Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1596 - เรือนจําร้อยบุบผา
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1596 - เรือนจําร้อยบุบผา
บทที่ 1596 – เรือนจําร้อยบุบผา
ขณะชิงสุ่ยมาถึงลานประลอง
มีชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ยืนอยู่ ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลถั่วนอกจากเขายังมีคนอีกจํานวนหนึ่งยืนอยู่บริเวณนั้น
เมื่อเห็นการมาถึงของกลุ่มคนของหอคอยจักรพรรดิ ทั้งหมดได้หันมามองดูพวกเขาและยิ้มออกมาก่อนที่พวกเขาจะมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความโกรธเคือง ” ตระกูลถั่วได้จัดงานประลองนี้ขึ้นเพื่อท่าดวลกับหอคอยจักรพรรดิ์การต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นการตัวต่อตัว โดยที่นั่วเฟิงจะเป็นคนแรกที่เข้าต่อสู้ ข้าสงสัยว่าตัวแทนคนแรกของหอคอจักรพรรดิจะเป็นใครกัน? ” ชายชรากล่าว
เมื่อเห็นลานประลองในตอนนี้ คนส่วนมากสามารถบอกได้เลยว่ามันไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ มีเพียง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวยอมแพ้หรือถูกสังหารลงไป
“พี่ใหญ่ให้ข้าเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ได้หรือไม่?” เสวี่ย นั่วกล่าวกับ ชิงสุ่ย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ตอบแต่อย่างใด ขณะจ้องมองไปที่ข้างหน้าและกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ราวกับเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่พึงประสง
“พี่ใหญ่ให้ข้าจัดการกับเรื่องนี้เถอะ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทําให้ท่านอึดอัดใจ” เส วียนั่วกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ไม่พอใจ เมื่อเห็นชิงสุ่ยเงียบอยู่ เธอจึงคิดว่าเขานั้นคิดว่าเธอจะแพ้
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาและลบไปที่หัวของเธอ “ข้าไม่ได้กลัวว่าเจ้าจะแพ้หรอ หากเจ้าต้องการต่อสู้ที่ทําตาใจเจ้าได้เลย แต่มีข้อแม้เดียวหาเจ้านั้นไม่สามารถต่อสู้ได้จงยอมแพ้ซะอย่าปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ มิฉะนั้นอย่าได้ตําหนิข้าเพราะข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้ร่วมต่อสู้ ในครั้งอื่นๆ”
เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะยึดมั่นในคําพูดของพี่ใหญ่อย่างเคร่งคัด เราไม่ จําเป็นต้องกลัวที่จะยอมพ่ายแพ้เพราเราะมีท่านเป็นคนสุดท้ายที่จะต่อสู้! ”
เธอเข้าใจได้ในคําพูดของเขา ในตอนนี้เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากเขา
“อย่าลืมพูดแบบนี้ละเมื่อเจ้าชนะ: สถานการณ์ในหอคอยจักรพรรดิยังไม่ได้เปลี่ยนไป ในอีกสามวันหากบรรพบุรุษของตระกูลถั่ว ไม่นาลูกหลานของเขาไปซ่อมแซมความเสียหายก็อย่าหาว่าหอคอยจักรพรรดิไม่ให้เกียรติพวกเจ้า ” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาก่อนส่งเสวียนวออกไป
เธอทําหน้างงก่อนที่จะพยักหน้า “แน่นอน ข้าจะกล่าวมัน”
“งั้นก็ออกไปสู้ได้แล้วว่าแต่เจ้าจําสิ่งที่ข้าพูดได้ใช่หรือไม่ ถ้าเจ้าได้รับบาดเจ็บเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการต่อสู้อีกต่อไปในอนาคต “ชิงสุ่ยกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
เธอหัวเราะออกมาแลพนักหน้าก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนเวที
เสวียนั่ว เป็นสาวน้อยของตระกูลเสวีย หลังจากผ่านไปนานแล้วพลังของ เธอแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาหลายเท่าและเช่นเดียวกับความงามของเธอที่เพิ่มขึ้น
เสี่ยนั่ว มองไปที่ชายที่แข็งแกร่งราวกับวัวกระทิง “เชิญ!”
“เชิญ!” นั่วเพิ่งกล่าวออกมา หลังจากคําพูดของทางการเขากระโดดขึ้นไปในอากาศโดยไม่ลัง
เช่นเดียวกับเสวี่ยนั่วที่ไม่กล้าประมาท เธอได้นําเอาแส้ร้อยบุบผาที่ชิงสุ่ยมอบให้เธอออกมาในก่อนหน้านี้เธอนั้นรับการฝึกทักษะอสรพิษไอยราจากชิงสุ่ยมาโดยตรง จึงทําให้ความสามารถของเธอนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ความสามารถของทักษะอสรพิษไอยราก็อยู่ในระดับที่เกือบเท่าเทียมกับชิงสุ่ยแล้ว
แม้ร้อยบุบผาถูกสร้างขึ้นโดยชิงสุ่ย มันเป็นของขวัญให้เธอในก่อนหน้านี้ มันนั้นได้รวมเอาองค์ประกอบของดอกไม้นับร้อยที่เต็มไปด้วยพิษมากมายเข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันพิษร้ายจะส่งผลอย่างมากต่ออีกฝ่าย แต่สําหรับผู้ใช้มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้ได้หลายเท่า
ถึงแม้แส้ร้อยบุบผาจะยังเป็นอาวุธที่ไม่อยู่ในระดับตํานาน แต่ความสามารถของมันก็ไม่ได้ ด้อยกว่าเลย มันเป็นแส้ที่ดีที่สุดที่ชิงสุ่ยเคยสร้างมา
นอกจากนี้ชุดที่เธอสวมใสนั้นก็เป็นหนึ่งในผลงานชั้นยอดของเขา รวมกับกําไลและรองเท้าของเธอ ซึ่งมันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เธอหลายเท่า ในความเป็นจริงแล้วที่ชิงสุ่ยอนุญาตให้เธอเข้าร่วมการประลองนั้นเพราะเขารู้ดีว่าเธอจะไม่เป็นอันตราย และยิ่งไปกว่านั้นนั่วเพิ่นก็ไม่ใช่ศัต รูที่จะสามารถรับมือเธอได้
เสวียนัวไม่รอช้าเจ้าได้ชิงลงมือก่อน “รับไปซะ!”เธอได้กระหนาแส้ในมือของเธอลง ไปที่หัวเป็นอย่างไม่หยุดยั้ง
ขณะที่หัวเป็นกําขวานยักษ์ในมือจนแน่ กลิ่นอายสีดําได้ประทุออกมาจากมัน ขณะที่มันได้เขาครอบงําร่างกายของเขาเอาไว้
เมื่อแส้ร้อยบุบผาของเสวียนว ฟาดลงไปก่อให้เกิดแรงลมกระโชก กระหนาออกมา เสียงกรีดร้องของสายลมได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะนั้นแล้ร้อยบุบผาได้สร้างหมอกละอองดอกไม้ขึ้นมา
ในตอนนี้ทั่วเฟินรู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อมองไปที่หมอกรอบๆตัวเขา
ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยรา!
ขณะนี้เขาได้ยกขวานขึ้นเพื่อป้องกันแส้ของเสวียนว ด้วยความพลิ้วไหวมันทําให้แส้ของเส วี่ยชั่วนั้นสามารถรอดผ่านการป้องกันของเขาไปได้
สําหรับทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยราเป็นทักษะแส้ที่น่ากลัวอย่างมาก มันเป็นทักษะที่มีความเร็วที่สูง แลยังพลิ้วไหวราวกับว่ามันนั้นมีชีวิตอยู่ จึงยากที่จะป้องกันมัน แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังคง ใช้ทักษะนี้อยู่บ่อยครั้ง และมันก็สามารถสร้างความต้องตะลึงให้ฝ่ายตรงข้ามได้ทุกๆครั้ง
ความสามารถของเสวียนวนั้นแข็งแกร่งกว่านั่วเฟินอย่างเห็นได้ชัด และด้วย ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยราเป็นที่มีประสิทธิภาพ มันได้ฟาดลงไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง แม้ ว่าการอาการบาดเจ็บของเขาจะไม่ร้ายแรง แต่มันก็มากพอที่จะทําให้เขาสลบและตกลงจากเวที
เพียงการจู่โจมเดียว!
นั่วเฟินได้พ่ายแพ้ลงไปให้กับเสวี่ยนวด้วยการปะทะเพียงครั้งเดียว โดยที่เขาไม่มีโอกาสที่จะได้สวนกลับเลยแม้แต่สักครั้ง
ความแข็งแกร่งของเสวียนวคือความเร็วส่วนนั่วเฟิงคือพละกําลัง มันจึงทําให้เขาเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าพละกําลังของเขาจะสามารถเอาขณะอีกฝ่ายได้โดยการจู่โจมเดียว แต่มันก็ได้ ค่าหากเขาไม่สามารถจู่โจม
“บรรพบุรุษตระกูลถั่ว ข้าไม่แน่ใจว่าท่านอยู่ที่นี้หรือไม่ แต่ข้ามีข้อความมาบอกท่าน ซึ่งมันเป็นคําพูดที่เราเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ที่ให้ท่านลูกหลายของท่านมาซ่อมแซม หอคอยจัก รพรรดิของเรา เรายังคงรอคอยการมาของท่านอยู่ และในวันนี้ก็คือวันสุดท้ายแล้ว หากพวกท่านไปมา ก็อย่ากล่าวหาว่าเราไม่ให้โอกาสท่าน แน่นอนท่านอาจไม่คิดว่าคําพูดของข้านั้นมีน้ําหนัก อะไรมากนัก แต่ท่านควรจะรับผิดชอบต่อการกระทําของตระกูลของท่าน เพราะเราไม่ใช่คนที่ก่อ เรื่องขึ้นมาก่อน”
เสียงของเสวี่ยทั่วดังขึ้น มันทําให้ชิงสุ่ยยิ้มออกมา คําพูดเธอนั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่าง แท้จริง
“สามหาว! เจ้ากล้าหาญมาจากไหน ที่มาดูถูกพวกเรา ข้าจะสอนคุณบทเรียนให้เจ้า ในนามของท่านบรรพบุรุษ!
เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น ขณะที่เขาพุ่งขึ้นมาบนเวที
“เจ้าคิดว่าเจาเป็นใคร? สอนบทเรียนให้ข้าอย่างนั้น เจ้ามีความสามารถมากพอ ขนา ดคนในตระกูลของเจ้าๆก็ยังดูแลไม่ได้เลยแล้วยังมีหน้าจะมาสอนคนอื่นอีก ”
ชายชราคนนี้มีร่างกายที่ไม่ใหญ่มาก เขานั้นดูเด็กว่านั่วเพิ่งเสียอีก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ มีหนวดเคราสีขาวเงินขณะนี้เข้าจ้องมองไปที่เธอด้วยความเกรี้ยวกราด
ชายชราคนนี้เป็นที่รู้จักกันในตัวปัญหาของตระกูลถั่ว ว่ากับว่าเขาเป็นลูกของคนรับใช้กับผู้ นาคนก่อน นี้ทําให้เขานั้นโดนรังเกลียดจากคนรอบข้างหรือแม้แต่ในตระกูล แต่โชคดีที่ผู้บรรพบุ รุษของเขายอมรับเขาไว้ ทําให้เขาสามารถใช้แช่หัวได้ ดังนั้นเขาจะจึงนับถอีและเคารพบรรพบุรุษ ของเขามากกว่าใครๆ
ในตอนนี้เสวี่ยทั่วจ้องมองไปที่เขาอย่างจริงจัง และพยายามมองหาจุดอ่อนของเขา
“อย่าดูถูกเขา เขาคือนั่วชื่อ เขาเป็นข้อยกเว้นของตระกูลถั่ว ที่ไม่ได้รับการถ่ายทอดทักษะโดยตรง ทักษะที่เขาบ่มเพาะนั้นยังคงเป็นทักษะนอกรีต เขามีความสามารถอย่างมากในการสร้าง รูปแบบ” ชายคนหนึ่งกล่าวเตือน
“แล้วผู้หญิงคนนั้นจากหอคอยจักรพรรดิจะรับมือได้รี?”
” ข้าก็มีรู้ แต่เธอก็เป็นคนของหอคอยจักรพรรดิ ข้าคิดว่าท่านหมอชิงคงมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้
ในตอนนี้เสวี่ยหัวไม่ได้พูดอะไรสักคํา ยกเว้นฟากแส้ไปทางนั่วชื่อ และเฝ้ามองแส้ของเธอจู่โจมออกไป
เสวียนั่วสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของนวชื่อยังไม่มากพอที่จะทําให้เธอพ่ายแพ้ แต่สิ่งที่เธอกังวลก็คือรูปแบบของเขา เนื่องจากทักษะที่เป็นเอกลักษณ์และกลยุทธ์มากมายของเขา ทําให้เสวี่ยหัวไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้การเคลื่อนไหวของเสวี่ยทั่วเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น ด้วยทักษะที่เธอได้ฝึกฝนมามันทําให้ร่างกายของเธอ
นั้นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถหลบมันไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมองไปที่การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดของเขา เธอก็สามารถเข้าใจได้ว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการใช้พิษและลอบจู่โจม ในตอนนี้ดวงตาของเขากําลังจับจ้องมาที่เธออย่าง ไม่คาดสายตา ราวกับรอให้เธอนั้นผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา
ในตอนนี้เสวียนวค่อยๆตั้งสติ และปรับการเคลื่อนไหวของเธอ
ในตอนนี้การเคลื่อนไหวของเธอเร็วขึ้นไปอีกขั้น ราวกับว่าเธอกับลังใช้แส้ในมือวาดภาพอยู่ที่ ไม่ปาน
เรือนจําร้อยบุบผา!
ในตอนนี้ดอกไม้ที่เบ่งบานอออกมารอบๆแส้ของเธอได้ลอยออกมาและตรงเข้าล้อมนั่วชื่อ
ในตอนนั้นเองดวงตาของนั่วชื่อส่องสว่างขึ้น เขาได้โบกทอนไม้สีดําในมือออกมา และสร้างเมฆหมอกสีดําขึ้นรอบๆตัว ขณะที่กริชสีเขียวได้ถูกเรียกออกมาในมืออีกข้าง ก่อนที่เงาของเขาจะป รากฏตัวข้างหลังเสวียนั่ว
ร้อยบุบผาผลิบาน!
ในเวลานั้นกรงขังดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นในตอนแรกได้กระจายตัวออก ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ชายชราอย่างต่อเนื่อง
ตูม!
เสียงระเบิดได้ดังสะนั้นขึ้น ในตอนนี้เสวี่ยทั่วไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย นั้นเพราดอกไม้นับร้อยได้เข้ามาปกป้องเธอเอาไว้ราวกับมันคือกําแพงดอกไม้ ต่างกับนั่วชื่อที่ได้กระอักเลือดออกมากริชในมือของเขาถูกทําลายลงไปในการจู่โจมครั้งนี้
ในตอนนี้เสวี่ยหัวได้ลอยเข้าไปใกล้ๆเขาอย่างช้าๆ!
“ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแพ้…” ชายคนนั้นรีบกล่าวออกมา ก่อนที่จะรีบกระโดดลงไปจะลานประลอง เขายอมทิ้งศักดิ์ศรีของเขาเพื่อให้มีชีวิตรอดในตอนนี้
เสวี่ยหัวไม่ได้กล่าวอะไรต่อในตอนนี้ เธอได้แค่หันไปมองชิงสุ่ยที่กําลังยิ้มอยู่