Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1471
บทที่ 1471 – กระบี่ราชันย์อสูร เขาคือคนที่ได้รับพลังจากประมุขอสูร
“ผู้อาวุโสโม่เซี่ยง?” เขาประหลาดใจเล็กน้อยเพราะชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอพยายามบอกเขาว่าชายชราแข็งแกร่งมากเพียงใด
หญิงสาวกล่าวต่อไปว่า “ทักษะที่ผู้อาวุโสโม่เซี่ยงใช้คือทักษะอสูรกุญชรอหังการ ทำให้ผู้อาวุโสมีหนังเหนียวและร่างกายที่แข็งแกร่ง ดังนั้นต้องใช้ทักษะที่พิเศษเหมือนกันในการต่อสู้ หากเป็นคนธรรมดาล่ะคงมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะเอาชนะได้”
“ประมุขเฉิน ท่านมั่นใจเกี่ยวการประลองครั้งนี้รึไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มและถาม
“ถ้าเป็นตามที่ข้าคิด ข้าน่ามีโอกาสชนะ”หญิงสาวไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนนัก
ชิงสุ่ยไม่พูดอะไรอีก การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้อาวุโสโม่เซี่ยงหยิบค้อนขนาดมหึมาซึ่งสร้างมาจากโลหะอสูร ค้อนนั้นจึงทั้งหนักและหนามาก ทว่าชายชรากลับถือค้อนนั้นได้อย่างสบาย ๆ ราวกับว่าค้อนชิ้นนั้นสร้างขึ้นมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ผู้อาวุโสโม่เซี่ยงพุ่งเข้าหาหญิงชราอย่างรวดเร็ว ค้อนยักษ์ผ่าอากาศแบ่งเป็นสองฝั่ง ก่อนพลังจะก่อตัวกลายเป็นตราประทับช้างขนาดใหญ่พุ่งไปหาหญิงชรา
ทว่าฝ่ายหญิงชรายังคงนิ่งเฉย เธอหมุนคทาลายมังกรในมือก่อนจะเกิดวงกลมซึ่งแผ่รัศมีสีทองออกมาและกลืนกลิ่นตราประทับรูปช้างเข้าไป
ไม่เพียงเท่านั้น..หญิงชราโจมตีอย่างต่อเนื่องทันที!
ชิงสุ่ยตะลึงเมื่อเห็นการโจมตีของหญิงชราที่คล้ายคลึงกับแก่นแท้แห่งไทเก๊ก ในโลกที่ชิงสุ่ยจากมานั้นมีคนมากมายพยายามสร้างเพลงหมัดไทเก๊ก ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นเป็นทักษะที่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้ อีกทั้งชิงสุ่ยยังไม่เคยเห็นใครฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กถึงขั้นสูงเท่านี้มาก่อน
แม้หญิงชราจะไม่เชี่ยวชาญเท่าชิงสุ่ย แต่ก็ถือว่าเธอบรรลุเพลงหมัดไทเก๊กระดับสูง สำหรับชิงสุ่ยนั้นความรู้ของเขาเกี่ยวกับไทเก๊กนั้นถือว่าแตกต่างกับหญิงชราโดยสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถฝึกฝนปราณทองคำหมัดไทเก๊กได้แล้ว
อย่างไรก็ตามหญิงชราได้สร้างทักษะใหม่ขึ้นมาใหม่ผ่านการฝึกฝน เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาตั้งใจว่าจะให้คำชี้แนะแก่เธอในภายหลัง
มังกรเกลียวคลื่นจู่โจมขั้นเริ่ม!
หญิงชราปล่อยพลังมหาศาลออกไปจากคทามังกรเกลียวคลื่น ก่อนจะปรากฏร่างของมังกรที่กำลังหมุนเกลียวตรงไปยังผู้อาวุโสโม่เซี่ยง
ความหมายที่แท้จริงของมังกรม้วนเกลียว..หมายถึงมังกรที่ลงมายังพื้นดิน แต่ก็ยังเฟื่องฟูอยู่บนฟากฟ้า ดังนั้นเมื่อมังกรมุ่งไปข้างหน้า ร่างของมันก็คดเป็นเกลียวมากยิ่งขึ้น
ตามตำนานในโลกที่ชิงสุ่ยจากมา มังกรที่มีลำตัวคดม้วนนั้นหมายถึงมังกรวารี ว่ากันว่ามังกรชนิดนี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบ มังกรวารีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับน้ำและฝน แต่ก็ไม่มีใครรู้อะไรมากนัก มังกรชนิดนี้ไม่สามารถบินและไม่มีเขา ดังนั้นจึงมีบางคนกล่าวว่ามังกรชนิดนี้คือมังกรเพศเมีย
ชิงสุ่ยเคยเห็นและเคยสังการมังกรวารีมาบ้างแล้ว โดยมังกรเกลียวคลื่นของหญิงชรานั้นมีความคล้ายคลึงกับมังกรวารีอยู่บ้าง ตรงที่มังกรเกลียวคลื่นนั้นไม่มีเขาที่หัว ซึ่งนี้ถือเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างมังกรวารีและมังกรทั่วไป
ท่ามกลางเหล่ามังกรวารี มีบางตัวที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งพลังของมันนั้นด้อยกว่ามังกรทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือพวกมันมีจำนวนน้อยมากเพราะตัวที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่มักกลายพันธุ์ไปหมดแล้ว
โฮกกก!
เสียงคำรามที่ดังชัด สร้างความกดดันให้สิ่งรอบข้าง..
ตึง!
คทามังกรเกลียวคลื่นสีทองของหญิงชรานั้น เปรียบเสมือนมังกรยักษ์ที่สร้างขึ้นมาจากแก่นแท้แห่งไทเก๊ก
ตูม ตูม ตูม……
เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกัน แม้กระทั่งชายชราที่แข็งแกร่งรูปร่างสูงใหญ่ยังต้องถอยออกไป ทั้ง ๆ ที่พลังของชายราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหญิงชราเลยสักนิด แต่พลังของหญิงชราก็เอาชนะเขาได้อยู่ดี
ผู้อาวุโสโม่เซี่ยง เริ่มโมโห เพราะการประลองก่อนหน้านี้หุบเขากระชากวิญญาณชนะไปแล้วหนึ่งครั้ง ดังนั้นถ้าเขาแพ้ นิกายสาปอสูรคงเสียหน้าเป็นแน่ ชายชราเริ่มแสดงท่าทางหงุดหงิดก่อนจะเรียกสัตว์อสูรออกมา
กุญชรอสูรหินทมิฬ!
กุญชรอสูรหินทมิฬ 4 ตัวที่มีขนาดตัวพอ ๆ กับเทือกเขาเล็ก ๆ มันเป็นสัตว์อสูรปฐพีที่น่าเกรงขามและเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้มาก
ทว่าหญิงชรายังคงสงบนิ่ง ทันใดนั้น..เสียงประหลาดก็ดังขึ้นมาจากคทาในมือหญิงชรา นิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทมีความเชี่ยวชาญด้านเสียงดนตรีเป็นพิเศษ และทันทีที่ดนตรีบรรเลง กุญชรอสูรหินทมิฬทั้ง 4 ก็เริ่มคุ้มคลั่ง
บทเพลงกำราบอสูร!
ตอนนั้นเองคทามังกรเกลียวคลื่นในมือของหญิงชราเริ่มส่งเสียงเหมือนฟ้าผ่าเป็นระลอกสลับกับเสียงคำรามของมังกรดังแทรกดังขึ้นมา
มังกรเกลียวคลื่นขนาดยักษ์ 9 ตัวเริ่มรวมตัวกันบนท้องฟ้าเป็นกลุ่มที่ดูแปลกตา ก่อนพวกมันจะพุ่งไปรัดตัวของศัตรู
มังกรเกลียวคลื่น 9 สังหาร!
ทักษะสังหารอย่างไร้ปรานีของหญิงชรา!
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันที เขาพยายามถอยห่างแต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะทักษะของหญิงชรามีความสามารถในการตรึงเป้าหมายด้วยความเร็วที่น่ากลัว ยิ่งกว่านั้นการเคลื่อนไหวที่พิเศษนั้นยังทำให้ศัตรูไม่มีทางหนีรอดเด็ดขาด
ตูม ตูม ตูม……
ชายชราที่เพิ่งตั้งสติได้ เขาเรียกกุญชรอสูรหินทมิฬทั้งสี่มาด้านหน้าเพื่อป้องกันการโจมตี แต่ถึงอย่างนั้นพลังของสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ยังด้อยกว่าพลังของหญิงชราอยู่ดี ดังนั้นสิ่งเดียวที่รอเขาอยู่ก็คือความตาย.. กุญชรของชายชราสามารถป้องกันการโจมตีของมังกรได้เพียงบางตัวเท่านั้น สุดท้ายแล้ว..มังกรที่เหลือรอดปะทะกับชายชราอย่างจังจนอาการสาหัสปางตาย
เห็นได้ชัดว่านิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นการคาดเดาของชิงสุ่ยก่อนหน้านี้ถูกต้อง ทั้งเรื่องที่หญิงชราจากนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทนั้นแข็งแกร่ง อีกทั้งทักษะสังหารไร้ปรานีของเธอก็ไม่ธรรมดา และด้วยทักษะนี้ ชิงสุ่ยก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงกล้าพูดเช่นนั้นออกมา
ทักษะสังหารไร้ปรานี!
ไม่มีใครรู้ว่า ชายชราผู้ครอบครองอสูรกุญชรนั้นปลอดภัยไหม เพราะอาการบาดเจ็บของเขานั้นสาหัสมากจนนิกายสาปอสูรเป็นกังวล แม้การต่อสู้ครั้งก่อนพวกเขาจะแพ้ แต่ผู้ประลองยังปลอดภัยดี ทว่าในกรณีของชายชรานั้น ถึงแม้เขาจะรอดแต่ก็อาจจะพิการไปตลอดชีวิต
“เอ่อ..เราจะเริ่มการประลองครั้งที่สามเลยหรือไม่?” คนจากอีกฝั่งถามอย่างรวดเร็ว
“ทันทีที่พวกท่านคิดได้ว่าตัวแทนคนต่อไปคือใคร พวกข้าก็พร้อมเริ่มประลองทันที”ชิงสุ่ยยิ้มและพูด…ทุกอย่างเป็นไปตามแผน…
ตามกฎนั้น ผู้ที่ลงประลอง 4 ครั้งแรกจะไม่สามารถลงประลองซ้ำได้..
ดังนั้น…ในครั้งนี้ชิงสุ่ยจึงเปลี่ยนใจ เขาตัดสินใจส่ง ซาน ยูให้ลงไปยอมแพ้
และเมื่อทั้งสนามนับ 1 ถึง 3 ผู้ประลองของทั้งสองฝ่ายก็ปรากฏตัวที่ตำแหน่งของพวกเขา
คู่ต่อสู้ครั้งนี้เป็นชายชราท่าทางแข็งแกร่งซึ่งมาจากหุบเขากระชากวิญญาณ
“ข้าขอยอมแพ้!”
ทันทีที่เริ่มการต่อสู้ ซาน ยูก็ประกาศยอมแพ้และเดินกลับเข้ามาทันที
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นิกายสาปอสูรชนะสองครั้ง ซึ่งผู้ชนะทั้งสองนั้นเป็นตัวแทนจากหุบเขากระชากวิญญาณ โดยพระราชวังจอมอสูรคือผู้ขอยอมแพ้ในทั้งสองการประลอง ส่วนนิกายสาปอสูรนั้นพวกเขาแพ้การต่อสู้และมีผู้บาดเจ็บ
การยอมแพ้ของซาน ยู ทำให้สมาชิกจากนิกายสาปอสูรประหลาดใจ จนบางคนคิดไปถึงเรื่องต่าง ๆนานา การยอมแพ้ครั้งแรกนั้นอาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งที่สองต่างคนต่างปรึกษาหารือกัน บ้างก็คิดว่าหุบเขากระชากวิญญาณ พระราชวังจอมอสูร และนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทอาจมีข้อตกลงอะไรร่วมกันอย่างลับ ๆ อยู่เบื้องหลัง
แต่ก็มีคนคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ พวกเขาถกเถียงกันถึงเหตุผลมากมายแต่ก็ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง
“เราจะเริ่มการประลองครั้งที่ 4 เลยหรือไม่?” อีกฝั่งแผดเสียงถาม แต่ครั้งนี้ท่าทางของเขาดูตึงเครียดเล็กน้อย
“ได้เลย!” ชิงสุ่ยยิ้มและตอบ
ในตอนนั้นเองทั้งสองฝั่งส่งตัวแทนออกไป ทั้งสองฝ่ายพากันประหลาดใจ รวมถึงชิงสุ่ยเอง..เพราะตัวแทนของอีกฝ่ายในครั้งนี้คือชายพูดมากซึ่งเขาคือชายชราผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนชายวัยกลางคนเท่านั้น
ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ตกตะลึงที่เห็นว่าตัวแทนของอีกฝ่ายคือชิงสุ่ย อันที่จริงแล้วการที่ตัวแทนของชิงสุ่ยมาจากนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาท และพระราชวังจอมอสูรก็ทำให้เขาตกใจมากพออยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ชิงสุ่ยกลับเป็นตัวแทนการประลองด้วยตัวเอง เขาจึงยิ่งแปลกใจ อย่างไรก็ตามแต่การประลองครั้งนี้คือศึกตัดสินว่าใครจะแพ้หรือชนะ ดังนั้นการที่ชิงสุ่ยออกมาเป็นตัวแทน ก็แสดงว่าชิงสุ่ยมั่นใจว่าครั้งนี้เขาจะชนะ…
ชิงสุ่ยจะชนะทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยเพียงเท่านี้หรือ…? ชายชราได้แต่สงสัย..
“เริ่มเลย!”ชิงสุ่ยยิ้มและมองฝ่ายตรงข้าม
“ได้!”ชายชราค่อย ๆ กระชับกระบี่ราชันย์อสูร
เขาคือคนที่ได้รับกระบี่ราชันย์อสูรจากนิกายสาปอสูร ชิงสุ่ยจึงไม่อยากประมาท
เมื่อคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงไม่จบง่าย ๆ ชิงสุ่ยรีบหยิบง้าวทองทะลวงศัตรูออกมา
“…พอเห็นว่าเจ้ามีง้าวทองทะลวงศัตรู ข้าก็ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าออกมาประลองในรอบนี้..ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”อีกฝ่ายรู้สึกพอใจที่เห็นชิงสุ่ยนำง้าวทองทะลวงศัตรูออกมา ไฟแห่งการต่อสู้ในตัวเขาเริ่มลุกโชนขึ้น!
“ท่านเองก็ได้รับกระบี่นั่นมาจากมรกดกจอมอสูร อีกทั้งรูปลักษณ์ของท่านก็ยังดูอ่อนเยาว์ทั้ง ๆ ที่อายุมากแล้ว…ช่างน่าประทับใจจริง ๆ ”ชิงสุ่ยยิ้มและมองอีกฝ่าย
“เจ้าพูดผิดแล้ว..อายุนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ แต่ขึ้นอยู่กับความกระปรี้กระเปร่า ในเมื่อข้ามีใบหน้าอ่อนวัย ทั้งยังกระปรี้กระเปร่า ก็ถือว่าข้ายังเป็นหนุ่ม แต่เจ้านะสิ…ดูท่าทางไร้ชีวิตชีวาทั้งที่ยังดูหนุ่ม นั่นก็ถือว่าเจ้าเป็นคนใกล้ตายไปแล้ว” ชายชราไม่ได้รู้สึกโกรธแม้จะได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยพูด เขาตอบโต้ชองชิงสุ่ยด้วยคำพูดเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยเจ็บปวดเพราะคำพูดของชิงสุ่ย ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเขาก็ไม่รีรอที่จะตอบโต้
“ทั้ง ๆ ที่ท่านแก่มากแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังคงคิดมากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้หรอกหรือ เอาเถอะ เลิกไร้สาระแล้วเริ่มกันเลยดีกว่าไหม?”ชิงสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ ก่อนเขาจะแปะเครื่องรางสวรรค์ไว้บนร่างกาย
หงส์เพลิงสะบั้นศึก!
ชิงสุ่ยพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย
ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก
อีกฝ่ายอาจรู้สึกเจ็บใจเพราะคำพูดของชิงสุ่ย ดังนั้นเมื่อเห็นชิงสุ่ยพุ่งเข้ามา เขารีบใช้พายุทำลายบริเวณโดยรอบและพุ่งเข้าไปหาชิงสุ่ยเช่นกัน พลังของกระบี่ราชันย์อสูรเริ่มก่อตัวเป็นใบมีดพุ่งเข้าไปหาชิงสุ่ย
ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!
ชิงสุ่ยหลบการโจมตีของอีกฝ่ายและใช้ง้าวทองทะลวงศัตรูโจมตีไปหาศัตรู
ง้าวพุ่งออกไปอย่างสวยงามไร้ที่ติ ทั้งเร็วและแข็งแกร่ง..
อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด เขากระโดดหลบราวกับเป็นนกกระจอก ก่อนจะปัดคมมีดไปทางชิงสุ่ย ซึ่งระหว่างทางใบมีดนั้นแยกออกเป็นกระบี่อีก 3 เล่มและพุ่งเข้าไปหาชิงสุ่ยพร้อม ๆ กัน
กระบี่ทั้งสามนั้นไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใดและระยะห่างระหว่างกระบี่นั้นก็แคบมาก พลังของกระบี่แต่ละอันก็แข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นสามเท่า
หุบเขา 9 เทวา!
ชิงสุ่ยดึงสติและเรียกหุบเขา 9 เทวาออกมาตรงหน้าทันที ในตอนนั้นเขาถอยไปข้างหลังด้วยย่างก้าว 9 เทวาและด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยม ชิงสุ่ยจึงหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ปัง!!
หุบเขา 9 เทวาของชิงสุ่ยปะทะกับกระบี่อย่างจัง อีกฝ่ายมองชิงสุ่ยที่ถอยออกไปและยิ้มอย่างเลือดเย็น ก่อนอีกฝ่ายจะปล่อยเงาขนาดเท่ากำปั้นใส่ชิงสุ่ยแบบไม่ยั้งมือ