Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1655 – ความเศร้าของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา พระราชวังมังกรอุดร
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1655 – ความเศร้าของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา พระราชวังมังกรอุดร
AST
ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่มันง่ายมากที่จะเปลี่ยนกระแสของสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ผู้คนของพระราชวังสุริยาส่งเสียงโห่ร้อง มันเหมือนกับว่าพวกเขามีโอกาสอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามสำหรับสมาชิกของพระราชวังทรายทองคำพวกเขาราวกับตกลงไปในห้วงแม่น้ำ ชัยชนะถูกกระชากเอาไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา
หลังจากที่ผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดได้พิการไปคนที่เหลือก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในน้ำมือของพระราชวังสุริยา สิ่งต่างๆถูกตัดสินอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากที่ชิงสุ่ยมาถึง
นี่คือประโยชน์ของการมีพลังที่ยิ่งใหญ่แม่แต่พระราชวังทรายทองคำซึ่งแข็งแกร่งกว่าพระราชวังสุริยาก็ไม่อาจรับมือชิงสุ่ยได้เกิน 1 ชั่วโมง
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาเดินอยู่ข้างชิงสุ่ยศัตรูถูกกำจัดแล้ว สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวของเลือด อย่างไรก็ตามทะเลนั้นสามารถชำระล้างสิ่งต่างๆได้อย่างหมดจด เพียงไม่นานสถานที่ดังกล่าวก็สะอาดบริสุทธิ์เหมือนก่อน
”เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”ชิงสุ่ยหันไปมองประมุขแห่งพระราชวังสุริยาและยิ้มให้
สีหน้าของเธอดูซีดเซียวเสน่ห์ของเธอดูจางลงไป กลับกันกลิ่นอายของความน่าเวทนาแบบผู้หญิงก็เริ่มแผ่ออกมา ณ ตอนนี้ เธอเหมือนกำลังล่อลวงให้ผู้อื่นเข้าไปหา
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยามองดูชิงสุ่ยด้วยท่าทางงุนงงเล็กน้อยเขามองกลับมาที่เธอ มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “ข้างดงามหรือไม่?”
”แน่นอน!”ชิงสุ่ยกล่าวจากใจจริง
“เจ้าชอบไหม?”ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาถาม เธอลดศีรษะต่ำลงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน เธอดูจะเขินอายนิดหน่อย
ผู้หญิงอย่างเธอจะถูกควบคุมโดยชายผู้มีอำนาจเท่านั้นเธอจะเต็มใจมอบหัวใจให้กับชายคนนั้น ทว่าชายที่ว่าต้องเป็นคนที่เธอชอบพอด้วย ตัวอย่างเช่น ประมุขแห่งพระราชวังทรายทองคำ เขาแข็งแกร่งกว่าเธอ แต่เธอก็ไม่ชอบเขา
”ข้าชอบ!”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะมอบกายของข้าให้เจ้าและมีพระราชวังสุริยาเป็นสินสอดของข้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาเงยศีรษะขึ้นและมองดูชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์และกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ความชอบกับความรักนั้นแตกต่างกัน ข้าชอบผู้หญิงที่งดงามทุกคน แต่ถ้าข้าต้องแต่งงานกับพวกนางทั้งหมด ข้าจะไม่อ่อนเพลียจนตายงั้นหรือ?”
ชิงสุ่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเขาถูจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย ประมุขแห่งพระราชวังสุริยารู้สึกเขินอายเช่นกัน ถึงแม้เธอจะโตพอสมควรแล้ว แต่มีหลายสิ่งที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ แม้เธอจะรู้เกี่ยวกับพวกมัน
“เจ้าพูดว่าเจ้าชอบข้าข้าต้องทำอย่างไรเพื่อให้เจ้ารักข้า ข้ารักเจ้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวเบาๆ
ชิงสุ่ยไม่เข้าใจบางอย่างเมื่อผู้หญิงคนนี้ได้พบกับเขาครั้งแรก เธอต้องการเป็นของเขาและมันก็ยังเหมือนเดิม เขากล่าวอย่างหมดหนทาง “การรักใครสักคนเป็นเรื่องที่แปลก มันอาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกพบ หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย แม้จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ความรักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ เมื่อเจ้าตระหนักว่าได้ตกหลุมรักอีกฝ่าย เจ้าไม่มีทางรู้หรอกว่าความรักเริ่มต้นตอนไหน”
“ข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบข้ายินดีที่จะรอ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มัน เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะไม่ไปรบกวนเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องยอมปล่อยให้ข้าได้รักเจ้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวช้าๆ ดวงตาอันงดงามของเธอมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความรู้สึกรักจากลึกๆข้างใน
ชิงสุ่ยหันกลับไปอย่างช้าๆมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจความรู้สึกรักของผู้หญิง นี่เป็นปัญหาเดียวกันกับผู้ชายทุกคน ต่อหน้าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวย มันง่ายดายที่พวกเขาจะรู้สึกดีด้วย
ชิงสุ่ยมองเธอที่อยู่ในอาการหดหู่เล็กน้อยเขาไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไร การที่เขาพยายามปลอบใจเธอ มันอาจยิ่งทำให้เธอตกหลุมรักเขามากเท่านั้น บางทีความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงจะค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับซีฉีชา เธอไม่ได้มีชีวิตที่มีความสุขอย่างที่หวัง
…
เมื่อชิงสุ่ยเดินทางไปเยี่ยมประมุขแห่งพระราชวังสุริยาอีกครั้งอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเธอก็หายดีแล้ว ชิงสุ่ยกล่าวผ่านๆ “การสูญเสียของพระราชวังสุริยาในครั้งนี้ร้ายแรงหรือไม่?”
“ด้วยยาเม็ดของเจ้าหลายคนรอดพ้นจากความตาย ส่วนคนที่บาดเจ็บก็ฟื้นตัวขึ้น” ขณะที่เธอกล่าว ดูเหมือนมันจะมีร่องรอยของความเศร้าโศกปนอยู่ในดวงตา
“อย่าเศร้าไปเลยนี่เป็นชะตากรรมของผู้ฝึกตนทุกคน พวกเขารู้ดีว่าวันหนึ่งมันจะมาถึง เจ้าทำได้ดีแล้ว” ชิงสุ่ยปลอบใจเธอ
“ภรรยาของเจ้าประมุขแห่งพระราชวังทะเลราชันย์ นางได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า มันยากมากสำหรับผู้หญิงที่จะอยู่รอดในโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างพวกเรา พวกเราไม่เพียงแต่ต้องแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น พวกเรายังต้องรักษาคอยป้องกันเพื่อไม่ให้ผู้อื่นมาแย่งชิงไป” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาถอนหายใจขณะที่กล่าวด้วยความทุกข์
“พระราชวังมังกรอุดรนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?”ชิงสุ่ยคิดถึงสิ่งที่ประมุขพระราชวังทรายทองคำกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ พวกนั้นอาจกลับมาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาซ้ำได้
”แดนทะเลน้ำเเข็งเป็นเพียงหนึ่งในส่วนย่อยของแดนทะเลน้ำแข็งอุดรพระราชวังมังกรอุดรนั้นถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างไรก็ตาม พวกมันทรงพลังกว่าเมื่อเทียบกับแดนทะเลน้ำเเข็ง”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาดูจะกังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวลไปพวกมันจะไม่ก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้สร้างปัญหา” ชิงสุ่ยคิดและกล่าว ที่แห่งนี้คือที่ตั้งของพระราชวังสุริยา ตราบใดที่พระราชวังสุริยาไม่เป็นอะไร พระราชวังทะเลราชันย์ก็จะปลอดภัย
ตอนนี้ทั้งอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิงไม่ได้ด้อยไปกว่าพระราชวังสุริยาในแง่ของความแข็งแกร่งอย่างไรก็ตามพระราชวังทะเลราชันย์ยังถือว่ามีผู้ที่ทรงพลังน้อยมาก
“ชิงสุ่ยข้าไม่รู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เคยมีคนพูดว่าที่พระราชวังมังกรอุดรมีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาจ้องมองชิงสุ่ยและกล่าว เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาดี ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ระดับพลังของชิงสุ่ย ผู้ชายคนนี้ต้องอยู่ในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน.ไอรีนโนเวล.
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเกี่ยวกับระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เขาก็ไม่ได้กังวลเหมือนก่อน ในอดีตที่ผ่านมา เขาจะรู้สึกกลัวที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ แม้เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ที่อยู่ในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง มันก็อาจมีสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถหลบหนี และเขาก็ไม่สามารถเอาชนะพวกนั้นได้
“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้ารู้สึกว่าพระราชวังมังกรอุดรคงไม่ลงมือเพียงเพื่อพระราชวังทรายทองคำ อย่างน้อยที่สุด พวกเขาไม่น่าจะลงมือเร็วๆนี้” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิด
”พระราชวังทรายทองคำมีผู้คนมากมายข่าวจะต้องไปถึงพระราชวังมังกรอุดรอย่างรวดเร็ว” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาส่ายหัวแล้วกล่าว
หัวใจของชิงสุ่ยรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อยด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา จากความจริงที่ว่าเขาสามารถทำให้ศัตรูอ่อนแอลงได้ เขาจะยังมีโอกาสชนะ แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์บางคน
เมื่อสิ่งเหล่านี้แวบผ่านเข้ามาในใจเขายังคงรู้สึกดีอยู่ เขายิ้มและกล่าว “อย่าห่วงไปเลย พวกเราจะจัดการสิ่งต่างๆได้ พวกเราควรใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขและอิ่มเอม ไม่ว่าพวกเราจะมีเรื่องต้องกังวลหรือไม่ก็ตาม พวกเราก็ต้องผ่านมันไป ผ่อนคลายลงซะ”
หลังจากที่เธอเห็นชิงสุ่ยเช่นนั้นเธอก็ยิ้ม “หากมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัว นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกและข้าชอบมัน”
ชิงสุ่ยยิ้มครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้ไขว้คว้าหาเขาอย่างรุนแรง แม้แต่เซียงเป่าก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ด้วยกายานพเก้าที่มีเหมือนกัน ชิงสุ่ยคิดถึงชิงหานยี่ขึ้นมาทันใด เธอเป็นหญิงอันงดงามผู้มีกายานพเก้า ผ่านมาหลายปีแล้ว เขาสงสัยว่าเธอสบายดีหรือไม่
เขาคิดถึงเธอเพียงเล็กน้อยเขาต้องการพบเธอ ในอดีต พวกเขาทั้งสองสนิทกันมากและมีความรู้สึกแปลกๆระหว่างกัน แม้จะมีหลายครั้งที่เขาลืมเลือนเธอ
ตอนนี้เขาคิดถึงเธอเขาต้องการอยากพบเธอทันที
มันไม่ได้มีความตั้งใจอื่นที่อยู่เบื้องหลังเขาเพียงแค่ต้องการดูว่าเธอเป็นอย่างไร
”เจ้ากำลังคิดถึงใครอยู่?ทำไมเจ้าถึงดูเหม่อลอย?”
ชิงสุ่ยส่ายหัวแน่นอนว่าเขาจะไม่พูดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มและกล่าว “ข้าจะคอยระวังสิ่งต่างๆที่นี่ หากมีใครเข้ามา ข้าจะสัมผัสถึงพวกมันได้ ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นคนที่สังหารพวกของมัน ดังนั้นพวกมันจะต้องจ้องเล่นงานข้า”
“ข้าไม่กลัวว่าพวกมันจะมาหาข้าข้าขอแค่ให้เจ้าปลอดภัย” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาหันไปที่หน้าต่างขณะที่เธอกล่าวสิ่งนี้
“พวกเราทั้งคู่จะไม่เป็นอะไรชีวิตของผู้ฝึกตนนั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย มันยังมีหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล หากไม่มีอุบติเหตุใดมาขวาง พวกเรทั้งคู่จะอยู่ต่อไปแสนนาน รักษาชีวิตไว้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
”ข้าจะทำเจ้าสัญญากับข้าข้อหนึ่งได้ไหม?” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาหันมามองชิงสุ่ย
”ตกลงข้าสัญญากับอะไรก็ตามที่ข้าทำได้” ชิงสุ่ยกล่าวออกไปลอยๆ เขาจะสัญญาในสิ่งที่เขาทำได้ หากไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ เขาก็จะไม่พูดมันออกไป
”ในอนาคตถ้าเจ้าพอมีเวลา เจ้าจะมาเยี่ยมข้าบ้างได้ไหม? พวกเราเป็นสหายกัน ดังนั้นเจ้าคงไม่ปฏิเสธข้าใช่หรือไม่?” เธอมองชิงสุ่ยและกล่าว เธอกลัวว่าชิงสุ่ยจะปฏิเสธเธอและเธอก็กลัวว่าจะเห็นสายตาที่ไม่เต็มใจของเขา
”แบบนี้เป็นคำของั้นหรือ?ถ้าข้ามีเวลา ข้าย่อมมาหาเจ้าอย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข
ชิงสุ่ยอยู่ไม่นานนักก็กล่าวอำลาก่อนที่เขาจะจากไป เขาบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล หากมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ เขาจะรีบมุ่งหน้ามาอย่างสุดกำลัง
เธอยิ้มพร้อมกับไปส่งชิงสุ่ยขณะที่เขามองดูร่างเงาที่จากไปของเขา เธอแทบจะกลั้นใจไว้ไม่ไหว การถูกใครสักคนดึงดูดแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ช่างทรมาน
เธอไม่รู้ว่าหากชิงสุ่ยกลับไปพระราชวังมังกรอุดรจะยิ่งแข็งฮึกเหิมขึ้นหรือไม่ เธอหวังว่าชิงสุ่ยจะมาปรากฏตัวได้ทันเมื่อเธอมีปัญหา แต่ขณะเดียวกัน เธอก็หวังให้เขาไม่มาปรากฏตัว
เธอรู้สึกขัดแย้งมากการจากไปของชิงสุ่ยทำให้เธอรู้สึกอ้างว้าง ทันใดนั้นความรู้สึกต่างๆมากมายในตัวเธอก็จางหายไป โลกของเธอดูหนาวเหน็บลง เธอไม่รู้ตัวว่าจะได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เธอดูเหมือนจะอ่อนแอลง
ชิงสุ่ยกลับไปที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์คราวนี้หญิงทั้งสองอยู่แถวนั้น พวกเธอไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของชิงสุ่ย อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าเพิ่งกลับมาจากพระราชวังสุริยาใช่ไหม? เป็นอย่างไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยรู้ว่าพวกเธอรู้ดีเขายิ้มและกล่าว “สำหรับพระราชวังทรายทองคำ เรื่องอาจจบลงแล้ว อย่างไรก็ตามพระราชวังมังกรอุดรคงใกล้เข้ามา จริงสิ พระราชวังมังกรอุดรแข็งแกร่งมากเพียงใด?”
มู่หยุนชิงเฉิงขมวดคิ้ว”พระราชวังมังกรอุดรอยู่ในระดับเดียวกับนิกายอมตะ”
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินมันเขารู้สึกไม่ค่อยดี ขั้วอำนาจภายในโลกใต้ทะเลล้วนเชื่อมโยงกัน ขั้วอำนาจหนึ่งจะมีอิทธิพลมากขึ้นถ้ามีใครหนุนหลังพวกเขา และขั้วอำนาจนั้นก็จะมีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งกว่าคอยค้ำจุน อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงดังกล่าวมักมีไม่มากเกินหนึ่งหรือสองกลุ่ม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ใต้อำนาจเดียวกันหมด เป็นเพราะผู้ที่อยู่เบื้องบนไม่มีทางมาใส่ใจกลุ่มเล็กๆที่ต่อสู้กัน พวกเขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมกับพวกนั้น