีแก่นแท้ที่ไม่เหมือนใครในร่างกายซึ่งทำให้สามารถต้านทานพลังได้ ด้วยความจริงที่ว่าร่างกายของมันมีขนาดเล็ก มันอาจลอยขึ้นไปกับลมโดยไม่เป็นอะไร
ผลของพลังระเบิดอันมหาศาลได้ทำลายหุบเขา 9 เทวาและมันพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยอย่างจัง
ประมุขอสูรมองไปที่ชิงสุ่ยซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ผู้ชายคนนี้เลือกที่จะปกป้องเธอแม้ในช่วงเวลาที่สำคัญ… เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากการระเบิดในครั้งนี้ ขณะนี้เธอกำลังจ้องมองชายหนุ่มผู้ปิดตาลงและนั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา
ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดซึ่งผู้ชายสามารถเผชิญได้ไม่ใช่ตอนที่พวกเขากำลังคิดถึงตัวเอง แต่เป็นตอนที่พวกเขาคิดที่จะปกป้องผู้หญิงของเขา แม้ประมุขอสูรจะโง่เรื่องความรัก เธอก็สามารถเข้าใจมันได้ เหตุผลอะไรที่พวกเขาจะทำมัน? เมื่อผู้ชายคนหนึ่งเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องผู้หญิง พวกเขาต้องมีความรักปนอยู่ในการกระทำนั้น
เธอรักเขาหรือไม่?
ความรักคืออะไร?
ประมุขอสูรไม่สามารถเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร เธอไม่เคยคิดถึงคำถามเหล่านี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนอื่นๆนัก มันนานมากแล้วที่ผู้ชายผ่านเข้ามาในความคิดของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าเธอจะเคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชิงสุ่ยมาก่อน เธอก็ได้ลืมมันไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว สิ่งเดียวที่ยังเหลือคือความคิดที่คลุมเครือต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวข้องกับนิสัยของเธอหรือไม่ ไม่ว่าจะเจอปัญหาแบบใดก็มักจะเผชิญหน้ากับมันคนเดียว เธอไม่เคยคิดถึงการพึ่งพาคนอื่น สำหรับความรู้สึกระหว่างชายและหญิง ยังไม่มีใครที่เธอมองไปถึงจุดนั้น อีกสิ่งหนึ่งคือความรู้สึกในการสร้างสัมพันธ์ไม่เคยแวบผ่านเข้ามาในหัวใจเธอ
สำหรับผู้หญิงแบบเธอ เธอถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ชาย ไม่มีใครสามารถทำให้เธอมอบความรักให้ได้ นอกจากนี้เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก คนเรามักมีลำดับของสิ่งที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งพวกนี้ไม่ได้อยู่ในลำดับความสำคัญของเธอ
ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกดีกับชายคนนี้ นอกจากนี้เขายังมีรูปลักษณ์ที่ดี และที่สำคัญที่สุด เขาไม่ได้ทำให้ขุนเคืองหรืออะไร… เขาอาจน่ารำคาญในบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่เขาจะทำมันเพราะมีจุดประสงค์
“เจ้าคิดบางอย่างไม่ดีกับข้าหรือเปล่า? ข้าจะขัดขืนไม่ยอมเจ้า” เมื่อชิงสุ่ยเปิดตา เขาสังเกตเห็นว่าประมุขอสูรกำลังมองมาที่เขา เขาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถามออกไป
เธอยังคงมองเขาเหมือนปกติ เธอไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เธอไม่ตื่นตระหนก มันรู้สึกได้ถึงความงดงามและกลิ่นอายที่สง่างามของเธอแทน ชิงสุ่ยกลายเป็นคนที่อาย
“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” เธอถามเบาๆ
“โอ๊ะ ข้าไม่เป็นไร บาดแผลแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข การแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่นเป็นอย่างดีของเธอนับว่าเป็นภาพที่หาได้ยาก
“คงจะมีใครบางคนกำลังที่นี่อีกเร็วๆนี้ ทำไมพวกเราไม่เข้าไปชั้นต่อไปหล่ะ? ข้าคิดว่ามันปลอดภัยกว่า แต่การทำเช่นนั้น พวกเราจะต้องผ่านรูปแบบที่ซับซ้อนตรงหน้าเสียก่อน”
ชิงสุ่ยมองไปที่รูปแบบอันซับซ้อนเหมือนเขาวงกตและสถานที่ซึ่งชายชราหายไป ไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้ ชายชราระเบิดทุกอย่างในตอนท้าย นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าโชคร้ายมาก มันจะดีกว่าหากเขาได้รับมุกทำลายล้างศักดิ์สิทธิ์มาบ้าง ช่างน่าเสียดาย เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเพ้อถึงมัน
ชิงสุ่ยตรวจสอบรูปแบบของที่นี่และขยับหันไปมองประมุขอสูร “เจ้าสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่?”
“แน่นอน!”
ชิงสุ่ยยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าต้องดูแลข้าดีๆ ถ้าเจ้าหายไป ข้าคงจะรู้สึกเจ็บช้ำมาก” ชิงสุ่ยเรียกอสูรสยบมังกรกลับไปขณะกล่าว
ขณะกล่าว ประมุขอสูรยื่นมือออกไป แขนเสื้อของเธอยาวพอสมควร แขนของเธอโผล่ออกมาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ชิงสุ่ยตกตะลึง เขารีบคว้ามือของเธอไว้ ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกตื่นเต้น เธอตั้งใจที่จะจับมือเขา
เมื่อชิงสุ่ยกำลังจะสัมผัสมือของเธอ เธอก็ขยับมือออก ตอนนี้เขาคว้าไว้ได้เพียงแขนเสื้อของเธอ
“นั่นแหละ จับมันไว้!” เธอกล่าวเบาๆ
ชิงสุ่ยมึนงง เขาอารมณ์เสียและไม่ตอบกลับสิ่งที่เธอกล่าว
ขณะที่เดินตามรอยเท้าของเธอ มันเหมือนพวกเขาเดินอยู่ในเขาวงกต นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถเรื่องตำแหน่งและรูปแบบของเธอ เธอเป็นคนหนึ่งที่สามารถฝึกฝนไปจนถึงย่างก้าว 8 ทิศได้ภายในเวลาสั้นๆ โดยธรรมชาติเธอย่อมมีสติปัญญาที่สูงมาก
หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาทีหรือมากกว่า ประตูหินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า มีสมบัติอยู่ที่ประตูหิน เมื่อเห็นมัน ชิงสุ่ยยิ้ม ดังนั้นที่นี่ก็มีสมบัติเช่นกัน มันเพียงแค่พวกเขาต้องผ่านรูปแบบให้ได้เสียก่อน
ไม่มีอสูรศิลาอยู่บนเส้นทาง มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเก็บเกี่ยวสมบัติ
“ไปกันเถอะ” ประมุขอสูรเห็นชิงสุ่ยยังคงถือชายแขนเสื้อของเธอไว้
“ตราบเท่าที่ข้าได้ใกล้เจ้า ข้าจะรู้สึกตื่นเจ้นและมีความสุขมากจริงๆ ข้าหวังว่าจะได้จับเจ้าไว้เช่นนี้อีก” ชิงสุ่ยปล่อยมือขณะกล่าว
ตามปกติ ประมุขอสูรยังคงนิ่งเฉยหรืออาจไม่สนใจ ตอนแรกชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ได้รับผลตอบกลับเช่นนี้ แต่เขาสามารถรับมือกับมันได้หลังจากผ่านประสบการณ์เดิมมาซ้ำๆ
ประมุขอสูรเลือกที่จะเมินเฉยต่อเขาอีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็บอกใบ้ให้เขาเปิดสมบัติ
ชิงสุ่ยไม่ปฏิเสธ ทันทีที่เขาเปิดกล่องสมบัติที่สาม จิตแห่งปราณก็แพร่กระจายออกมา ชิงสุ่ยตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น