Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1798 - คนจากภาคีวิหคอัคคีเทวะ ความไม่รู้จักประมาณตน
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1798 - คนจากภาคีวิหคอัคคีเทวะ ความไม่รู้จักประมาณตน
AST
บทที่1798 – คนจากภาคีวิหคอัคคีเทวะ ความไม่รู้จักประมาณตน
ชิงสุ่ยมองดูทุกๆคนด้วยสายตาที่มีความสุขเบื้องหน้าของเขาคือภาพแห่งความสำเร็จที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวเอง มันช่างเป็นภาพแห่งความแตกต่างระหว่างอดีตของตระกูลชิง และตระกูลชิงในปัจจุบัน
ตระกูลของชิงสุ่ยปัจจุบันได้กลายเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกครั้งที่เขากลับมาที่บ้านงานเลี้ยงฉลองจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ต่อ
โดยปกติแล้วชิงอี้จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเหยียนจงเยว่ส่วนชิงชิง พี่สาวของชิงสุ่ย ก็ใช้เวลาชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับกั่วโผหลูและลูกๆของเธอเอง ในบางครั้ง เธอก็จะออกไปเที่ยวพร้อมกับชิงอี้
……………………….. เวลาประมาณ1 วันผ่านพ้นไป ไม่เพียงแต่ชิงสุ่ยจะมีสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ลูกของเขาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สำหรับชิงเจียงชิงเหอ ชิงฮู ชิงไฮ ลุงๆป้าๆ ของชิงสุ่ย ความคืบหน้าของทุกคนติดชะงักอยู่ที่เดิมมานานมากแล้ว หากไม่มีวิธีการพิเศษในการช่วยเหลือ โอกาสในการพัฒนาพลังของคนเหล่านี้ก็เป็นไปได้ยาก
แต่ด้วยความสามารถในปัจจุบันของชิงสุ่ยเขาสามารถช่วยเหลือวิธีการฝึกฝนได้อีกเล็กน้อย และด้วยระยะเวลาช่องว่างไป 7 ปีที่เขาจากไป จึงทำให้ความแข็งแกร่งของทุกคนพัฒนาขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ยังมีบางอย่างที่คุ้มค่าพอจะนำมาเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของคนในตระกูล
ยาเม็ดทองคำเซียนเทียนแม้จะเป็นตัวยาที่ทรงพลังแต่ก็ตามมาด้วยข้อบกพร่องที่ร้ายแรง มันจะเป็นตัวทำให้ศักยภาพในการพัฒนาของผู้บริโภคเสื่อมสลายด้วยอัตรามหาศาล ผู้ที่กินมันเข้าไปจะพบว่าการพัฒนาก้าวสู่ระดับพลังต่อไปเป็นเรื่องที่ยากมาก
แม้จะมีฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตและพลังปราณแห่งการหวนคืนเขาก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดได้ สิ่งที่ทำได้คือการเปลี่ยนแปลงไปในทางเชิงบวก และการเปลี่ยนแปลงของมันก็เป็นเรื่องที่ยากเกินจะพูด
แต่อย่างน้อยพวกมันก็ช่วยให้โอกาสเป็นไปได้ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกเป็นสุขและตื่นเต้นอย่างมาก
และความจริงก็ได้พิสูจน์ความสามารถอันแสนน่ากลัวของชิงสุ่ยชิงอี้ ชิงเจียง และคนอื่นที่ไม่ได้เพิ่มพูนความสามารถในมานานแสนนาน ทุกคนเลือกระดับพลังขึ้นถึง 2 ระดับภายในคราวเดียว ตอนนี้ทุกคนอยู่ในระดับพลังเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 6
……………………..
ขณะที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นมันคือช่วงเวลาที่ทุกคนจะแบ่งปันโอกาสให้ความสุขให้กันและกัน เด็กตัวเล็กๆต่างก็ใช้เวลาร่วมกันในการเล่นสนุกสนาน
ชิงสุ่ยมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ถ้าหากเขาสามารถคงไว้ซึ่งความสุขแบบนี้ได้ต่อให้เป็นเวลาตราบนานเท่านานเขาก็ไม่มีวันเบื่อหน่าย สิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตคือประสบการณ์ที่มีสีสันในการเดินทาง มันก็เหมือนกับความงามที่แบ่งแยกระหว่างชายหญิง
หลังจากมื้ออาหารแสนสุขจบลงแขกไม่ได้รับเชิญจำนวน 2 คนปรากฏตัวขึ้นและต้องการเข้าพบชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้ทันทีว่าคนที่ต้องการพบเขาเป็นใคร
มันจะต้องเป็นคนที่มาจากภาคีวิหคอัคคีเทวะและเขาเองก็เอาคาดเดาได้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร
เมื่อชิงสุ่ยเดินออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านเขาก็มองเห็นคนทั้งสองคนที่กำลังรอคอยเขาอยู่ทั้งสองคนมีอายุประมาณ 150 ปี ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันด้วยท่าทางสบาย แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่อาจปกปิดความหยิ่งยโสที่แฝงอยู่บนใบหน้าได้
”พวกเจ้ากำลังตามหาข้าใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถามขณะที่เดินเข้าไปหาคนทั้งสองคน
ในขณะที่เขากล่าวคำถามชิงสุ่ยก็เฝ้าสังเกตใบหน้าชายทั้งสองคน พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวที่ดูโอ้อ่า แม้ว่าลักษณะภายนอกจะกลายเป็นคนชราแต่รูปลักษณ์ของพวกเขายังคงดีเยี่ยม ใบหน้ายังคงไร้ซึ่งริ้วรอยต่างจากชายชราคนอื่นๆอย่างแท้จริง
ชายชราทั้งสองคนล้วนมีคิ้วบางและดวงตาที่เล็กรอยยิ้มของพวกเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับคมดาบ ในทำนองเดียวกันดวงตาของพวกเขาเองก็แสดงให้เห็นถึงความเล่ห์เหลี่ยมเฉียบคม แต่ตัวตนของพวกเขาก็ถือเป็นที่น่าประทับใจสำหรับชิงสุ่ย
”เจ้าคงจะเป็นคนที่คฤหาสน์ดาบสวรรค์กล่าวถึงใช่หรือไม่?”ชายชราทางด้านซ้ายถามอย่างไม่เป็นทางการ
”พวกเจ้าต้องการอะไรจากข้า?”ชิงสุ่ยกล่าวถามโดยยังคงไว้ซึ่งน้ำเสียงที่ดูสงบนิ่ง
”เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอ!!เจ้าคงไม่รู้สินะว่าพวกข้าเป็นใคร”ชายชราโกรธเพราะคำพูดที่ชิงสุ่ยถาม มันเหมือนกับคำพูดที่ยกระดับชิงสุ่ยให้ทัดเทียมกับพวกเขา ชายชราจึงโกรธและตบโต๊ะก่อนจะพูดเสียงดัง
ชิงสุ่ยแสยะยิ้มมันเป็นรอยยิ้มเหมือนกำลังดูตัวตลกกระโดดเล่นบนเสาไฟ
ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของเขานั้นกว้างใหญ่เกินไปจึงทำให้ชายชราทั้งสองไม่อาจมองเห็นความสามารถที่แท้จริงของชิงสุ่ยได้ แต่ด้วยอายุของชิงสุ่ยที่ไม่ต่างอะไรจากเด็ก ชายชราทั้งสองจึงสันนิษฐานเอาเองว่าที่ชิงสุ่ยเอาชนะคฤหาสน์ดาบสวรรค์ได้ คงเป็นเพราะพลังที่เหนือกว่ากลุ่มของคฤหาสน์ดาบสวรรค์อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากมุมมองของพวกเขาที่เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวก็จะก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัยว่าชิงสุ่ยคนนี้ คงจะใช้วิธีสกปรกเอาชนะเจ้านิกายคฤหาสน์ดาบสวรรค์
รอยยิ้มของชิงสุ่ยยิ่งทำให้ชายชราทั้งสองโกรธจัดมันคือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูก ล้อเลียน ไม่มีใครสบายใจเมื่อถูกดูหมิ่น
ชายชราทั้งสองคนเลือกที่จะยืนอยู่เหนือหัวของทุกคนเพื่อให้ทุกคนแสดงความเคารพพวกเขาเหตุผลแรกก็เพราะอายุ เหตุผลที่สองคือความแข็งแกร่ง
ความแข็งแกร่งแท้จริงแล้วคือปัจจัยหลักแม้แต่ผู้ที่มีสถานะสูงๆ ยังต้องพูดคุยกับพวกเขาด้วยความสุภาพ
”ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าเป็นใครแต่ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ภายใต้อาณาเขตตระกูลชิง จงบอกข้ามา ว่าพวกเจ้าต้องการอะไร อย่าให้ข้าต้องพูดคำถามซ้ำเป็นครั้งที่ 3 อีก”ชิงสุ่ยมองชายชราที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเขา ขณะที่เขายังคงยืนนิ่ง
บทที่1798 – คนจากภาคีวิหคอัคคีเทวะ ความไม่รู้จักประมาณตน
ชิงสุ่ยมองดูทุกๆคนด้วยสายตาที่มีความสุขเบื้องหน้าของเขาคือภาพแห่งความสำเร็จที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวเอง มันช่างเป็นภาพแห่งความแตกต่างระหว่างอดีตของตระกูลชิง และตระกูลชิงในปัจจุบัน
ตระกูลของชิงสุ่ยปัจจุบันได้กลายเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกครั้งที่เขากลับมาที่บ้านงานเลี้ยงฉลองจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ต่อ
โดยปกติแล้วชิงอี้จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเหยียนจงเยว่ส่วนชิงชิง พี่สาวของชิงสุ่ย ก็ใช้เวลาชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับกั่วโผหลูและลูกๆของเธอเอง ในบางครั้ง เธอก็จะออกไปเที่ยวพร้อมกับชิงอี้
……………………….. เวลาประมาณ1 วันผ่านพ้นไป ไม่เพียงแต่ชิงสุ่ยจะมีสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ลูกของเขาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สำหรับชิงเจียงชิงเหอ ชิงฮู ชิงไฮ ลุงๆป้าๆ ของชิงสุ่ย ความคืบหน้าของทุกคนติดชะงักอยู่ที่เดิมมานานมากแล้ว หากไม่มีวิธีการพิเศษในการช่วยเหลือ โอกาสในการพัฒนาพลังของคนเหล่านี้ก็เป็นไปได้ยาก
แต่ด้วยความสามารถในปัจจุบันของชิงสุ่ยเขาสามารถช่วยเหลือวิธีการฝึกฝนได้อีกเล็กน้อย และด้วยระยะเวลาช่องว่างไป 7 ปีที่เขาจากไป จึงทำให้ความแข็งแกร่งของทุกคนพัฒนาขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ยังมีบางอย่างที่คุ้มค่าพอจะนำมาเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของคนในตระกูล
ยาเม็ดทองคำเซียนเทียนแม้จะเป็นตัวยาที่ทรงพลังแต่ก็ตามมาด้วยข้อบกพร่องที่ร้ายแรง มันจะเป็นตัวทำให้ศักยภาพในการพัฒนาของผู้บริโภคเสื่อมสลายด้วยอัตรามหาศาล ผู้ที่กินมันเข้าไปจะพบว่าการพัฒนาก้าวสู่ระดับพลังต่อไปเป็นเรื่องที่ยากมาก
แม้จะมีฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตและพลังปราณแห่งการหวนคืนเขาก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดได้ สิ่งที่ทำได้คือการเปลี่ยนแปลงไปในทางเชิงบวก และการเปลี่ยนแปลงของมันก็เป็นเรื่องที่ยากเกินจะพูด
แต่อย่างน้อยพวกมันก็ช่วยให้โอกาสเป็นไปได้ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกเป็นสุขและตื่นเต้นอย่างมาก
และความจริงก็ได้พิสูจน์ความสามารถอันแสนน่ากลัวของชิงสุ่ยชิงอี้ ชิงเจียง และคนอื่นที่ไม่ได้เพิ่มพูนความสามารถในมานานแสนนาน ทุกคนเลือกระดับพลังขึ้นถึง 2 ระดับภายในคราวเดียว ตอนนี้ทุกคนอยู่ในระดับพลังเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 6
……………………..
ขณะที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นมันคือช่วงเวลาที่ทุกคนจะแบ่งปันโอกาสให้ความสุขให้กันและกัน เด็กตัวเล็กๆต่างก็ใช้เวลาร่วมกันในการเล่นสนุกสนาน
ชิงสุ่ยมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ถ้าหากเขาสามารถคงไว้ซึ่งความสุขแบบนี้ได้ต่อให้เป็นเวลาตราบนานเท่านานเขาก็ไม่มีวันเบื่อหน่าย สิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตคือประสบการณ์ที่มีสีสันในการเดินทาง มันก็เหมือนกับความงามที่แบ่งแยกระหว่างชายหญิง
หลังจากมื้ออาหารแสนสุขจบลงแขกไม่ได้รับเชิญจำนวน 2 คนปรากฏตัวขึ้นและต้องการเข้าพบชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้ทันทีว่าคนที่ต้องการพบเขาเป็นใคร
มันจะต้องเป็นคนที่มาจากภาคีวิหคอัคคีเทวะและเขาเองก็เอาคาดเดาได้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร
เมื่อชิงสุ่ยเดินออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านเขาก็มองเห็นคนทั้งสองคนที่กำลังรอคอยเขาอยู่ทั้งสองคนมีอายุประมาณ 150 ปี ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันด้วยท่าทางสบาย แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่อาจปกปิดความหยิ่งยโสที่แฝงอยู่บนใบหน้าได้
”พวกเจ้ากำลังตามหาข้าใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถามขณะที่เดินเข้าไปหาคนทั้งสองคน
ในขณะที่เขากล่าวคำถามชิงสุ่ยก็เฝ้าสังเกตใบหน้าชายทั้งสองคน พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวที่ดูโอ้อ่า แม้ว่าลักษณะภายนอกจะกลายเป็นคนชราแต่รูปลักษณ์ของพวกเขายังคงดีเยี่ยม ใบหน้ายังคงไร้ซึ่งริ้วรอยต่างจากชายชราคนอื่นๆอย่างแท้จริง
ชายชราทั้งสองคนล้วนมีคิ้วบางและดวงตาที่เล็กรอยยิ้มของพวกเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับคมดาบ ในทำนองเดียวกันดวงตาของพวกเขาเองก็แสดงให้เห็นถึงความเล่ห์เหลี่ยมเฉียบคม แต่ตัวตนของพวกเขาก็ถือเป็นที่น่าประทับใจสำหรับชิงสุ่ย
”เจ้าคงจะเป็นคนที่คฤหาสน์ดาบสวรรค์กล่าวถึงใช่หรือไม่?”ชายชราทางด้านซ้ายถามอย่างไม่เป็นทางการ
”พวกเจ้าต้องการอะไรจากข้า?”ชิงสุ่ยกล่าวถามโดยยังคงไว้ซึ่งน้ำเสียงที่ดูสงบนิ่ง
”เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอ!!เจ้าคงไม่รู้สินะว่าพวกข้าเป็นใคร”ชายชราโกรธเพราะคำพูดที่ชิงสุ่ยถาม มันเหมือนกับคำพูดที่ยกระดับชิงสุ่ยให้ทัดเทียมกับพวกเขา ชายชราจึงโกรธและตบโต๊ะก่อนจะพูดเสียงดัง
ชิงสุ่ยแสยะยิ้มมันเป็นรอยยิ้มเหมือนกำลังดูตัวตลกกระโดดเล่นบนเสาไฟ
ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของเขานั้นกว้างใหญ่เกินไปจึงทำให้ชายชราทั้งสองไม่อาจมองเห็นความสามารถที่แท้จริงของชิงสุ่ยได้ แต่ด้วยอายุของชิงสุ่ยที่ไม่ต่างอะไรจากเด็ก ชายชราทั้งสองจึงสันนิษฐานเอาเองว่าที่ชิงสุ่ยเอาชนะคฤหาสน์ดาบสวรรค์ได้ คงเป็นเพราะพลังที่เหนือกว่ากลุ่มของคฤหาสน์ดาบสวรรค์อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากมุมมองของพวกเขาที่เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวก็จะก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัยว่าชิงสุ่ยคนนี้ คงจะใช้วิธีสกปรกเอาชนะเจ้านิกายคฤหาสน์ดาบสวรรค์
รอยยิ้มของชิงสุ่ยยิ่งทำให้ชายชราทั้งสองโกรธจัดมันคือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูก ล้อเลียน ไม่มีใครสบายใจเมื่อถูกดูหมิ่น
ชายชราทั้งสองคนเลือกที่จะยืนอยู่เหนือหัวของทุกคนเพื่อให้ทุกคนแสดงความเคารพพวกเขาเหตุผลแรกก็เพราะอายุ เหตุผลที่สองคือความแข็งแกร่ง
ความแข็งแกร่งแท้จริงแล้วคือปัจจัยหลักแม้แต่ผู้ที่มีสถานะสูงๆ ยังต้องพูดคุยกับพวกเขาด้วยความสุภาพ
”ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าเป็นใครแต่ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ภายใต้อาณาเขตตระกูลชิง จงบอกข้ามา ว่าพวกเจ้าต้องการอะไร อย่าให้ข้าต้องพูดคำถามซ้ำเป็นครั้งที่ 3 อีก”ชิงสุ่ยมองชายชราที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเขา ขณะที่เขายังคงยืนนิ่ง