Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1654 - ความหวัง ประมุขพระราชวังสุริยา สังหาร
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1654 - ความหวัง ประมุขพระราชวังสุริยา สังหาร
AST
”นางแพศยาเจ้าคิดจริงหรือว่าข้าไม่กล้าลงมือสังหารเจ้า? เจ้ามันก็เป็นเพียงสิ่งของที่มีอาจหนีเมียมือข้าไปได้”
ราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองกำลังโกรธแค้นดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้สะกดคำสาปแช่งด่าทอครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้เขารู้สึกอับอาย แต่ตัวของเขาเองก็ชอบผู้หญิงที่มีลักษณะหัวแข็ง และจะมีความสุขอย่างมากถ้าหากเธอยอมแพ้
แม้ว่าประมุขแห่งพระราชวังสุริยาจะได้รับบาดเจ็บแต่พลังการโจมตีของเธอก็ไม่ได้ทดถอยลงเลย และไม่ได้ดูเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่สุดท้ายผลการต่อสู้จะต้องจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของเธออย่างแน่นอน เพียงแค่เวลานั้นยังมาไม่ถึง
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาไม่สนใจคำด่าทอที่สร้างความอัปยศใดๆทั้งสิ้นเธอยังคงจดจ่ออยู่กับการต่อสู้และพยายามควบคุมบาดแผล แต่เธอก็รู้ดีว่าสุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้
”ยอมจำนนต่อข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกของเจ้า ยิ่งต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ และถ้าหากเจ้าปลิดชีพตัวเอง ทุกคนในพระราชวังสุริยาจะได้ตายกลายเป็นผีไปเฝ้าเจ้า เจ้าคนรู้เอาไว้ว่าข้าไม่เคยพูดเล่น”
ตอนแรกประมุขแห่งพระราชวังสุริยาต้องการจะปลิดชีพตัวเองเพื่อให้การต่อสู้จบลงและไม่ต้องการมอบร่างของเธอเป็นเครื่องบรรณาการแก่ผู้อื่น แต่สุดท้ายคำพูดของราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองก็ทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิด สิ่งที่เธอทำทุกอย่างก็เพื่อให้พรรคพวกของเธอมีชีวิตรอด แต่ถ้าหากเธอปลิดชีพตัวเองนั่นก็เท่ากับว่าเธอเป็นคนลงมือสังหารพรรคพวกของเธอทางอ้อม
”ท่านประมุขแห่งพระราชวังสุริยาท่านอย่าได้กังวล ได้โปรดรีบหนีเอาตัวรอดก่อนเถิด มันยังไม่สายที่ท่านจะกลับมาแก้แค้นใหม่!!”ใครบางคนในกลุ่มพระราชวังสุริยาเพลงเสียงตะโกน
ฟุบบบบ!!
คนที่เป็นเสียงตะโกนถูกปลิดชีพอย่างรวดเร็วโดยเงื้อมมือของราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทอง
สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ผู้คนของพระราชวังสุริยาหวาดกลัวเลยแต่มันกลับกระตุ้นความโกรธแค้นของพวกเขา และเริ่มสะกดคำสาปแช่งแก่คนกลุ่มพระราชวังทรายทอง อาจเพราะพวกเขาไม่มีพลังที่จะใช้ต่อสู้ในแง่ความแข็งแกร่ง จึงเลือกที่จะโจมตีทางด้านวาจา
หลังจากที่เริ่มลงมือสังหารผู้คนที่ขัดขวางราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองก็มองดู ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาที่พยายามหลบหนี “เจ้าขยะ กลับมาเดี๋ยวนี้!!”
ราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองพุ่งกระโดดออกไปพร้อมกับปลดปล่อยที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลและมีรูปเงาพยัคฆ์อยู่ด้านหลัง
ตูมมมมม!!
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาพยายามเบี่ยงเบนพลังแต่เธอก็ถูกพลังของราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองต้อนให้ต้องกลับไปยังที่เดิมจนเธอทนไม่ไหว ต้องเค้นพลังหมัดอัดกระแทกเข้าหาศัตรูที่กำลังโจมตีเธอ มันเป็นความรุนแรงที่พอจะแยกฟ้าดินออกจากกันได้
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้ากลับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงอีกครั้งจนเธอไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ในอีกต่อไปแล้ว
ความหวังของเธอพังทลายเธอไม่อาจยอมรับความจริงและไม่มีพลังมากพอที่จะฆ่าตัวตายอีกแล้ว หากเธอถูกจับ สภาพของเธอจะย่ำแย่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น แม้เธอจะไม่กลัวตาย แต่เธอกลัวที่จะถูกย่ำยี
ตัวของเธอเองก็ไม่อาจเพิ่มเฉยกับการมีอยู่ของพระราชวังสุริยาแน่นอนว่าต่อให้เธอตายไปเธอก็ตายอย่างไม่สงบ เมื่อมองดูกำปั้นยักษ์ที่กำลังโจมตีเข้าหาเธอ ร่างกายที่พยายามต่อต้านก็เริ่มหมดแรงไม่หลงเหลือทางออกให้เธออีกแล้ว
ไม่มีใครในที่นี้ช่วยเธอได้แม้ว่าเธอจะดิ้นรนเท่าไหร่ ชัยชนะไม่มีทางบังเกิด………
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาหลับตาลงและยอมรับความตายทันใดนั้นร่างเงาบางอย่างก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าที่เธอยืนอยู่ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับร่างเงาชายผู้นี้เป็นอย่างมาก เธอเชื่อว่ามันเป็นภาพลวงตาและพยายามสายหน้า ตัวของเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยามคับขันเธอถึงได้นึกถึงชายผู้นี้?
เวลาเหมือนถูกหยุดเธอมองดูร่างเงาที่ยืนอยู่เบื้องหน้าและคิดเสมอว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่อย่างไรก็ตาม ภาพลวงตานี้ก็ปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าของจริง
ปังงง!!
พลังหมัดที่ถูกปลดปล่อยโดยราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ก่อนที่ร่างของราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองจะถูกอัดปลิวลอยกลับไปโดยชิงสุ่ย
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยามองดูร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ภาพลวงตาแต่เป็นของตัวของเขาจริงๆ ใครจะคิดว่ายามคับขัน เขาจะมาปรากฏตัว แล้วทำไมเขาถึงได้ทรงพลังเช่นนี้?
เธอมองดูรอยยิ้มที่คุ้นเคยซึ่งปรากฏอยู่ในใบหน้าของชิงสุ่ยเธอทั้งรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกดีใจก่อนที่เธอจะโผเข้าไปสวมกอดชิงสุ่ยจากนั้นก็ร้องไห้เหมือนกับเด็ก เธอพยายามควบคุมร่างกายของเธอแล้วแต่มันก็ไม่ฟัง นี่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เธอมี มันช่างเหมือนกับเด็กน้อยที่น่าสงสาร
ชิงสุ่ยที่โดนกอดจากข้างหลังไม่ได้ผลักเธอออกไปเขายืนอยู่เฉยๆเพราะรู้ดีว่าเธอกำลังเจ็บปวดเพียงใด จากนั้นไม่นานประมุขแห่งพระราชวังสุริยาก็ปล่อยตัวชิงสุ่ยพร้อมกับใบหน้าแดงระเรื่อที่เกิดจากความเขินอาย เพราะมีผู้คนรอบข้างมากมายกำลังจับจ้องภาพที่เกิดขึ้น
”แกเป็นใครกัน?ทำไมถึงกล้าบังอาจเข้ามายุ่งย่ามเรื่องของข้ากับพระราชวังสุริยา?” หลังจากที่ถูกชิงสุ่ยอัดกระแทกลอยไป จิตใจราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองก็เริ่มไม่มั่นคง และเมื่อเขามองดูการกระทำของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา เขาก็ได้แต่อิจฉา และอยากรู้ว่าทำไมชายผู้นั้นถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้กัน?
ชิงสุ่ยเหมือนคำพูดของเขาและหันกลับไปสนใจประมุขพระราชวังสุริยา ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณเจ้าที่คอยดูแลพระราชวังทะเลราชันย์ แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ข้าคงไม่ได้มาสายเกินไปใช่หรือไม่”
”การปรากฏตัวของเจ้ามันทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งตัวข้านั้นไรเพื่อน จึงไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยเหลือข้า”ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวด้วยความหดหู่เล็กน้อย
”แล้วข้าไม่ใช่เพื่อนของเจ้าหรือเจ้าคงไม่เต็มใจนับข้าเป็นเพื่อนสินะ?”ชิงสุ่ยจ้องมองดูหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เต็มใจเป็นเพื่อนกับชิงสุ่ยแต่เธออยากอยู่กับชิงสุ่ยในรูปแบบสามีภรรยาต่างหาก และเธอก็รู้ดีว่าชิงสุ่ยคงไม่ยินยอม เธอจึงยิ้มให้กับชิงสุ่ย “เจ้าคือเพื่อนของข้า แม้การมีอยู่ของเจ้าแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้วต่อชีวิตข้า”
”เมื่อเจ้านับข้าเป็นเพื่อนงั้นข้าขอช่วยเจ้าเป็นอย่างแรกก่อน”ชิงสุ่ยหยิบยาออกมาและเริ่มรักษาเธอจากนั้นก็ให้เธอจะจ่ายยาให้กับคนอื่นที่บาดเจ็บ ปูสงครามจำนวนมากที่ได้รับยาก็เริ่มบรรเทาอาการบาดเจ็บของตน
”พวกมันแข็งแกร่งมากให้ข้าช่วยเจ้าสู้เถอะ!!”ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวด้วยความกังวล
”ตัวเจ้านั้นยังได้รับบาดเจ็บอยู่เลยไปพักผ่อนซะเถอะ คอยดูการต่อสู้ของข้า มันจะจบลงอย่างรวดเร็วอย่าได้เป็นห่วง”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความมั่นใจ
เธอยังคงหวาดกลัวขณะที่มองดูแผ่นหลังของชิงสุ่ย คำพูดของเขามันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด “ระวังตัวด้วย” หัวใจของเธอรู้สึกสั่นไว้ก่อนที่เธอจะกระโดดกลับไปด้านหลัง เธอเหมือนหญิงสาวที่มีความสุขเมื่อมีชายหนุ่มมาคอยปกป้อง
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเธอจะคิดมากเช่นนี้และคำพูดของเขาก็กล่าวออกมาด้วยความไม่ตั้งใจเท่านั้น เขาแค่อยากปกป้องเด็กน้อยที่น่าสงสารอย่างเธอ
”ข้าเป็นใครเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้แต่ที่ข้าเห็นคือเจ้ากำลังรังแกเพื่อนของข้า เจ้ามีเหตุผลในการกระทำเช่นนี้หรือไม่?”ชิงสุ่ยเดินตรงเข้าไปถามราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทอง
”ข้าเองก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่หรอกนะว่าเจ้าเป็นใครถ้าหากเจ้ายอมจากไป ข้าจะทำเป็นลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเพื่อนกับแม่นั่นหรือไม่ ทางที่ดีเจ้าอย่ายื่นมือเข้ามาวุ่นวายเลย เจ้ามันก็เพียงแค่มนุษย์ อย่าได้ริอาจยุ่มย่ามกับราชาท้องทะเลแห่งนี้”ราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองเปล่งเสียงคําราม.Aileen-novel.
”ฮ่าฮ่า ฮ่า เจ้าจะได้รู้หลังจากได้ปะมือกับข้า บางทีเจ้าอาจจะเปลี่ยนคำพูด”ชิงสุ่ยดึงง้าวทองทะลวงศัตรูและพุ่งเข้าโจมตี ระหว่างนั้นผู้คนจำนวนมากจากพระราชวังทรายทองพยายามเข้ามาสกัดกั้นแต่ก็ถูกแรงจนตีเป่าจนปลิวว่อนไปทั่วพื้นที่ แน่นอนว่าทุกคนต่างล้มตายภายในกระบวนท่าเดียว
”ทุกคนบุกเข้าไปฆ่ามันให้ได้”ราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองรู้ดีว่าชายที่ชื่อชิงสุ่ยทรงพลังเพียงใด แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้รับพลังมากมายขนาดนี้ได้?
ปูราชันย์สงครามทองคำปูราชันย์สงครามยุพราช เงือกวารีมังกร รวมถึงราชันย์ฉลาม ต่างก็ประสานพลังเข้าโจมตีชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่หวั่นเกรงแม้ว่าศัตรูจะมีจำนวนมากและมีขนาดใหญ่โตเพียงใดก็ตามง้าวทองทะลวงศัตรูอยู่ในมือของเขาปลดปล่อยลำแสงสีทองพร้อมกับสะบัดเป็นกงล้อไฟเพื่อสกัดกั้นและช่วยเหลือผู้คนที่ติดอยู่ท่ามกลางสงคราม
ไม่มีใครสักคนที่เหมาะสมในการเป็นคู่มือต่อสู้สำหรับชิงสุ่ยยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ราชันย์ปูสงครามต้องสิ้นชีวิต คนที่แข็งแกร่งภายในชั่วพริบตา มีหรือที่คนอ่อนแอจะกล้าสู้ต่อ
ในตอนนี้ราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเขารู้แล้วว่าชิงสุ่ยนั้นแตกต่างจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง เขาไม่ควรดึงชายผู้นี้เข้ามาเกี่ยวเลย
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยามองดูคลื่นเงาชิงสุ่ยที่กำลังไล่สังหารศัตรูอย่างบ้าคลั่งเธอประหลาดใจกับความแข็งแกร่งที่ชิงสุ่ยครอบครองอย่างมาก เมื่อครั้งก่อนแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งถึงระดับนี้
”พวกเราพระราชวังทรายทองคือสาขาของกลุ่มพระราชวังมังกรอุดร ถ้าหากเจ้าลงมือสังหารพวกข้าอีก เจ้าจะถูกไล่ล่าและถูกสังหารโดยคนของพระราชวังมังกรอุดร”ราชันพยัคฆ์วารีทรายทองกล่าวตะโกนขู่
เขาระเบิดพลังก่อนจะออกไปแลกเปลี่ยนเหมือนกับชิงสุ่ยอีกครั้งแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับชิงสุ่ยเลย สุดท้ายเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะยกคำขู่เรื่องของกลุ่มมังกรอุดรออกมา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเลย
ชิงสุ่ยแม้จะไม่ได้ลงมือสังหารผู้คนฝั่งพระราชวังทรายทองทั้งหมดแต่ส่วนใหญ่จุดตันเถียนก็ถูกทำลายจนไม่อาจฝึกฝนต่อได้ หลายคนไม่อาจยอมรับความจริงนี้และเลือกที่จะปลิดชีพของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าชิงสุ่ยก็ไม่ได้ห้ามอะไร
”ข้าไม่สนใจเรื่องของพระราชวังมังกรอุดรเลยข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่าโทษที่เจ้าทำสุดท้ายต้องจบที่ความตาย”ชิงสุ่ยมองดูราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองด้วยสายตาโหดเหี้ยม
หลังจากที่เขากล่าวจบเขาก็เดินตรงไปหาราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองอย่างรวดเร็วกลิ่นอายรอบตัวของชิงสุ่ยแปรเปลี่ยนเป็นหอกสีทองคอยสะบั้นชีพผู้คนที่เข้ามาขัดขวางจนตายเกลื่อนเป็นทางยาว
ราชันย์พยัคฆ์วารีทรายทองมองดูง้าวทองทะลวงศัตรูค่อยๆเจาะทะลุลำตัวด้วยสายตาที่หวาดกลัวชีวิตของเขากำลังจะดับสิ้นและเริ่มเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เขาควรจะได้ปกครองพื้นที่แห่งนี้ และควรจะได้ขึ้นเป็นผู้นำ นำพาพระราชวังทรายทองไปสู่ความยิ่งใหญ่
แต่ช่างน่าเสียดายที่เขาคิดผิดสิ่งที่เขาได้ทำลงไปมันทำให้ชิงสุ่ยซึ่งเป็นคนนอกโกรธ เขาต้องการหลอมรวมพระราชวังทรายทองให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระราชวังสุริยา และต้องการเอาประมุขแห่งพระราชวังสุริยามาเป็นผู้หญิงของเขา ความโลภและการล่อลวง ทำให้เขาตัดสินใจผิดพลาดที่สุดในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขมันอีกแล้ว