Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1749 - แก่นพฤกษาสวรรค์ ความเจริญอันยิ่งใหญ่
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1749 - แก่นพฤกษาสวรรค์ ความเจริญอันยิ่งใหญ่
AST
บทที่1749 – แก่นพฤกษาสวรรค์ ความเจริญอันยิ่งใหญ่
แก่นพฤกษาสวรรค์เป็นพลังที่พัฒนาสำหรับเคล็ดวิชาธาตุไม้ยิ่งไปกว่านั้น ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าพลังของมันอยู่เหนือกว่าเคล็ดวิชาธาตุไม้แต่งอย่างเพลงหมัด 5 ธาตุที่เขาเคยเรียนรู้เสียอีก
ชิงสุ่ยมองดูแก่นพฤกษาสวรรค์ชั่วครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็เอาไปผสมผสานจัดระเบียบรวมกับทักษะเถาวัลย์ไม้ เพิ่มความชำนาญและสร้างความเสถียร ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกถึงทักษะพลังไม้ที่มากไปด้วยพลัง
ชิงสุ่ยเริ่มต้นดูดทรัพย์พลังจากไข่มุกโลหะและไข่มุกแห่งเพลิงทำให้คุณสมบัติที่เกี่ยวกับพลังธาตุไฟและธาตุโลหะเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัว แน่นอนว่าทักษะเปลวเพลิงแรกเริ่มและทักษะกระบี่ทองคำ เป็นสอนทักษะที่เติบโตด้วยพลังอันมหาศาล
เมื่อพลังธาตุแข็งแกร่งขึ้นแน่นอนว่าเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุยอมพัฒนาขึ้นเช่นกัน ส่วนทักษะพลังทางด้านอื่นๆ พวกมันมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงส่วนเล็กๆเท่านั้น
ชิงสุ่ยฝึกฝนจนลืมหลับลืมนอนระยะเวลาภายในดินแดนยุพราชอมตะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ภายใน 1 สัปดาห์ ชิงสุ่ยก็ฝึกฝนทักษะเถาวัลย์ไม้ที่พัฒนาขึ้นจนสำเร็จลุล่วงและเริ่มเชี่ยวชาญในพลังของมัน
ครึ่งเดือนต่อมาชิงสุ่ยเริ่มต้นเรียนรู้แก่นพฤกษาสวรรค์ ซึ่งพลังของมันไม่เหมือนกับการฝึกฝนเถาวัลย์ไม้ แต่จะเน้นไปทางด้านการควบคุมพลังปราณที่ไหลเวียนยังไม่จบไม่สิ้น
เมื่อเขาออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะเขาก็สังเกตเห็นมูหยุนชิงเก้อที่นั่งอยู่ภายนอก ดูเหมือนว่าเธอกำลังฝึกฝนอะไรบางอย่าง สภาพแวดล้อมโดยรอบตัวของเธอปรากฏเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ในขณะที่เธอยังคงหลับตา
เธอดูเหมือนว่าเธอไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแต่พลังปราณธรรมชาติที่แฝงอยู่ในสภาพแวดล้อมกลับผันผวนสร้างเกลียวน้ำคลื่นยักษ์ ยิ่งไปกว่านั้น คลื่นน้ำที่ปรากฏรอบตัวยังคงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับกำลังถูกดูดลงไปในหลุมดำ ไอลีนโนเวล
ภายในชั่วพริบตากระแสน้ำวนรอบตัวของมูหยุนชิงเก้อก็เพิ่มทวีคูณขึ้นเป็น 2 เท่า 3 เท่า และ 4 เท่าก่อนจะหยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในช่วงเวลา 15 นาที ก่อนที่ชิงเก้อจะลืมตาขึ้น
แม้ว่าสายตาของเธอจะดูเหนื่อยเล็กน้อยแต่มันก็แฝงไปด้วยสายตาแห่งความตื่นเต้น หลังจากที่เธอเห็นชิงสุ่ย เธอก็ยิ้มกลับมาหาเขา เวลาครึ่งวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ชิงสุ่ยจึงรีบจัดแจงอาหาร “มาเถิด ถึงเวลากินอาหารแล้ว”
ชิงสุ่ยจดบันทึกวันเวลาแล้วพบว่าตอนนี้เหลืออีกเพียง 1 ชั่วโมงก่อนรุ่งเช้าสักวันต่อไปจะเริ่มขึ้น ทั้งสองคนรีบดื่มดำกับรสชาติอาหาร จากนั้นก็เร่งเดินทางด้วยทักษะย่าง 9 ก้าวเทวาต่อไปทันที หลังจากใช้ทักษะย่าง 9 ก้าวเทวาจำนวน 9 ครั้ง เช้าวันรุ่งขึ้นก็มาถึง
อาหารของชิงสุ่ยนั้นคืออาหารที่สร้างขึ้นภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะแล้วด้วยการป้องกันจากโล่วารีวชิระทำให้ทั้งสองคนเคลื่อนไหวในน้ำเหมือนกับปลา โดยโล่วารีวชิระจะเป็นตัวผลักดันแหวกน้ำให้แยกออกจากพวกเขา จนบริเวณรอบข้างไร้ซึ่งน้ำ เหมือนเดินอยู่บนบก
”ชิงสุ่ยเจ้าเคยฝึกฝนทักษะวังวนวารีหรือไม่?”ระหว่างการเดินทาง ทั้งสองคนได้พักรับประทานอาหาร มูหยุนชิงเก้อจึงใช้เวลานี้ในการพูดคุยกับชิงสุ่ย
”เอ่อข้ายังไม่เคยฝึกฝนเลย ทำไมหรือ?” ชิงสุ่ยตอบกลับอย่างตั้งใจ
”ปล่าวหรอกเพียงแต่ข้าแค่รู้สึกว่าหลังจากที่ข้าฝึกฝนวังวนวารีจนเข้าสู่วังวนที่ 4 ข้าก็ไม่อาจพัฒนาพลังให้ก้าวหน้าได้อีกต่อไปแล้ว หรือบางทีมันอาจจะมีบางอย่างผิดปกติ”มูหยุนชิงเก้อคิดทบทวนขณะคำกล่าวถาม
แต่เนื่องจากการฝึกฝนเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุจึงทำให้ชิงสุ่ยมีความรู้และเข้าใจในองค์ประกอบธาตุทั้ง 5 อย่างถ่องแท้ เขาจึงมองไปที่มูหยุนชิงเก้อและกล่าวบอกให้เธอรับรู้ว่า “ธาตุแต่ละธาตุจะมีลักษณะเฉพาะของตนเอง โลหะคือความแหลมคม ไฟคือเพลิงที่รุนแรงแผดเผา น้ำคือความสงบนิ่ง ไม้คือชีวิต และดินคือความหนักเบา”
หลังจากที่เขากล่าวออกไปชิงสุ่ยก็หยุดชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวต่อพร้อมกับรอยยิ้มว่า “เจ้าคงจะรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว น้ำย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ลำคลองก่อตัวจากมวลน้ำที่หลั่งไหลมาประสานกัน และน้ำที่ประสานเข้าร่วมกันเมื่อมีจำนวนมากจะก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ คลื่นจะถาโถมเข้าใส่เบื้องหน้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มันอัดแน่นไปด้วยพลังที่ไร้ความปราณี”
ชิงสุ่ยกล่าวอย่างช้าๆขณะที่เขายังคงเพลินกับอาหารต่อไป
มูหยุนชิงเก้อตกผลึกความคิดเธอมองไปรอบๆ ซึ่งในตอนนี้เธออาศัยอยู่ใต้มหาสมุทร เธอรู้ดีว่าโดยธรรมชาติของน้ำแล้วมันคือความอ่อนโยน แต่เมื่อไหร่ที่มันโกรธ มันจะกลายเป็นความไร้ปราณี ที่พร้อมจะบดขยี้ทุกอย่างด้วยกำลัง และการหลั่งไหลของน้ำภายใต้แผ่นมหาสมุทร เป็นอิสระแยกจากกันจึงทำให้มันสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเคลื่อนไหวไปได้ทุกทิศทาง
มูหยุนชิงเก้อได้แรงบันดาลใจจะความอิสระของสายน้ำเธอจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเบื้องหน้าที่พัก ภายในชั่วพริบตา เกลียวคลื่นขนาดใหญ่ก็เริ่มปรากฏรอบตัวเธอ แต่ครั้งนี้หลังจากที่ 4 เกลียวคลื่นปรากฏ แม้จำนวนจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่ขนาดของเกลียวคลื่นขยายใหญ่กว่าครั้งที่แล้วถึง 2 เท่า มันทั้งรุนแรงและปลดปล่อยจิตสังหารมากขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่าเช่นกัน
ที่สำคัญที่ใบหน้าของมูหยุนชิงเก้อดูผ่อนคลายเรากับเธอมิได้ออกแรงใดๆเลย ร่างกายของเธอยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายในเกลียวน้ำวนอย่างอิสระ แล้วยังคงเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายของเธอกลายเป็นเพียงภาพเงา เคลื่อนไหวและเข้าใจยากเหมือนกับภูตผีปีศาจ
หลังจากนั้นอีกไม่นานนักมูหยุนชิงเก้อก็หยุดพัก และกลับลงสู่พื้นดินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เธอเดินไปหาชิงสุ่ยและกล่าวคำว่า “ขอบคุณ”
”ระหว่างเราเจ้าจำเป็นต้องขอบคุณข้าด้วยหรือนี้?ชิงสุ่ยส่ายหน้า
”รีบไปกันเถอะเวลาไม่รอถ้า ไปถึงถ้ำมหาสมุทรเสียงสวรรค์โดยเร็วย่อมเป็นการดี”มูหยุนชิงเก้อกล่าวอย่างมีความสุข
ชิงสุ่ยพยักหน้าจากนั้นก็สะบัดมือเพื่อดูดเอาที่พักและสิ่งของอื่นๆกลับเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะ แล้วกระโดดขึ้นหลังของมังกรหยกขาว พุ่งทะยานออกจากพื้นที่พร้อมกับมูหยุนชิงเก้อ
รูปแบบย่างก้าว9 เทวา
เขายังคงใช้ทักษะย่างก้าว9 เทวาเพื่อเร่งเวลาการเดินทาง หลังจากที่ผ่านย่างก้าวที่ 80 ชิงสุ่ยก็หยุดการกระทำทุกอย่างลง สถานที่แห่งนี้คือเมืองใต้บาดาล แต่สภาพแวดล้อม ยิ่งสร้างความประหลาดใจแก่ชิงสุ่ย
แม้แต่โลกใต้มหาสมุทรยังกลายเป็นโลกที่รุ่งเรืองรุ่งเรืองยิ่งกว่าทุกสถานที่ที่อยู่บนพื้นดิน ราวกับว่าโลกใบนี้ ยิ่งดำดิ่งลึกลงไปใจกลางโลกมากเท่าไหร่ ความเจริญยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น สถานที่เบื้องหลังแห่งนี้เต็มไปด้วยถนนหนทางมากมาย อาคารจำนวนมากตั้งตระหง่านยิ่งกว่าพระราชวัง และทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบ บ่งบอกถึงความทนทานและความแข็งแกร่งพร้อมจะรับมือกับพลังแรงกดดันมหาศาล