Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1461
บทที่ 1461 – การต่อสู้ พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว
ทุกมหาทวีปล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง สิ่งของสำคัญของผู้เป็นแม่จะถูกส่งต่อให้กับลูกสาวและมันจะถูกส่งต่อให้กับชายที่เธอรักในอนาคต
ชิงสุ่ยจ้องมองที่สร้อยคอ และหันกลับไปจ้องมองเธอด้วยความสุข
“เจ้ากำลังมองอะไรกัน? ถ้าหากเจ้าไม่ต้องการมันก็จงเอากลับมา”หญิงสาวยื่นมือของเธอไปจับบนสร้อยคอและแสดงท่าทางราวกับว่าเธอกำลังจะเอาคืน
“ไม่ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนั้น ในวันนี้ต่อให้ข้าจะต้องทิ้งชีวิตนี้ไปข้าก็จะไม่ยอมมอบมันคืนแน่ มาเถิดมาช่วยข้าที ข้าคงไม่อาจสวมมันได้ด้วยตัวเอง ช่วยข้าสวมมันได้หรือไม่”ชิงสุ่ยยืดคอออกไปข้างหน้าและลดศีรษะลง
แม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะไม่ได้สูงเท่ากับชิงสุ่ย แต่ก็ถือได้ว่าเธอสูงมาก เพียงแค่เขย่งขาเล็กน้อยก็สามารถสวมสร้อยคอให้กับชิงสุ่ยได้
มือที่แสนนุ่มนวลของเธอค่อยๆเลื้อยผ่านคอ นิ้วมือของเธอสัมผัสและใบหูของเขาโดยบังเอิญ มันเป็นความรู้สึกที่แสนอบอุ่นอย่างมาก เขาจึงค่อยๆเงยหน้ามองดูเธอ
ถานท่าย หลิงเยียนจ้องมองเขาในระยะประชิดขณะที่เธอช่วยเขาสวมสร้อยคอ
“มันเหมาะสมกับข้าหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้ม
” ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ตัวเจ้านั้นแย่มาก”ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวแก้เขิน
ชิงสุ่ยชื่นชอบตัวตนของเธอ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป วันนี้พวกเขาได้ทำสิ่งที่ไม่กล้าทำแม้แต่จินตนาการในอดีต นี่คงเป็นผลตอบแทนของความพยายาม
…………..
ภายในพระราชวัง ไม่ได้มีเพียงชิงสุ่ยที่อยู่ในตอนนี้ แต่ยังมียอดปรมาจารย์จากจักรวรรดิตะวันฉายและจักรวรรดิเหยียนที่พึ่งมาถึงอีกด้วย
จักรวรรดิเหยียนคือ 1 ใน 3 จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่แห่งมหาทวีปมังกรอหังกาล จักรวรรดิเหยียนส่งคนมาทั้งหมด 5 คน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดปรมาจารย์สูงสุดที่ยืนอยู่เหนือผู้คนทั้งปวง
เพราะว่าสงครามในครั้งนี้จะส่งผลถึงชีวิตและความตาย มันจะต้องไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น เพราะถ้าหากพวกเขาล้มเหลว 3 มหาจักรวรรดิอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในบรรดายอดปรมาจารย์จากจักรวรรดิตะวันฉาย ชายชราคือคนที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้เป็นผู้นำ ยังมีชายชราอีกคนหนึ่งที่มีอายุมากกว่าทำหน้าที่เป็นผู้นำของกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีชายวัยกลางคนอีก 5 คน แต่ละคนนั้นมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา มันให้ความรู้สึกราวกับภาพลวงตาที่ไม่อาจควบคุมได้
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มนั่งลง และบทสนทนาก็เริ่มขึ้น
“การต่อสู้ของพวกเราจะจัดที่จัตุรัสกลางเมือง และจะเริ่มเมื่อพระอาทิตย์ตั้งตระหง่านอยู่จุดสูงสุดของท้องนภา”ชายชราลู่เหลือบมองไปรอบๆ
ชายชราหลี่ยังคงรู้สึกสงบ มันอาจจะดูเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยแต่บรรยากาศภายในห้องโถงขนาดใหญ่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดัน
“ท่านผู้อาวุโสหลู่ มีความคิดที่ดีกว่านี้ไหม?”ในช่วงขณะ ผู้อาวุโสจากจักรวรรดิตะวันฉายก็เอ่ยปากถาม
“แน่นอนว่ายังไงซะก็หนีไม่พ้นการประลอง เพราะไม่มีทางที่พวกเราคนใดคนหนึ่งจะยอมถอย พวกเราก็แค่ทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะหรือไม่…..พวกท่านก็คงรู้ดีว่าผลของการสูญเสียนั้นเป็นอย่างไร”ชายชราลู่กล่าวอย่างหนักแน่น เพราะในตอนนี้ทุกคนรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลเหล่านั้นดี
ผลของความพ่ายแพ้คือตระกูลราชวังแห่งจักรวรรดิจะดับสิ้นลง แรงกดดันจึงมหาศาลเป็นเรื่องธรรมดา
“ผู้อาวุโสหลู่ หากมีทางที่ดีกว่า พวกเราก็พร้อมจะรับฟังคำพูดของท่าน” ชายชราอีกคนกล่าวอย่างเถรตรง
“ก็ดีข้าจะได้ไม่ต้องกล่าวมากความ ฝ่ายตรงข้ามจะส่งยอดปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งมาทั้งหมด 5 คน แต่ละจักรวรรดิจะต้องเลือกเป้าหมายมา 1 เป้าหมายเพื่อที่จะหยุดพวกมัน นั่นก็เท่ากับว่ามันจะเหลือศัตรูอีก 3 คน ก็ขอมอบหน้าที่ให้ประมุขอสูรช่วงเวลาศัตรู 1 คน ชิงสุ่ยช่วงเวลาศัตรูอีกหนึ่งคนและเหยียนจงเยว่และยอดปรมาจารย์แห่งจักรวรรดิเหยียนช่วงเวลาศัตรูที่เหลือ ชิงสุ่ยมีความสามารถพิเศษที่สามารถเพิ่มพลังให้กับข้าได้ ดังนั้นแผนที่จะเอาชนะก็เป็นที่แสนเรื่องธรรมดา พวกท่านก็แค่ยืดเวลาให้นานที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะรีบเอาชนะศัตรูที่ข้าเลือกเอาไว้ และเปิดทางสร้างชัยชนะให้กับพวกเรา”ผู้อาวุโสหลู่กล่าว
คนอื่นยังคงเงียบไม่เปลี่ยนแปลง
“ผู้อาวุโสหลู่ อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่าแผนการที่จะสำเร็จ?”ชายชราที่เงียบมาโดยตลอดกล่าวถามทันที
“คำถามของผู้อาวุโสจ้าวมันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างอธิบายยาก แต่ถ้าหากแต่ละคนสามารถถ่วงเวลาให้ให้นานที่สุดได้ ถ้ามันใจว่าโอกาสที่พวกเราจะได้ชัยชนะจะมีมากถึง 50%”ผู้อาวุโสหลู่กล่าวด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
จำนวน 50% อาจจะดูเป็นจำนวนที่มาก แม้กระนั้นโอกาสมีความล้มเหลวก็มีสูงเป็นครึ่งหนึ่ง ทุกคนจึงต้องทุ่มเทและพยายามอย่างสุดความสามารถ
ชั่วครู่หนึ่ง ชายชราอีกคนนึงก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “อัตราความสำเร็จนี้สูงกว่าที่ข้าคาดคิดมากนะ ตอนแรกข้าเชื่อว่ามีโอกาสเพียงแค่ 20% เท่านั้น มาเถอะพวกเราจะทำให้มันสำเร็จให้ได้”
“ใช่แล้วล่ะเมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวและตระกูลของพวกเรา เราจะใช้ชีวิตของเราเดิมพันทั้งหมด และปลายทางของการเดินทางครั้งนี้จะต้องมีคำว่าชัยชนะเพียงอย่างเดียว”ชายชราแห่งตระกูลเหยียนลุกขึ้นยืนและกล่าว
………………
“เอาล่ะทุกคนจงทำให้ดีที่สุด ข้ายืนยันได้ว่าความหวังของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก”ผู้อาวุโสหลู่พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่ปรากฏบนใบหน้า
คำพูดของเขาเปรียบเสมือนเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงในจิตใจของทุกคน พวกเขารู้ดีว่าชายชราผู้นี้นั้นเป็นคนที่มีความสามารถสูงและมียอดวิชาจำนวนมาก และเขาเป็นคนไม่โป้ปด คำพูดของเขาจึงน่าเชื่อถือเสมอมา ตั้งแต่ที่เขาพูดว่าโอกาสที่พวกเราทั้งหมดจะชนะ 50% ทุกคนจึงเชื่อมั่นว่ามีโอกาสมากถึง 50% จริงๆ
“นอกจากนี้ขอให้ทุกท่านประสานงานกันให้เข้าขามากที่สุด และจงพยายามทุกวิธีทางเพื่อถ่วงเวลาพวกมัน จะเป็นการดีที่สุดถ้าหากพวกเราสามารถถ่วงเวลาได้อย่างน้อยตั้งแต่เริ่มต้น 15 นาที ถ้าเป็นไปตามแผนโอกาสที่เราจะกำชัยชนะนั้นอยู่ไม่ไกลเลย”
“มันจะต้องไม่เกิดปัญหาใดๆคือ พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดยุทธที่ผ่านสงครามมามาก อีกครั้งตอนนี้คอของพวกเราก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว”ชายชราระเบิดเสียงหัวเราะ
ตั้งแต่เริ่มจนจบชิงสุ่ยไม่ปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวเขาเพียงพยักหน้าเมื่อมีคนกล่าวถึงเขา ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีชายชราคนใดกล้ากล่าวว่าอะไรเขาเลย เขาคือชายที่สามารถนั่งเคียงข้างกับประมุขอสูรได้ เขาจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสหลู่ ไม่ได้พูดถึงความสามารถที่แท้จริงของชิงสุ่ยเลยแม้แต่น้อย เขาบอกแค่ว่าชิงสุ่ยนั้นได้รับการสืบทอดมรดกของเทพสงครามทองคำ เพียงข้อมูลเล็กน้อยเหล่านี้ก็ทำให้ทุกคนตกใจอย่างน่าเหลือเชื่อ มรดกแห่งเทพสงครามทองคำถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอด 3 มรดกเทพสงครามที่ถูกเคยจัดอันดับ
หลังจากนั้นบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายก็กลับไปที่ห้องพักของตนเอง
“ชิงซาน เจ้ารู้สึกกระวนกระวายหรือไม่? ในครั้งนี้จอมยุทธทั้ง 5 ที่ถูกส่งมาจากฝั่งของกลุ่มมังกรอหังกาลผู้ที่อ่อนแอที่สุดมีพลังอยู่ที่ 200 ล้านสุริยา ส่วนคนที่เหลือก็อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านสุริยา และมีอีก 2 คนที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกันประมาณ 400 ล้านสุริยา ดูแล้วมันเป็นการต่อสู้ที่ค่อนข้างลำบากนัก”ผู้อาวุโสหลู่ ยิ้มอย่างข่มขื่น
เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่อาจจะเป็นลิขิตสวรรค์ที่บัญชาให้จักรวรรดิเหยียนถึงคราล่มสลาย?
“ท่านผู้อาวุโสอย่าได้เป็นห่วงเลย สถานการณ์ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกันได้”ชิงสุ่ยยิ้ม ผู้อาวุโสเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ครอบครองดาบมังกรเทพสงครามจึงทำให้เขาครอบครองพลังที่แข็งแกร่งถึง 250 ล้านสุริยา แม้ว่ามันอาจจะไม่พอ แต่ก็ยังพอมีหนทางอยู่บ้าง
ฝ่ายตรงข้ามมีพลังสูงสุดมากถึง 400 ล้านสุริยา ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะไม่มีความกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า แต่สถานการณ์ที่กำลังจะมาถึงอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้
ชิงสุ่ยเองค่อนข้างปวดหัวอย่างมาก เพราะดูเหมือนว่าจะมีนักรบที่ทัดเทียมกันอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากไม่อาจต้านทานเพื่อชัยชนะได้ ความพ่ายแพ้ก็จะบังเกิดอย่างรวดเร็ว ต่อให้รวมตัวกันของสามจักรวรรดิใหญ่ ก็คงไม่อาจถ่วงเวลาได้มากพอ หากเกิดเหตุผิดพลาดแม้แต่น้อยผลลัพธ์ที่ตามมานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้
…………….
ในวันที่ 2 กลุ่มคนเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังจตุรัสกลางเมืองของจักรวรรดิเหยียน ชิงสุ่ยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องจัดการประลองขึ้นที่นี่ คงเป็นเพราะมันอาจเป็นการประกาศถึงชื่อเสียงเกียรติยศและศักดิ์ศรี
จัตุรัสแห่งจักรวรรดิเหยียนคือสถานที่สาธารณะขนาดใหญ่กลางเมืองหลวง มันสร้างขึ้นสำหรับชนชั้นราชวงศ์เท่านั้น และจะไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้งาน เว้นเสียแต่จะมีสถานการณ์ที่จำเป็น วันนี้มวลมหาชนจำนวนมากแห่หลั่งไหลเข้ามาจนกลายเป็นเหมือนคลื่นน้ำท่วมที่สาดใส่เข้าเมือง
เมื่อไม่มีกำแพงปิดกั้นความคิดของมนุษย์ ทุกคนจึงรู้ดีว่ากลุ่มมังกรอหังกาลกำลังจะเข้ามาเพื่อทำลายตระกูลราชวงศ์ทั้ง 3 จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ หลายๆคนเองก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเพราะถ้าหากตระกูลราชวงศ์เหล่านี้ล่มสลายไป ก็มีโอกาสที่จะจัดตั้งจักรพรรดิคนใหม่ และเริ่มตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ๆในเมือง แต่ละคนเชื่อว่าคนที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่จะมีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น ไปหารู้ไม่ว่าคนเรานี่เองก็คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง 3 มหาจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น
“เจ้าได้ยินข่าวหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มมังกรอหังกาลกำลังเดินทางมาเพื่อกำจัดทั้ง 3 หาจักรวรรดิ อีกทั้งข้ายังได้ยินมาว่าคนของกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีพลังสูงส่งยิ่งนัก”
“ถ้าได้ยินข่าวลือว่าพวกเขาส่งคนที่อยู่ในระดับยอดปรมาจารย์มาถึง 5 คน ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังบอกกับตัวเองว่าพวกเขาแค่คนเดียวก็สามารถยืนหยัดต่อสู้กับยอดปรมาจารย์จากทั้ง 3 ราชวงศ์แม้จะมาทั้งร้อยคนก็ตาม”
“นั่นก็เท่ากับว่า ตัวตนทั้ง 5 ของพวกเขาจะยิ่งทรงพลังยิ่งขึ้น”
“ใช่ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน อีกทั้งข้ายังได้ยินมาว่าบรรพบุรุษแห่งจักรวรรดิเหยียน ที่แข็งแกร่งยังมีพลังอ่อนแอกว่าศัตรูถึง 50% ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็น่าจะเป็นบรรพบุรุษจากตระกูลลู่”
“ถ้าหากทั้งสามจักรวรรดิพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้จริงๆ พวกเราจะถูกจัดการด้วยหรือไม่?”
“ข้าเองก็ไม่รู้”
……………..
ดวงอาทิตย์ค่อยๆขึ้นสู่กลางขอบฟ้า บรรพบุรุษอาวุโส ชิงสุ่ย ประมุขอสูร และยอดปรมาจารย์คนอื่นจากทั้ง 3 จักรวรรดิค่อยๆทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ชิงสุ่ยนำเครื่องรางสวรรค์บางส่วนออกมาพร้อมประทับตราลงไปบนหน้าอกของทุกคน
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่ชิงสุ่ยทำ ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างไปด้วยแสงสว่าง
หงส์เพลิงร่ำร้อง(เพลงศึก)
ทันทีที่เริ่มบรรเลงเสียงเพลง พลังของทุกคนที่อยู่รอบข้างก็เพิ่มพูนขึ้นทันที 10%
ชิงสุ่ยโคจรทักษะรัศมีปีกพยัคฆ์เพิ่มเติมในทันทีเพื่อทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของผู้อาวุโสหลู่ เพิ่มขึ้นอีก 25%
ดวงตาของผู้อาวุโสหลู่ แสงเป็นประกาย “ชิงสุ่ย เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจมากเกินไปแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกมั่นใจว่าข้าสามารถต่อกรกับพวกมันได้แล้วจริงๆ”
ดวงตาของคนอื่นๆที่ได้รับผลของรัศมีปีกพยัคฆ์เองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เพราะการเพิ่มพูนพลังระดับนี้คือสิ่งที่น่าหวาดกลัวเหลือเกิน
“ทุกคนจงจำคำข้าเอาไว้ให้ดี จงทำให้ดีที่สุดและพยายามถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งนานเท่าไหร่โอกาสที่เราจะได้รับชัยชนะก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”ผู้อาวุโสหลู่ กล่าว
ในขณะเดียวกัน เงาร่างของคนทั้ง 5 คนก็ปรากฏตัวขึ้น ณ เส้นขอบฟ้า พวกเขากำลังทะยานผ่านอากาศก่อนจะหยุดอยู่ด้านหน้าของกลุ่มชิงสุ่ยในระยะ 300 เมตร
ร่างของคนทั้ง 5 นั้นล้วนแล้วแต่เป็นชายชราทั้งสิ้น แต่ละคนแต่งกายโบราณทรงผม ไว้หนวดไว้เคราขาว ชิงสุ่ยไม่อาจรับรู้ได้ถึงความนึกคิดของอสูรกายแห่งกลุ่มมังกรอหังกาล แต่สามารถอนุมานได้ว่าคนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
คนที่อยู่ทางขวาสุดแลดูแล้วมีความอ่อนแอกว่าผู้อาวุโสที่ถือดาบมังกรเทพสงคราม แต่ด้วยอุปกรณ์ที่สวมใส่ทั้งหมดยิ่งทำให้เขามีพลังเพิ่มพูนมากถึง 50% ซึ่งผู้อาวุโสคนนี้น่าจะมีพลังโดยรวมประมาณ 370 ล้านสุริยา
เนื่องด้วยพลังความสามารถที่แสนอัศจรรย์ของชิงสุ่ย ถ้าหากเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีพลังมากถึง 400 ล้านสุริยา เขาสามารถกดพลังศัตรูได้ทันทีอย่างน้อย 80 ล้านสุริยา ซึ่งพลังที่เหลืออยู่จะทำให้คนเหล่านี้มีความสามารถในการต่อสู้ทัดเทียมกับผู้อาวุโสหลู่
แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่ แต่โอกาสในการกำชัยชนะก็ยังถือได้ว่ามีอัตราที่สูงอยู่เช่นกัน