Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1752 - ศึกระหว่าง หยางเคินและเหยียนอวี้เจียง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1752 - ศึกระหว่าง หยางเคินและเหยียนอวี้เจียง
AST
บทที่1752 – ศึกระหว่าง หยางเคินและเหยียนอวี้เจียง
”ทำไมพวกเจ้าไม่ไปใช้เส้นทางอื่น”
ตลอดเวลาชิงสุ่ยไม่เคยรู้สึกดีกับคนของพระราชวังอสูรแดนสมุทรและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ความหยิ่งผยองของพวกมัน ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกักเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในตัวอีกต่อไป
เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าทำไมการเดินทางของเขาโดยใช้เส้นทางเหนือหัวกลุ่มคนเหล่านี้เขาน่าจะถามว่าทำไมพวกเขาถึงต้องอ้อมไป และอ้อมไปเพื่ออะไร?
แน่นอนว่าคำถามของชิงสุ่ยย่อมสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มคนพระราชวังอสูรแดนมหาสมุทร
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำกลุ่มจึงถามคำถามกลับมาด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นและเหยียดหยาม”พวกเจ้าเหยียดหยามดูหมิ่นเกียรติของข้าสินะ? ถ้าหากพวกเจ้ายอมใช้เส้นทางอื่น อย่างน้อยพวกเจ้าจะได้มีชีวิตรอด แต่ในเมื่อพวกเจ้าต้องการเช่นนี้ โอกาสก็ไม่มีให้แต่คนโง่งมเช่นเจ้าอีกต่อไป!!”
ขณะที่เขากล่าวเหยียนอวี้เจียงไม่แม้แต่จะให้ความสำคัญกับชิงสุ่ย ดวงตาของเขายังคงเน้นไปที่มูหยุนชิงเก้อ มันยังคงเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ
ชิงสุ่ยงุนงงหากจะพูดกันยังมีเหตุผล ระดับพลังปัจจุบันของเหยียนอวี้เจียงไม่ควรทำให้เขาเป็นคนโง่งมตื่นเขินเช่นนี้ หรือว่าคนของพระราชวังอสูรแดนสมุทรจะมีนิสัยแบบเดียวกันหมด พวกเขาคงจะเป็นคนที่เชื่อมั่นว่าตัวเองแข็งแกร่ง และใช้ความแข็งแกร่งในการกดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า
”ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปทำข้าไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเจ้า ได้โปรดอย่ามายุ่งกับข้า”ชิงสุ่ยไม่อยากเสียเวลากับคนกลุ่มนี้
”เจ้ามันก็แค่เด็กเหลือขอ!!เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กเหลือขอให้รู้จักสำนึก!!!”เหยียนอวี้เจียง พุ่งทะยานเข้าหาชิงสุ่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ชิงสุ่ยชำเลืองมองพร้อมกับระเบิดพลังถึงขีดสุด เขาเบี่ยงร่างกายออกไปด้านข้าง พร้อมกับสะบัดมือเรียกง้าวทองทะลวงศัตรูออกมา และพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยพลังที่พร้อมจะหันภูเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ปังงงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายเหลือเพียงแค่หลุมขนาดเท่าภูเขาไฟอยู่ตรงกลาง แรงกดดันของพลังปราณฉีกกระชากสภาพแวดล้อม ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นอัดกระแทกอากาศ
ชิงสุ่ยเปิดเผยรอยยิ้มบนใบหน้าเขาไม่รู้ว่าศัตรูทุ่มพลังโจมตีทั้งหมดแล้วหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นคือตัวของชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว ในขณะที่ศัตรูของเขาอัดกระแทกปลิวกลับไปข้างหลัง
ตระกูลเหยียนเป็นแค่กิ่งก้านสาขาของเผ่าพระราชวังอสูรแดนสมุทรที่คิดทะนงตนเชื่อมั่นว่าตัวเองแข็งแกร่ง และเอาแต่สร้างปัญหา ฉะนั้นชิงสุ่ยจึงอดทนต่อไปอีกไม่ไหว หากเขาไม่สั่งสอน เหตุการณ์เหล่านี้ก็คงจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหยียนอวี้เจียงจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจไม่เชื่อสิ่งที่เห็น เพียงแค่ชั่วครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป มันเป็นผลกระทบที่เขาไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ การเผชิญหน้าของทั้งสอง มันเหมือนกับผู้ใหญ่ที่พ่ายแพ้ให้กับเด็กอนุบาล
ทันใดนั้นกลุ่มคนอีกกลุ่มนึงก็มาปรากฏกายขึ้น กลุ่มนี้มีประมาณ 10 คนเช่นกัน หากวิเคราะห์เล็กน้อย ก็จะคาดเดาได้ว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้คือกลุ่มของพระราชวังหยางแดนเหนือ
ผู้นำกลุ่มเป็นชายใบหน้าหล่อเหลาภายนอกดูสดใสเมื่อเทียบกับเหยียนอวี้เจียงแล้ว ลักษณะของชายหนุ่มผู้นี้ดูเคร่งขรึมยิ่งกว่า เขามีร่างกายที่สูงโปร่งและมีดวงตาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชายหนุ่มผู้นั้นก็พยักหน้าให้กับชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อ ก่อนที่จะเอ่ยปากถามเหยียนอวี้เจียงว่า “หืม ทำไมสารรูปของท่านดูเหมือนคนที่กำลังจะพ่ายแพ้?”
ผู้นำกลุ่มพระราชวังหยางแดนเหนือตั้งใจเยาะเย้ยเหยียนอี้เจียงและจากการกระทำของเขา ชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่าการพยักหน้า เป็นสัญญาณแสดงความเป็นมิตรที่เขามีแก่ชิงสุ่ย ไอลีนโนเวล
”หยางเคินเจ้าอย่ามาทำเป็นอวดดี วันนี้ พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย”เหยียนอวี้เจียงกล่าวพร้อมกับสงบสติลง คำพูดของเขาหากเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว มันเป็นคำพูดที่ดูเศร้าหมองมากขึ้น ภายใต้ดวงตาที่อ่อนล้า ปรากฏให้เห็นเป็นรังสีอำมหิตที่รุนแรง
ชิงสุ่ยอารมณ์เสียเล็กน้อยในตอนแรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งถูกลากเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างช่วยไม่ได้
”มันคงเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครจะอยู่หรือจะไป”หยางเคินกล่าวกับเหยียนอวี้เจียงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
”มาเถอะเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ใครก็ตามที่ชนะการต่อสู้ จะได้ตัวเสวี่ยจี้”เหยียนอวี้เจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่เขาจ้องมองหยางเคิน
ในตอนนี้ชิงสุ่ยหยุดการกระทำทุกอย่าง เขากำลังมองดูเหยียนอวี้เจียงและเชื่อมั่นว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นพ่อของเหยียนสือหยุนอย่างแน่นอน แต่ด้วยเหตุผลใดเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าการกระทำของเหยียนอวี้เจียงนั้นเป็นไปด้วยความโง่เขลา จากมุมมองของเขา มันเหมือนกับว่าคนคนนึงที่เห็นสมบัติของคนอื่น แล้วจู่ๆก็เดินเข้าไป แล้วตะโกนว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อเดิมพัน ถ้าหากเจ้าพ่อ สมบัติของเจ้าจะเป็นของข้า!!”
มันอาจจะเป็นการกระทำที่ดูโง่เง่าในสายตาของชิงสุ่ยแต่เมื่ออยู่บนโลกใบนี้มันกลับกลายเป็นการกระทำที่คนส่วนใหญ่ใช้ แม้ว่าตระกูลหยางจะโกรธ ที่ได้ยินคนจะมาแย่งชิงผู้หญิงของเขา แต่ทุกอย่างบนโลกใบนี้ยอมตัดสินความสามารถและความแข็งแกร่ง และเนื่องด้วยทางคู่หมายปองหญิงสาวคนเดียวกัน สิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือชะตากรรมของเสวี่ยจี้ที่ไม่มีสิทธิมีเสียงใดๆเลย เห็นได้ชัดว่ามันคือชะตากรรมที่น่าสังเวชใจ
แต่ก่อนที่หยางเคินจะได้พูดสิ่งใดเหยียนอวี้เจียง ก็เปิดปากกล่าวว่า “เป็นอะไรล่ะ? เจ้ากลัวอย่างนั้นเหรอ? เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือไม่?”
เหยียนอวี้เจียงรู้ดีว่าหยางเคินไม่สามารถเอาชนะเขาได้ฉะนั้นสิ่งที่เขาคิดจะทำคือการบีบบังคับให้หยางเคินจนมุม แล้วจัดการหยางเคินต่อหน้าคนของพระราชวังหยางแดนเหนือ เพื่อทำให้แน่ใจว่าพระราชวังหยางแดนเหนือจะไม่กลับมาเป็นภัยคุกคามของเขาอีกต่อไป
”เอาล่ะเรามาตัดสินกัน”หยางเคินกัดฟันกล่าว
เหยียนอวี้เจียงเผยรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เขาพุ่งเข้าไปโจมตีหยางเคิน ศาสตราวุธที่มีลักษณะคล้ายกับซ้อม ปรากฏออกมาจากมือของเขา ลำตัวของศาสตราวุธที่เขาใช้เปล่งประกายไปด้วยแสงสีขาว
เหยียนอวี้เจียงวางแผนทุกอย่างไว้อย่างดีทันทีที่หยางเคินยอมรับการต่อสู้ เขาก็ไม่รีรอ พุ่งเข้าไปบดขยี้หยางเคิน!!
ทางด้านของหยางเคินเขาไม่ได้วางแผนเอาไว้ จึงทำได้เพียงแค่ตั้งรับ โดยการเรียกหอกยักษ์ประจำตัวที่มีความยาวประมาณ 2ฟุตออกมา ลำตัวของหอกมีความหนาประมาณแขนคน และพุ่งพล่านไปด้วยกลิ่นอายที่กดดัน
ปังงงงงงปังงงงงง!!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านไป 2-3 กระบวนท่า ชิงสุ่ยก็เริ่มสังเกตเห็นระดับความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันระหว่างหยางเคินและเหยียนอวี้เจียง หลังจากต้องทนแบกรับกระบวนท่าที่รุนแรง หยางเคินก็เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงพยายามหาวิธีเข้าไปบุกโจมตี
หอกวิญญาณมังกร!!
หอกยาวของหยางเคินส่งเสียงมังกรรำไห้ราวกับมันกำลังมีชีวิตเป็นของตนเองจากมุมมองของชิงสุ่ย เขากำลังมองดูหอกและหยางเคินที่ประสานกลายเป็นหนึ่ง แรงกดดันที่พุ่งพล่านออกมาจากตัวหยางเคินให้ความรู้สึกเหมือนทรราชที่กำลังเกรี้ยวกราด แม้แต่ตัวของชิงสุ่ยยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่ทะลุทะลวงเข้าไปถึงจิตวิญญาณ