Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - /บทที่ 1783 - ความทรงจำของโลกก่อน ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- /บทที่ 1783 - ความทรงจำของโลกก่อน ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก
AST
บทที่1783 – ความทรงจำของโลกก่อน ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก
แม้ว่าความคิดของชิงสุ่ยจะแลดูซับซ้อนแต่เขาก็ยังคงถ้าที่ผ่อนคลาย ผู้คนต่างกล่าวไว้ว่าคนที่มีความสามารถย่อมมีความห้าวหาญ ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถย่อมไม่เกรงกลัวปัญหา เขาจึงรู้สึกว่าเขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันโดยกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มของชิงสุ่ย หมอปีศาจ และปู้หยางชิง
ส่วนอีเย่เจี้ยนเก้อลี่จี๋ และลี่เหยียนก็นั่งพูดคุยด้วยหัวข้ออื่นๆ
”ท่านผู้อาวุโสเหตุการณ์ในตระกูลท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยกล่าวถามหลังจากวางจอกสุรา ”อืมทุกอย่างยังคงราบรื่นดี ว่าแต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?” ปู้หยางชิงมีความอยากรู้อยากเห็นเพียงเล็กน้อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าชิงสุ่ยในตอนนี้อยู่ในระดับใดแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเองก็พัฒนาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกันจนปัจจุบันได้ย่างก้าวเข้าสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นได้เพราะความช่วยเหลือของชิงสุ่ย ซึ่งเขาก็รู้ตัวดีว่าระดับพลังนี้คงเป็นระดับพลังสุดท้ายที่เขาสามารถก้าวไปถึง
แน่นอนว่าปู้หยางชิงย่อมไม่มีทางคาดคิดว่าชิงสุ่ยจะมีพลังในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถ้าหากว่าเขารู้เขาจะต้องตกใจจนอ้ำอึ้งพูดไม่ถูกแน่นอน แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่รู้ถึงความสามารถและความแข็งแกร่งของอีเย่เจี้ยนเก้อที่กำลังอุ้มลูกน้อยเช่นกัน
”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนมหาสมุทรกับเจี้ยนเก้อมาโดยข้ามีเรื่องต้องจัดการมากมายจึงไม่สามารถลาจากที่นั่นมาได้ และเมื่อสองสามวันที่แล้ว ข้าได้ปลดปล่อยพันธกิจที่ข้าติดพันจนหมดสิ้น ข้าจึงเร่งรีบเดินทางกลับมาที่บ้าน”ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวของเขาเองนะโชคดีที่กลับมาได้ตรงเวลา ทันเวลาที่จะช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กับหอคอยจักรพรรดิ
”นั้นก็แสดงว่าเจ้ายังไม่ได้กลับบ้านเลยสินะ?”ปู้หยางชิงรู้สึกว่าพวกเขาเองโชคดีที่เจอคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาได้
”พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เองแต่มันก็เป็นเรื่องดี ข้าหวังว่าผู้นำของคฤหาสน์ดาบสวรรค์จะมาภายในเร็ววันนี้ มิฉะนั้นข้าคงต้องเดินทางไปหาพวกมันเอง ถ้าหากพวกมันเป็นคนที่ชั่วร้าย ข้าก็จะปลิดชีวิตมัน มันจะได้ไม่เป็นภาระในใจของพวกเราอีก”ชิงสุ่ยกล่าว เขาจะไม่ทิ้งปัญหาเอาไว้ให้กลับมาเป็นเสี้ยนหนามในชีวิตของเขาอีก
”ในเมื่อเทียนจิวตายต่อให้ผู้นำของผู้พันไม่มาคนอื่นก็ต้องมา”
”แต่ไม่สำคัญว่าใครจะมาพวกมันก็ไม่มีทางสร้างปัญหาได้อีกถ้าหากข้ายังอยู่ที่นี่”
……………………………
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จชิงสุ่ยก็พูดกับลี่เหยียนต่อ “แม่นางเหยียน มาเถอะ แค่ยา ข้าคิดว่ามันคงไม่พอเดี๋ยวข้าขอรักษาเจ้าด้วยตัวเองดีกว่า !!”
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาได้ให้ยากับเธอไปแล้วแต่เพื่อให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาก็ควรรักษามันด้วยตัวเอง
”เอ่อ!!”
”พี่สาวเจี้ยนเก้อข้าคิดว่าข้าขอตัวก่อนจะดีกว่า”ลี่เหยียนยิ้มขณะกล่าวกับอีเย่เจี้ยนเก้อ
”ข้าคิดว่าการรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้านั้นย่อมสำคัญกว่า”อีเย่เจี้ยนเก้อพยักหน้า
ชิงสุ่ยยังคงตระหนักถึงภาพในโลกไปก่อนแน่นอนว่าชีวิตก่อนของเขา เขาและเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
”เจ้า!!” ชิงสุ่ยถูกลี่เหยียนปลุกให้ตื่นจากภวังค์เธอรู้สึกงงงวยขณะจ้องมองสายตาที่เขามองเธอ เธอเองก็ไม่เข้าใจความหมายในสายตาเหล่านั้น
”เจ้ากำลังคิดถึงนางอีกแล้วสินะ?ดูเหมือนว่าข้าจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับนางมากเลยใช่หรือไม่?”ลี่เหยียนยิ้มขณะกล่าวถาม
”เหมือนกันเกือบทุกประการแม้แต่นิสัยและน้ำเสียงก็ไม่ต่างกันเลย”ชิงสุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ และสายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
”เจ้าคงจะรักนางมากจริงๆ”ลี่เหยียนกล่าว
”อืมข้ารักนางมาก แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานกว่าครึ่งศตวรรษ ข้าก็ไม่เคยลืมเลือนภาพของนาง แต่อาจเป็นข้าฝ่ายเดียวที่หลงรักนาง “ชิงสุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น
ชิงสุ่ยพูดเรื่องราวที่ฝังใจของเขาออกมา
ลี่เหยียนตกตะลึงมันเป็นเรื่องที่ยากจนกว่าจะจินตนาการได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนั้นก็มีลักษณะเหมือนกับตัวของเธอเอง
”นางจากเจ้าไปแล้วและนางก็จากเจ้าไปตลอดกาล”หลี่เหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา
ในความเป็นจริงแล้วชิงสุ่ยต่างหากที่เป็นคนจากเธอไป แต่โชคร้ายเมื่อเขาก้าวข้ามมาอีกโลกหนึ่งความทรงจำที่สวยงามตามกลับมาหาเขาด้วย แต่เขาไม่อาจคว้ามันกลับมาได้
”เจ้าอยากปฏิบัติกับข้าให้เหมือนกับนางหรือไม่?”หลี่เหยียนถามด้วยความสงสัย
”ตอนที่ข้าเจอเจ้าเจ้าทำให้ข้าคิดถึงนาง แต่เจ้าก็คือตัวเจ้า ข้าจะไม่ถือว่าเจ้าคือนาง”ชิงสุ่ยส่ายหน้าขณะกล่าว
ชิงสุ่ยเริ่มทำการฝังเข็มให้กับลี่เหยียนแน่นอนว่าการฝังเข็มครั้งนี้เขาทำผ่านเสื้อผ้าของเธอ เส้นลมปราณที่บาดเจ็บทั้งหมดของเธอถูกรักษาเยียวยาอย่างรวดเร็วจนกลับคืนสู่สภาพที่ดีกว่าก่อน ชิงสุ่ยเดินออกมาจากห้องพร้อมกับลี่เหยียนการรักษาใช้เวลาไม่มากและเมื่อพวกเขาออกมาก็มีคนอีก 2-3 คนมาถึง หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวที่มีรูปร่างงดงาม
ชิงสุ่ยคาดเดาว่าหญิงสาวพรุ่งนี้จะต้องมีอายุประมาณ12-13 ปี และคาดเดาได้ทันทีว่าเธอจะต้องเป็นปู้หยางเฉิงหมิง
ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาได้เจอกับเธอเวลาก็ได้ผ่านล่วงเลยไปนานมากแล้วสาวน้อยคนนี้มีความสุขประมาณหน้าอกของชิงสุ่ย แล้วเธอก็ยังคงมีรูปร่างที่ผอมเพียว
ภาพลักษณ์ของเธอบ่งบอกให้เห็นว่าเธอนั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาดดวงตาคู่กลมแสดงให้เห็นถึงความเงียบเย็น
”เข้ามาสิจ๊ะหนูน้อยเจ้ายังจำลุงชิงสุ่ยได้หรือไม่?”ปู้หยางชิงกล่าวกับเด็กน้อย
”ท่านลุง!!”ปู้หยางเฉิงหมิงที่เดินอยู่ด้านข้างปู้หยางชิงกล่าวเรียกชิงสุ่ยพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ”เฉิงหมิงเจ้าเติบโตขึ้นมากจริงๆ ลุงคนนี้ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรให้กับเจ้าเลย งั้นเอาเป็นของขวัญชิ้นนี้แล้วกัน ไว้โอกาสหน้าเดี๋ยวลุงจะเตรียมของขวัญที่ดีกว่านี้ให้เจ้า”ชิงสุ่ยส่งสำเนาวิธีการฝึกฝนทักษะย่างก้าวขจัดวิญญาณและทักษะเพลงหมัดอสูรสันโดษให้กับเธอ
เขามองออกว่าเธอจะต้องฝึกฝนเพลงหมัดอสูรสันโดษจนบรรลุดินแดนที่ทรงพลังได้และเมื่อเสริมพลังด้วยย่างก้าวขจัดวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นเพลงหมัดหรือเพลงกระบี่ เธอจะได้ใช้มันควบคู่ไปกับทักษะของชิงหลง
”ขอบคุณท่านลุง!!”เด็กสาวตัวน้อยกล่าวขอบคุณจากใจจริง
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวท้องฟ้าทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด กลุ่มคนจากตระกูลลี่ก็เริ่มเดินทางกลับ ส่วนชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อยังคงพำนักอยู่ในหอคอยจักรพรรดิเพื่อรอคอยผู้คนจากคฤหาสน์ดาบสวรรค์
บทที่1783 – ความทรงจำของโลกก่อน ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก
แม้ว่าความคิดของชิงสุ่ยจะแลดูซับซ้อนแต่เขาก็ยังคงถ้าที่ผ่อนคลาย ผู้คนต่างกล่าวไว้ว่าคนที่มีความสามารถย่อมมีความห้าวหาญ ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถย่อมไม่เกรงกลัวปัญหา เขาจึงรู้สึกว่าเขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันโดยกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มของชิงสุ่ย หมอปีศาจ และปู้หยางชิง
ส่วนอีเย่เจี้ยนเก้อลี่จี๋ และลี่เหยียนก็นั่งพูดคุยด้วยหัวข้ออื่นๆ
”ท่านผู้อาวุโสเหตุการณ์ในตระกูลท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยกล่าวถามหลังจากวางจอกสุรา ”อืมทุกอย่างยังคงราบรื่นดี ว่าแต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?” ปู้หยางชิงมีความอยากรู้อยากเห็นเพียงเล็กน้อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าชิงสุ่ยในตอนนี้อยู่ในระดับใดแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเองก็พัฒนาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกันจนปัจจุบันได้ย่างก้าวเข้าสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นได้เพราะความช่วยเหลือของชิงสุ่ย ซึ่งเขาก็รู้ตัวดีว่าระดับพลังนี้คงเป็นระดับพลังสุดท้ายที่เขาสามารถก้าวไปถึง
แน่นอนว่าปู้หยางชิงย่อมไม่มีทางคาดคิดว่าชิงสุ่ยจะมีพลังในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถ้าหากว่าเขารู้เขาจะต้องตกใจจนอ้ำอึ้งพูดไม่ถูกแน่นอน แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่รู้ถึงความสามารถและความแข็งแกร่งของอีเย่เจี้ยนเก้อที่กำลังอุ้มลูกน้อยเช่นกัน
”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนมหาสมุทรกับเจี้ยนเก้อมาโดยข้ามีเรื่องต้องจัดการมากมายจึงไม่สามารถลาจากที่นั่นมาได้ และเมื่อสองสามวันที่แล้ว ข้าได้ปลดปล่อยพันธกิจที่ข้าติดพันจนหมดสิ้น ข้าจึงเร่งรีบเดินทางกลับมาที่บ้าน”ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวของเขาเองนะโชคดีที่กลับมาได้ตรงเวลา ทันเวลาที่จะช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กับหอคอยจักรพรรดิ
”นั้นก็แสดงว่าเจ้ายังไม่ได้กลับบ้านเลยสินะ?”ปู้หยางชิงรู้สึกว่าพวกเขาเองโชคดีที่เจอคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาได้
”พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เองแต่มันก็เป็นเรื่องดี ข้าหวังว่าผู้นำของคฤหาสน์ดาบสวรรค์จะมาภายในเร็ววันนี้ มิฉะนั้นข้าคงต้องเดินทางไปหาพวกมันเอง ถ้าหากพวกมันเป็นคนที่ชั่วร้าย ข้าก็จะปลิดชีวิตมัน มันจะได้ไม่เป็นภาระในใจของพวกเราอีก”ชิงสุ่ยกล่าว เขาจะไม่ทิ้งปัญหาเอาไว้ให้กลับมาเป็นเสี้ยนหนามในชีวิตของเขาอีก
”ในเมื่อเทียนจิวตายต่อให้ผู้นำของผู้พันไม่มาคนอื่นก็ต้องมา”
”แต่ไม่สำคัญว่าใครจะมาพวกมันก็ไม่มีทางสร้างปัญหาได้อีกถ้าหากข้ายังอยู่ที่นี่”
……………………………
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จชิงสุ่ยก็พูดกับลี่เหยียนต่อ “แม่นางเหยียน มาเถอะ แค่ยา ข้าคิดว่ามันคงไม่พอเดี๋ยวข้าขอรักษาเจ้าด้วยตัวเองดีกว่า !!”
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาได้ให้ยากับเธอไปแล้วแต่เพื่อให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาก็ควรรักษามันด้วยตัวเอง
”เอ่อ!!”
”พี่สาวเจี้ยนเก้อข้าคิดว่าข้าขอตัวก่อนจะดีกว่า”ลี่เหยียนยิ้มขณะกล่าวกับอีเย่เจี้ยนเก้อ
”ข้าคิดว่าการรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้านั้นย่อมสำคัญกว่า”อีเย่เจี้ยนเก้อพยักหน้า
ชิงสุ่ยยังคงตระหนักถึงภาพในโลกไปก่อนแน่นอนว่าชีวิตก่อนของเขา เขาและเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
”เจ้า!!” ชิงสุ่ยถูกลี่เหยียนปลุกให้ตื่นจากภวังค์เธอรู้สึกงงงวยขณะจ้องมองสายตาที่เขามองเธอ เธอเองก็ไม่เข้าใจความหมายในสายตาเหล่านั้น
”เจ้ากำลังคิดถึงนางอีกแล้วสินะ?ดูเหมือนว่าข้าจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับนางมากเลยใช่หรือไม่?”ลี่เหยียนยิ้มขณะกล่าวถาม
”เหมือนกันเกือบทุกประการแม้แต่นิสัยและน้ำเสียงก็ไม่ต่างกันเลย”ชิงสุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ และสายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
”เจ้าคงจะรักนางมากจริงๆ”ลี่เหยียนกล่าว
”อืมข้ารักนางมาก แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานกว่าครึ่งศตวรรษ ข้าก็ไม่เคยลืมเลือนภาพของนาง แต่อาจเป็นข้าฝ่ายเดียวที่หลงรักนาง “ชิงสุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น
ชิงสุ่ยพูดเรื่องราวที่ฝังใจของเขาออกมา
ลี่เหยียนตกตะลึงมันเป็นเรื่องที่ยากจนกว่าจะจินตนาการได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนั้นก็มีลักษณะเหมือนกับตัวของเธอเอง
”นางจากเจ้าไปแล้วและนางก็จากเจ้าไปตลอดกาล”หลี่เหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา
ในความเป็นจริงแล้วชิงสุ่ยต่างหากที่เป็นคนจากเธอไป แต่โชคร้ายเมื่อเขาก้าวข้ามมาอีกโลกหนึ่งความทรงจำที่สวยงามตามกลับมาหาเขาด้วย แต่เขาไม่อาจคว้ามันกลับมาได้
”เจ้าอยากปฏิบัติกับข้าให้เหมือนกับนางหรือไม่?”หลี่เหยียนถามด้วยความสงสัย
”ตอนที่ข้าเจอเจ้าเจ้าทำให้ข้าคิดถึงนาง แต่เจ้าก็คือตัวเจ้า ข้าจะไม่ถือว่าเจ้าคือนาง”ชิงสุ่ยส่ายหน้าขณะกล่าว
ชิงสุ่ยเริ่มทำการฝังเข็มให้กับลี่เหยียนแน่นอนว่าการฝังเข็มครั้งนี้เขาทำผ่านเสื้อผ้าของเธอ เส้นลมปราณที่บาดเจ็บทั้งหมดของเธอถูกรักษาเยียวยาอย่างรวดเร็วจนกลับคืนสู่สภาพที่ดีกว่าก่อน ชิงสุ่ยเดินออกมาจากห้องพร้อมกับลี่เหยียนการรักษาใช้เวลาไม่มากและเมื่อพวกเขาออกมาก็มีคนอีก 2-3 คนมาถึง หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวที่มีรูปร่างงดงาม
ชิงสุ่ยคาดเดาว่าหญิงสาวพรุ่งนี้จะต้องมีอายุประมาณ12-13 ปี และคาดเดาได้ทันทีว่าเธอจะต้องเป็นปู้หยางเฉิงหมิง
ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาได้เจอกับเธอเวลาก็ได้ผ่านล่วงเลยไปนานมากแล้วสาวน้อยคนนี้มีความสุขประมาณหน้าอกของชิงสุ่ย แล้วเธอก็ยังคงมีรูปร่างที่ผอมเพียว
ภาพลักษณ์ของเธอบ่งบอกให้เห็นว่าเธอนั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาดดวงตาคู่กลมแสดงให้เห็นถึงความเงียบเย็น
”เข้ามาสิจ๊ะหนูน้อยเจ้ายังจำลุงชิงสุ่ยได้หรือไม่?”ปู้หยางชิงกล่าวกับเด็กน้อย
”ท่านลุง!!”ปู้หยางเฉิงหมิงที่เดินอยู่ด้านข้างปู้หยางชิงกล่าวเรียกชิงสุ่ยพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ”เฉิงหมิงเจ้าเติบโตขึ้นมากจริงๆ ลุงคนนี้ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรให้กับเจ้าเลย งั้นเอาเป็นของขวัญชิ้นนี้แล้วกัน ไว้โอกาสหน้าเดี๋ยวลุงจะเตรียมของขวัญที่ดีกว่านี้ให้เจ้า”ชิงสุ่ยส่งสำเนาวิธีการฝึกฝนทักษะย่างก้าวขจัดวิญญาณและทักษะเพลงหมัดอสูรสันโดษให้กับเธอ
เขามองออกว่าเธอจะต้องฝึกฝนเพลงหมัดอสูรสันโดษจนบรรลุดินแดนที่ทรงพลังได้และเมื่อเสริมพลังด้วยย่างก้าวขจัดวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นเพลงหมัดหรือเพลงกระบี่ เธอจะได้ใช้มันควบคู่ไปกับทักษะของชิงหลง
”ขอบคุณท่านลุง!!”เด็กสาวตัวน้อยกล่าวขอบคุณจากใจจริง
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวท้องฟ้าทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด กลุ่มคนจากตระกูลลี่ก็เริ่มเดินทางกลับ ส่วนชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อยังคงพำนักอยู่ในหอคอยจักรพรรดิเพื่อรอคอยผู้คนจากคฤหาสน์ดาบสวรรค์