Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1472
บทที่ 1472 – ราชันย์หนูวชิระทมิฬ สัตว์อสูรที่มีพลังแข็งแกร่ง
แม้จะรวดเร็วปานใด แต่ชิงสุ่ยก็มองเห็นว่างเงาดำนั้นคือสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายหนูที่มีสีดำมืดเหมือนหมึก ทว่าแวววาว และแม้ชิงสุ่ยจะมีเกราะทองคำวชิระช่วยป้องกันแต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงปะทะกับสัตว์อสูรพวกนี้โดยตรง
อสูรสยบมังกร!
ชิงสุ่ยเรียกอสูรสยบมังกรมาขวางหน้าเขาไว้ เพราเขากลัวว่าง้าวทองทะลวงศัตรูอาจจะป้องกันการโจมตีไม่ได้ ชิงสุ่ยจึงรีบหาวิธีป้องกันตนทันที
กรี๊ด!
เสียงแหลมเหมือนเสียงผิวปากดังไปทั่วบริเวณ ร่างสัตว์อสูรคล้ายหนูกระเด็นออกไปในทิศที่มันมาจากมา อสูรสยบมังกรมีพลังความเร็วสูง ชิงสุ่ยคิดไม่ผิดที่เรียกมันมา อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรตัวเล็กของอีกฝ่ายนั้นก็น่ากลัวไม่เบา เพราะพวกมันคือราชันย์หนูวชิระทมิฬ !
ราชันย์หนูวชิระทมิฬเป็นสัตว์อสูรตัวเล็กที่กลายพันธุ์มาจากหนู และพบเจอได้ยาก ชื่อของมันสื่อถึงความสามารถในตัว เพราะมันแข็งแกร่งดุจเพชรสีดำ ทั้งยังมีฟันแหลมคม แม้ปะทะกับอสูรสยบมังกรอย่างจัง พวกมันก็แค่กระเด็นออกไปเท่านั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป อสูรตัวนี้คงจะทะลวงผ่านไปได้อย่างง่ายดายและกัดอาวุธของคู่ต่อสู้จนเละเป็นเต้าหู้
ชิงสุ่ยไม่คิดว่าจะได้เจอสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเหมือนอสูรสยบมังกรและหนอนไหมมังกรทอง แต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับทั้งสอง ความจริงระดับพลังของมันน่าจะพอ ๆ กับหนูทะลายปฐพีเสียมากกว่า
อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจที่อสูรสยบมังกรของชิงสุ่ยสามารถป้องกันการโจมตีของราชันย์หนูได้ เพราะสัตว์อสูรตัวเล็กนี้คือหนึ่งในความภาคภูมิใจของตน เขาคิดว่าอาวุธที่น่าจะป้องกันการโจมตีของมันได้น่าจะมีเพียงง้าวทองทะลวงศัตรูเท่านั้น เพราะราชันย์หนูวชิระทมิฬนั้นมีความว่องไวมาก จนยากที่จะรับมือ
“พ่อหนุ่ม เจ้าทำข้าประหลาดใจนักที่รู้ว่าเจ้ามีสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก”
อีกฝ่ายพูดพลางกวัดแกว่งกระบี่ราชันย์อสูร ก่อนสัตว์อสูรจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละตัว ตอนนี้สัตว์อสูรของฝ่ายคือราชันย์หนูวชิระทมิฬ 3 ตัว ส่วนสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็เป็นสัตว์อสูรดุร้ายตัวใหญ่ทั้งหมด และท่ามกลางพวกมันยังมีอสูรเกราะเหล็กมหากาฬ 2 ตัวรวมอยู่ด้วย
อสูรเกราะเหล็กมหากาฬนั้นแข็งแกร่งและรวดเร็ว จุดอ่อนเดียวของมันคือพลังในการต่อสู้ แม้จะมีขนาดตัวใหญ่มหึมาแต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว การโจมตีของมันอาจจะด้อยกว่าสัตว์อสูรตัวอื่น แต่การป้องกันของมันก็ยอดเยี่ยมมาก เป็นกฎการแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล
มันยอมเสียพลังการโจมตีไปครึ่งหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังการป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ยิ่งกว่านั้นมันยังมีทักษะการฟื้นฟูพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง สัตว์อสูรประเภทนี้ถือว่าหายากมาก ชิงสุ่ยเองก็อยากเห็นสัตว์อสูรประเภทนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยเจอสักตัว เมื่อเจอตัวเป็น ๆ ชิงสุ่ยก็คิดว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่งดงามมากทีเดียว
อย่างที่คิด….นิกายสาปอสูรไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างสัตว์อสูรนับสิบตัวที่อยู่ตรงหน้าชิงสุ่ยนั้นก็ล้วนเป็นสัตว์อสูรที่คนธรรมดาไม่มีโอกาสได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นอสูรเกราะเหล็กมหากาฬ 2 ตัว ราชันย์หนูวชิระทมิฬ 3 ตัว สัตว์อสูรที่มีการโมตีที่แข็งแกร่งอีก 2 ตัวและอีก 3 ตัวที่เหลือนั้นมีความสามารถในการโจมตีด้วยเบญจธาตุ
“วันนี้ ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ซึ้งว่าแท้จริงแล้วนิกายที่ฝึกสัตว์อสูรนั้นเขาต่อสู้กันอย่างไร”อีกฝ่ายมองชิงสุ่ยพร้อมรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยจึงยิ้มตอบและมองกลับไป “ข้าลืมบอกท่านไป ว่าข้าก็เป็นนักฝึกสัตว์อสูรเช่นกัน
ในเวลาเช่นนี้ ชิงสุ่ยไม่ได้พยายามอวดเก่ง ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ดังนั้นถ้าเกิดสิ่งผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจนำมาซึ่งหายนะ ชิงสุ่ยจึงเรียกหงส์เพลิงนรกานต์ มังกรไอยราเกล็ดทองคำ อสูรอัสนี อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร และหนอนไหมหิมะ 2 ออกมาร่วมวงต่อสู้ทันที
เมื่ออสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรปรากฏตัว มันเรียกอสูรแมงมุมออกมาจำนวนมาก ท่ามกลางฝูงแมงมุมเหล่านั้น บางตัวก็เกิดการกลายพันธุ์ไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันออกมาพร้อมตั้งตารอโจมตี
ทันทีที่อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรเคลื่อนไหว ชิงสุ่ยใช้จังหวะนั้นสร้างรูปแบบผสานจตุรทิศ ก่อนเขาหาโอกาสใช้หงส์เพลิงสะบั้นศึกและเครื่องรางสวรรค์
ระหว่างที่อีกฝ่ายพยายามกู้สถานการณ์กลับคืน ชิงสุ่ยก็ตั้งรูปแบบผสานจตุรทิศเสร็จเรียบร้อย
ทุกอย่างยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของอีกฝ่ายเกิดประกายไฟลุกโชน แม้จะมีสัตว์อสูรมากมายรายล้อมตัวเแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามพลังของสัตว์อสูรของชิงสุ่ยนั้น แทบจะทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย
ตอนนั้นเองถานท่าย หลิงเยียนและคนอื่นๆ เริ่มเป็นกังวล พลังของอีกฝ่ายนั้นมากกว่าที่พวกเขาคาดคิด หากพวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับชิงสุ่ย พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แค่เผชิญกับสัตว์อสูรพวกนี้ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แล้วพวกเขาจะเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสัตว์อสูรพวกนั้นได้อย่างไร
ชิงสุ่ยเริ่มวาดเครื่องรางสวรรค์… ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก ก่อนชิงสุ่ยจะรีบใช้วชิระสยบอสูร
ปราณจักรพรรดิ!
ชิงสุ่ยเล็งเป้าหมายไปที่ราชันย์หนูวชิระทมิฬทั้ง 3 ตัว
เคล็ดวิชาล่าสังหาร!
นานมากแล้วที่ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้ทักษะนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในวิชาที่แข็งแกร่งมากของชิงสุ่ยเลยทีเดียว
เคล็ดวิชาล่าสังหารลดพลังความเร็วของอีกฝ่ายลง 30%
ทุกทักษะที่เกิดจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นล้วนน่ากลัว น่าเสียดายที่ทักษะที่ใช้ลดพลังนั้นไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ไม่อย่างนั้นชิงสุ่ยคงทำให้อีกฝ่ายช้าลงเหมือนเต่าด้วยปราณกระบี่วชิระและตราประทับซวนเทียน
แม้พลังอาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ เคล็ดวิชาล่าสังหารนั่นก็แข็งแกร่งมาก เขาสามารถลดพลังความเร็วของอีกฝ่ายลงได้อีกหน่อย หากเขาใช้ทุกทักษะร่วมกัน ชิงสุ่ยสามารถลดความเร็วของอีกฝ่ายได้มากที่สุดคือ 35%
จะเป็นอย่างไรหากเขาลดความเร็วของอีกฝ่ายลงได้ 35%? อย่างเช่นในระหว่างการต่อสู้ของผู้ฝึกตนที่มีพลังเท่ากัน ถ้าความเร็วของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดลง 35% ก็ต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ว่าราชันย์หนูวชิระทมิฬจะเร็วเพียงใดแต่ชิงสุ่ยสามารถหลบการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย เพราะ 35% นั้นถือว่าเป็นจำนวนที่มากทีเดียว อีกฝ่ายพยายามบัญชาราชันย์หนูวชิระทมิฬทั้งสามให้โจมตีชิงสุ่ยพร้อมกัน
ชิงสุ่ยเองรีบบอกให้อสูรสยบมังกรจัดการอสูรหนู 1 ใน 3 ตัวและเขาจะรับมือกับ 2 ตัวทีเหลือ โดยสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็กำลังต่อสู้อยู่เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอสูรของตนถูกชิงสุ่ยลดความเร็ว สีหน้าของเขาดูตกใจมาก เพราะเขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างกลับกลายเป็นเช่นนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือฆ่าชิงสุ่ยเท่านั้น!
อีกฝ่ายคิด.. ไม่ว่าจะต้องวิธีใด เขาก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อกำจัดชิงสุ่ย!
อีกฝ่ายมองสัตว์อสูรรอบตัวชิงสุ่ยอย่างโมโห อาจเพราะชายคนนี้มีสัตตะดวงใจอสูร และเป็นอัจฉริยะในนิกายสาปอสูร แต่เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยไม่ยอมเรียกใช้สัตว์อสูรเหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่เขามีสัตว์อสูรตั้งมากมาย อีกฝ่ายจึงรู้สึกโกรธ
ราชันย์หนูวชิระทมิฬทั้งสองเข้ามาใกล้มาเรื่อย ๆ ในขณะที่ชายชราก็มุ่งหน้าไปโจมตีสัตว์อสูรของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยจึงสั่งให้หงส์เพลิงนรกานต์ เริ่มโจมตี รวมถึงอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรและแมงมุมตัวอื่น ๆ ก็เริ่มโจมตีเช่นกัน
ตึง!
ชิงสุ่ยโจมตีด้วยทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึกใส่หนึ่งใน ราชันย์หนูวชิระทมิฬ ร่างของมันถูกทะลวงด้วยง้าวทองทะลวงศัตรูจนตายคาที่..
ก่อนมันจะตาย มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องอะไรออกมา ชายชราใช้มือทาบอกด้วยความเจ็บใจ
ชิงสุ่ยจัดการสัตว์อสูรอีกตัวที่เหลือ แม้มันพยายามหนีไปหลบอยู่ด้านหลังของอสูรเกราะเหล็กมหากาฬแต่ชิงสุ่ยก็ใช้การโจมตีเดียวฆ่ามันในทันที
“ข้าต้องทำเช่นนี้ก็เพราะท่าน…”
ชิงสุ่ยบอก..อีกฝ่ายได้แต่มองชิงสุ่ยด้วยสายตางุนงงผสมแค้นเคืองก่อนจะเรียกสัตว์อสูรตัวใหม่ออกมา
ทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ!
อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเขาคืออสรพิษมังกร 3 หัว
อสรพิษมังกร 3 หัวขนาดใหญ่กลืนร่างของชายคนนั้นเข้าไป ท่าทางของมันดูดุร้ายมาก ทันใดนั้นเองมันพุ่งเข้าหามังกรไอยราเกล็ดทองคำอย่างไม่ลังเล
เคล็ดวิชาล่าสังหาร!
หุบเขา 9 เทวา!
อสูรสยบมังกรเองก็เข้าไปโจมตีเช่นกัน
รูปแบบผสานจตุรทิศนั้นแข็งแกร่งมาก โดยชิงสุ่ยให้อสูรสยบมังกรอยู่ในตำแหน่งมังกร ซึ่งตำแหน่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังความเร็วและความว่องไวให้แก่อสูรสยบมังกร
หงส์เพลิงนรกานต์ประจำตำแหน่งหงส์ฟ้ามันเพิ่มพลังจากการโจมตีด้วยเปลวเพลิงและทักษะสังหารไร้ปรานีอย่าง เพชฌฆาต 9 วิญญาณ..
เพลิงนรกภูมิ!
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นจากพลังของทักษะเหล่านี้ เพลิงนรกภูมิของหงส์เพลิงนรกานต์มีพลังเพิ่มขึ้นถึง 400 ล้านสุริยะ และกลายเป็นการโจมตีหลัก
วชิระสยบอสูร!
เปลวเพลิงนรกานต์!
การโจมตีที่น่ากลัวทำให้ชายชราสีหน้าซีดเซียวด้วยความกลัว แม้จะแข็งแกร่งพอ ๆ กับ ผู้อาวุโสหลู่และมีพลังที่โดดเด่นเกินกว่าคนธรรมดามากถึง 200 ล้านสุริยะ ซึ่งผนึกป้องกันอสูรศักดิ์สิทธิ์ทำให้ชายชรามีพลังมากถึง 600 ล้านสุริยะ แต่เพราะถูกชิงสุ่ยลดพลังออกไป ตอนนี้เขาจึงมีพลังเหลือประมาณ 400 ล้านสุริยะเท่านั้น
เพลิงนรกภูมิของชิงสุ่ยเองนั้น แม้จะมีพลังเพียง 400 ล้านสุริยะ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ ชิงสุ่ยจึงสั่งให้อสูรสยบมังกรผสานพลังกับวิหคเพลิงเพื่อโจมตีพร้อมกัน…ชิงสุ่ยมั่นใจว่าชายคนนี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายสาปอสูร ดังนั้นเขาตั้งใจไว้ว่าถ้าสังหารอีกฝ่ายไม่ได้ เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายพิการเสีย..
พลังระดับพื้นฐานของอีกฝ่ายนั้นมหาศาล ทั้งยังมีผนึกป้องกันอสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นที่เขาไม่ได้หมายตานิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทและ พระราชวังจอมอสูรก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
ตอนนี้เขาก็จัดการสัตว์อสูรของอีกฝ่ายไปได้แล้วสองตัวแล้ว..
พลังฟ้าผ่าของอสูรอัสนีเองก็ยังคงโจมตีสัตว์อสูรของอีกฝ่ายเรื่อย ๆ และด้วยเคล็ดวิชาล่าสังหารก็ช่วยให้พลังของอีกฝ่ายก็ลดลงไปมาก
หงส์เพลิงนรกานต์รีบกำจัดสัตว์อสูรของอีกฝ่ายไป 5-6 ตัวด้วยเพลิงนรกภูมิ แต่มันยังไม่สามารถทำอะไรกับอสูรเกราะเหล็กมหากาฬได้
พลังป้องกันที่ อสูรเกราะเหล็กมหากาฬได้มาจากการลดพลังการโจมตีของตัวมันเองนั้นแข็งแกร่งมาก !
อัสนีจู่โจม!
อสูรอัสนีโจมตีราชันย์หนูวชิระทมิฬด้วยอัสนีจู่โจมแต่มันก็กัดใยแมงมุมของอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรที่พยายามตรึงตัวมันไว้จนขาด สัตว์อสูรตัวเล็กนี้ฉลาดมากทีเดียว ด้วยร่างกายที่เล็กและเรียบเนียนเหมือนหยก การจะตรึงตัวเอาไว้นั้นจึงเป็นเรื่องยาก แต่เพราะใยแมงมุมของอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรนั้นเหนียวมาก ไม่นานนักก็สามารถตรึงอสูรตัวเล็กได้ ราชันย์หนูวชิระทมิฬสูญเสียความเร็วก็ส่งผลให้พลังของมันลดลงไปถึง 90%
ราชันย์หนูวชิระทมิฬไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ชิงสุ่ยจึงรีบจับมันใส่ลงไปในเตาหลอมกลั่นอสูรขั้นแรกเริ่มอย่างไรรีรอ
ร่างของมันตัวสั่นระรัวเมื่อเห็น เตาหลอมกลั่นอสูรขั้นแรกเริ่ม แม้แต่ อสูรเกราะเหล็กมหากาฬก็คำรามอย่างกระวนกระวาย
ชิงสุ่ยใส่ส่วนผสมตามสูตร อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรใช้วิธีเดียวกันจับราชันย์หนูวชิระทมิฬตัวสุดท้ายใส่ลงไปในหม้อ
ชายชรารู้สึกราวกับหัวใจแตกสลาย เมื่อได้เห็นภาพนั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไร เขาก็ไม่สามารถละจากอสูรสยบมังกรและหงส์เพลิงนรกานต์ได้ และแม้สัตว์อสูรของเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เมื่อพลังความเร็วของมันลดลง สิ่งเดียวที่รอมันอยู่นั้นก็คือความตาย
“พวกแกจะรออะไรกัน! ไปฆ่ามันเดียวนี้!”ในตอนนั้นเองชายชราไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาสั่งทุกอย่างรอบตัวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
แทนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ..แต่อีกฝ่ายกลับสั่งให้คนของตนเข้าไปโจมตีชิงสุ่ยพร้อม ๆ กัน
“พวกท่านรนหาที่ตายเองนะ..”ชิงสุ่ยพูดขึ้น เขายิ้มและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร