Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1443
ทที่ 1443 – ระเบิด
ชิงสุ่ยได้แต่มองไปที่ผู้หญิงที่งดงามคนนี้ เช่นเดียวกับถานท่าย หลิงเยียนที่ได้หันกลับมามองเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในที่พักของเธอ แล้วยิ้มออกมา
ในไม่ช้าผู้หญิงคนนั้นก็ได้หายไปจากสายตาของเขา ชิงสุ่ยได้แต่มองไปที่เงาของเธอสักพักก่อนที่จะฟื้นสติกลับมา ความงามนั้นเป็นดังงานศิลปะชนิดหนึ่ง มันจึงทำให้เขานั้นให้ความสนใจกับความงามเป็นอย่างมาก
ความงามเป็นสิ่งดึงดูดใจที่แท้จริง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์มนต์ใด เช่นเดียวกับ ถานท่าย หลิงเยียน ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา และความสง่างาม ซึ่งนี่คือความงามในรูปแบบของเธอ และนี่อาจจะเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ในวันที่สอง กลุ่มคนทั้งหมดได้เคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ส่วนมากใช้เวลาในการสำรวจซากโบราณสถานแห่งนี้ อย่างไรพื้นที่แถวนี้นั้นก็ยังอันตรายอย่างมาก มันทำให้พวกเขานั้นจำเป็นต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
สำหรับนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาท ได้ออกจากนิกายแห่งนี้ไม่ตั้งแต่รุ่งเช้า ก่อนที่พวกเขาจะไปพวกเขาได้เข้ามากล่าวอำลากับพระราชวังจอมอสูร เช่นเดียวกันในตอนนี้ฮัว รูเหม่ยนั้นได้ทำตัวเป็นแม่สื่อให้กับชิงสุ่ยและเฉิงหลิงทุกๆครั้งที่มีโอกาส
ถึงแม้จะเห็นบางกลุ่มเดินทางออกไป แต่ก็ยังมีบางงกลุ่มที่ยังคงพยายามดิ้นรนหาสมบัติต่อไป
ถึงแม้พวกเขาจะคาดหวังว่าจะมีมรดกแห่งพระเจ้าหลงเหลืออยู่ในที่แห่งนี้ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาก็รู้ว่ามันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่ออกค้นหาอยู่พักใหญ่ นิกายสาปอสูรก็ได้ออกค้นหาจนเข้ามาใกล้กับกลุ่มคนของพระราชวังจอมอสูร มันเป็นอีกครั้งที่อัจฉริยะของนิกายสาปอสูรมองมาที่ซาน ยูและจิน ชื่อและหัวเราะเบาๆ
“นิกายสาปอสูรนั้นเป็นนิกายที่ได้รับการสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้พวกเขานั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก เจ้าคิดว่าพวกเขาจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราหรือไม่?”
“ถึงแม้พวกเขาจะมีรากฐานที่ยาวนานแต่ ข้างในนิกายของพวกเขานั้นก็ไม่ได้สามัคคีกันมากนักหรอก แล้วถ้าพวกเขารู้ว่าเราได้อะไรมาบางจากข้างในซากโบราณสถาน พวกเขาคงไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆหรอก”
“แล้วพี่สาวกลัวพวกเขารึไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนมองไปที่ฮัวรูเหม่ย
“กลัวรึ? ทำไมข้าต้องกลัว ในเมื่อตอนนี้ข้ามีเจ้าและประมุขอสูรอย่างข้างกาย มีใครที่สามารถรับมือกับพวกเจ้าได้รึ?”เธอกล่าวออกมา เธอพูดออกมาราวกับอยากให้เขานั้นจัดการกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ที่แห่งนี้จะไม่ได้มีมรดกแห่งพระเจ้าเหลืออยู่แต่มันนั้นก็ยังเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ล้ำค่าอยู่ดี
จากสมุนไพร่ทั้งหมดชิงสุ่ยได้พบเข้ากับส่วนผสมที่จำเป็นของยาเม็ด9โคจรทองคำและยาเม็ดโชคชะตาทอง ชิงสุ่ยรีบเก็บมันขึ้นมาแล้วโยนพวกมันลงไปในดินแดนหยกทันที ตอนนี้พวกมันนั้นเป็นสมุนไพรที่มีอายุ2พันปีเท่านั้น ซึ่งมันนั้นยังไม่เพียงพอที่จะนำมากลั่นเป็นยา อย่างน้อยชิงสุ่ยต้องรอให้มันเป็นสมุนไพรที่มีอายุ1หมื่นปีเสียก่อนจึงจะสามารถใช้มันได้
ถึงอย่างไรเขาก็ยินที่ได้รับมัน
ในตอนนี้ผู้ที่เห็นสิ่งที่ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมานั้นเพราะพวกเขารู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ด้วยชื่อเสียงทางการแพทย์ของเขา
ในตอนนี้จะมีก็แค่ฮัว รูเหม่ยที่เข้าไปถามชิงสุ่ยว่าเขานั้นต้องการสมุนไพรชนิดไหน เธอถามออกมาแบบนั้นเพื่อที่จะช่วยเขาเก็บสมุนไพรที่ต้องการ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ลังเลที่จะจะบอกว่าเขาต้องการอะไรบ้างกับเธอ
เช่นเดียวกับซาน ยูและจิน ชื่อ เมื่อเห็นท่าทีของฮัว รูเหม่ย พวกเขาจึงได้ตกลงที่จะช่วยเหลือชิงสุ่ยในการเก็บสมุนไพร ด้วยความช่วยเหลื่อที่มากมายที่ชิงสุ่ยได้ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ มันให้ตอนนี้ทั้งหมดนั้นอยากที่จะตอบแทนชิงสุ่ยบางในเวลานี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นได้เรียกผึ้งหยกจักรพรรดิทั้งหมดออกมา เพื่อช่วยกระจายกำลังและป้องกันรอบๆหากมีอะไรเขาก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรเกิดขึ้น
หนึ่งวันได้ผ่านพ้นไป โชคได้เข้าข้างพวกเขา ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาไม้มีใครเลยที่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกจู่โจมด้วยสัตว์อสูร อาจกล่าวได้ว่าวันนี้เป็นวันที่สวยสุขวันหนึ่ง
ถึงแม้มันจะเป็นวันที่แสนสงบ แต่พวกเขานั้นก็ไม่ได้ละการป้องกันลงเลย เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายที่อันตรายอย่างมาก นอกเหนือจากสิ่งอื่นใดที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยกับดักที่มากมาย ดังนั้นจึงไม่มีใครที่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
แม้ชิงสุ่ยจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขา แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่แอบซ่อนอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขานั้นยังมีย่างก้าวเก้าเทวาอยู่ นอกจากนี้เขายังมีเหล่าผึ้งหยกจักรพรรดิที่คอยลาดตระเวนอยู่มันทำให้เขาสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง
หลังจากที่ผ่านไปสักพักชิงสุ่ยสามารถสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากผึ้งหยกบางตัวของเขา ในขณะนี้เขาสามารถตรวจพบกลุ่มคนขนาดใหญ่ของนิกายสาปอสูรที่กำลังเคลื่อนเข้ามาจากระยะไกลๆ นอกจากนี้ยังมีคนสองคนที่คอยสะกดรอยตามเขาอยู่
ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมาในตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่ามีคนบางกลุ่มต้องการใช้สถานการณ์เช่นนี้ในการสังหารศัตรูของพวกเขา โดยเฉพาะกลุ่มคนของนิกายสาปอสูร
“นี่มันสัตตะดวงใจอสูร” ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจได้ในทันที ในตอนนี้พี่น้องตระกูลลู่นั้นได้ใช้พลังของพวกเขาในการควบคุมสัตว์ร้ายในบริเวณนี้เพื่อผลประโยชน์ของพวกเขา
มันทำให้ชิงสุ่ยคิดถึงหลวนหลวนที่มีสัตตะดวงใจลี้ลับที่ทรงพลังมากกว่าสัตตะดวงใจอสูร มันทำให้เธอนั้นสามารถควบคุมสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมากกว่าเธอได้หลายเท่า ดังนั้นเช่นเดียวกับสองพี่น้องตระกูลลู่ในตอนนี้ พวกเขาคงจะใช้พลังของพวกเขาในทำนองนี้เช่นเดียวกัน
“พี่จินชื่อ กินนี่สิ”ชิงสุ่ยยื่นยาเม็ด9โคจรทองคำกับจิน ชื่อ
จิน ชื่อได้หยิบมันเข้าไปในปากทันทีโดยไม่ลังเล ด้วยความเข็งแกร่งที่เขามีในตอนแรกมันนั้นไม่ได้ถือว่าอ่อนแอ และด้วยผลของยาเม็ด9โคจรทองคำมันทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มเป็นสองเท่าแล้วในตอนนี้
“พี่ซาน นี่ของท่าน หวังว่าท่านและพี่จินจะช่วยเหลือข้าได้ในการดูแลพระราชวังอสูรในอนาคต”
“แน่นอนข้าจะปกป้องพระราชวังจอมอสูรด้วยชีวิตของข้า”จิน ชื่อกล่าวออกมา
“ข้านั้นเป็นคนของพระราชวังจอมอสูรและเป็นคนของที่นี่ไปจนตาย ทั้งหมดนี้คือครอบครัวของข้า ข้าจะปกป้องพวกเขาด้วยลมหายใจทั้งหมดของข้า”ซาน ยู้กล่าวอย่างจริงจัง และเสียงดังจนผู้คนรอบๆได้ยิน
หลังจากที่ทั้งสองได้กินยาเม็ด9โคจรทองคำลงไป มันทำให้พวกเขามองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความแปลกประหลาดใจ ตอนนี้พวกเขาค้นพบแล้วว่าพลังของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าและมันนั้นยังทำให้กลิ่นอายของพวกเรานั้นทรงพลังอย่างมาก
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกได้ว่ามีอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา ดังนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนรอบๆกายนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังเป็นคนสนิทของประมุขอสูรอีกด้วย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงติดสินใจมอบยาเม็ดสองเม็ดสุดท้ายให้กับพวกเขา
พวกเขานั้นรู้ดีถึงสายสัมพันธ์ของชิงสุ่ยกับประมุขอสูรดังนั้นพวกเขาจะไม่กล่าวอะไรออกมามากมายนัก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารู้ดีว่าที่ชิงสุ่ยทำลงไปนั้นก็เพื่อเธอไม่ใช่เพื่อพวกเขา
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า ทำให้ความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นใกล้ถึง50ล้านสุริยาเป็นที่เรียบร้อย
……
ในสามวันที่ผ่านมาเหตุการณ์นั้นยิ่งตึงเครียดมากขึ้นกว่าเก่า ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่เข้ามาในตอนนี้ พวกเขาได้แต่หยุดอยู่และเข้ามาใกล้ๆแต่ไม่ทำอะไรและแล้วในตอนนี้ผึ่งหยกจักรพรรดิก็ได้แจ้งเตือนอีกครั้งถึงการพบเจอสัตว์อสูร
วานรบรรพกาลเนตรมังกร!
วานรบรรพกาลเนตรมังกรเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่เกิดจากการผสมของมังกรและลิง มันนั้นเป็นสายพันธ์ที่หายากและทรงพลังอย่างมาก ร่างกายของมันนั้นมีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งกว่าแร่เหล็ก นอกจากนี้มันนั้นยังมีร่างกายที่คล่องแคล่วเหมือนลิงและยังมีหางคล้ายกับมังกร มันยังเป็นสัตว์อสูรอมตะชนิดหนึ่ง
จากมุมมองของผึ้งหยก พวกมันนั้นสามารถบอกได้ว่าวานรบรรพกาลเนตรมังกรนั้นอยู่ไม่ไกลมากนักกับกลุ่มคนของนิกายสาปอสูร ตอนนี้ชิงสุ่ยเข้าใจแล้วว่านี่คือแผนที่พวกนิกายสาปอสูรวางเอาไว้ พวกเขานั้นรอโอกาสเช่นนี้มากนานแล้ว เมื่อไรที่พระราชวังจอมอสูรนั้นเข้าประทะกับสัตว์อสูรจนได้รับบาดเจ็บพวกเขาจะลงมือที่หลังและจัดการเก็บพวกชิงสุ่ยทั้งหมด
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกได้ว่ามันนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงที่ตั้งของพวกเขาแล้ว เมื่อมันได้เข้าใกล้พวกเขา ชิงสุ่ยได้นำเอา “เชือกกัมปนาท”ออกมา ในทันที ทันทีมีมันอยู่ตรงหน้าของเขา ชิงสุ่ยได้ขว้างเชือกกัมปนาทออกไป
ตัวเชือกได้กระจายออกกไปและพันธนาการร่างกายของมันเอาไว้
กร๊ากก……
ในจังหวะนั้นชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆกลุ่มคนของพระราชวังจอมปิศาจ และรีบบอกให้คนอื่นๆรีบออกจากสถานที่แห่งนี้ในทันทีโดยมุ่งหน้าผ่านไปทางนิกายสาปอสูรที่อยู่ไม่ไกล
ในตอนนี้ทุกๆอย่างนั้นเปลี่ยนไปจากแผนที่นิกายสาปอสูรวางไว้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าชิงสุ่ยจะสามารถหยุดสัตว์อสูรตัวนั้นไว้ได้ และไม่คิดว่าตำแหน่งของพวกเขาจะถูกค้นพบเจอในตอนนี้ มันทำให้พวกเขาเองนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกับพระราชวังจอมอสูรเลยแม้แต่น้อย พวกเขาทำได้แค่มองดูแผนที่พวกเขาวางไว้ถูกทำลายไป ก่อนที่จะตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัวและวิ่งหนี้ไปพร้อมกับกลุ่มของชิงสุ่ย
ด้วยจังหวะที่ชุลมุนชิงสุ่ยได้ใช้ย่างก้าวเก้าเทวาออกมา เพื่อตรงไปจัดการกับพี่น้องตระกูลลู่