Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1480
บทที่ 1480 – ข้างหน้า หญิงสาวที่ดูเหมือนสุนัขจิ้งจอก
“นายท่าน ขอประทานอภัย แต่คงต้องขอตรวจสอบบัตรเชิญของท่าน อภัยที่ต้องเสียมารยาท” ชายวัยกลางคนตัดสินใจตรวจสอบ
“เจ้าสงสัยข้างั้นหรือ?”ชิงสุ่ยขึ้นเสียง
“ไม่..ไม่เลยขอรับ ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด”คนรับใช้รีบอธิบาย
“นายน้อยลำดับสามแห่ง ตระกูลหยินกำลังแต่งงาน และข้าที่ได้รับบัตรเชิญกลับต้องมาถูกต้องสงสัย..ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอตัวลาเสียดีกว่า แล้วถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นภายหลัง เจ้าก็รับผิดชอบเองก็แล้วกัน”หลังจากพูดจบ ชิงสุ่ยก็หันหลังและพร้อมจะเดินออกไป
“นายท่าน รอก่อนขอรับ! ขอประทานอภัย เชิญท่านเข้าไปในคฤหาสน์เถอะขอรับ”คนรัยใช้รีบวิ่งไปห้ามชิงสุ่ยและเชิญเขาเข้าร่วมงาน
ชิงสุ่ยไม่แม้แต่จะมองหน้าชายวัยกลางคน เขาเดินตรงเข้าไปด้านในทันที ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาคงไม่อยากเสี่ยงหากชิงสุ่ยเป็นแขกคนสำคัญจริง ๆ ยิ่งกว่านั้นงานแต่งงานก็ถือเป็นงานรื่นเริง ดังนั้นคนรับใช้คงไม่กล้าทำให้แขกอารมณ์เสียแน่ ๆ
สนามหญ้าของตระกูลหยินนั้นกว้างมาก ทั้งยังแบ่งเป็นสนามเล็ก ๆ อีกมากมาย บริเวณโดยรอบถูกต้องแต่งให้เข้ากับบรรยากาศงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยแขกเรื่อมากมาย
แต่ละมหาทวีปมักจัดงานแต่งงานบริเวณด้านนอกคฤหาสน์ เพราะบรรยากาศนั้นครึกครื้นอย่างเช่นการจัดประลานเล็ก ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาและขึ้นชื่อมาก
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนพบหุบเขาจำลอง สะพานขนาดใหญ่ ทะเลสาบและสระน้ำ ป่าและสวนย่อมเล็ก ๆ ทุกที่มีแขกนั่งอยู่ ชิงสุ่ยมองเห็นโต๊ะมากมายซึ่งมีแขกนักอยู่เป็นกลุ่ม ๆ 3-5 คน พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ชิงสุ่ยมองหาที่นั่ง บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยขนมรองท้อง ทว่านายน้อยลำดับสามแห่งตระกูลหยินและบุตรสาวแห่งตระกูลหลินยังไม่ปรากฏตัว
“น้องชาย ท่านมาคนเดียวหรือ?”
ในตอนนั้นเสียงหนึ่งร้องทักชิงสุ่ย เขาคือชายหนุ่มซึ่งนั่งตรงข้ามชิงสุ่ยและกำลังส่งยิ้มให้เขา
เขาเป็นชายหนุ่มที่อายุอาจจะพอ ๆ กับชิงสุ่ยหรืออาจจะมากกว่าเล็กน้อย ชิงสุ่ยสัมผัสได้ว่าพลังของเขานั้นไม่เลวเลย เขาน่าจะแข็งแกร่งพอสมควรและมาจากตระกูลที่ไม่ธรรมดา
“พี่ชาย เชิญนั่งเลย ข้ามาคนเดียว ว่าแต่ทำไมท่านถึงมาคนเดียวเล่า?”ชิงสุ่ยยิ้มตอบอย่างสุภาพ
“ข้าไม่ไม่อยากไปนั่งกับพวกท่าทางไม่น่าไว้ใจพวกนั้น..ว่าแต่น้องชาย ท่าทางของเจ้าไม่เหมือนคนที่นี่เลย เจ้ามาจากไหนงั้นหรือ?”อีกฝ่ายถามชิงสุ่ยด้วยความเป็นกันเอง
ชิงสุ่ยยิ้ม เขารู้ว่าคำถามของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้เป็นกันเองเหมือนอย่างที่ท่าทางเขาแสดงออกมา ดูจากคนรับใช้ที่เข้ามาขวางทางชิงสุ่ยที่ประตู ชิงสุ่ยรู้สึกว่าชายตรงหน้าเขาตอนนี้น่าจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหยิน
“ข้ามากจาก เมืองเหยียนเจี้ยนแล้วท่านล่ะ?”ชิงสุ่ยยิ้ม
ชายหนุ่มเองก็ยิ้มตอบ “เหยียนเจี้ยน… ข้าไม่รู้ว่าที่นั่นคือที่ไหน แต่ข้าต้องขออภัยที่แสดงท่าทีโอหัง ข้ามาจากจักรวรรดิราชวงศ์เซียไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรงั้นหรือ?”
“ชิงสุ่ย..ว่าแต่ท่านอยากให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี?”
“หยิน ต่ง!”
ชิงสุ่ยยิ้ม เขารู้ทันทีว่านี่คือชื่อของนายน้อยลำดับสามแห่งตระกูลหยิน ดังนั้น…เขาคือเจ้าภาพของงานแต่งวันนี้! ทว่าทำไมถึงไม่มีใครเข้ามาพูดคุยหรือแสดงความเป็นมิตรกับเขาเลยสักคน? ชิงสุ่ยได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ
“ท่านคงสงสัยว่าทำไมไม่มีใครอยู่เคียงข้างข้า ทั้ง ๆ ที่วันนี้คืองานแต่งงานของข้าสินะ?” หยิน ต่งหัวเราะ
ชิงสุ่ยพยักหน้ารับ
“ก็เพราะข้าไม่มีข้อดีอะไรสักอย่าง พวกที่แข็งแกร่งกว่าข้านั้นล้วนแต่ดูถูกข้า พวกที่ต่ำต้อยกว่าข้าก็พากันเมินเฉยใส่ข้า ข้าไม่อยากสนใจพวกพลเมืองที่ชอบเสแสร้งพวกนั้น..ดังนั้นข้าจึงอยู่คนเดียว” หยิน ต่งหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ
“ทำไมล่ะ? ข้าคิดว่าเป็นท่านมากกว่าที่ไม่สนใจทุกคน ใช่ไหม?”ชิงสุ่ยรู้ว่าชายคนนี้แข็งแกร่งมาก มีอัจฉริยะมากมายบนโลกนี้ แต่ชิงสุ่ยคิดว่าคนพวกนั้นก็เทียบนายน้อยไม่ติด
“ข้าเพิ่งมาถึงที่นี้เป็นวันแรก ขอโทษที่ข้าต้องขอถามตรง ๆ ท่านตั้งใจจะแต่งงานจริง ๆ งั้นหรือ?”ชิงสุ่ยมองหยิน ต่ง และถาม
หยิน ต่ง จ้องชิงสุ่ยก่อนจะส่ายหน้า “ใครจะแต่งงานเพื่อให้สตรีนั้นมาอยู่เหนือข้าล่ะ? ถ้าข้ายอม ก็เท่ากับว่าข้าไม่ใช่ชายชาตรี”
“บุรุษที่ยอดเยี่ยมยอมรู้ว่าอะไรควรและไม่ควรทำ ในฐานะน้องชาย ข้าจะสนับสนุนท่านเอง”
“ขอบใจ น้องชาย ว่าแต่เจ้ามาที่นี้ทำไมล่ะ?” หยิน ต่ง มองชิงสุ่ยอย่างสงสัย
“ข้ามาที่นี้เพื่อผ่อนคลายหัวใจของข้า ในตอนที่กำลังเดินอยู่บนท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย ข้าก็ได้ยินเรื่องการแต่งงาน ก็เลยตัดสินใจมาหาอะไรทานที่นี้”ชิงสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเชื่อเจ้า”
หลังจากนั้นชิงสุ่ยจึงพูดต่อ “นี่คงเป็นโชคชะตา ท่านเป็นเพื่อนคนแรกของข้าในมหาทวีปอุดรเทวา”
“โอ้..นายน้อยลำดับสาม ทำไมท่านยังอยู่ตรงนี้ล่ะ? พวกเราตามท่านเสียทั่วงาน”
ในตอนนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนชายหน้าตาดีคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“นายน้อยหยินยินดีด้วยที่ได้แต่งงานกับภรรยาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายิ้มพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววตาสมเพชในขณะที่มอง หยิน ต่ง
“ประมุขหมาป่า บอกว่าท่านต้องดูหลิน เฟ่ยให้ดี ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้นางทุกข์ทรมานและดูแลนางอย่างดี ถ้าท่านทำให้นางเสียใจ ประมุขหมาป่า จะทำลายไอนั่นของให้กลายเป็นสองชิ้นแน่..” ชายหนุ่มพูดก่อนจะจบประโยคด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
ชิงสุ่ยได้ยินทุกอย่าง แต่เขายังนิ่งเงียบ ก่อนหน้านี้ที่หยิน ต่งบอกว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกเสียจากยอมรับชะตากรรมที่โหดร้ายจากโลกนี้..แน่นอนว่าการกลั่นแกล้งนั้นมีอยู่ทุกที่จริง ๆ
แล้วใครคือ ประมุขหมาป่า? ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่คงจะเป็นหนึ่งในคู่นอนลับของบุตรสาวตระกูลหลิน ช่างเป็นสหายชั่วเสียจริง แม้จะไม่ต้องการแต่งงานกับเธอก็ไม่อยากให้ชายอื่นแตะต้องตัวเธอ..
สำหรับหญิงสาว..ด้วยท่าทางที่หวงก้างของอีกฝ่าย..แสดงว่าหญิงคนนี้จะต้องงดงามมากแน่ๆ
“หมาป่าทมิฬบอกให้เจ้ามาที่นี้งั้นเหรอ? เหอะ..เจ้านี่มันก็แค่สุนัขรับใช้สินะ เพราะงั้นเลิกทำตัวยโสได้แล้ว” หยิน ต่งไม่สนใจคำพูดพวกเขาทั้งยังจ้องมองกลับไปด้วยท่าทางสุขุม
“เจ้า เจ้า.. ดื้อด้านนักนะ เอาเถอะ ในเมื่อในวันนี้เป็นวันมงคลของเจ้า ข้าก็จะปล่อยไป แล้ววันหลังข้าจะสั่งสอนเจ้าแน่” อีกฝ่ายกัดฟันกรอดและยิ้มอย่างเลือดเย็น
“เจ้าพวกสวะ” หยิน ต่ง โบกมือลา ในตอนนั้นคนรับใช้เดินนำเหล้าองุ่นมาให้พวกเขาทั้งสอง หยิน ต่ง ยิ้มและเปิดขวดเหล้าเพื่อรินให้ชิงสุ่ย
“แก้วนี้เพื่อพลังของท่าน …ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวคนพวกนั้นใช่ไหม?”ชิงสุ่ยยกแก้วขึ้นและชนแก้วกับ หยิน ต่ง
“ตระกูลหลินและตระกูลหมาป่าทมิฬนั้นแข็งแกร่งกว่าตระกูลหยิน ดังนั้นตระกูลหยินมีแต่จะต้องทนจนกว่าจะถึงขีดสุด แต่มันก็ยังไร้ประโยชน์ ในเมื่อทนต่อไปไม่ได้ ข้าคิดว่าเราจะต้องสู้พวกนั้นอย่างเดียวเท่านั้น ตระกูลหยิน ของพวกเราไม่ถูกกำจัดง่าย ๆ หรอก” หยิน ต่ง พูดพลางดื่มเหล้าองุ่นชิงสุ่ยไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้นัก เขารู้ว่าที่นี้มีชื่อว่า จักรวรรดิราชวงศ์เซียมีตระกูลขุนนางมากมายอาศัยอยู่ใน มหาทวีปอุดรเทวา รวมถึงตระกูลที่ยิ่งใหญ่และนิกายที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะมองที่ไหนก็จะพบกับพลังที่แข็งแกร่ง โดยที่พวกเขาไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ เพราะที่นี้กว้างใหญ่มาก ดังนั้นพวกเขาจะรวมกันเป็นหนึ่งได้อย่างไร
ดวงอาทิตย์อยู่เหนือท้องฟ้าและแขกก็เข้ามาถึงงานครบแล้ว หยิน ต่งยืนขึ้นและยิ้มให้ชิงสุ่ย “ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว หลังจากพิธี พวกเรามาดื่มกันอีกเถอะ”
“แน่นอน!”ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า
คนของตระกูลหยินออกมาทักทายแขก วันนี้จะเป็นเฉลิมฉลองระหว่างตระกูลหยิน และตระกูลหลิน ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าคนระดับสูงของทั้งสองตระกูลนั้นคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร แล้วพวกเขารู้เรื่องราวทีเกิดขึ้นกับทั้งสองหรือไม่?
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าบางทีพวกเขาน่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็ได้ยินข่าวลือบางอย่างมาก่อนที่จะเข้ามาในงานนี้ตระกูลหยินรู้สถานการณ์ของบุตรสาว ตระกูลหลิน น่าสงสารที่คนจาก ตระกูลหยิน ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงเช่นนี้ แต่บางครั้งการเสียสละก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อความเป็นอยู่ของตระกูล
งานแต่งงานนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ชิงสุ่ยเองก็ได้เห็นของบุตรสาวตระกูลหลิน หลิน เฟ่ยนั้นเป็นหญิงอายุน้อยที่ดูท่าทางเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก รูปร่างของเธอยังไม่โตเต็มที่ เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็ล้วนแต่เน้นสัดส่วนเป็นชุดที่ดันหน้าอกให้เด่นขึ้นและแสดงสัดส่วนของเนินก้นอย่างชัดเจน แน่นอนว่าใครที่ได้เห็นเรือนร่างของเธอก็คงอยากลิ้มลอง
ดวงตาของเธอนั้นไม่สามารถอ่านได้ แต่ชิงสุ่ยมองเห็นสายตาดูถูกซ่อนอยู่ในนั้น ราวกับเธอไม่สนใจใครเลยแม้แต่คนเดียว ชิงสุ่ยคิดว่าเธอดูน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หยิน ต่ง เองก็เป็นคนที่มีทักษะความสามารถพอตัว แต่ว่าหญิงข้างกายเขาอาจจะมีทักษะอะไรที่ล้ำลึกยิ่งกว่านั้น?
มหาทวีปอุดรเทวานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ
ทักษะเสน่ห์มนตราจิ้งจอก!
หญิงสาวคนนี้น่าจะฝึกฝน ทักษะเสน่ห์มนตราจิ้งจอกจนถึงระดับที่เธอสามารถยั่วยวนให้ผู้คนหลงใหล ผิวของเธอขาวเนียนราวกับหยก จมูกของเธอก็เป็นทรงสวย ปากสีแดงทับทิมก็เข้ากับใบหน้าของเธออย่างดี
ชิงสุ่ยนึกถึง ชิงห่าน ยี่ ผู้หญิงคนนี้น่าจะคล้ายกับเธอ ทันใดนั้นเขาเริ่มคิดถึงความทรงจำของตัวเองกับชิงห่าน ยี่ ผ่านมานานมากแล้วเขาสงสัยจริง ๆ ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
โต๊ะของชิงสุ่ยนั้นพิเศษ เพราะมีเขาคนเดียวนั่งอยู่ จึงเป็นที่จับตามองอยู่แล้ว เมื่อหยิน ต่งพาหลิน เฟ่ยมาที่โต๊ะ ชิงสุ่ยก็ลุกขึ้นทักทายเขา
“พี่ชาย ท่านคงจะชอบนางสินะ?”ชิงสุ่ยยกแก้วเหล้าขึ้นและยิ้ม
หยิน ต่ง มองหญิงสาวข้างกายก่อนจะตอบ “อื้ม”
ในสายตาของเขาชิงสุ่ยตระหนักว่าหยิน ต่ง พูดความจริง เขาจึงได้แต่ยิ้มและตอบ “นางเป็นผู้หญิงที่ดี ดังนั้นท่านต้องดูแลนางดี ๆ ล่ะ”
หยิน ต่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยิ้มรับและตอบ “แน่นอน”
ชิงสุ่ยไม่สนใจว่า หยิน ต่งจะเข้าใจความหมายของคำพูดเขาหรือไม่ ชิงสุ่ยเพียงแต่ยิ้มและดื่มอวยพรทั้งสองก หลิน เฟ่ยเองก็แปลกใจมากที่เห็นชิงสุ่ยนั่งอยู่คนเดียว ยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ เพราะน้อยครั้งที่จะเห็นผู้ฝึกตนที่อายุน้อยเช่นนี้
“งานพิธีที่ครึกครื้น จะไม่มีลานประลองได้อย่างไร!” หลังจากนั้นไม่นานบางคนก็ลุกขึ้นและตระโกนเสียงดัง
“ใช่ ต้องมีลานประลอง เพื่อแสดงคุณสมบัติของนายน้อยที่ได้แต่งงานกับแม่นางหลิน”
“ก็ดีแล้วสินะที่พวกเราไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะแต่งกับนาง หรือเจ้าอยากแต่ง?”คนของตระกูลหยินได้แต่บ่นตัดพ้อ
ในเมื่อทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงพูดเรื่องเกี่ยวกับหลิน เฟ่ยตามใจชอบ ทุกคนต่างยินดีหากได้ลิ้มลองในตัวเธอ ทว่าถ้าต้องให้แต่งงานอยู่กันเป็นสามีภรรยา พวกเขาจะรีบปฏิเสธทันที นี่ถือเป็นเรื่องน่าไม่อาย แต่ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหลิน ก็คงจะหาใครสักคนจากตระกูลมาเพื่อแต่งงานกับเธอ และ..หยิน ต่งก็คือคนนั้น
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าชื่อเสียงของเธอนั้นเป็นผลมาจากทักษะที่เธอฝึกฝน เพราะชิงสุ่ยสัมผัสได้ทันทีว่า แม้เธอจะมีชื่อเสียงว่าเป็นหญิงส่ำส่อน แต่ความจริงนั้นเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์…
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยถามหยิน ต่ง เช่นนั้น
ตั้งแต่ที่เขาได้รับทักษะบางอย่างในด้านการแพทย์จากซากปรักหักพังโบราณ ชิงสุ่ยสามารถมองเห็นข้อมูลบางอย่างของหญิงสาวได้ในทันที..
ท้ายที่สุด.. ตระกูลหยินก็ตกลงที่จะจัดลานประลอง คนมากมายพากันส่งเสียงเชียร์ว่า ‘ผู้ชนะการประลองเท่านั้นที่มีสิทธิ์แต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหลิน’ ดังนั้นบรรยากาศภายในงานจึงยิ่งรื่นเริงมากกว่าเดิม