Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1800 - จอมยุทธผู้ทรงพลัง กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ? หญิงสาว?
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1800 - จอมยุทธผู้ทรงพลัง กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ? หญิงสาว?
AST
บทที่1800 – จอมยุทธผู้ทรงพลัง กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ? หญิงสาว?
อี่หวงกู่หวู๋จ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาระมัดระวัง เธอกลัวว่าชิงสุ่ยจะโกรธ เธอเป็นไปด้วยความประหม่า และไม่อยากให้ชิงสุ่ยเข้าใจผิดว่าเธอพยายามปิดซ่อนอะไรบางอย่าง
”ผู้อาวุโส? นั่นก็หมายความว่าเจ้าเองก็มีตำแหน่งสูงส่งอยู่ภายในกลุ่ม ทำไมพวกเขาถึงยอมแต่งตั้งเจ้าและปล่อยให้เจ้าไม่ต้องทำภารกิจใดๆเลยมาเป็นเวลานานแสนนานขนาดนี้?”ชิงสุ่ยอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
”ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันแท้จริงแล้วข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าชื่อของข้ามันมีตำแหน่งสำคัญอยู่บนกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ แต่ถ้าหากมีสิ่งใดที่ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านเหรียญผู้อาวุโสได้ อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสแต่ละคนจะได้รับเหรียญเพียงแค่คนละ 5 เหรียญเพื่อขอความช่วยเหลือจากกลุ่มได้เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น”
”โอกาส5 ครั้ง? พวกเขาให้ทุกอย่างโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเลยอย่างนั้นหรือ?”คราวนี้ชิงสุ่ยถามด้วยความสับสน
”ถูกต้องแล้วล่ะโอกาสทั้ง 5 ครั้งใช้ได้โดยอิสระ พวกเขาไม่ถามอะไรทั้งสิ้น แต่สิทธิเหล่านี้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้อาวุโสเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่โอกาสทั้ง 5 ถูกใช้จนหมดสิ้น หากผู้อาวุโสยังต้องการขอความช่วยเหลือจากกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ พวกเขาจะหักคะแนนความรุ่งโรจน์ของผู้อาวุโสแต่ละคน”อี่หวงกู่หวู่กล่าวอย่างนุ่มนวล
”คะแนนความรุ่งโรจน์คือจำนวนเงินที่สมาชิกบริจาคให้กับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวถาม
”ถูกต้องแล้วล่ะและตัวข้าเองก็ไม่มีคะแนนอะไรเลย ที่สำคัญในอดีตข้าใช้ความช่วยเหลือไปแล้ว 4 ครั้ง จึงเหลือการช่วยเหลือครั้งสุดท้ายเป็นแค่ครั้งเดียว ในฐานะที่ข้าเป็นถึงผู้อาวุโส เจ้าคิดว่าข้าไร้ยางอายหรือไม่?”อี่หวงกู่หวู๋กล่าวถามด้วยความเขินอาย
”ไร้ยางอาย?เจ้าจะกลายเป็นคนที่ดูไร้ยางอายก็ต่อเมื่อเจ้าใช้สิทธิ์ทั้งหมดของเจ้าในฐานะผู้อาวุโสจนหมดสิ้น”ชิงสุ่ยกล่าว
เธอตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มดูเหมือนชิงสุ่ยจะไม่ได้โกรธเธอ เธอจึงคลายความวิตกกังวล
ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการจะรู้เรื่องราวของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเพิ่มเติมจากตัวของอี่หวงกู่หวู๋แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็แทบไม่รู้อะไรเลย
ชิงสุ่ยไม่ได้วิตกกังวลอะไรกับมันเขารู้ดีว่าในไม่ช้าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มของภาคีวิหคอัคคีเทวะ และรู้ว่าพวกมันคืออะไร
อันที่จริงชิงสุ่ยสามารถโต้ตอบกับองค์กรภาคีวิหคอัคคีเทวะได้โดยอาศัยช่องทางผู้อาวุโสของอี่หวงกู่หวู๋ แต่เขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่จำเป็นเลย
ในขณะเดียวกันตอนนี้ที่เขาสามารถวางท่าทีสงบได้ก็เพราะความแข็งแกร่งของเขา มันเหมือนกับว่าเขากำลังเดินฝากเข้าพายุที่กำลังโหมกระหน่ำเพื่อจับปลา แน่นอนว่าพายุที่โหมกระหน่ำก็เป็นเพียงแค่สายลมจากปีกนกน้อยในสายตาของเขา
”สามีสุดที่รักของข้าเชื่อข้าเถิด กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเองก็เป็นกลุ่มที่ทรงพลังมาก”อี่หวงกู่หวู๋กระซิบข้างๆหูของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ และเธอสนุกกับการหยอกล้อชิงสุ่ย แน่นอนว่าคำพูดของเธอที่เรียกแทนตัวเขาว่า “สามีสุดที่รัก” มันเป็นคำพูดที่ดูซุกซนและกระตุ้นเสน่ห์ของเธอได้เป็นอย่างดี
”ถ้าเช่นนั้นเจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าพวกมันมีพลังมากมายเพียงใด”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
”ข้าเองก็ไม่รู้ถึงพลังของพวกมันแต่สิ่งหนึ่งที่ข้ารู้อย่างแน่นอนก็คือพวกมันมีคนที่มีพลังในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นระดับพลังที่ข้าเป็นกังวล “อี่หวงกู่หวู๋กล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างแท้จริง
มันคงเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ระดับพลังในปัจจุบันของชิงสุ่ยเพราะถ้าหากเธอรู้เธอก็คงไม่กังวลขนาดนี้
”เจ้าอย่าได้กังวลเลยตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ ต่อให้กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเป็นรวมพวกไร้ปัญญา ข้าจะทำให้พวกมันสูญเสียน้อยที่สุด”
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดอี่หวงกู่หวู๋ก็เป็นถึงระดับผู้อาวุโสของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ที่สำคัญเธอเองก็เคยได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะมาก่อน ดังนั้นหลังจากนี้ชิงสุ่ยจะพยายามไม่ลงโทษผู้คนจากกลุ่มนั้นหนักมือ
เมื่อเห็นความมั่นใจจากสายตาของชิงสุ่ยอี่หวงกู่หวู๋ก็เริ่มผ่อนคลายกลายเป็นมั่นใจ เธอรู้ดีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ จะไม่พูดเรื่องไร้สาระใดๆทั้งสิ้น หากไม่มีความมั่นใจ
ในครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวของเขาจะต้องแก้ไขปัญหาภายในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไป แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันกำลังสนใจพลังของเขาอย่างแน่นอน หากเขาไม่มีพลังที่โดดเด่น พวกมันก็คงไม่ต้องการให้เขามาเข้าร่วมกลุ่ม
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ต้องการเข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เขาก็ได้ตอบกลับกลุ่มคนที่มาเชิญของเขาด้วยความรุนแรง หากเขายังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มในเร็ววันนี้ มีโอกาสสูงมากที่คนพวกนั้นจะกลับกลายมาเป็นศัตรูในอนาคต
…………………………..
ในช่วงพริบตา3 วันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยยังคงมุ่งมั่นพยายามเพิ่มพูนความแข็งแรงให้คนของตระกูลชิง ในขณะเดียวกันเขาก็ฝึกฝนทักษะที่แข็งแกร่งของตนเอง ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ชิงสุ่ย รู้สึกได้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น นี่คงเป็นผลลัพธ์ของพลังและความรู้ที่เขาครอบครอง
ชีวิตของชิงสุ่ยเป็นไปด้วยความผ่อนคลายเมื่อมีเวลาว่างเขาจะแนะนำการฝึกฝนและใช้เวลาอยู่กับลูกๆของเขา วันเวลาผ่านไปเหมือนกระพริบตาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ในวันที่4 และแล้วก็มีคนมาหาเขา ชิงสุ่ยค้นหาประหลาดในกลิ่นอายและรูปร่างหน้าตาของเธอ เธอเป็นคนที่มีน่าตางดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
ชิงสุ่ยไม่รู้จะนิยามหญิงสาวผู้นี้ด้วยคำพูดได้เธอมีรูปร่างที่ผอมเพียวคล้ายกับนางฟ้าที่ลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่ กลิ่นอายของเธอเต็มไปด้วยความสง่างามและเงียบสงบ แม้แต่คำว่าผู้ประเสริฐก็คงอธิบายภาพลักษณ์ของเธอได้ไม่เพียงพอ
ดวงตาของเธอดูสงบนิ่งเหมือนท้องฟ้าแม้จะเป็นท้องฟ้าที่บริสุทธิ์แต่ก็คงไว้ซึ่งความลึกซึ้ง เธอดูเฉลียวฉลาดและมีดวงตาที่เคร่งขรึม ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองเธอโดยตรง แม้กระทั่งชิงสุ่ย ยังรู้สึกละอายใจในความด้อยของตัวเอง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีหญิงสาวเช่นนี้อยู่บนโลกเดียวกับเขารัศมีกลิ่นอายจางบดบังใบหน้าของนาง คงมีแต่คนที่แข็งแกร่งระดับชิงสุ่ยที่มีโอกาสมองเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
เธอสวมชุดวิหคหิมะขาวศักดิ์สิทธิ์ด้านบนของเธอมีสัญลักษณ์วิหคเทวะหิมะขาว แม้ว่าจะมองเห็นอย่างชัดเจนแต่ก็สร้างแรงกดดันให้กับผู้ที่พบเจอมัน
จากสัญลักษณ์ชิงสุ่ยยืนยันได้ทันทีว่าเธอเองจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลลึกลับที่ควบคุมกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้เลยว่าภายในกลุ่มจะมีคนอย่างเธอซ่อนตัวอยู่
กลิ่นอายที่เธอเปล่งออกมาเต็มไปด้วยความน่ากลัวแม้เธอจะงดงามเหมือนชางห่ายหมิงเยวี่ยและหญิงสาวคนอื่นๆของเขา แต่มันก็มีกลิ่นอายที่เขาอธิบายไม่ได้ครอบงำร่างกายของเธออยู่ ชิงสุ่ยจะรู้สึกกังวลน้อยกว่านี้ถ้าหากข้างกายของเขามีชางห่ายหมิงเยวี่ยและอีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ด้วย
ชิงสุ่ยแทบจะไม่สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้นั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องแข็งแกร่งกว่าเขามาก
เพื่อเผชิญหน้ากับความก้าวหน้าเขาจำเป็นต้องเจอสถานการณ์ที่ใหญ่หลวงแม้เขาจะรู้ตัวว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่บนโลกใบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะเจอมันในเร็ววัน นอกจากนี้คนที่เขาเจอยังเป็นคนของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ
การหมายถึงของหญิงสาวตรงไปตรงมาเธอปรากฏตัวไม่ห่างไกลจากชิงสุ่ยมากนัก เธอไม่ได้ปรากฏที่ทางเข้าหลัก และแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าติอะไรทั้งสิ้นราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
บทที่1800 – จอมยุทธผู้ทรงพลัง กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ? หญิงสาว?
อี่หวงกู่หวู๋จ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาระมัดระวัง เธอกลัวว่าชิงสุ่ยจะโกรธ เธอเป็นไปด้วยความประหม่า และไม่อยากให้ชิงสุ่ยเข้าใจผิดว่าเธอพยายามปิดซ่อนอะไรบางอย่าง
”ผู้อาวุโส? นั่นก็หมายความว่าเจ้าเองก็มีตำแหน่งสูงส่งอยู่ภายในกลุ่ม ทำไมพวกเขาถึงยอมแต่งตั้งเจ้าและปล่อยให้เจ้าไม่ต้องทำภารกิจใดๆเลยมาเป็นเวลานานแสนนานขนาดนี้?”ชิงสุ่ยอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
”ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันแท้จริงแล้วข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าชื่อของข้ามันมีตำแหน่งสำคัญอยู่บนกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ แต่ถ้าหากมีสิ่งใดที่ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านเหรียญผู้อาวุโสได้ อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสแต่ละคนจะได้รับเหรียญเพียงแค่คนละ 5 เหรียญเพื่อขอความช่วยเหลือจากกลุ่มได้เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น”
”โอกาส5 ครั้ง? พวกเขาให้ทุกอย่างโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเลยอย่างนั้นหรือ?”คราวนี้ชิงสุ่ยถามด้วยความสับสน
”ถูกต้องแล้วล่ะโอกาสทั้ง 5 ครั้งใช้ได้โดยอิสระ พวกเขาไม่ถามอะไรทั้งสิ้น แต่สิทธิเหล่านี้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้อาวุโสเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่โอกาสทั้ง 5 ถูกใช้จนหมดสิ้น หากผู้อาวุโสยังต้องการขอความช่วยเหลือจากกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ พวกเขาจะหักคะแนนความรุ่งโรจน์ของผู้อาวุโสแต่ละคน”อี่หวงกู่หวู่กล่าวอย่างนุ่มนวล
”คะแนนความรุ่งโรจน์คือจำนวนเงินที่สมาชิกบริจาคให้กับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวถาม
”ถูกต้องแล้วล่ะและตัวข้าเองก็ไม่มีคะแนนอะไรเลย ที่สำคัญในอดีตข้าใช้ความช่วยเหลือไปแล้ว 4 ครั้ง จึงเหลือการช่วยเหลือครั้งสุดท้ายเป็นแค่ครั้งเดียว ในฐานะที่ข้าเป็นถึงผู้อาวุโส เจ้าคิดว่าข้าไร้ยางอายหรือไม่?”อี่หวงกู่หวู๋กล่าวถามด้วยความเขินอาย
”ไร้ยางอาย?เจ้าจะกลายเป็นคนที่ดูไร้ยางอายก็ต่อเมื่อเจ้าใช้สิทธิ์ทั้งหมดของเจ้าในฐานะผู้อาวุโสจนหมดสิ้น”ชิงสุ่ยกล่าว
เธอตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มดูเหมือนชิงสุ่ยจะไม่ได้โกรธเธอ เธอจึงคลายความวิตกกังวล
ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการจะรู้เรื่องราวของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเพิ่มเติมจากตัวของอี่หวงกู่หวู๋แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็แทบไม่รู้อะไรเลย
ชิงสุ่ยไม่ได้วิตกกังวลอะไรกับมันเขารู้ดีว่าในไม่ช้าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มของภาคีวิหคอัคคีเทวะ และรู้ว่าพวกมันคืออะไร
อันที่จริงชิงสุ่ยสามารถโต้ตอบกับองค์กรภาคีวิหคอัคคีเทวะได้โดยอาศัยช่องทางผู้อาวุโสของอี่หวงกู่หวู๋ แต่เขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่จำเป็นเลย
ในขณะเดียวกันตอนนี้ที่เขาสามารถวางท่าทีสงบได้ก็เพราะความแข็งแกร่งของเขา มันเหมือนกับว่าเขากำลังเดินฝากเข้าพายุที่กำลังโหมกระหน่ำเพื่อจับปลา แน่นอนว่าพายุที่โหมกระหน่ำก็เป็นเพียงแค่สายลมจากปีกนกน้อยในสายตาของเขา
”สามีสุดที่รักของข้าเชื่อข้าเถิด กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเองก็เป็นกลุ่มที่ทรงพลังมาก”อี่หวงกู่หวู๋กระซิบข้างๆหูของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ และเธอสนุกกับการหยอกล้อชิงสุ่ย แน่นอนว่าคำพูดของเธอที่เรียกแทนตัวเขาว่า “สามีสุดที่รัก” มันเป็นคำพูดที่ดูซุกซนและกระตุ้นเสน่ห์ของเธอได้เป็นอย่างดี
”ถ้าเช่นนั้นเจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าพวกมันมีพลังมากมายเพียงใด”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
”ข้าเองก็ไม่รู้ถึงพลังของพวกมันแต่สิ่งหนึ่งที่ข้ารู้อย่างแน่นอนก็คือพวกมันมีคนที่มีพลังในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นระดับพลังที่ข้าเป็นกังวล “อี่หวงกู่หวู๋กล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างแท้จริง
มันคงเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ระดับพลังในปัจจุบันของชิงสุ่ยเพราะถ้าหากเธอรู้เธอก็คงไม่กังวลขนาดนี้
”เจ้าอย่าได้กังวลเลยตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ ต่อให้กลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะเป็นรวมพวกไร้ปัญญา ข้าจะทำให้พวกมันสูญเสียน้อยที่สุด”
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดอี่หวงกู่หวู๋ก็เป็นถึงระดับผู้อาวุโสของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ที่สำคัญเธอเองก็เคยได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะมาก่อน ดังนั้นหลังจากนี้ชิงสุ่ยจะพยายามไม่ลงโทษผู้คนจากกลุ่มนั้นหนักมือ
เมื่อเห็นความมั่นใจจากสายตาของชิงสุ่ยอี่หวงกู่หวู๋ก็เริ่มผ่อนคลายกลายเป็นมั่นใจ เธอรู้ดีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ จะไม่พูดเรื่องไร้สาระใดๆทั้งสิ้น หากไม่มีความมั่นใจ
ในครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวของเขาจะต้องแก้ไขปัญหาภายในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไป แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันกำลังสนใจพลังของเขาอย่างแน่นอน หากเขาไม่มีพลังที่โดดเด่น พวกมันก็คงไม่ต้องการให้เขามาเข้าร่วมกลุ่ม
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ต้องการเข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เขาก็ได้ตอบกลับกลุ่มคนที่มาเชิญของเขาด้วยความรุนแรง หากเขายังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มในเร็ววันนี้ มีโอกาสสูงมากที่คนพวกนั้นจะกลับกลายมาเป็นศัตรูในอนาคต
…………………………..
ในช่วงพริบตา3 วันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยยังคงมุ่งมั่นพยายามเพิ่มพูนความแข็งแรงให้คนของตระกูลชิง ในขณะเดียวกันเขาก็ฝึกฝนทักษะที่แข็งแกร่งของตนเอง ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ชิงสุ่ย รู้สึกได้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น นี่คงเป็นผลลัพธ์ของพลังและความรู้ที่เขาครอบครอง
ชีวิตของชิงสุ่ยเป็นไปด้วยความผ่อนคลายเมื่อมีเวลาว่างเขาจะแนะนำการฝึกฝนและใช้เวลาอยู่กับลูกๆของเขา วันเวลาผ่านไปเหมือนกระพริบตาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ในวันที่4 และแล้วก็มีคนมาหาเขา ชิงสุ่ยค้นหาประหลาดในกลิ่นอายและรูปร่างหน้าตาของเธอ เธอเป็นคนที่มีน่าตางดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
ชิงสุ่ยไม่รู้จะนิยามหญิงสาวผู้นี้ด้วยคำพูดได้เธอมีรูปร่างที่ผอมเพียวคล้ายกับนางฟ้าที่ลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่ กลิ่นอายของเธอเต็มไปด้วยความสง่างามและเงียบสงบ แม้แต่คำว่าผู้ประเสริฐก็คงอธิบายภาพลักษณ์ของเธอได้ไม่เพียงพอ
ดวงตาของเธอดูสงบนิ่งเหมือนท้องฟ้าแม้จะเป็นท้องฟ้าที่บริสุทธิ์แต่ก็คงไว้ซึ่งความลึกซึ้ง เธอดูเฉลียวฉลาดและมีดวงตาที่เคร่งขรึม ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองเธอโดยตรง แม้กระทั่งชิงสุ่ย ยังรู้สึกละอายใจในความด้อยของตัวเอง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีหญิงสาวเช่นนี้อยู่บนโลกเดียวกับเขารัศมีกลิ่นอายจางบดบังใบหน้าของนาง คงมีแต่คนที่แข็งแกร่งระดับชิงสุ่ยที่มีโอกาสมองเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
เธอสวมชุดวิหคหิมะขาวศักดิ์สิทธิ์ด้านบนของเธอมีสัญลักษณ์วิหคเทวะหิมะขาว แม้ว่าจะมองเห็นอย่างชัดเจนแต่ก็สร้างแรงกดดันให้กับผู้ที่พบเจอมัน
จากสัญลักษณ์ชิงสุ่ยยืนยันได้ทันทีว่าเธอเองจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลลึกลับที่ควบคุมกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้เลยว่าภายในกลุ่มจะมีคนอย่างเธอซ่อนตัวอยู่
กลิ่นอายที่เธอเปล่งออกมาเต็มไปด้วยความน่ากลัวแม้เธอจะงดงามเหมือนชางห่ายหมิงเยวี่ยและหญิงสาวคนอื่นๆของเขา แต่มันก็มีกลิ่นอายที่เขาอธิบายไม่ได้ครอบงำร่างกายของเธออยู่ ชิงสุ่ยจะรู้สึกกังวลน้อยกว่านี้ถ้าหากข้างกายของเขามีชางห่ายหมิงเยวี่ยและอีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ด้วย
ชิงสุ่ยแทบจะไม่สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้นั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องแข็งแกร่งกว่าเขามาก
เพื่อเผชิญหน้ากับความก้าวหน้าเขาจำเป็นต้องเจอสถานการณ์ที่ใหญ่หลวงแม้เขาจะรู้ตัวว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่บนโลกใบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะเจอมันในเร็ววัน นอกจากนี้คนที่เขาเจอยังเป็นคนของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ
การหมายถึงของหญิงสาวตรงไปตรงมาเธอปรากฏตัวไม่ห่างไกลจากชิงสุ่ยมากนัก เธอไม่ได้ปรากฏที่ทางเข้าหลัก และแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าติอะไรทั้งสิ้นราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง