Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1660 - รวมตัวกัน พระราชวังอาทิตย์อัสดง พระราชวังมังกรปรากฏตัวขึ้น?
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1660 - รวมตัวกัน พระราชวังอาทิตย์อัสดง พระราชวังมังกรปรากฏตัวขึ้น?
AST
”เหตุใดถึงสุภาพขึ้นมาอย่างฉับพลัน?”ชิงสุ่ยยิ้ม
ประมุขพระราชวังสุริยาส่ายศีรษะของนาง”นี่ไม่ใช่ความสุภาพ ข้าไม่เคยสุภาพกับเจ้าแต่ข้ายังอยากพูดเรื่องนี้กับเจ้า นอกเหนือจากนี้ข้าก็ไม่มีอะรไจะพูดอีกแล้ว”
ประมุขพระราชวังสุริยาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่มีค่าที่สุดของนางคือร่างกายของนาง ถึงแม้ว่านางจะเต็มใจมอบให้เขาแต่เขาก็ไม่ยอมรับ นางรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจในตัวนางเลยแต่เขาก็ต้องควบคุมตัวเองหรืออีกอย่างคือเขาไม่ต้องการทำร้ายนาง
นั่นทำให้นางตกหลุมรักเขามากยิ่งขึ้นนางเองก็มีผู้คนมากมายที่มาตกลุมรักความงามและร่างกายของนางแต่ก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถคว้าหัวใจของนางเอาไว้เหมือนกับเขาได้
หญิงสาวนั้นมักจะมีความขัดแย้งในตัวเองอยู่เสมอเพียงแค่นางเริ่มคิดเรื่องนี้นางก็จิตนาการออกไปไกลแล้ว แม้ว่าหากเขาตอบรับการร้องขอของนางตั้งแต่แรกนางก็ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะยังคงรักเขาอยู่อีกหรือไม่
”พลังของพระราชวังสุริยาก็ไม่ได้ถือว่าน้อยข้าจะพาท่านไปยังพระราชวังทะเลราชันย์ในวันพรุ่งนี้และให้ทุกๆคนได้รู้จักกันเอาไว้ เป็นมิตรสหายกันเอาไว้ย่อมดีกว่า” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
”ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก”ประมุขพระราชวังสุริยากล่าวอย่างยินดี
หญิงสาวผู้นี้เข้าใจเรื่องราวได้ดีนางรู้ว่าชิงสุ่ยก็คิดเหมือนกับนางด้วยเช่นกัน
……
ชิงสุ่ยพักที่พระราชวังสุริยาในคืนนี้แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นในวันถัดมาเขาก็ตรงไปที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในพระราชวังทะเลราชันย์
เมื่อหญิงสาวทั้งสองคนได้เห็นชิงสุ่ยพาประมุขพระราชวังสุริยามาที่นี่พวกนางก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที หากชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความคิดของพวกนางเขาอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นใช้วิธีอื่น ความผิดพลาดในครั้งนี้อาจจะทำให้หญิงสาวทั้งสามคนนั้นเข้าใจผิด
อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มเมื่อนางมองมายังชิงสุ่ยแต่นางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ลึกลึกในใจแล้วนางรู้ดีว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นเป็นคนเจ้าชู้ แต่นางก็ไม่ได้แปลกใจเพราะนางเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวของเขาและเขาก็รักหญิงสาวทุกๆคนของตนเอง
หญิงสาวทั้ง3 คนในตอนนี้รับรู้ถึงพลังของกันและกัน เพราะการรับรู้ทางจิตวิญญาณของพวกนางนั้นบอกได้ทุกอย่าง แต่ในตอนนี้อีเย่ เจี้ยนเก้อยืนนำหน้าพวกนางทั้ง 2 คนเอาไว้ นี่คือระยะห่างระหว่างพวกเขา
”เมื่อพวกเจ้าได้ทำความรู้จักกันแล้วข้าก็จะได้เข้าเรื่องสักทีทุกๆคนที่นี่ต่างก็เป็นมิตรสหายต่อกัน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถรวมตัวกันเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งได้ ในอนาคตไม่ว่าพวกดเจ้าจะอยู่ที่นี่หรือจะขยายกำลังไปสู่แดนทะเลเหนือ ข้าหวังว่าพวกเจา้จะเข้ากันได้ดี แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้อเสนอ ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง” ชิงสุ่ยหัวเราะ
ความจริงแล้วคำแนะนำของชิงสุ่ยนั้นย่อมเป็นการตัดสินใจของเขานั่นเป็นความความเผด็จการของชิงสุ่ยแต่ด้วยเพราะเขาเป็นคนที่ครองใจหญิงสาวทุกๆคนโดยเฉพาะอีเย่ เจี้ยนเก้อที่รักชิงสุ่ยเป็นอย่างมาก
มู่หยุนชิงเก้อก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากชิงสุ่ยมาครั้งหนึ่งและพลังของนางในตอนนี้นั้นก็เทียบได้กับชิงสุ่ย ประมุขพระราชวังสุริยาเองก็คล้ายคลึงกันกับมู่หยุน ชิงเก้อ
”ข้าอยากจะรวมพระราชวังสุริยาเข้ากับพระราชวังทะเลราชันย์พวกท่านคิดเช่นไร?” ประมุขพระราชวังสุริยาพูดหลังจากไตร่ตรองแล้ว
ชิงสุ่ยไม่ได้เอ่ยปากอะไรเพราะนี่เป็นการตัดสินใจของเหล่าหญิงสาวเท่านั้น
มู่หยุนชิงเก้อส่ายศีรษะของนาง “พวกเราสามารถรวมตัวกันได้และสามารถเปลี่ยนนามเรียกขานได้ มันสามารถเป็นชื่อพระราชวังสุริยา พระราชวังทะเลราชันย์ หรือแม้แต่พระราชวังอาทิตย์อัสดงเพราะมันไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่เราจะตัดสินใจเรื่องนายหญิงแห่งพระราชวังกันยังไงดี?”
มู่หยุนชิงเก้อนั้นตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ประมุขพระราชวังสุริยาเองก็รู้ว่าพระราชวังทะเลราชันย์นั้นเป็นของมู่หยุน ชิงเก้อมาตั้งแต่แรกแต่ในตอนนี้อีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นทรงพลังมากที่สุด
อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้ม “พี่สาวชิงเฉิงนั้นเป็นนายหญิงใหญ่ พี่สาวชิงเก้อเป็นนายหญิงที่ 2 และข้าเป็นนายหญิงที่ 3 พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ท่านจะคิดเช่นไร?”
“พวกเราต่างก็ถือเป็นพี่น้องกันนี่เป็นเพียงตำแหน่งที่ตั้งขึ้นมาเท่านั้น พวกเราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้” ประมุขพระราชวังสุริยายิ้ม
ชิงสุ่ยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นพวกนางได้ข้อสรุปในเรื่องนี้อีกไม่นานหลังจากนี้พวกนางก็จะได้เป็นผู้ฝึกยุทธในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ พวกนางจะได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมาย สิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะชิงสุ่ยทั้งสิ้น
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของพวกนางอย่างน้อยที่สุดความรู้สึกนี้ก็มาจากก้นบึ้งในหัวใจของพวกงาน บางทีการที่ตกลงได้โดยง่ายนี้อาจเป็นเพราะเขา ไม่ว่ายังไงความสัมพันธ์ระหว่างสาวเหล่านี้ก็ถือเป็นเป็นเรื่องที่ดี
นอกจากนี้ด้วยพลังความงาม และสถานะของพวกนาง การที่พวกนางมารวมตัวกันนั้นทำให้ฐานะของพวกนางสูงส่งมากยิ่งขึ้น
เวลา3 วันได้ผ่านพ้นไปพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ได้รวมตัวกันโดยเปลี่ยนชื่อเป็นพระราชวังอาทิตย์อัสดง การรวมตัวกันของพระราชวังทะเลราชันย์และพระราชวังสุริยานั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
ในตอนนี้ทุกๆคนต่างรู้ว่าพระราชวังทะเลราชันย์นั้นน่าเกรงขามแต่ขาดผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถด้วยการรวมตัวกันนี้การได้ยอดฝีมือมากมายจากพระราชวังสุริยาทำให้พวกนางรู้สึกได้ถึงโอกาสที่จะก้าวไปยืนในแถวหน้าอีกครั้ง
การรวมตัวกันของพวกนางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นมีการตั้งพระราชวังแห่งใหม่และเลือกไปที่แดนทะเลน้ำเเข็ง เพราะที่แห่งนี้นั้นไม่ไกลจากพระราชวังทรายทองและอยู่ใกล้กับแดนทะเลเหนือ
ถ้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอีกที่หนึ่งที่ชิงสุ่ยได้กำหนดจุดหมายของธงสวรรค์ปัญจธาตุเอาไว้แม้ว่าหากถ้ำศักดิ์สิทธิ์จะหายไปชิงสุ่ยก็จะสามารถมาที่นี่ได้ถ้าหากเขามีธงสวรรค์ปัญจธาตุ จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่สุดเพราะเมื่อชิงสุ่ยจะเดินทางกลับบ้านเขาต้องผ่านที่นี่ไป และมันยังเป็นจุดสำคัญของเมืองหลินห่าย
หญิงสาวทั้งสามคนนี้ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่งในขณะที่ถานท่าย หลิงเยียนและฉินชิงมีพลังที่เท่าๆกันนั้นเหลียนหลิงเฟิงและหยิน ต่งก็ถือว่าทรงพลังด้วยเช่นกัน แต่ยังอีกยาวไกลกว่าที่พวกเขาจะเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
พวกนางย้ายอาคารมาที่ตำแหน่งใหม่แต่ก็ใช้เวลาไปเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากเสร็จสิ้นแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเฉลิมฉลอง
ตำแหน่งนายหญิงทั้ง3 คนนั้นถูกจัดตั้งขึ้น พวกนางทั้งสามคนต่างก็ถือเป็นประมุขของพระราชวังอาทิตย์อัสดงและมีเหรียญตราที่บ่งบอกถึงสถานะของนายหญิงแห่งพระราชวังแห่งนี้
ตำแหน่งของชิงสุ่ยภายในพระราชวังอาทิตย์อัสดงเป็นเพียงผู้พิทักษ์คนหนึ่งเท่านั้นเดิมทีนั้นชิงสุ่ยปฏิเสธที่จะรับมัน แม้เป็นเพียงผู้พิทักษ์แต่เขาก็มีเหรียญตราของพระราชวังอาทิตย์อัสดงด้วยเช่นกัน เป็นเหรียญตราที่แสดงสถานะของประมุขวัง.ไอรีนโนเวล
แต่เมื่อไม่มีการคัดค้านจากผู้ใดนั้นในตอนนี้ทุกๆคนก็มีแต่ความสุขนี่เป็นเพราะชื่อเสียงที่โด่งดังของชิงสุ่ย เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้พิทักษ์ของพระราชวังนั้นต้องทรงพลังยิ่งกว่านายหญิงแห่งพระราชวังเพราะจะต้องปกป้องพวกนางได้
ผู้พิทักษ์ของที่แห่งนี้แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับชิงสุ่ยหญิงสาวผู้งดงามทั้ง3 คน พวกเขารู้ดีว่าหนึ่งในพวกนางที่ทรงพลังมากที่สุดนั้นเป็นภรรยาของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยนั้นเป็นผู้พิทักษ์ของเมืองร้อยไมล์ผู้พิทักษ์ของนิกายเทพกระบี่ ผู้อาวุโสของพระราชวังเทวโลก……
ในตอนนี้เขาได้เป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเมื่อชิงสุ่ยนึกถึงพระราชวังเทวโลกและเมืองร้อยไมล์ความคิดถึงก็เกิดขึ้นในใจของเขา เขาอยากจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่แห่งนั้นสักครั้งในอนาคต เพราะทุกๆที่ต่างก็เป็นความทรงจำที่งดงามในอดีตสำหรับเขา
สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเมื่อเวลาผ่านไปอีก3 วันคนของพระราชวังมังกรก็ได้มาถึงที่นี่ เหตุการณ์ครั้งใหญ่ในตอนนั้นยังไม่ถูกลืมเลือนไปแต่ในตอนนี้พระราชวังอาทิตย์อัสดงได้มียอดฝีมือระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ถึง 4 คน ดังนั้นผู้คนมากมายของพระราชวังอาทิตย์อัสดงตาก็ลืมเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชวังมังกรไปแล้ว
พระราชวังมังกรนั้นส่งคนมาประมาณ50 คนและพวกเขาต่างก็เป็นคนที่หยาบคายและไร้เหตุผล ทุกๆคนที่พยายามขัดขวางพวกเขานั้นต้องพ่ายแพ้และบาดเจ็บพวกเขาต่างก็สูญเสียไปกว่า 10 คน
ชิงสุ่ยรู้สึกโกรธอย่างยิ่งในตอนที่เขาเร่งรีบออกมาเพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเป็นคนเวลาที่เขาต้องโกรธ เขาออกมาพร้อมกับประมุขของพระราชวังมังกรทั้ง 3 คนที่เป็นผู้ฝึกยุทธในขั้นแรกเริ่มของระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ พลังของพวกนางในตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 300 เต๋า
จากสถานการณ์ในตอนนี้ชิงสุ่ยตระหนักได้ว่าข่าวคราวเรื่องดินแดนเล็กๆอย่างแดนทะเลน้ำเเข็งได้ไปถึงแดนทะเลเหนือแล้วมันเหมือนกับหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของเมืองใหญ่
ชายที่เป็นผู้นำทั้ง3 คนนั้นดูแก่ชราเล็กน้อย เมื่อชิงสุ่ยมาถึง เขาก็ได้เห็นคนของพระราชวังอาทิตย์อัสดงถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณี ด้วยความโกรธของเขาเขาโบกมือออกไปและทำให้ศัตรูกว่า 40 คนได้ล้มตายไป
นั่นเป็นเพราะทั้ง40 คนนั้นเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ในขณะที่อีก 10 คนที่เหลือไม่ได้มีส่วนร่วมรวมถึงชายชราทั้งสามที่อยู่ข้างหน้า
”ใครสั่งให้เจ้ามาก่อปัญหาขึ้นที่พระราชวังอาทิตย์อัสดง”ชิงสุ่ยมองไปที่ศัตรูอย่างเย็นชา
ชายชราทั้ง3 คนต่างรู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามาในตอนนี้ ชิงสุ่ยนั้นสามารถกำจัดคนของเขาไปได้อย่างง่ายดายและทั้งหมดต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ซึ่งมากกว่าครึ่งนั้นอยู่ในจุดสูงสุดระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ
”เจ้าเป็นผู้ที่ทำลายพระราชวังทรายทองใช่หรือไม่?”ชายชราที่อยู่ในชุดคลุมสีม่วงเอ่ยถามชิงสุ่ย
แม้ว่าเขาจะถูกเรียกว่า‘ชายชรา’ แต่เขาก็ดูเหมือนชายวัยกลางคนเท่านั้น มีผมหงอกและรอยตีนกาเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา
”เจ้าพวกขยะของพระราชวังทรายทองนั้นสมควรตายให้ข้าถามเจ้ากลับบ้าง ใครเป็นผู้สั่งให้เจ้ามาที่นี่?” ชิงสุ่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
”ไม่ว่าผู้ใดจะสั่งให้เรามาที่นี่เจ้าก็มีสิ่งที่เจ้าต้องชดใช้” ชายชราที่อยู่ในชุดคลุมสีม่วงนั้นดูไม่ได้กระวนกระวายใดๆ
ชิงสุ่ยหัวเราะ”เจ้าอยากให้ข้าชดใช้งั้นหรือ!”
หลังจากที่เขากล่าวจบร่างของชิงสุ่ยก็หายไปทันทีและเพียงพริบตาเขาก็กลับมายืนที่เดิมอีกครั้งชายชราทั้ง 3 คนนั้นยังคงยืนอยู่กับที่ในขณะที่ชายอีก 7 คนข้างหลังของเขานั้นกระเด็นไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมาโดยไม่รู้ว่าเป็นตาย
ชิงสุ่ยทำไปเพราะความโกรธเขาเกลียดที่ได้เห็นคนอ่อนแอถูกสังหารและผู้ที่แข็งแกร่งนั้นรังแกผู้อื่น เมื่อได้เห็นการกระทำของพระราชวังทรายทอง ชิงสุ่ยก็คิดว่าพระราชวังมังกรนั้นเป็นผู้คนที่ไร้เกียรติด้วยเช่นกัน
”มันถึงเวลาที่เจ้าต้องบอกแล้วว่าใครเป็นผู้สั่งให้เจ้ามาที่นี่”ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราทั้ง 3 คนและกล่าวขึ้น
“เจ้าหนุ่มเจ้านั้นทรงพลังยิ่งนักแต่สิ่งที่เจ้าต้องรับมือนั้นอันตรายยิ่งกว่า หากเป็นข้าคงเลือกที่จะเก็บตัวเงียบๆ ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะสั่งให้พวกเรามาที่นี่ สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือเจ้าได้ล่วงเกินผู้ที่เจ้าไม่ควรไปล่วงเกินด้วย” ชายชรายังคงมีสีหน้าที่สงบนิ่งแต่ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความหวั่นไหวในใจของเขา
ชิงสุ่ยยิ้มและเริ่มเคลื่อนไหวในตอนนี้ทุกๆคนต่างก็ได้เห็นการโจมตีของชิงสุ่ย กำปั้นของเขาพุ่งตรงไปที่ชายชราที่อยู่ทางขวา
หมัดวชิระคำราม!
ด้วยความต่างของพลังนั้นทำให้ชายชรากระเด็นไปเพราะแรงหมัดของชิงสุ่ยในทันทีพร้อมกับระเบิดหายไป
นี่เป็นเพราะพลังอันน่าสะพรึงกลัวชิงสุ่ยไม่คิดที่จะปล่อยให้พวกเขารอดกลับไป เมื่อพวกเขามาที่นี่ก็ต้องกล้ารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชิงสุ่ยต้องการให้ทุกๆคนรู้ว่าหากเข้ามาสร้างปัญหาภายในพระราชวังอาทิตย์อัสดงจะต้องเจอกับอะไร