Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1826 - ซี่เหมินป้า ผู้สืบทอดมรดกจอมปราชญ์ผู้โง่เขลา
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1826 - ซี่เหมินป้า ผู้สืบทอดมรดกจอมปราชญ์ผู้โง่เขลา
AST
บทที่1826 – ซี่เหมินป้า ผู้สืบทอดมรดกจอมปราชญ์ผู้โง่เขลา
หยินต่งและหลินเฟ่ยเริ่มต้นกล่าวทักทายฉินชิงและถานท่ายหลิงเยียน เพียงแค่ท่าทางทั้งสองคนก็รู้ดีว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างชิงสุ่ยจะต้องเป็นหญิงสาวของชิงสุ่ยอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองคนเลือกพักอาศัยอยู่ในหอคอยจักรพรรดิดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักใหญ่ หนึ่งเพราะหอคอยจักรพรรดิแห่งนีอยู่ไม่ห่างไกลจากพระราชวังอาทิตย์อัสดง และอีกอย่างคือเขาคงรอให้ลูกของหยินตงเกิด
เมื่อนึกถึงการตั้งครรภ์ของหยินตงมันก็ทำให้เขานึกถึงจักรพรรดินีผีดูดเลือดที่กำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงไม่ทำใจยอมรับ เขาคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปวดหัวและรู้ดีว่าต่อให้เวลานานไปเขาก็คงไม่มีวันลืม ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร หรือเขาควรไปเยี่ยมเยียนลูกน้อยของจักรพรรดินีผีดูดเลือดยามเมื่อเธอให้กำเนิด
ชิงสุ่ยมีจุดอ่อนใหญ่ที่สำคัญนั่นก็คือความสัมพันธ์ของมนุษย์เขาไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับใครได้จริงๆแม้ว่าเธอจะเป็นจักรพรรดินีผีดูดเลือดก็ตาม ที่สำคัญเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ และเป็นคนเดียวที่เธอเลือก
เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แต่ที่เขารู้คือในใจของเขาเป็นทุกข์ร้อนอยู่ตลอดไม่เคยลืมเลือน
ชิงสุ่ยพักอยู่ในหอคอยจักรพรรดิซึ่งมีอวี้เหนียงคอยดูแลเหมือนกับแม่คนที่ 2 เธอให้ความเคารพชิงสุ่ยอย่างมากเพราะเขาคือคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ แม้ว่าเธอจะไร้พลังแต่เธอก็พยายามทำสุดความสามารถเท่าที่เธอจะทำได้ ชิงสุ่ยจึงช่วยเหลือเธอโดยการฟื้นฟูพลังจนก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเซียนเทียนแน่นอนว่าการที่เธอมีพลังมันจะทำให้เธอสามารถดูแลตัวเอง รวมถึงลูกๆของเธอได้ ในขณะเดียวกัน เธอกับผู้อาวุโสเทียนยี่ก็เริ่มมีความสนิทชิดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสเทียนยี่แม้จะไม่มีพลังที่เก่งกาจแต่ก็เป็นที่ยอมรับของทุกคนหากเทียบกับชิงสุ่ย พลังระดับปราณนักบุญพิโรธเรียกว่าห่างไกลนัก แต่ถ้าหากทักษะทางการรักษา ภายในหอคอยจักรพรรดิหากไม่นับชิงสุ่ย ก็คงไม่มีใครเทียบเขาได้
บางทีถ้าหากเวลาผ่านไปเรื่อยๆลูกๆของอวี้เหนียงเติบโต ชิงสุ่ยเชื่อว่าลูกๆของเธอจะได้รับความช่วยเหลือจากเขา
ในปัจจุบันอวี้เหนียงมีลูกทั้งหมด4 คน และการดูแลเด็กทั้ง 4 คนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องรอคอยความช่วยเหลือจากชิงสุ่ยเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ มันก็คงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งเช่นกัน ชิงสุ่ยมองเห็นเชื้อไฟและต้องการสนับสนุนให้อวี้เหนียงมีสามีคนใหม่เพราะปัจจุบันเธอเองก็ยังมีอายุน้อย เด็กๆส่วนใหญ่แม้จะมีอายุน้อยแต่ก็อยู่ในช่วงวัยรุ่น อวี้เหนียงจึงเป็นกังวลว่าลูกของเธอจะคิดมากและวิตกกังวล
คนที่สำคัญที่สุดคือผู้อาวุโสเทียนยี่เขาเป็นดั่งทุกอย่าง เป็นทั้งอาจารย์คอยให้คำสอนเด็กๆ ทั้งยังดูแลลูกๆของอวี้เนียงเป็นอย่างดี ถ้าหากทั้ง 2 คนเปิดใจ ลูกๆของเธอจะเป็นตัวแม่สื่อที่ผูกมัดทั้งสองรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติและจากการสังเกตของชิงสุ่ย เขาก็มองเห็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นซึ่งเกิดจากทั้งสองคน เขาจึงมีความเชื่อว่าผู้อาวุโสเทียนยี่คือคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับอวี้เนียง
”ทุกคนการที่พวกเรามาพบเจอกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มาเถิด ข้าขอดื่มให้ทุกคน”ตอนนี้มันใกล้ถึงเวลาที่ชิงสุ่ยจะต้องจากไปแล้ว เขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพูดคุยกับผู้อื่น
สุราที่ชิงสุ่ยใช้ดื่มคือเหล้าดอกบ๊วยผลิบานนอกจากมันจะไม่มีผลเสียต่อเด็กในท้อง ไปยังช่วยส่งเสริมร่างกายผู้เป็นแม่ได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อพิธีเฉลิมฉลองจบสิ้นลงเด็กหนุ่มจากตำหนักยาแห่งหอคอยจักรพรรดิก็วิ่งเข้ามาภายในห้องสังสรรค์อย่างเร่งรีบ “ท่านผู้อาวุโส คนที่ชื่อว่าซี่เหมินป้าเขากลับมาอีกแล้ว เขาบอกว่าถ้าท่านไม่ยอมรักษาเขา เขาก็จะไม่ยอมให้หอคอยจักรพรรดิของพวกเราทำการอีกต่อไป”
ชิงสุ่ยได้แต่งุนงงเขาจำไม่ได้เลยว่าเคยมีปัญหาอะไรกับใครที่ไหน หรือมันคงเป็นช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่เขากลับบ้าน คงมีคนพยายามข่มขู่หอคอยจักรพรรดิ เขาจึงหันมองไปทางเทียนยี่ หยินต่ง หลินเฟ่ยและคนอื่นๆ
หลินเฟ่ยถอนหายใจและกล่าวว่า”ประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว คนที่ชื่อว่าซี่เหมินป้าเดินทางมาที่หอคอยจักรพรรดิเพื่อขอให้ผู้อาวุโสเทียนยี่รักษา แต่เป็นเพราะตัวของเขานั้นมีสภาพร่างกายที่เป็นขันทีธรรมชาติ ผู้อาวุโสเทียนอี้จึงบอกว่าตัวของท่านผู้อาวุโสคงไม่สามารถรักษาเขาได้ เขาจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและกล่าวคำข่มขู่ว่าเขาจะปิดทำการหอคอยจักรพรรดิ พวกเราอ่อนแอเกินไปจึงทำได้เพียงแค่พยายามป้องกัน โชคยังดีที่เขาเลือกที่จะไม่ทำร้ายพวกเรา”
ในขณะที่เธอกล่าวสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกเพราะตัวของเธอเองก็ไม่อาจเอาชนะศัตรูได้
”มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยอย่างนั้นรึ?สงสัยข้าคงต้องออกไปดูสักหน่อย”
กลุ่มคนของหอคอยจักรพรรดิค่อยๆเดินออกไปสู่ห้องโถงเมื่อมาถึงภายในห้องโถง ชิงสุ่ยก็ได้พบเจอกับชายร่างสูงประมาณ 2.6 เมตร รัศมีรอบตัวของเขาค่อนข้างให้ความรู้สึกเหมือนภัยคุกคามคล้ายกับหมีเทาตัวยักษ์
”ท่านปรมาจารย์หมอข้าตั้งใจมาที่นี่จริงๆได้โปรดเถิด ได้โปรดรักษาอาการบาดเจ็บของข้าด้วย!! ข้าพร้อมจะตอบแทนทุกอย่าง แม้แต่การเป็นผู้คุ้มกันของที่นี่ข้าก็ยอม”ทันทีที่เขาเห็นหน้าเทียนยี่ เขาก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยความเคารพ
เทียนยี่ทำได้แค่ถอนหายใจ”ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยเหลือเจ้า แต่ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าไม่ได้จริงๆ ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า”
”ทุกคนรู้ดีว่าท่านคือหมอเทวดาสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค ข้าเองก็ได้ยินข่าวเลยวันนี้ข้าจึงตั้งใจมาที่นี่ ได้โปรดเถอะ ได้โปรดรักษาข้าด้วย มิฉะนั้นชีวิตนี้ข้าคงแต่งงานกับใครไม่ได้”ชายร่างสูงกำยำกล่าวขอร้องจากใจจริง
…………………………………….
ขณะที่ชายคนนี้กำลังกล่าวชิงสุ่ยกลับรู้สึกได้ถึงพลังแห่งผู้สืบทอดจอมปราชญ์ผู้โง่เขลา
บทที่1826 – ซี่เหมินป้า ผู้สืบทอดมรดกจอมปราชญ์ผู้โง่เขลา
หยินต่งและหลินเฟ่ยเริ่มต้นกล่าวทักทายฉินชิงและถานท่ายหลิงเยียน เพียงแค่ท่าทางทั้งสองคนก็รู้ดีว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างชิงสุ่ยจะต้องเป็นหญิงสาวของชิงสุ่ยอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองคนเลือกพักอาศัยอยู่ในหอคอยจักรพรรดิดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักใหญ่ หนึ่งเพราะหอคอยจักรพรรดิแห่งนีอยู่ไม่ห่างไกลจากพระราชวังอาทิตย์อัสดง และอีกอย่างคือเขาคงรอให้ลูกของหยินตงเกิด
เมื่อนึกถึงการตั้งครรภ์ของหยินตงมันก็ทำให้เขานึกถึงจักรพรรดินีผีดูดเลือดที่กำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงไม่ทำใจยอมรับ เขาคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปวดหัวและรู้ดีว่าต่อให้เวลานานไปเขาก็คงไม่มีวันลืม ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร หรือเขาควรไปเยี่ยมเยียนลูกน้อยของจักรพรรดินีผีดูดเลือดยามเมื่อเธอให้กำเนิด
ชิงสุ่ยมีจุดอ่อนใหญ่ที่สำคัญนั่นก็คือความสัมพันธ์ของมนุษย์เขาไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับใครได้จริงๆแม้ว่าเธอจะเป็นจักรพรรดินีผีดูดเลือดก็ตาม ที่สำคัญเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ และเป็นคนเดียวที่เธอเลือก
เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แต่ที่เขารู้คือในใจของเขาเป็นทุกข์ร้อนอยู่ตลอดไม่เคยลืมเลือน
ชิงสุ่ยพักอยู่ในหอคอยจักรพรรดิซึ่งมีอวี้เหนียงคอยดูแลเหมือนกับแม่คนที่ 2 เธอให้ความเคารพชิงสุ่ยอย่างมากเพราะเขาคือคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ แม้ว่าเธอจะไร้พลังแต่เธอก็พยายามทำสุดความสามารถเท่าที่เธอจะทำได้ ชิงสุ่ยจึงช่วยเหลือเธอโดยการฟื้นฟูพลังจนก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเซียนเทียนแน่นอนว่าการที่เธอมีพลังมันจะทำให้เธอสามารถดูแลตัวเอง รวมถึงลูกๆของเธอได้ ในขณะเดียวกัน เธอกับผู้อาวุโสเทียนยี่ก็เริ่มมีความสนิทชิดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสเทียนยี่แม้จะไม่มีพลังที่เก่งกาจแต่ก็เป็นที่ยอมรับของทุกคนหากเทียบกับชิงสุ่ย พลังระดับปราณนักบุญพิโรธเรียกว่าห่างไกลนัก แต่ถ้าหากทักษะทางการรักษา ภายในหอคอยจักรพรรดิหากไม่นับชิงสุ่ย ก็คงไม่มีใครเทียบเขาได้
บางทีถ้าหากเวลาผ่านไปเรื่อยๆลูกๆของอวี้เหนียงเติบโต ชิงสุ่ยเชื่อว่าลูกๆของเธอจะได้รับความช่วยเหลือจากเขา
ในปัจจุบันอวี้เหนียงมีลูกทั้งหมด4 คน และการดูแลเด็กทั้ง 4 คนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องรอคอยความช่วยเหลือจากชิงสุ่ยเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ มันก็คงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งเช่นกัน ชิงสุ่ยมองเห็นเชื้อไฟและต้องการสนับสนุนให้อวี้เหนียงมีสามีคนใหม่เพราะปัจจุบันเธอเองก็ยังมีอายุน้อย เด็กๆส่วนใหญ่แม้จะมีอายุน้อยแต่ก็อยู่ในช่วงวัยรุ่น อวี้เหนียงจึงเป็นกังวลว่าลูกของเธอจะคิดมากและวิตกกังวล
คนที่สำคัญที่สุดคือผู้อาวุโสเทียนยี่เขาเป็นดั่งทุกอย่าง เป็นทั้งอาจารย์คอยให้คำสอนเด็กๆ ทั้งยังดูแลลูกๆของอวี้เนียงเป็นอย่างดี ถ้าหากทั้ง 2 คนเปิดใจ ลูกๆของเธอจะเป็นตัวแม่สื่อที่ผูกมัดทั้งสองรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติและจากการสังเกตของชิงสุ่ย เขาก็มองเห็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นซึ่งเกิดจากทั้งสองคน เขาจึงมีความเชื่อว่าผู้อาวุโสเทียนยี่คือคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับอวี้เนียง
”ทุกคนการที่พวกเรามาพบเจอกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มาเถิด ข้าขอดื่มให้ทุกคน”ตอนนี้มันใกล้ถึงเวลาที่ชิงสุ่ยจะต้องจากไปแล้ว เขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพูดคุยกับผู้อื่น
สุราที่ชิงสุ่ยใช้ดื่มคือเหล้าดอกบ๊วยผลิบานนอกจากมันจะไม่มีผลเสียต่อเด็กในท้อง ไปยังช่วยส่งเสริมร่างกายผู้เป็นแม่ได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อพิธีเฉลิมฉลองจบสิ้นลงเด็กหนุ่มจากตำหนักยาแห่งหอคอยจักรพรรดิก็วิ่งเข้ามาภายในห้องสังสรรค์อย่างเร่งรีบ “ท่านผู้อาวุโส คนที่ชื่อว่าซี่เหมินป้าเขากลับมาอีกแล้ว เขาบอกว่าถ้าท่านไม่ยอมรักษาเขา เขาก็จะไม่ยอมให้หอคอยจักรพรรดิของพวกเราทำการอีกต่อไป”
ชิงสุ่ยได้แต่งุนงงเขาจำไม่ได้เลยว่าเคยมีปัญหาอะไรกับใครที่ไหน หรือมันคงเป็นช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่เขากลับบ้าน คงมีคนพยายามข่มขู่หอคอยจักรพรรดิ เขาจึงหันมองไปทางเทียนยี่ หยินต่ง หลินเฟ่ยและคนอื่นๆ
หลินเฟ่ยถอนหายใจและกล่าวว่า”ประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว คนที่ชื่อว่าซี่เหมินป้าเดินทางมาที่หอคอยจักรพรรดิเพื่อขอให้ผู้อาวุโสเทียนยี่รักษา แต่เป็นเพราะตัวของเขานั้นมีสภาพร่างกายที่เป็นขันทีธรรมชาติ ผู้อาวุโสเทียนอี้จึงบอกว่าตัวของท่านผู้อาวุโสคงไม่สามารถรักษาเขาได้ เขาจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและกล่าวคำข่มขู่ว่าเขาจะปิดทำการหอคอยจักรพรรดิ พวกเราอ่อนแอเกินไปจึงทำได้เพียงแค่พยายามป้องกัน โชคยังดีที่เขาเลือกที่จะไม่ทำร้ายพวกเรา”
ในขณะที่เธอกล่าวสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกเพราะตัวของเธอเองก็ไม่อาจเอาชนะศัตรูได้
”มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยอย่างนั้นรึ?สงสัยข้าคงต้องออกไปดูสักหน่อย”
กลุ่มคนของหอคอยจักรพรรดิค่อยๆเดินออกไปสู่ห้องโถงเมื่อมาถึงภายในห้องโถง ชิงสุ่ยก็ได้พบเจอกับชายร่างสูงประมาณ 2.6 เมตร รัศมีรอบตัวของเขาค่อนข้างให้ความรู้สึกเหมือนภัยคุกคามคล้ายกับหมีเทาตัวยักษ์
”ท่านปรมาจารย์หมอข้าตั้งใจมาที่นี่จริงๆได้โปรดเถิด ได้โปรดรักษาอาการบาดเจ็บของข้าด้วย!! ข้าพร้อมจะตอบแทนทุกอย่าง แม้แต่การเป็นผู้คุ้มกันของที่นี่ข้าก็ยอม”ทันทีที่เขาเห็นหน้าเทียนยี่ เขาก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยความเคารพ
เทียนยี่ทำได้แค่ถอนหายใจ”ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการช่วยเหลือเจ้า แต่ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าไม่ได้จริงๆ ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า”
”ทุกคนรู้ดีว่าท่านคือหมอเทวดาสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค ข้าเองก็ได้ยินข่าวเลยวันนี้ข้าจึงตั้งใจมาที่นี่ ได้โปรดเถอะ ได้โปรดรักษาข้าด้วย มิฉะนั้นชีวิตนี้ข้าคงแต่งงานกับใครไม่ได้”ชายร่างสูงกำยำกล่าวขอร้องจากใจจริง
…………………………………….
ขณะที่ชายคนนี้กำลังกล่าวชิงสุ่ยกลับรู้สึกได้ถึงพลังแห่งผู้สืบทอดจอมปราชญ์ผู้โง่เขลา