Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1591 – ต่อสู้
บทที่ 1591 – ต่อสู้
เจี้ยนเก้อหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้รังเกียจ”
เธอยิ้มขณะที่เธอพูดคำเหล่านั้นออกมา ถึงแม้เธอจะรู้ดีเกี่ยวกับตัวของเขาแต่เธอก็ไม่สามารถตัดใจจากเขาไปได้ ตั้งแต่เธอเลือกเขา เธอก็จะยอมรับทุกสิ่งทุกๆอย่างเกี่ยวกับตัวเขา รวมถึงผู้หญิงของเขา
นอกจากนี้เธอยังรู้ดีเกี่ยวกับผู้หญิงของเขาทั้งหมด พวกเธอทั้งหมดเป็นคนที่น่าทึ่งและเป็นหนึ่งในหญิงงามนับล้าน พวกเธอาทั้งหมดเป็นคนที่โดดเด่น แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยินดีที่จะติดตามเขา
ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจได้ถึงคำพูดของเธอในส่วนลึกๆแล้วชิงสุ่ยก็รู้สึกผิดต่อเธอไม่น้อย แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เลยในตอนนี้
เธอหันไปมองเขาและยิ้มว่า “เนื่องจากเจ้านั้นเป็นตัวเองในเช่นนี้ มันจึงทำให้ผู้หญิงมากมายที่ยอมติดตามเจ้า”
“การได้แต่งงานกับเจ้าเป็นรางวัลที่ล้ำค่าในชีวิตของข้า สำหรับเจ้าเป็นดังพรที่สวรรค์ประทานลงมาก เจ้าเป็นผู้หญิงที่ล้ำค่าอย่างมากในชีวิตของข้า “ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความยินดี
“เอาเถอะข้าไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้มากนัก พวกเจ้าอย่าได้ใส่ใจเกี่ยวกับข้าเลย จริงสิเจ้าจะทำอะไรต่อไปในอนาคตรึ? “มู่หยุ่น ชิงเฉิงกล่าวขึ้น
“ข้าคงต้องกลับไปที่บ้านก่อน หลังจากนั้นไว้ว่ากันอีกครั้ง?” ชิงสุ่ยกล่าว
“เจ้าจะจากไปแล้วอย่างนั้นรึ?” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวเบาๆ ในขณะที่เจี้ยนเก้อยังคงเงียบอยู่ ชิงสุ่ยได้เคยชวนเธอไปกับเขาแล้ว แต่หลังจากที่คิดอยู่พักใหญ่ เธอได้ปฏิเสธเขา และอยู่ที่นี้ต่อไป เพราะที่แห่งนี้ยังคงต้องการเธอ
“ถูกต้องแล้ว อาจเป็นได้ในอีกสาม สี่วันข้างหน้า จริงสิ ในตอนนี้เจ้าต้องการชยายที่ตั้งของพระราชวังเทพสมุทรหรือไม่? หากเจ้าต้องการขยายพระราชวังเทพสมุทร ข้าแนะนำให้เจ้าขยายไปทางทิศใต้เล็กน้อย เพราะทำเลที่ตั้งบริเวณนั้นค่อนข้าดี นอกจากนี้มันจะง่ายในการควบคุมพระราชวังทั้งหมด และมันยังเต็มไปด้วยปราณที่บริสุทธิ์อย่างมาก”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดพักใหญ่
“เจ้าพบที่ดีๆอย่างนั้นรึ?” เจี้ยนเก้อหัวเราะออกมา ผู้หญิงสองคนนี้เป็นคนฉลาดอย่างมาก พวกเธอสามารถเข้าใจได้ดีถึงสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าว
“ถูกต้องแล้วในก่อนหน้านี้ ข้าได้เข้าไปในอุโมงค์น้ำขนาดใหญ่ และได้รู้มาว่ามันนั้นคืออดีตถ้ำพระเจ้า มันจึงเต็มไปด้วยพลังฟ้าดินที่บริสุทธิ์อย่างมาก ถ้าพวกเข้าได้อยู่ในนั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง ข้ามั่นใจได้ว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกเจ้าอย่างมาก “
ในตอนแรกเขานั้นต้องการเข้าไปที่นั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง แจ่เขาเลือกที่จะบอกพวกเธอในตอนนี้แทน
“เจ้าควรไปที่นั้นจะดีกว่า เมื่อพลังของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้นพระราชวังเทพสมุทรก็จะปลอดภัยมากขึ้น “มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ำแห่งพระเจ้านั้นเป็นที่อุดมไปด้วยพลังฟ้าดิน จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ก่อนให้เกิดมิติเวลาที่แบ่งแยกออกมา อาจกว่าได้ว่าที่แห่งนั้นเป็นที่อาศัยอยู่ของชีพจรวิญญาณ มันเป็นที่เหมาะๆอย่างมากในการบ่มเพาะ นอกจากนี้ข้าได้วางรูปแบบไว้รอบๆแล้ว มันจึงสามารถใช้ประโยชน์จากถ้ำดังกล่าวได้เต็มที่ และจะมีเพียงแค่ผู้ที่เรียนรู้รูปแบบจากข้าเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ขยายอาณาเขตของเจ้าต่อไป แต่เจ้าก็ยังใช้มันในการบ่มเพาะได้ “ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่ลูบหัวของเขา นั้นเพราที่แห่งนั้นไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับเขา แม้ว่าถ้ำแห่งนี้จะสามารถสร้างมิติเวลาออกมาได้คล้ายดินแดนหยก แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังห่างไกลดินแดนหยกของเขามากนัก ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์สำหรับเขา
ในตอนนี้ทั้งสองไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป ก่อนที่ชิงสุ่ยจะสอนรูปแบบในการเข้าไปให้พวกเธอ
ในขณะที่ชิงสุ่ยเปิดรูปแบบออกมา พวกเขาก็ย้ายมาอยู่ในสถานที่ๆเต็มไปด้วยภูเขานับร้อยรายล้อมอยู่ “มันก็ไม่เลวนักที่จะขยายเขตแดนมาในที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยปราณอมตะมากมายนัก เจ้าว่ามั้ย “ชิงสุ่ยหันไปยิ้มให้ทั้งสอง
“ข้าก็เห็นด้วย เนื่องจากที่แห่งนี้ เคยเป็นที่อาศัยของพระเจ้า ข้าจึงไม่แปลกใจเลยที่สถานที่แห่งนี้จะลึกลับเช่นนี้ “มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวอย่างจริงจัง
เธอยิ้มให้กับเจี้ยนเก้อ และมองไป “เจ้าคิดยังไง?”
“ข้าว่ามันดีมากๆ มันไม่ไกลกับพระราชวังของเรามากนัก นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ปิด จึงเป็นจุดที่เหมาะสมจะทำการบ่มเพาะ และที่สำคัญที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังที่มหาศาลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก “เธอมองไปรอบๆอย่างระเอียดและกล่าว
“เอาล่ะเป็นข้อตกลง เราจะสร้างพระราชวังขนาดเล็กที่นี่และซ่อนถ้ำแห่งนี้อยู่ภายในมัน จากนั้นเราจะค่อยๆขยายเขตแดนของเราจนกระทั้งมาถึงที่ตรงนี้ “
ในเวลานี้มูหยุนชิงเฉิงได้กวาดตาของเธอไปที่ชิงสุ่ยชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ
“นี่คือถ้ำของเทพมังกรมรกต มีรูปปั้นอยู่ข้างในที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าควรจะมีเศษเสี้ยวพลังวิญญาณของเขาสถิตอยู่ข้างในนี้แม้จะไม่มากมายนัก แต่นี้ก็ไม่ใช่ปัญหากลับเป็นเรื่องดี เสียด้วยซ้ำ มันทำให้สัตว์อสูรมากมายไม่กล้าเข้ามาในที่แห่งนี้”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เดินผ่านภูเขารับร้อยเข้ามาในช่องเล็กๆ ก่อนที่จะทะลุมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่ซึ้งเขาเคยได้เข้ามาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นห้องสำหรับการบ่มเพาะ
วิหคเพลิงผสานกายา!
มันเป็นทักษะการต่อสู้ที่ออกแบบมาสำหรับคู่สามีภรรยา แต่ถึงอย่างไรมันก็มาได้เจาะจงเฉพาะคู่สามีภรรยาเท่านั้น ตราบเท่าที่ใช้มันออกมาพร้อมกับคู่ที่ฝึกฝน ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น10%
อย่างไรก็ตามหากเป็นสามีและภรรยาใช้มันออกมาร่วมกัน ก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขึ้น 20% และยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาสามารถหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันได้มากเท่าไรก็ยิ่งสามารถใช้พลังออกมาได้อย่างไม่มีจำกัด
“หน้าเสียดายที่ข้าไม่สามารถใช้ความสามารถที่แท้จริงของมันได้” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวอย่างเศร้าใจ
“อย่าคิดมากไปเลย มันเป็นทักษะที่ยากมากจริงๆ แม้ว่าจะเป็นคู่สามีและภรรยา พวกเขายังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้แค่ 20% เท่านั้น หากไปไม่มีใจที่เป็นหนึ่งเดียวกัน “ชิงสุ่ยยิ้ม
“ก็ไม่แน่? ใครจะรู้ …บางทีพวกเขาอาจจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ถึง 50% เจ้าจะไปรู้รึ? “
“มันก็เป็นไปได้ถ้าพวกเขามีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เจ้าก็รู้นิในโลกใบนี้ จะมีใครที่สามารถเข้าใจกันได้อย่างสุดซึ้งและเป็นหนึ่งเดียวกันได้จริงๆ ทุกๆคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และยังมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน มันจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะมีใจเดียวกัน แม้ว่าจะรักและเข้าใจกันมากมายเท่าไร “
ทักษะดังกล่าวนั้นไม่ใช้ทักษะที่ยากเกินจะศึกษาแต่ มันกลับยากที่จะทำความเข้าใจ ที่สำคัญมันบากอย่างมากที่จะปล่อยมันออกมาในเวลาปกติราวกับว่ามันเป็นทักษะติดตัว แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็สามารถใช้มันออกมาได้ยากต่อสู้ สิ่งทีสำคัญอย่างมากในการใช้มันคือความเข้าถึงกัน การเชื่อใจ นอกจากนี้ยังต้องใช้สมาธิจำนวนมากในการปลดปล่อยมัน
ชิงสุ่ยไม่เคยคิดที่จะใช้มันกับผู้หญิงคนอื่นเลย นั้นเพราะจริงๆแล้วทักษะนี้ถูกสร้างมาเพื่อคู่รักเท่านั้น
ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ไม่ได้คิดที่จะทิ้งมันไป เขาสามารถสอนมันให้สหายของเขาและพี่น้องของเขา ให้ใช้กับคู่รักของพวกเขา
เจี้ยนเก้อกำลังคิดลึกๆในใจของเธอ เมื่อมองไปทางชิงสุ่ย เธอตระหนักว่าพวกเขายังคงเชื่อมต่อกันด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของพวกเขา แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ผู้ชายที่เธอรักนั้นจะไม่ถูกมัดโดยผู้หญิงคนเดียว แม้แต่ผู้หญิงที่โดดเด่น และงดงามก็มิอาจผูกมัดใจของเขาได้ เช่นเดียวกันเธอเป็นหนึ่งในพวกนั้น ไม่ส่าเธอจะงดงามและทรงเสน่ห์เท่าไรก็ไม่อาจหยุดรั้งใจของเขาเอาไว้ได้ – ไม่มีสิ่งใดที่เหลืออยู่ระหว่างพวกเขา ตราบเท่าที่ทั้งสองคนไม่เต็มใจก็จะไม่บังคับคนอื่น
สำหรับการศึกษารูปแบบ ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้พบว่าพวกเธอทั้งสองนั้นไม่ไม่พรสวรรค์ในด้านนี้เลย ความสามารถของพวกเธอนั้นแทบจะไม่ต่างกับคนธรรมดาทั่วไป ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมา จากความรู้สึกของเขาอย่างน้อยพวกเธอต้องใช้เวลาอีกสองสามวันในการศึกษารูปแบบๆนี้ของเขา
ชั่วพริบตาหลายวันผ่านไป และก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจากไป แม้ว่าเจี้ยนเก้อจะไม่อาจทนเห็นเขาจากไป เธอก็ยังออกมาส่งเขา ในขณะที่เธอเหาะตามและมาส่งเขาไกลกว่า1หมื่นลี่ ก่อนที่จะจบลงด้วยการกอดเขาและร้องไห้ออกมา
“ทำไมเจ้า ไม่ไปกับข้า?” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่สามารถละทิ้งพระราชวังเทพสมุทรไปได้ รอให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่านี้ก่อน แล้วข้าจะไปหาเจ้า “เธอกล่าวด้วยน้ำตา
ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงเธอในรูปแบบนี้ “เอาแบบนี้ ข้าจะมาหาเจ้าทุกๆครั้งที่เจ้าคิดถึงข้า อย่าลืมสิว่าเขานั้นมีทักษะที่พิเศษการเดินทางมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าจะได้ไม่เบื่อที่จะพบเจ้าข้าไง เจ้าอย่าได้ห่วงข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเดินลำพังในโลกใบนี้หรอก”ชิงสุ่ยกระซิบที่หูของเธอ
การหายใจของเจี้ยนเก้อเริ่มลำบากมากขึ้น ขณะที่เธอจับใบหน้าของเขาไว้ในมือของเธอ “ก็ได้ แต่มันจะดีกว่าถ้าเจ้านั้นไม่จากข้าไป ข้าไม่ได้คาดหวังให้เจ้ามีความแข็งแกร่งที่มากกว่านี้ เพียงแค่เจ้าอยู่กับข้าเท่านั้น “
ชิงสุ่ย ยิ้มให้เธอ “แต่เจ้าก็รู้นิว่าความปรารถนาของข้าคือความแข็งแกร่ง… “
“เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี แค่นี้เจ้ายังไม่พอใจอีกรึ? “เธอจับไปที่มือของเขาและกล่าว
หลังจากที่ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการปลอบเธอ ชิงสุ่ยได้จูบลงไปที่บนใบหน้าของเธอและกล่าว “ดูแลตัวเองให้ดีนะ”
“อืม เจ้าเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วย “
……
หลังจากอำลากันชิงสุ่ยได้เหาะออกไปและหายไปในสายตาของเธอ ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“ทำไมเจ้าถึงไม่ตามเข้าไปละ เจ้าสามารถทนมองเขาจากไปได้จริงๆรึ?” มู่หยุน ชิงเฉิงปรากฏตัวขึ้นข้างๆเจี้ยนเก้อ
“ข้ามีหน้าที่ของข้า เขาเองก็มีหน้าที่ของเขา ข้ารู้ดีในจุดๆนี้ถึงได้ยอมปล่อยเขาไป แต่ที่ข้ากลัวก็คือ ข้ากลัวว่าเขาจะลืมข้าในสักวัน แล้วข้านั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร “เธอยิ้มและกล่าวออกมาด้วยน้ำตา
“เห้อ ข้าไม่คิดเลยว่าเทพธิดาที่งดงามของข้า จะมีความกลัวที่ไม่ต่างกับหญิงสาวทั่วๆไปด้วย นี่เจ้าไม่รกเขามากไปหน่อยรึ?” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่ออนแของเธอ