Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1460
บทที่ 1460 – พันธนาการพิษ หยกอันประณีตงดงาม ก้าวหน้า
เขาต้องการทำอะไรบางอย่างแต่คิดไม่ออกว่าควรทำอะไรดี หนอนไหมมังกรทอง อสูรสยบมังกร อาวุธลับ พิษ…
พิษงั้นหรือ?
ชิงสุ่ยคิดว่าเขาไม่เคยใช้พิษจริงๆจังๆมาก่อนและดินแดนหยกยุพราชอมตะก็มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพิษมากมาย เขายังเคยอ่านตำราราชันย์พิษมาหลายครั้ง เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้องการใช้มันแต่ในตอนนี้มันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
ทันทีที่เขาคิดได้เช่นนี้เขาก็ลงมือทันที นอกจากนี้บ่อโลหิตในดินแดนหยกยุพราชอมตะยังมีพิษมากมายหลายชนิดเพียงแต่ชิงสุ่ยไม่ค่อยให้ความสนใจกับมัน
ดอกไม้พิษและหญ้าพิษ แมลงพิษและสัตว์อสูรแห่งพิษ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่สามารถผลิตพิษที่ทรงพลังได้เพียงแต่ชิงสุ่ยไม่เคยเก็บพิษจากพวกมันมาก่อน ชิงสุ่ยยังมีหยกจากราชสีห์หยกอีกด้วยซึ่งทำให้เขาสามารถเพิ่มศักยภาพของยาพิษได้อีกมากมาย
การใช้ยาพิษไม่ใช่สิ่งที่พิเศษเพราะมันยังคงต้องใช้เวลาและขั้นตอนบางอย่าง และไม่สามารถใช้ได้ตลอดเวลา เหล่ายอดฝีมือนั้นย่อมมีร่างกายต้านทานต่อพิษที่สูงเป็นพิเศษ
การโจมตีด้วยพิษนั้นตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น ต้องใช้ผ่านฟันของสัตว์อสูรที่มีพิษและพิษนั้นมาในรูปแบบของเหลวซึ่งเดินทางผ่านกระแสเลือดไปยังอวัยวะภายในหรือเป็นก๊าซที่เดินทางผ่านอากาศไปยังอวัยวะภายใน หากอวัยวะภายในของผู้ที่โดนพิษนั้นแข็งแกร่งมากพอเขาก็จะสามารถต้านทานต่อพิษได้
ตอนนี้เมื่อชิงสุ่ยต้องการที่จะสร้างยาพิษขึ้นมา องค์ประกอบหลักของมันคือพิษที่ร้ายแรงจากทั้งหมดที่เขามี พิษที่เขาสร้างขึ้นมานี้ต้องใช้ผ่านตัวกลาง ตัวอย่างเช่น ใช้เคลือบที่อาวุธและโจมตีออกไป ซึ่งชิงสุ่ยถือว่าเชี่ยวชาญอย่างยิ่งและเขาไม่เคยล้มเหลวในเรื่องนี้
ก๊าซพิษจะถูกตรวจพบได้อย่างรวดเร็วโดยเหล่ายอดฝีมือที่มีประสาทสัมผัสว่องไวเว้นแต่พิษนั้นจะไม่มีรสชาติ ไม่มีกลิ่น และไม่ให้ความรู้สึกใดๆรวมถึงต้องทรงพลังอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยเร่งมือทันทีเพราะตราบใดที่พิษเข้าสู่กระแสเลือดแล้วศัตรูจะไม่อาจทำอะไรได้นอกเสียจากพวกเขาสามารถขับมันออกจากกระแสเลือดได้ในพริบตา
พันธนาการพิษ!
พิษที่เขาสร้างขึ้นในตอนนี้นั้นมาจากดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีพิษรุนแรงอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยตั้งชื่อให้แก่พิชนี้ว่าพันธนาการพิษ ซึ่งเป็นชื่อที่เรียบง่ายตามที่ชิงสุ่ยชื่นชอบ
เมื่อพิษชนิดนี้ได้รวมตัวกันจนกลายเป็นของเหลวชิงสุ่ยก็ได้ใส่หยกจากราชสีห์หยกลงไปมากมายเพื่อให้มันรุนแรงมากยิ่งขึ้น ความบริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อของของเหลวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นสามารถสะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลกได้เลย แต่มันก็เป็นพันธนาการพิษที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นเพียงแต่ชิงสุ่ยนั้นต่างจากคนทั่วไปที่ศึกษาทางด้านพิษ ที่ใช้ร่างกายของตนเองเป็นตัวทดลอง สร้างยาพิษ มีหัวใจแห่งพิษ และแม้แต่มีร่างกายแห่งพิษที่แท้จริง
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้มีร่างกายแห่งพิษ แต่ในด้านการต้านทานต่อยาพิษนั้นร่างกายของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างกายแห่งพิษเลย เขายังมีพลังธรรมชาติ เขตแดนแห่งราชันย์ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ภาพหยินหยาง สิ่งเหล่านี้ช่วยปกป้องเขาจากยาพิษได้และนี่ยังไม่ได้นับปราณแห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล พลังแห่งเทพสงคราม กายาทองคำ 9 หยาง ซึ่งทั้งหมดนั้นต่างก็ทรงพลังอย่างยิ่ง
เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์นั้นสามารถมองเห็นส่วนประกอบต่างๆที่ใช้สร้างยาพิษได้ดังนั้นยาพิษที่เขาสร้างขึ้นจึงทรงพลังอย่างยิ่ง
เข็มบุปผาเหล็ก 10,000 ปี ลูกปัดเหล็กกล้าเหมันต์ 10,000 ปี
ความสามารถในด้านอาวุธลับของชิงสุ่ยนั้นไม่ได้ถือว่าน่ากลัวมากนัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนมันมากมายนะแต่ความชำนาญในอาวุธลับของเขาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป การโจมตีผู้ที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวนั้นการใช้อาวุธลับจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ก๊อง ก๊อง!
ชิงสุ่ยสั่นระฆังที่หน้าห้องของถานท่าย หลิงเยียน
พวกเขาต้องเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ ศัตรูใกล้จะมาถึงจักรวรรดิเหยียนแล้ว
ประตูได้เปิดออก ถานท่าย หลิงเยียนออกมาหาชิงสุ่ยขณะที่เขาก้มมองไปที่เท้าของนาง นางสวมรองเท้าของชุดเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งเขาก็ไม่เคยได้สังเกตจนกระทั่งตอนนี้ ที่จริงแล้วนางก็มีรองเท้าของตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อถานท่าย หลิงเยียนเห็นว่าชิงสุ่ยมองไปที่เท้าของนาง นางก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อยแล้วถามเขาว่า “มีอะไรงั้นหรือ?”
“พวกเรากำลังจะเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อดูว่าข้าสามารถช่วยเปิดจุดลมปราณให้แก่เจ้าได้หรือไม่ ” ชิงสุ่ยเดินเข้ามาและกล่าวขึ้น
ถานท่าย หลิงเยียนไม่ได้พูดอะไร
ชิงสุ่ยพูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมาแต่ถานท่าย หลิงเยียนไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด ในตอนนี้ชิงสุ่ยคิดว่านางจะยังคงเงียบอีกและเขาจะมอบรองเท้านั้นให้เป็นของขวัญในตอนที่นางเงียบ แต่รองเท้าไล่ล่า 7 จันทรานั้นจะทรงพลังมากกว่ารองเท้าที่นางมีหรือไม่?
“ก็ได้ แม้ว่าข้าจะต้องตาย มันก็คงไม่ใช่ความตายที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นหลังจากที่คิดครู่หนึ่ง
ชิงสุ่ยกำลังเตรียมที่จะตอบไปว่าไม่เป็นไร หากนางไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร แต่เขาไม่คาดคิดว่าในตอนนี้นางจะเห็นด้วย เขาคิดว่ามันแปลกประหลาดอย่างยิ่งและยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“อะไรกัน เจ้าไม่ได้จ้ะ…” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นทันทีหลังจากที่เห็นชิงสุ่ยยืนนิ่งอยู่
“ไม่ เพียงแค่มันกระทันหันเกินไป ข้าแค่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย…”
ถานท่าย หลิงเยียน: “…”
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปที่ห้องนอนของถานท่าย หลิงเยียนอีกครั้ง นางดูไม่สบายใจเล็กน้อยและไม่หันมามองชิงสุ่ย แม้แต่ชิงสุ่ยก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับสายตาของนาง
“หยุดมองได้แล้ว แม้ข้าจะรู้ตัวดีว่าข้านั้นหล่อเหลา เจ้ายังสามารถจ้องมองหาได้อีกหลังจากนี้” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะ
“อื้ม ยังคงงดงามเหมือนเช่นเคย ” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวออกมาอย่างสงบนิ่ง
“ข้าบอกไปแล้วเจ้าหญิง ว่าข้านั้นหล่อเหลาไม่ใช่งดงาม” ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรต่อเขารู้ดีว่าหญิงสาวตั้งใจที่จะพูดเช่นนี้
“เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเถอะ ข้าต้องทำอะไรบ้าง?” ถานท่าย หลิงเยียนเปลี่ยนเรื่องทันที ความอึดอัดใจก่อนหน้านี้ได้หายไป
“เหตุใดเจ้าจึงไม่นั่งลงก่อนและถอดรองเท้ากับถุงเท้าของเจ้า” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้นวม
หญิงสาวทำตามอย่างตรงไปตรงมา นางเดินตรงไปและทำตามที่ชิงสุ่ยบอก เท้าที่งดงามดุจหยกของนางปรากฏออกมา มันสามารถสร้างราคะให้แก่ผู้คนได้เลย เขาไม่ได้เป็นคนที่ชื่นชอบเท้าแต่เขารู้ดีว่าผู้ชายคนอื่นๆจะทำเช่นไรเมื่อได้เห็นเท้าคู่นี้
ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขา มองออกไปและเห็นใบหน้าที่แดงฉานของนาง “ใบหน้าของเจ้าดูเขินอายอย่างยิ่ง หลิงเยียนในตอนนี้เจ้าได้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความเป็นผู้หญิงออกมา”
“เจ้าวายร้าย ยังกล้าพูดอีก เร็วเข้า” ถานท่าย หลิงเยียนรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้นจากคำพูดของชิงสุ่ย นารู้สึกว่าตนเองได้เปลี่ยนไปในตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่แต่ความรู้สึกเช่นนี้ก็ทำให้นางไม่อาจสงบจิตใจได้เลย
“อื้ม อื้ม รีบแล้ว รีบแล้ว…”
ชิงสุ่ยจับเท้าของนางเอาไว้ช้าๆราวกับว่าเขากำลังถือสิ่งที่เปราะบางมากที่สุด มันดูราวกับหยกขาวไร้ที่ติเนื้อเนียนละเอียดและอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง พร้อมกับกลิ่นหอมจางๆที่ออกมา เขาแน่ใจว่ามันไม่ใช่กลิ่นที่มาจากที่อื่นอย่างแน่นอน
สำหรับทุกๆคนที่สวมรองเท้าในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่งดงามมากเพียงใด แม้ว่าพวกนางจะฉีดน้ำหอมหลังจากอาบแต่ก็ไม่มีทางที่จะมีกลิ่นหอมหวานเช่นนี้ได้
เขาค่อยๆนวดมันอย่างแผ่วเบาเพื่อซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ให้มากที่สุด ในตอนนี้เขาได้ลืมเป้าหมายหลักของตนเองไปแล้ว
ผัวะ!
ถานท่าย หลิงเยียนยื่นแขนของนางออกมาและเขกไปที่ที่ศีรษะของเขา
นางคิดจะบอกชิงสุ่ยว่านางพร้อมแล้ว แม้ว่านางจะรู้ดีว่านางจะไม่แต่งงานในชีวิตนี้ นี่คือสิ่งที่นางได้ตัดสินใจไว้เมื่อนานมาแล้ว สิ่งที่นางต้องการนั้นคือพลังเพื่อล้างแค้นให้แก่ครอบครัวของตนเอง การได้พบกับชิงสุ่ยนั้นถือเป็นอุบัติเหตุทางโชคชะตาเท่านั้น
นางเองก็ไม่แน่ใจในโชคชะตาของตนเองแต่นางรู้สึกว่าการได้พบกับชิงสุ่ยนั้นเป็นเหมือนโชคชะตาอย่างหนึ่ง แม้มันอาจจะต้องจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันไม่สำคัญหรอกสิ่งที่นางต้องทำนั้นคือฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อลืมทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเช่นเคย
ชิงสุ่ยยิ้มเจื่อนๆออกมาก่อนที่จะกดลงไปที่เท้าของนาง แม้ว่าทักษะของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนกับทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณแต่ก็ไม่ได้แย่กว่ามากนะ บนฝ่าเท้านั้นมีจุดลมปราณอยู่มากมายทั้งที่ปรากฏชัดเจนและซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ถานท่าย หลิงเยียนกำลังอดทนอย่างเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของนางดูอ่อนเพลียเล็กน้อย มันผ่อนคลายมากขึ้นกว่าปกติแต่ก็มีความอับอายมากขึ้นเช่นกัน
ร่างกายของเธอจะสั่นทุกครั้งคราว ความรู้สึกชาลึกๆในกระดูกนั้นเป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยได้เจอมาก่อน
เมื่อชิงสุ่ยนำเข็มแห่งชีวิตและความตายออกมา เข็มของเขานั้นผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วและไม่ได้มีการปนเปื้อนสิ่งใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มแห่งชีวิตและความตาย พื้นผิวของมันนั้นผ่านการเคลือบมาแล้วและมีเหมือนหมอกสีขาวดังๆลอยอยู่รอบๆมันนั่นคือปราณแห่ง “ชีวิต” เข็มแห่งชีวิตและความตายนั้นจะไม่สัมผัสกับร่างกายโดยตรง
ปุ!
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงดังออกมาราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างได้รับการชำระล้าง ถานท่าย หลิงเยียนรู้สึกเพียงว่าพลังของนางนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างลึกลับ ร่างกายของนางรู้สึกเบายิ่งขึ้น พลังของนางเพิ่มขึ้น ราวกับว่าขอบเขตภายในร่างกายของนางนั้นได้ขยายออกไป
ร่างกายของนางนั้นไม่มีสิ่งใดสกปรกและไม่มีโรคร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน นี่เป็นครั้งที่สองที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอ อีเย่ เจี้ยนเก้อก็เป็นเช่นนี้ ร่างกายของพวกนางทั้งสองคนนั้นบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยยกเท้าอีกข้างหนึ่งของนางขึ้นมาเขาใช้นิ้วกดลงไปอีกครั้ง เท้าทั้งสองข้างของนางในตอนนี้อยู่ในการครอบครองของชิงสุ่ย… ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก…
“เอาหละ เจ้าจะปล่อยข้าไปได้หรือยัง…” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นหลังจากที่เห็นชิงสุ่ยยังคงจับขาของนางไว้
“หากข้าได้จับตำแหน่งนี้ผลของมันอาจจะดียิ่งขึ้น…”
“พอเลย เจ้าคิดว่าข้ามองไม่เห็นกันหรือ เจ้าจับขาของข้าเช่นนี้มาเป็นเวลานาน” ถานท่าย หลิงเยียนไม่ได้โกรธ นางต้องการเปิดใจของตนเองเช่นกันจึงปล่อยให้เขาทำต่อไป เพราะนางกลัวว่าเขาจะคิดว่านางนั้นปฏิเสธจึงไม่ได้ห้ามเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก
“ก่อนหน้านี้ข้ากังวลเกี่ยวกับการเปิดจุดลมปราณ ผู้ที่งดงามอย่างเจ้าแม้แต่เท้าก็งดงามยิ่งนัก” ชิงสุ่ยก้มหน้าลงไปและะจูบขาของนางครั้งหนึ่ง
ถานท่าย หลิงเยียนรีบดึงขวาของนางกลับมาทันที ใบหน้าของงานเป็นไปด้วยความโกรธและกล่าวว่า “ เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก ถึงกล้าทำกับข้าเช่นนี้”
“ขออภัยด้วย อย่าโกรธไปเลย ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทำมันอีก” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง
“มันคงจะแปลกมากถ้าหากว่าข้าเชื่อใจเจ้า นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เจ้าสัญญาเช่นนี้” ขณะที่นางกล่าวนางก็สวมถุงเท้าและรองเท้าไปด้วย
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งเพราะในตอนนี้เขาได้รู้ว่าถานท่าย หลิงเยียนนั้นก็มีอารมณ์แปรปรวนเหมือนกับหญิงสาวทั่วๆไป คำพูดของนางในตอนนี้แฝงไว้ด้วยอารมณ์มากมายไม่เหมือนกับคำพูดที่เฉยชาก่อนหน้านี้
“หลิงเยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าน่ารักมากเพียงใด?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวกลับถานท่าย หลิงเยียน
ถานท่าย หลิงเยียนนั้นฟุ้งซ่านไปเล็กน้อย น่ารัก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับนางเช่นนี้และมันออกมาจากปากของชายผู้นี้…
“น่ารักงั้นหรือ?” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าว “น่ารักงั้นหรือ?” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวด้วยความกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“นี่สำหรับเจ้ามันน่ารักยิ่งครับ นี่เป็นรองเท้าสำหรับเจ้า โปรดรับมันไปแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช้มันก็ตาม “ ชิงสุ่ยวางรองเท้าไล่ล่า 7 จันทราในมือของนาง
“เจ้ามาหาข้าเพื่อตั้งใจจะมอบมันให้ฆ่ากันดี?” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวออกมาเบาๆ
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าโอกาสที่นางจะใช้มันนั้นไม่สูงและรู้ว่าผลจะเป็นเช่นนี้หลังจากที่ได้ยินนางกล่าว
“หากเจ้านำมันไปให้พี่สาวของเจ้าสวมใส่ มันจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่นางได้มาก เจ้าคิดเช่นไร?” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวออกมาเบาๆราวกับว่านางกำลังพิสูจน์เขา
“ก็ใช่ แต่เจ้าต้องให้รางวัลข้าก่อน” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น
ถานท่าย หลิงเยียนคิดว่าชิงสุ่ยได้มอบของขวัญให้แก่ทางมากมาย แต่นางไม่เคยให้อะไรตอบแทนเขาเลย นางจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “ตกลง!”
นางนำสร้อยคอออกมา “สร้อยคอเส้นนี้ข้าได้รับมาจากท่านแม่ ซึ่งท่านบอกให้ข้ามอบมันให้แก่บุคคลที่ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นข้าก็จะมอบให้เจ้า!”
ชิงสุ่ยยิ้มขึ้นทันทีหลังจากได้ยินที่นายกล่าว เขารู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้ยังมีสิ่งที่ต้องการจะพูด สร้อยคอเส้นนี้ควรจะมอบให้แก่ผู้ชายของนาง