Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1692 – เจ้าจะสามารถเป็นผู้พิทักษ์ของข้าได้ไหม?
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1692 – เจ้าจะสามารถเป็นผู้พิทักษ์ของข้าได้ไหม?
บทที่1692 – เจ้าจะสามารถเป็นผู้พิทักษ์ของข้าได้ไหม?
หลังจกานั้นเธอก็ได้พบเจอกับผู้นำคนก่อนพระราชวังหมาป่าเขาได้รับเธอเป็นลูกศิษย์ และนำเธอมายังที่นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอยึงมาอยู่ที่นี่ได้
อย่างไรก็ตามอาจารย์ของเธอก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่นานมากนักเธอจึงได้รับสือทอดมรดกของเขาและกลายมาเป็นเธอยังเช่นทุกวันนี้
และในตอนนี้มีพระราชวังหมาป่ามังกรก็ได้แบ่งออกมาเป็นสองฝั่งโดยที่เธอเป็นปรมาจารย์ลำดับหนึ่งซึ่งดูแลฝั่งเหนือ ส่วนฝังใต้ถูกดูแลด้วยปรมาจารย์ลำดับสอง ในตอนที่ผู้นำคนก่อนมีชีวิตอยู่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างดี แต่หลังจากที่เขาตายลงไป มีเสียงส่วนมากคัดค้านชิงห่านอี่ไม่ให้ขึ้นเป็นผู้นำ เพราะเธอเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น จึงทำให้เกิดเสี่ยงสองฝ่ายที่แตกแยกกันแต่อย่างไรก็ตามห่านอี่ก็สามารถควบคุมมันได้ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ
“ปรมาจารย์ลำดับสองนั้นเป็นตัวปัญหาอย่างแท้จริงเขาใช้เวลากว่าสิบปีเพื่อลดทอนอำนาจของข้า และแล้วในตอนนี้เขาก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ข้าคิดว่าครั้งนี้ ข้าคงไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามีอยู่” เธอกล่าวออกมาขณะที่มองไกลออกไป ไอลีนโนเวล
“นี่แหละคนเรา พวกเขาจะไม่ยอมหยุดจนกว่าพวกเขาจะได้สิ่งที่ต้องการ”
ในเวลานี่เธอหันมามองหน้าชิงสุ่ยขณะที่เธอสามารถบอกได้ว่าชิงสุ่ยเองก็ได้ผ่านเรื่องราวมากมายมา ตอนนี้เขาดูเป็นคนที่ดูหน้าเชื่อถือได้อย่างมาก
มนุษย์จะเติบโตขึ้นเมื่อได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเหตุการณ์ต่างๆมากมายจะทำให้จิตใจของคนเรานั้นแข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกับเธอในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร อาจเป็นเพราะมันผ่านมากว่าสามสิบปีแล้ว มันจึงทำให้เธอนั้นสามารถลืมว่าเคยรักเขาไป ในตอนนี้ในจิตใจของเธอมีเพียงแค่ความสงบเท่านั้น
“เจ้าโตขึ้นมากจริงๆ” เธอมองไปที่เขาและกล่าวออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้เขายิ้มออกมาและกล่าวว่า“ เจ้าเองก็เช่นเดียวกัน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยพูดเธอได้แต่ยิ้มออกมาอย่างสดใสอย่างไรก็ตามในตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังคงรู้สึกว่าพวกเขานั้นเหมือนคนปลกหน้าที่ได้พบกันครั้งแรก ด้วยเวลากว่าสามสิบปีมันให้ทั้งคู่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้ว่าพวกเขายังเป็นคนๆเดิมอยู่ แต่ก็มีสิ่งอื่นที่แปลกและต่างออกไป อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังถือว่าเป็นสหายกันในเวลานี้
อย่างไรก็ตามสำหรับชิงห่านอี่เธอนั้นไม่เคยลืมเรื่องราวในความฝันระหว่างพวกเขาเลยแม้เวลาจะผ่านไปนานสักขนาดไหน ภาพของชิงสุ่ยก็ยังคงอยู่ในใจของเธอเท่านั้น เพียงแค่เธอคิดว่าชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้พบเขาอีก ดังนั้นเธอจึงได้เลือกตัดเขาออกไปจากใจ
ในอดีตเธอใช้เวลาหลายปีเพื่อรอฟังข่าวของเขาแต่ก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อยที่จะได้ยินข่าวของเขา สามปีที่เธอรอคอยเขา แต่เขาก็ไม่ได้กลับมา จนกระทั้งเธอได้ออกเดินทางมายังทวีปแห่งนี้ มันทำเธอตัดใจอย่างจริงจังลืมเขาไป
แม้ท่าทีของเธอนั้นจะดูเปลี่ยนไปในตอนนี้แต่จิตใจของเธอกังไม่เปลี่ยน เธอรู้ดีว่าเธอสามารถไว้วางใจชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ดีมากนัก แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เขาก็เป็นคนที่เคยช่วยเธอ และยังเป็นคนที่เธอเคยรัก ดังนั้นเธอสามารถไว้ใจเขาได้
“แล้วตอนนี้เจ้ามีแผนทีจะทำยังไงกับพระราชวังหมาป่ามังกรรึ” ชิงห่านอี่ถามออกมาในตอนนี้
ชิงสุ่ยตกใจที่เธอถามแบบนี้ออกมา“เจ้าหมายถึงอะไร แผนอะไรรึ”
“ก็เจ้าเป็นคนของพระราชวังสุริยา ในขณะที่ข้าเป็นคนของพระราชวังหมาป่ามังกร หากในตอนนี้ข้าไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งภายในเสียก่อน พวกเราคงต้องทำสงครามกันเป็นแน่?” แม้ว่าเธอจะพูดออกมาอย่างผ่อนคลายแต่ก็แฝงความจริงจังเอาไว้
“ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างเรา เว้นแต่เจ้าต้องการให้เราต่อสู้กัน”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ไม่มีความขัดแย้งระหว่างเรา?หากเกิดว่าวันหน้าพระราชวังหมาป่ามังกรของข้า ได้สร้างปัญหาให้พวกเจ้าละ…”
“จะไม่มีวันนั้นอีกหากเราร่วมมือกัน ตกลงเจ้าจะสู้กันอีกหรือไม่?เจ้าก็รู้นิว่ามหาสมุทรเหนือนั้นกว่าใหญ่ไพศาลขนาดไหน จะดีกว่ามั้ยถ้าเรามองไปข้างหน้าดีกว่า” ชิงสุ่ยยิ้ม
การแสดงออกของเธอยังคงสงบอยู่เธอเข้าใจได้ดีถึงความหมายที่ชิงสุ่ยต้องการจะสื่อ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจเบา ๆ “ จะดีแค่ไหนถ้าเจ้าเป็นคนของพระราชวังหมาป่ามังกรของข้า หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะไม่ต้องกลัวเลย แม้ว่าสวรรค์จะถล่มลงมาก”
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อในตอนนี้เขารู้ดีว่าในตอนนี้ เธอคงจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ได้อย่างดี และเธอควรจะรู้ดีว่าเจี้ยนเก้อนั้นเป็นภรรยาของเขา
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นคนของพระราชวังหมาป่ามังกร แต่พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี หรือเจ้าลืมเรื่องราวในอดีตของเราไปแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มออกมา
“แต่ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าคือเพื่อนของข้า”
สีหน้าของชิงสุ่ยยังคงสงบนิ่งอยู่ในเวลานี้แต่เขาได้จ้องไปที่หน้าของเธอ และเห็นว่าเธอกล่าวออกมาต่อว่า“ เพราะในใจข้า เจ้าคือญาติของข้าเสมอ”
ตอนนี้ชิงสุ่ยมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของเธอมันเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับเขาที่จะเห็นดวงตาบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา เช่นนี้ นอกเหนือจากความอื่นใดเขายังสัมผัสได้ว่าเธอจริงใจกับเขาอย่างมาก “เช่นนั้นก็ปฏิบัติต่อข้าเหมือนพี่ชายของเจ้าก็แล้วกัน จริงสิแล้วเจ้าวางแผนที่จะจัดการกับปรมาจารย์ลำดับที่สองอย่างไร” ชิงสุ่ยถาม
“เจ้าก็ยังเป็นเจ้าเช่นเคย ข้าแน่ใจว่าข้านั้นแก่กว่าเจ้าแน่นอน เอาเถอะข้าจะยอมให้เจ้า ส่วนเรื่องนั้นข้าจะประลองเป็นตายกับเขา” เธอยิ้มออกมาในเวลานี้
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องๆนี้ ข้าจะจัดการมันด้วยความสามารถของข้า สิบปีก่อข้ากับเขาได้สู้กัน แต่ก็ไม่ได้มีฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ แต่ตอนนี้ข้านั้นได้ก้าวหน้าขึ้นมามากแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าในตอนนี้ หลังจากที่ข้าสามารถกลับมารวบรวมควบคุมพระราชวังหมาป่ามังกรได้อีกครั้ง ทำไมเจ้าไม่มาเป็นผู้พิทักษ์ของข้าละ?” เธอยิ้มและหัวเราะ
“แต่ตอนนี้ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังสุริยาอยู่แล้ว?” “ไม่เป็นไร ผู้พิทักษ์นั้นเป็นตัวตนที่สูงศักดิ์ในแต่ละนิกาย โดยแต่ละคนนั้นจะสามารถเป็นผู้พิทักษ์ให้กับใครๆก็ได้หากเขามีเวลาเพียงพอที่จะทำมัน”
ผู้พิทักษ์นั้นเป็นตัวตนที่พิเศษอย่างมากพวกเขาได้รับอนุญาตให้ทำสิ่งต่างๆมากมายโดยไม่ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ใดๆ เพียงแค่พวกนั้นต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นผู้พิทักษ์ แต่ละคนต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก บางนิกายนั้นผู้พิทักษ์อาจจะแข็งแกร่งกว่าผู้นำนิกายเสียอีก ดังนั้นจึงทำให้ตัวตนของพวกเขามีอำนาจอย่างมากในแต่ละนิกาย