Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1651- กลับคืนสู่บ้าน งานแต่ง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1651- กลับคืนสู่บ้าน งานแต่ง
AST
”เจี้ยนเก้อความสัมพันธ์ของเราเหมือนย้อนกลับไปในอดีตเลยนะ พวกเรากลับกันเถอะ หลวนหลวนและทุกคนรอคอยการกลับมาของเจ้า”
”อืมข้ามันอยากทำเช่นนั้น แต่ข้าจะพบหน้าแม่ของเจ้าและคนอื่นๆได้อย่างไร”แม้ว่าเจี้ยนเก้อและชิงสุ่ยจะมีความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยชัดเจน และพวกเขาก็ไม่อาจทำลายกำแพงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ได้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาทั้งหมดจึงเกิดขึ้นจากความคิดของหลวนหลวน
ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จอมปลอมกำลังจะกลายเป็นความจริง
”เจ้าเป็นภรรยาของข้าและทุกคนในบ้านก็รับรู้ อย่าลืมสิพวกเรามีลูกสาวที่รอเราอยู่”ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะขณะที่เขามองดูอาการเขินอายของเจี้ยนเก้อ
”แต่ทุกคนในบ้านก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหกหลวนหลวนเองก็โตมากพอที่จะรับรู้เรื่องเหล่านี้ หลวนหลวนคงจะเชื่อเจ้าอยู่หรอกนะ”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
”แม้ว่าแม่ของข้าจะยังดูไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแต่อย่างน้อยแม่ของข้าก็รู้ว่าหญิงสาวที่งดงามคนใดคือภรรยาลูกชายของเธอ”
………………..
การเดินทางกลับใช้เวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นทันที่ที่พวกเขาออกจากพระราชวังทะเลราชันย์ ชิงสุ่ยเปิดใช้งานธงสวรรค์ปัญจธาตุ และเดินทางมาถึงมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำในช่วงพริบตา สถานที่ของอี่หวงกู่หวู่
หากชิงสุ่ยเดินทางมาคนเดียวเขาจะปรากฏตัวด้านข้างของอี่หวงกู่หวู๋ แต่เมื่อเขานำเจี้ยนเก้อมาด้วย เขาจะมาปรากฏตัวอยู่ภายในเมืองอี่หวง
”ไปพบเจอบรรดาเพื่อนๆกันเถอะ”ชิงสุ่ยยิ้ม
หมอปีศาจแห่งหอคอยจักรพรรดิตื่นเต้นหรือยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบหน้าชิงสุ่ย”พี่ใหญ่ยินดีที่ได้พบ”
ขณะที่กล่าวชิงสุ่ยก็เดินไปยังชั้นบนสุดซึ่งมีห้องเก่าๆที่ยังคงสภาพเดิม
”พี่สะใภ้และหลานชายของข้าอยู่ที่ไหนกัน?”ชิงสุ่ยหัวเราะแม้จะไม่เห็นพวกเขาในตอนที่ลูกชายของหมอปีศาจถือกำเนิด เขาได้ขอให้ชิงสุ่ยมาเป็นพ่อทูนหัว ซึ่งแน่นอนว่าชิงสุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ
ข่าวคราวกันมาถึงของชิงสุ่ยแพร่กระจายออกไปและการมาถึงของเขาครั้งนี้ เขาจะทำการพักอยู่ที่นี่เป็นเวลาอย่างน้อย 1 วัน เมื่อข่าวคราวถึงหูของผู้อาวุโสปู้หยางชิง เขาได้รีบส่งบัตรเชิญฉลองงานเลี้ยงแก่ชิงสุ่ยทันที
งานเฉลิมฉลองเต็มไปด้วยความหรูหราและไม่มีบุคคลอื่นภายนอกปู้หยางชิงต้องตะลึงเป็นอย่างมากเพราะตอนนี้เขามองไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยเลย เขาไม่อาจหยั่งรู้และไม่อาจคาดเดาอะไรได้
ปู้หยางชิงได้นำหญิงสาวตัวเล็กๆมาด้วยคนนึงเธอยังคงเป็นเด็กที่เติบโตมาเหมือนกับดอกไม้บริสุทธิ์และงดงาม ทันทีที่เธอเห็นชิงสุ่ย เธอกล่าวยังมีความสุขมาก “สวัสดีท่านลุง ข้าจำท่านได้”
ตอนที่เธอยังเล็กปู้หยางชิงเคยพาเธอมาเลี้ยงสังสรรค์กับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรักและเอ็นดูเด็กน้อยเสมอเขาจึงมอบกำไลข้อมือเป็นของขวัญ จากนั้นเขาก็หวังว่าในอนาคตเธอจะได้เป็นคู่ครองกับชิงหลงลูกชายของเขา
ในงานเลี้ยงชิงสุ่ยได้แนะนำอีเย่เจี้ยนเก้อให้ทุกคนได้รู้จักปู้หยางชิงถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความสงสัยว่าทำไมหญิงสาวโฉมงามทั้งหลายภายใต้แผ่นฟ้าแห่งนี้ถึงได้อยู่ภายใต้การครอบครองของชิงสุ่ยเพียงผู้เดียว?
ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่นี่1 คืน เขาใช้เวลาทั้งคืนในการพูดคุยเรื่องต่างๆกับหมอปีศาจและปู้หยางชิง ในขณะที่อีเย่เจี้ยนเก้อออกไปเดินเล่นและเที่ยวเตร่ตามประสาหญิงสาวกับบรรดาหญิงคนอื่นๆทันทีที่งานเลี้ยงสิ้นสุดลง
วันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวอำลาทุกคนก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิ
เมื่ออาศัยทักษะย่างก้าวเก้าเทวาและวิหคเพลิงนรกานต์สัตว์อสูรของเขา ทั้งสองคนใช้เวลาประมาณ 2 วันในการเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิ ซึ่งระหว่างการเดินทางทั้งสองได้นอนพิงกายอยู่บนเส้นขนอันนุ่มนิ่มของวิหคเพลิง
”การไปอยู่กับเจ้ามันทำให้ข้ามีความสุขจริงๆความรู้สึกแบบนี้แหละคือความรู้สึกที่ผู้หญิงควรมี”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวกับตัวเอง
”ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้หญิงของข้าแล้วเจ้ามีความสุขหรือไม่?”ชิงสุ่ยเอื้อมมือออกไปปลดเสื้อผ้าของเธอ
ร่างกายที่บอบบางของอีเย่เจี้ยนเก้อกำลังสั่นเครือ
ชิงสุ่ยแตะจมูกและกล่าวว่า”กลิ่นกายของเจ้าหอมยั่วยวนยิ่งนัก!!”
”เจ้าคนร้าย”อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้ม
เขาคือชายคนเดียวที่สามารถกลั่นแกล้งเธอได้โดยที่เธอรู้สึกมีความสุขนี่น่ะหรือคือความหมายของความรักที่เธอมี
…………………………………..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วชิงสุ่ยจับมืออีเย่เจี้ยนเก้อและเดินตรงไปยังประตูทางเข้าของตระกูล ทหารที่ถูกจ้างโดยชิงสุ่ยรีบกล่าวต้อนรับด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเข้ามาในสนามหญ้าพวกเขามองเห็นเหวินเหรินอูซวงและติ๊ชิงกำลังนั่งเล่นกับเด็กๆ ชิงเติงและชิงนิ๋วจ้องมองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาประหลาดใจ
เหวินเหรินอูซวงและติ๊ชิงดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขทันทีที่เห็นชิงสุ่ยและยิ่งมีมากขึ้นเมื่อพวกเธอเห็นอีเย่เจี้ยนเก้อ “พี่เจี้ยนเก้อ ท่านกลับมาแล้ว!!”
หญิงสาวทั้งสองเข้าสวมกอดเจี้ยนเก้อและชิงสุ่ย
เมื่อเด็กชายทั้งสองคนเห็นเจี้ยนเก้อเด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วหยิบเอาของขวัญที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ออกมา
เจี้ยนเก้อรับของขวัญของเด็กๆก่อนจะอุ้มเด็กตัวน้อยขึ้นมาบนแขนมันเป็นภาพที่ดูงดงามอย่างยิ่ง ติ๊ชิงที่เห็นดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ “พี่เจี้ยนเก้อ ดูเหมือนท่านจะรักเด็กๆมาก ทำไมท่านไม่ให้กำเนิดเองสักหนึ่งคนล่ะ?”
อีเย่เจี้ยนเก้อแสดงทีท่าเขินอายก่อนจะกล่าวว่า”พวกเจ้าก็พูดไปเรื่อย”
เมื่อได้ยินเสียงเอะอะอยู่ภายนอกผู้คนในตระกูลก็รีบเดินออกมาไม่ว่าจะเป็นหลวนหลวน อีเย่เทียนและบรรดาภรรยาของเขา รวมทั้งคนอื่นๆ ทันที่ที่หลวนหลวนเจอหน้าอีเย่เจี้ยนเก้อเธอก็รีบวิ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว
”ท่านแม่”.ไอลีนโนเวล.
”เจ้าเด็กน้อยเจ้าโตขึ้นมากนักแต่เจ้าก็ยังเหมือนเดิม”อีเย่เจี้ยนเก้อสวมกอดหลวนหลวนด้วยความรัก
หลวนหลวนอายุย่างใกล้30 ปี แต่ก็ยังถือว่าเป็นเด็กเมื่ออยู่ในโลกใบนี้
ทั้งสองคนต้องแยกทางจากกันมาเป็นเวลากว่า10 ปี หลวนหลวนเดินเข้าไปกอดชิงสุ่ยก่อนจะถามว่า “ท่านพ่อ เมื่อไหร่ท่านจะแต่งงานกับท่านแม่สักที?”
ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะเด็กน้อยคนนี้ช่างฉลาดและมีไหวพริบเกินกว่าจะรับมือ “พ่อกลับมาคราวนี้ก็เพื่อที่จะแต่งงานกับท่านแม่ของเจ้าไงล่ะ”
หลวนหลวนยิ้มกว้างอย่างไม่เคยมีมาก่อน”ข้าดีใจเหลือเกิน ท่านพ่อดีที่สุดในโลกเลย”
ชิงสุ่ยค่อยๆลูบหัวหลวนหลวน
อีเย่เจี้ยนเก้อที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างชิงสุ่ยและหลวนหลวนใบหน้าของเธอแดงก่ำพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อล้น เธอมองเห็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุข ก่อนที่เธอจะเดินไปหาอีเย่เทียนและโอบกอดพี่ชายของเธอ “ท่านพี่ ท่านอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”
”ข้าสบายดีอยู่ที่นี่มันทำให้ข้ารู้สึกอุ่นใจเหมือนบ้านของข้าหลังหนึ่งเลย”
น้ำตาไหลอาบแก้มของอีเย่เจี้ยนเก้อและยังคงไหลรินอย่างต่อเนื่อง
”เจ้าร้องไห้ทำไมเจ้าไม่อยากเจอพวกเราหรือ?”อีเย่เทียนหัวเราะ
”ข้ามีความสุขเหลือเกิน”อีเย่เจี้ยนเก้อกอดบรรดาพี่สะใภ้ของเธอก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวอีเย่เจี้ยนทงเขาไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว ตอนที่เจอกันอีเย่ทงยังเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 10 ขวบ แต่ตอนนี้เขามีร่างกายที่ใหญ่โต
อีเย่ทงมีความสามารถที่ไม่เลวเลยทีเดียวเขาฝึกฝนรูปแบบพยัคฆ์จนก้าวขึ้นสู่ระดับสูง แม้ว่าไม่อาจเทียบได้กับหมิงเยวี่ยเก้อโหลวหรืออี่หวงกู่หวู่ แต่อย่างน้อยเขาก็โดดเด่นและมีอนาคตที่สดใส
”ท่านน้า!!”อีเย่ทงรู้สึกประหม่าอย่างมากและไม่คุ้นเคยกับน้าของเขาที่มีความงามดุจนางอัปสร
อีเย่เจี้ยนเก้อหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนจะมอบของขวัญเป็นทักษะเพลงหมัดซึ่งเธอได้รับจากพระราชวังทะเลราชันย์แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทักษะที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยมันก็เป็นทักษะที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขา
ในไม่ช้ากลุ่มคนตะกูลชิงก็เดินตามกันออกมาทันทีที่ชิงสุ่ยมองเห็นแม่ของเขา เขารีบจูงมือชิงอี้และกล่าวกับเธอว่า “ท่านแม่ เหตุผลที่ข้ากับมาในครั้งนี้ก็เพื่อแต่งงานกับเจี้ยนเก้อ”
ชิงสุ่ยได้ผ่านพิธีแต่งงานกับหญิงสาวของเขาทั้งหมดในบ้าน
ชิงอี้ยิ้มเธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย เธอรอคอยวันนี้มาโดยตลอด หากนับย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่อีเย่เจี้ยนเก้อคือผู้มีพระคุณต่อตระกูลชิง แล้วตลอดช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ชิงอี้ก็เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่วันนี้จะมาถึง ซึ่งนั่นก็เป็นเวลากว่า 20 ปี
ชิงอี้ดึงมืออีเย่เจี้ยนเก้อด้วยท่าทางที่ดีใจอย่างยิ่งและกล่าวว่า”เจ้าจากบ้านหลังนี้ไปนานมากและไม่ได้กลับมาเลย ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ทำอะไรกับเจ้าบ้าง แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาทำ มันทำให้เจ้ามีชีวิตที่ร่าเริง”
”ท่านป้าท่านอย่าแกล้งข้าสิ”อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มด้วยความเขินอาย
ชิงอี้ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเธอคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่าหลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้น อีเย่เจี้ยนเก้อคงไม่พักอยู่ที่ตระกูลชิง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังพึงพอใจ
พิธีแต่งงานระหว่างชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อถูกจัดขึ้นในอีก1 สัปดาห์ข้างหน้า พวกเขาไม่ได้เชิญชวนคนมากมายมาเข้าร่วมพิธี ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของเจี้ยนเก้อ ในขณะที่ชิงสุ่ยเองก็ไม่ต้องการป่าวประกาศอะไรมากมายเช่นกัน ทั้งสองคนมีความรักแก่กันโดยไม่จำเป็นต้องแสดงให้ผู้อื่นรับรู้ ขอเพียงแค่เพื่อนและครอบครัวใกล้ตัวรับรู้ก็พอ
แต่งานเลี้ยงก็ยังคงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เนื่องจากบรรดาแขกและเพื่อนๆของเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดางานเลี้ยงเต็มไปด้วยความวุ่นวายกว่าทุกอย่างจะสงบนิ่งก็คงเป็นตอนท้ายพิธี ทุกคนรื่นเริงกับงานเฉลิมฉลอง ส่วนคนที่ต้องการแสดงความยินดี ชิงสุ่ยก็เปิดหอคอยจักรพรรดิเพื่อรับของกำนัลมากมาย ผู้คนที่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาสามัญชนซึ่งเคยได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลชิง ทุกคนต่างร่วมยินดีโดยการมอบของขวัญ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของพิเศษแต่ก็เป็นของที่พวกเขาพยายามหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง
และยิ่งไปกว่านั้นคำขอบคุณของชิงสุ่ยได้ส่งต่อถึงพวกเขาด้วยความตั้งใจโดยไม่สนใจว่าของขวัญเรานั้นจะมีค่ามากเพียงใด แค่เขารับรู้ก็มีความสุขมากแล้ว