Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1649 - ตระกูลชีจากไปในทันที พุทธองค์ทองคำที่ดูมีเมตตา
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1649 - ตระกูลชีจากไปในทันที พุทธองค์ทองคำที่ดูมีเมตตา
AST
ที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้คือผู้แพ้จะต้องประกาศต่อหน้าทุกๆคนว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย
ในตอนนั้นทั้งสองคนไม่เชื่อว่าพวกเขาจะแพ้และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาตกลงกันดังนั้นชีหยุนเหอจึงไม่คิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและใบหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งในตอนนี้
เหลียนหลิงเฟิงมีสีหน้าที่ผิดหวังเพราะเขาคิดว่าจะได้ยินชีหยุนเหอพูดว่า“ข้าไม่ใช่ผู้ชาย” เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนั้นเขาคิดว่าคงจะไม่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว
“เข้าช่างหน้าหนาจริงๆยังเป็นผู้ชายอีกหรือไม่?” เหลียนหลิงเฟิงได้แต่ก่นด่าออกมา
ตระกูลชีส่งคนออกมาพยุงชีหยุนเหอออกไปขณะที่ประมุขตระกูลชีไม่ได้มีสีหน้าที่ดีนักเมื่อมองไปยังเหลียนหลิงเฟิงเขาก็ไม่รู้ว่าใครที่ทำให้ร่างกายของชีหยุนเหอเป็นเช่นนั้นแต่เขารู้ว่าคนๆนี้ต้องอยู่เบื้องหลังนายน้อยแห่งตระกูลเหลียน
ตระกูลเหลียนมียอดฝีมือที่อยู่เบื้อง?ใครกันที่อยู่เบื้องหลังเงามืดนี้? ภายในจักรวรรดิหิมะนิรันดร์มีเพียงตระกูลขุนนางเท่านั้นที่เหนือกว่าพวกเขาดังนั้นตระกูลชีจึงไม่สนใจผู้ใด
ประมุขตระกูลชีและผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องก็พุ่งตรงเข้าไปหาเหลียนหลิงเฟิงแต่เขาก็ถูกผู้อาวุโสซีฉีขวางเอาไว้และพูดกับประมุขตระกูลชีว่า “วันนี้เป็นแห่งความยินดีของชาน้อย ท่านคิดจะทำอะไร?”
ในตอนนี้ผู้อาวุโสซีฉีไม่ได้ตะโกนใส่ประมุขตระกูลชีเมื่ออีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาเหตุใดเขาจะต้องไว้หน้าอีกฝ่าย? ผู้อาวุโสซีฉีนั้นเป็นคนซื่อตรงและไม่เคยเอาเปรียบคนอื่น แต่เพราะวันนี้เป็นวันรื่นเริงเขาจึงไม่อยากที่จะสร้างความขุ่นเคืองไปมากกว่านี้
“ผู้อาวุโสซีฉีพวกเรามาวันนี้เพื่อจะมาขอแต่งงาน ท่านจะคิดเช่นไร?” ประมุขตระกูลชีพูดด้วยท่าทีที่ดูเหมือนสุภาพแต่เต็มไปด้วยความต้องการของตนเอง
ผู้อาวุโสซีฉีนั้นรู้สึกโกรธแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่เป็นเหลียนหลิงเฟิงที่พูดออกมาว่า“วันนี้เป็นวันสำคัญของพวกเราและพวกเราไม่ต้อนรับท่าน ท่านควรกลับไปเองหรือไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะโยนท่านออกไป”
คำพูดของเหลียนหลิงเฟิงนั้นดูยั่วยุเป็นอย่างมากมีเพียงไม่กี่คนในจักรวรรดิหิมะนิรันดร์ที่กล้าพูดเช่นนี้ต่อประมุขของตระกูลชีตรงๆ แม้ว่าประมุขตระกูลชีจะมีความยับยั้งชั่งใจในตัวเองแต่คราวนี้ดวงตาของเขาหรี่ลงและในทันใดที่เขาก็ยื่นมือออกไปที่ใบหน้าของเหลียนหลิงเฟิง
“ข้าขอพูดอะไรหน่อยท่านเองก็ชรามากแล้ว เหตุใดจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้? ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไร้เหตุผลมีจุดจบที่ดีสักคน”
ชิงสุ่ยยืนขึ้นและแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดเห็นเขาขยับตัวแต่เขาก็ไปปรากฏตัวระหว่างประมุขตระกูลชีและเหลียนหลิงเฟิงทันทีพร้อมกับปล่อยหมัดออกไป!
ผัวะ!
ประมุขตระกูลชีกระอักเลือดออกมาและกระเด็นถอยไปในทันทีทุกๆอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าและทุกๆต่างก็อยู่ในความตกตะลึง
ประมุขตระกูลชีนั้นทรงพลังอย่างยิ่งเขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจซึ่งกำลังจะเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำให้เขาลงไปกองกับพื้นในตอนนี้
ไม่มีผู้ใดกล้าขยับตัวในตอนนี้เมื่อชิงสุ่ยยิ้มออกมาและเดินออกไปนั้นผู้คนประมาณ 30 ก็ทำได้เพียงเดินถอยหลังกลับไป
“หอคอยจักรพรรดิคือบ้านของข้าและทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นพี่น้องของข้าข้าเพิ่งกลับมาที่นี่ 3 วันแต่กลับมีคนมาก่อความวุ่นวายในบ้านของข้า พวกเจ้าคิดว่าข้าสังหารพวกเจ้าทั้งหมดดีหรือไม่?”
คำพูดอันเย็นชาที่ชิงสุ่ยกล่าวออกมานั้นทำให้ทุกๆต่างก็ตกตะลึง
“ท่านผู้อาวุโสพวกเรามีตาหามีแววไม่ พวกเราผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย” ประมุขตระกูลชีกล่าวออกมาแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม
ในตอนนี้การเอาชีวิตรอดนั้นสำคัญยิ่งกว่าการบาดเจ็บของเขามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ ตระกูลชีอาจจะต้องจบสิ้นลงไปในวันนี้
“เพียงแค่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจทไให้เจ้าคิดว่าอยู่เหนือกว่าผู้ใดแล้วงั้นหรือหากเจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เจ้าคงทำลายหอคอยจักรพรรดิของข้าไปแล้วใช่หรือไม่?เจ้าก็สุขสบายดีอยู่แล้วในเมืองจักรพรรดิ เหตุใดจึงมาที่เมืองหลินห่าย? กระหายการต่อสู้งั้นหรือ? เมืองหลินห่ายอ่อนแอในสายตาของพวกเจ้าใช่หรือไม่?” ชิงสุ่ยเดินตรงเข้าไปหาประมุขตระกูลชี
หน้าผากของประมุขตระกูลชีเต็มไปด้วยหงาดเงื่อในตอนนี้และเสื้อคลุมของเขาก็เต็มไปด้วยคราบเลือดเขากล่าวออกมาว่า “โปรดให้อภัยผู้ที่ผิดพลาดไปแล้วด้วยเถอะ เรื่องเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะให้อภัยและเมื่องานเลี้ยงในวันนี้จบลงแล้วข้าจะมาที่นี่อีกครั้งเพื่อขอโทษอย่างเป็นทางการ”
“ในตอนแรกข้าคิดจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดแต่ประมุขของตระกูลเหลียนและผู้อาวุโสซีฉีต่างก็ไม่อยากจะเห็นพิธีวิวาห์ที่เต็มไปด้วยเลือดแม่นางซีฉีก็ไม่อยากเห็นเลือด เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป แต่การจะปล่อยไปง่ายๆมันก็จะเป็นการใจดีเกินไปจริงหรือมไม่?” ชิงสุ่ยพูดออกมา
แม้ไม่ต้องถูกสังหารแต่ก็รู้สึกได้ว่าความตายกำลังจะมาถึงตนเองประมุขตระกูลชียื่นมือขวาของเขาออกไปและฟาดลงไปบนแขนซ้ายของเขาทันที เสียงของกระดูกที่ดังออกมานั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
คนอื่นๆของตระกูลชีก็รีบทำตามทันทีชิงสุ่ยพยักหน้าและโบกมือของเขาอย่างไม่สนใจใยดี
ตระกูลชีรีบถอยออกไปทันที
เหลียนหลิงเฟิงมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยความยินดีและกล่าวว่า“พี่ชายของข้านั้นยังคงทรงพลังที่สุด”
“เอาหละวันนี้เป็นวันแห่งความยินดี เราอย่ามาเสียอารมณ์กับเรื่องไร้สาระกันเลย ” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา
……
…..
หลังจากนั้นงานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นและไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาใดๆสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้กลายเป็นประโยชน์ได้อย่างแปลกประหลาด ชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิได้กระจายออกไปอีกครั้งในวันนี้
นอกจากนี้ตระกูลเหลียนและตระกูลซีฉีต่างก็ได้รับชื่อเสียงเช่นเดียวกันซึ่งผู้อาวุโสซีฉีก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ ต้นไม้ที่สูงที่สุดภายในป่ามักจะถูกโค่นไปก่อนเพื่อน หากพลังของตระกูลซีฉีไม่ได้เพิ่มขึ้นไปพร้อมชื่อเสียงนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน.ไอลีนโนเวล.
ชิงสุ่ยมองไปยังผู้อาวุโสซีฉีที่กำลังครุ่นคิดอยู่และยิ้มออกมา“อย่ากังวลไปเลยท่านผู้อาวุโส หลิงเฟิงจะทรงพลังยิ่งขึ้นตระกูลซีฉีก็ด้วยเช่นกัน”
ตระกูลเหลียนนั้นย่อมต้องยินดีกับเหลียนหลิงเฟิงตราบใดที่เขาทรงพลังยิ่งขึ้นตระกูลเหลียนก็จะทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
เหลียนหลิงเฟิงนั้นย่อมก้าวเข้าสู่คำว่ายอดยุทธได้อย่างแน่นอนและชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าชายผู้นี้จะเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมายหากเขาอยู่ในโลกก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ย เขาจะเป็นชายหนุ่มที่ สูง หล่อ และรวย คงเป็นเรื่องแปลกมากกว่าที่หญิงสาวจะไม่ชื่นชอบเขา
……
……
วันปีใหม่ได้เข้ามาถึงอย่างรวดเร็วประมุขของตระกูลชีได้มาที่นี่ แขนของเขานั้นยังไม่ได้รับการรักษาและเพียงแค่ชิงสุ่ยมองไปที่เขาก็ทำให้เขาอยู่ในความหวาดกลัว
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้“ตระกูลของเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลยพวกเราจะไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลของเจ้าอีก”
ความโล่งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของประมุขตระกูลชีในตอนที่เขารีบกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณท่านมาก เรื่องนี้ตระกูลของข้านั้นน้อมรับความผิดทุกประการ”
หลังจากที่เขากล่าวจบเขาก็มอบถุงแพรมิติให้แก่ชิงสุ่ยชิงสุ่ยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดและเขารู้ว่าของในถุงนี้คงไม่ใช่ของไม่ดีอย่างแน่นอน
เมื่อชิงสุ่ยตรวจสอบถุงแพรมิตินี้สิ่งที่เขาได้เห็นนั้นก็ทำให้เขาต้องตกตะลึง
พุทธองค์ทองคำที่ดูมีเมตตา!
ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าจมันจะเป็นพุทธองค์ทองคำที่ดูมีเมตตาแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันจะใช้ทำอะไรได้บ้างแต่ก็คงเกี่ยวกับการรักษา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลชีย่อมไม่รู้เรื่องนี้แม้ว่ามันจะถูกห่อหุ้มไว้ด้วยจิตแห่งปราณก็ตาม
ชิงสุ่ยปิดถุงแพรลงและกล่าวว่า“ข้าไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้บ้างแต่มันดูเหมือนจะเป็นพระพุทธรูป”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนท่านผู้อาวุโสอีกต่อไปแล้ว”
ชิงสุ่ยยอมรับความขอโทษของประมุขตระกูลและให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรพวกเขาเพราะชิงสุ่ยรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นก็คงไม่มีอะไรดีในตอนนี้
ชิงสุ่ยมองไปยังพุทธองค์ทองคำในมือของเขาและตรวจสอบด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์
พุทธองค์ทองคำผู้มีเมตตา!
เมื่อรักษาผู้อื่นหรือตนเองผลของการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นลมปราณ รวมไปถึงการบำรุงร่างกายจะได้รับผลเป็น 2 เท่า
เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นเช่นนี้ก็ทำให้เขามีความสุขนี่เป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง มันจะทำให้เขากลายเป็นหมอเทวดาอย่างแท้จริง
เมื่อพุทธองค์ทองคำที่ดูมีเมตตานี้ได้ตกมาอยู่ในมือของชิงสุ่ยก็เหมือนได้อยู่ในมือของเจ้าของที่ถูกต้องไม่อย่างนั้นแล้วมันก็คงจะเป็นได้เพียงพระพุทธรูปที่เอาไว้ประดับตกแต่งเท่านั้น
วันสิ้นปีได้มาถึงและทั่วท้องถนนก็ประดับไปด้วยโคมไฟเต็มไปหมดผู้คนมากมายได้มายังหอคอยจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ชิงสุ่ยและอวี้ เหนียงนั้นดูมีความสุขอย่างยิ่ง เหล่าเด็กน้อยวิ่งเล่นไปตามถนนด้วยความยินดีที่ได้เงินและเสื้อผ้าชุดใหม่ ถานท่าย หลิงเยียน ฉินชิงและแม้แต่ซีฉีชาและหลิน เฟ่ยก็ดูมีความสุขอย่างยิ่งกับบบรรยากาศในตอนนี้
หอคอยจักรพรรดิไม่ได้ปิดทำการเพราะว่ายังมีคนป่วยในช่วงปีใหม่หมอที่นี่ยังคงรักษาผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลาดังนั้นหอคอยจักรพรรดิจึงยังคงเปิดทำการอยู่ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลงดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นมาในตอนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีสันสดใสของดอกไม้ไฟ หอคอยจักรพรรดิก็ได้เตรียมดอกไม้ไฟเอาไว้มากมายด้วยเช่นกัน
เสียงระฆังและประทัดในวันปีใหม่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดก่อนถานท่าย หลิงเยียนในตอนนี้นั้นดูงดงามยิ่งกว่าดอกไม้ไฟในยามค่ำคืน
เมื่อชิงสุ่ยหันกลับไปเขาก็เห็นรอยยิ้มอันงดงามท่ามกลางแสงของดอกไม้ไฟทำให้เขาเข้าสู่ภวังค์ในทันที รอยยิ้มของนางนั้นไม่ได้ดูโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
ฉินชิงก็อยู่เคียงข้างเขาด้วยเช่นกันนางอยู่ในชุดสีขาวราวหิมะซึ่งทำให้ความงามของนางเฉิดฉายเป็นอย่างมากนางเงยหน้าหน้าขึ้นมองดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าเผยให้เห็นลำคอที่งดงามและเย้ายวนใจเป็นอย่างมาก
ชิงสุ่ยเดินออกไปพร้อมกับจับมือของพวกนางเอาไว้คนละข้างอย่างมีความสุขมันเป็นอีกหนึ่งปีที่เขามีความสุข
เหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชาหยิน ต่งและหลิน เฟ่ย เทียนยี่ เสวี่ย นั่ว รวมไปถึงอวี้ เหนียงและลูกๆทั้ง 4 คนของนางต่างก็มีความสุขกับดอกไม้ไฟที่งดงามในตอนนี้
จนถึงเวลาเที่ยงคืนพวกเขาต่างก็กลับไปพักผ่อนและในวันรุ่งขึ้นเหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชาได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดในวันปีใหม่ผู้คนจำนวนมากในเมืองหลินห่ายต่างก็มาเยี่ยมเยียนที่หอคอยจักรพรรดิ ชื่อเสียงของชิงสุ่ยได้โด่งดังออกไปไกลในตอนนี้
แม้แต่ตระกูลเหลียนก็มาที่นี่แม้ว่าเหลียนหลิงเฟิงและชิงสุ่ยจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ในครั้งนี้ชิงสุ่ยช่วยเหลือตระกูลเหลียนก็เพราะเขาเคารพผู้อาวุโสภายในตระกูลนี้โดยเฉพาะพ่อหอมเหลียนหลิงเฟิง
“ท่านลุงเดิมทีข้าตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนท่านในวันปีใหม่แต่ข้านั้นไม่มีเวลาว่างเลย ข้าจะไปที่นั่นในอีก 2 วัน”
ประมุขตระกูลเหลียนนั้นยินดีต้อนรับเขาอย่างมีความสุขไม่ใช่เพราะเหลียนหลิงเฟิง ชิงสุ่ยก็ถือว่าใกล้ชิดกับตระกูลของเขาอยู่แล้ว
ประมุขตระกูลเหลียนทราบเรื่องนี้ดี!