Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1849 - ภาพวาดโฉมงามลำดับที่ 12
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1849 - ภาพวาดโฉมงามลำดับที่ 12
AST
บทที่1849 – ภาพวาดโฉมงามลำดับที่ 12
จักรพรรดินีผีดูดเลือดอ้าปากเปิดขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจซึ่งมันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยสามารถสอดใส่ลิ้นของเขาเข้าไปในปากของเธอได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น
ทันทีที่เธอฟื้นคืนสติลิ้นของชิงสุ่ยก็สัมผัสเข้ากับลิ้นของเธอไปเสียแล้ว
ระยะเวลาในการจูบเกิดขึ้นไม่นานนักแต่กลับรู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นชั่วนิรันดร์ เมื่อชิงสุ่ยเริ่มขยับริมฝีปากออกจากปากของเธอ ร่างกายของเธอถึงกับไม่มั่นคง โชคดีที่ชิงสุ่ยสวมกอดเธอเอาไว้จึงทำให้เธอยังคงนั่งอยู่ได้
ตัวของชิงสุ่ยรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะหากจักรพรรดินีผีดูดเลือดจะโกรธเขาก็คงเป็นเรื่องธรรมดา และเขาก็พร้อมที่จะให้เธอทุบตี แต่คำตอบที่เขาได้รับดูเหมือนว่าจักรพรรดินีผีดูดเลือดจะไม่ได้โกรธเขาเพียงแต่เธอมองชิงสุ่ยด้วยสายตาไม่เต็มใจ “เพียงเพราะเรามีลูกสาวด้วยกัน เจ้าถึงทำสิ่งนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ชอบข้าอย่างนั้นรึ?”
”ใครบอกว่าข้าไม่ชอบจะเจ้า?ข้าชอบผู้หญิงที่งดงามและเจ้าเองก็ดึงดูดจิตใจของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”แล้วเจ้าไม่กลัวข้าโกรธเจ้างั้นหรือ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถอนหายใจ
”ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินใจอันถี่ถ้วนของข้าข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องรู้สึกถึงกำลังใจจากข้า โดยสิ่งที่ข้าไปทำลงไป”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าอึดอัดใจ
คำพูดของชิงสุ่ยทำให้จักรพรรดินีผีดูดเลือดค่อนข้างหงุดหงิด ชิงสุ่ยปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ เขายังต้องการให้เธอเชื่อว่าการกระทำของเขาการให้กำลังใจอีกหรือ?
เธอจ้องเขม็งไปที่ชิงสุ่ยและแล้วใบหน้าของเธอก็แดงกล่ำอีกครั้ง มันเป็นเพราะชิงสุ่ยได้พยายามช่วงชิงความเป็นตัวเธออีกครั้งโดยการประคบรอยปากจูบอย่างดูดดื่ม
ในครั้งนี้คงพูดได้เต็มปากว่าจักรพรรดินีผีดูดเลือดตกหลุมพรางชิงสุ่ยเข้าอย่างจังแต่สำคัญที่สุดคือเธอไม่ได้โกรธการกระทำของเขาเลย เพียงแต่เธอรู้สึกวิตกกังวลเหมือนตกอยู่ในความภวังค์
ชิงสุ่ยค่อยๆจูบเธออย่างนุ่มนวลและเธอก็ตอบกลับด้วยกริยาเดียวกันอย่างเชื่องช้า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการสอนเพราะสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าเธอจะยังคงแสดงท่าทางเงอะงะ แต่ชิงสุ่ยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
ระหว่างการจูบของเหลวที่อยู่ในปากค่อยๆผสมผสานเติมเต็มริมฝีปากซึ่งกันและกันการกระทำทั้งหมดยิ่งทำให้จักรพรรดินีผีดูดเลือดเขินอายทวีคูณ
”เป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยจ้องมองจักรพรรดินีผีดูดเลือดที่ตอนนี้เปรียบเสมือนหญิงสาวอีกคนนึงของเขาแล้ว ”เจ้าว่าอะไรนะ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถามกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
”ข้าถามว่ารู้สึกอย่างไร?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถามซ้ำ
”ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่”จักรพรรดินีผีดูดเลือดตอบกลับ
ชิงสุ่ยจึงทำการประทับตราริมฝีปากด้วยความนุ่มนวลอีกครั้ง
”แล้วครั้งนี้ล่ะ?”ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเล่ห์เหลี่ยมขณะกล่าวถาม
”เออก็รู้สึกดีนะ”
”ถ้างั้นลองดูอีกสักครั้งแล้วกัน!!”
ในตอนกลางคืนครั้งนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ถูกผลักไสออกไปนอนภายนอกกับเขาอีกแล้ว แต่เธอให้เขาไปนอนที่ห้องใกล้เคียงซึ่งมีอีกห้องนึง แน่นอนว่ามันคือห้องนอนของจักรพรรดินีผีดูดเลือด ห้องนั้นถือเป็นห้องนอนที่แท้จริงของเธอ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยอมให้ชิงสุ่ยไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เมื่อชิงสุ่ยจูบริมฝีปากของเธอแม้เธอจะกังวลแต่เธอก็ไม่ได้ผลักไส หนำซ้ำยังรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน เธอรับรู้ถึงความรู้สึกอันร้อนแรงทั่วทั้งใบหน้า ในตอนแรกเธอมั่นใจว่าเธอจะไม่มีทางตกหลุมรักใคร รายการปรากฏตัวของชิงสุ่ยตัวซวย มันกลับทำให้ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไป
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปในห้องใกล้ๆที่มีขนาดครึ่งนึงของพื้นที่ภายนอกทั่วทั้งห้องสะอาดสะอ้านอย่างมาก แต่ทันใดนั้นชิงสุ่ยข้อสังเกตเห็นอะไรบางอย่างก่อนจะตกตะลึงถึงกับพูดไม่ออก
บนผนังปรากฏให้เห็นเป็นภาพวาดภาพวาดของจักรพรรดินีผีดูดเลือดในชุดยาวสีแดง ใบหน้าของเธอเย็นชาแต่สง่างาม ร่างกายผอมเพรียวเหมือนนางฟ้า ในขณะที่เท้าของเธอลอยอยู่เหนือจากพื้น
ภาพโฉมงาม
ชิงสุ่ยไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเจอภาพวาดภาพโฉมงามชิ้นสุดท้ายอยู่ที่นี่นอกจากนี้เธอยังเป็นจักรพรรดินีผีดูดเลือดอีกด้วย
ชิงสุ่ยใช้เวลาอีกสักพักเพื่อฟื้นคืนสติไม่ใช่ว่าจักรพรรดินีผีดูดเลือดจะสู้หญิงสาวคนอื่นไม่ได้ ตรงกันข้ามเธอไม่ได้ด้อยกว่าเลย ในตอนแรกชิงสุ่ยได้แต่ข้าบอกว่าคนสุดท้ายจะเป็นชิงห่านอี้ ไม่ก็อี่หวงกู่หวง ไม่ก็หยวนซู หรือเฉินเจิน ถ้าหากเป็นหนึ่งในหญิงสาวเหล่านี้ ชิงสุ่ยจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย
ขณะที่เขากำลังสังเกตภาพวาดบนฝาผนังเขาตั้งใจมองและมั่นใจมากวันนี้คือหนึ่งในภาพวาด 12 โฉมงามอย่างแน่นอน
จักรพรรดินีผีดูดเลือดเดินเข้ามาด้านหลังโดยที่ชิงสุ่ยไม่ได้รู้ตัวเลยเธอไม่พูดอะไรจนกระทั่งเธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังสติหลุดลอยขณะมองดูภาพวาดเสมือนที่อยู่บนฝาผนัง
”รูปภาพหนีชายชราผู้แสนใจดีวาดมันให้กับข้าเขาบอกข้าว่า ข้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมันจะนำความสำเร็จมาให้ข้าในอนาคต”จักรพรรดินีผีดูดเลือดมองย้อนกลับไปในอดีต
”อะไรนะ?ปรมาจารย์ภาพวาดยังมีชีวิตอยู่อีกงั้นรึ?”ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจ
”ปรมาจารย์ภาพวาด?ชายชราผู้นั้นทั้งแข็งแกร่งและมีพละกำลังมหาศาล เขาแข็งแกร่งมากกว่ายอดยุทธนักบุญหลายสิบเท่า”จักรพรรดินีผีดูดเลือดจ้องมองชิงสุ่ย
”จากคำบอกเล่าดูเหมือนว่าเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่บอกเล่าให้กับข้า เธอได้บอกว่า ชายชราคู่นี้เมื่อ 1000 ปีที่แล้วน่าจะมีระดับพลังอยู่ที่สูงสุดของพลังนักบุญพิโรธ จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งระดับใด ว่าแต่เจ้า รู้จักกับชายชราคนนั้นอย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถามชิงสุ่ยต่อ
”ตัวข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ถึง100 ปีเลย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะรู้จักกับชายชราผู้นี้”ชิงสุ่ยส่ายหน้า
”ตัวข้าเองต้องมีอายุไม่ถึง 100 ปีเหมือนกัน แต่ข้าก็ยังเคยเจอแล้วยังคงจำเขาได้”จักรพรรดินีผีดูดเลือดโต้เถียงกลับ
ชิงสุ่ยได้แต่หัวเราะ”ใครจะไปคิดว่าคนรักของข้า แต่ยังคงแสดงท่าทางอย่างกับเด็กน้อย ที่เถียงผู้อื่นโดยไม่ยอมคน”
”เจ้านี่มันน่าขยะแขยงจริงๆ”แม้เธอจะโต้เถียงกลับไปแต่ใบหน้าของเธอก็แดงกล่ำ
”ข้าอยากได้ภาพวาดชิ้นนี้”ชิงสุ่ยกำลังกลับและกล่าวขอโดยตรงจากจักรพรรดินีผีดูดเลือด
”เจ้าอยากได้อย่างนั้นเหรอถ้าหากเจ้าต้องการข้าก็ขอยกภาพนี้ให้กับเจ้า”
เนื่องจากผู้ที่กล่าวคำขอเป็นชิงสุ่ยเธอจึงยกให้โดยไม่ตั้งคำถามใดๆเลย ถ้าหากเป็นคนอื่นเธอไม่มีทางยกภาพวาดนี้ให้เด็ดขาดไม่ว่าจะมีอะไรมาแลกเปลี่ยนก็ตาม
ชิงสุ่ยยิ้มขณะมองดูภาพวาดจากนั้นก็สังเกตเห็นคำที่จารึกอยู่เหนือภาพวาด มันคือตัวเลขที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่านี่คือภาพวาดโฉมงามลำดับที่ 12 ”เจ้าไม่ต้องจ้องภาพวาดขนาดนั้นก็ได้เพราะตัวจริงนั้นยืนอยู่ข้างเจ้าแล้ว”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวหยอกล้อ
ชิงสุ่ยโยนภาพวาดโฉมงามเข้าไปเก็บภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะจากนั้นเขาหันหลังโผกอดจักรพรรดินีผีดูดเลือด และค่อยๆอุ้มเธอตรงไปยังเตียงนอน
ในขณะที่ทั้งสองค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอันแสนนุ่มนวลจิตใจของชิงสุ่ยก็เริ่มถูกกระตุ้นโดยภาพวาดลำดับสุดท้าย เขามีความสุขอย่างมากราวกับว่าโชคชะตาได้ขีดเขียนและนำทางให้เขามาพบกับเธอ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เขาสามารถรวบรวมภาพวาดทั้ง 12 โฉมงามได้จนครบเสร็จสิ้น
บทที่1849 – ภาพวาดโฉมงามลำดับที่ 12
จักรพรรดินีผีดูดเลือดอ้าปากเปิดขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจซึ่งมันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยสามารถสอดใส่ลิ้นของเขาเข้าไปในปากของเธอได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น
ทันทีที่เธอฟื้นคืนสติลิ้นของชิงสุ่ยก็สัมผัสเข้ากับลิ้นของเธอไปเสียแล้ว
ระยะเวลาในการจูบเกิดขึ้นไม่นานนักแต่กลับรู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นชั่วนิรันดร์ เมื่อชิงสุ่ยเริ่มขยับริมฝีปากออกจากปากของเธอ ร่างกายของเธอถึงกับไม่มั่นคง โชคดีที่ชิงสุ่ยสวมกอดเธอเอาไว้จึงทำให้เธอยังคงนั่งอยู่ได้
ตัวของชิงสุ่ยรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะหากจักรพรรดินีผีดูดเลือดจะโกรธเขาก็คงเป็นเรื่องธรรมดา และเขาก็พร้อมที่จะให้เธอทุบตี แต่คำตอบที่เขาได้รับดูเหมือนว่าจักรพรรดินีผีดูดเลือดจะไม่ได้โกรธเขาเพียงแต่เธอมองชิงสุ่ยด้วยสายตาไม่เต็มใจ “เพียงเพราะเรามีลูกสาวด้วยกัน เจ้าถึงทำสิ่งนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ชอบข้าอย่างนั้นรึ?”
”ใครบอกว่าข้าไม่ชอบจะเจ้า?ข้าชอบผู้หญิงที่งดงามและเจ้าเองก็ดึงดูดจิตใจของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”แล้วเจ้าไม่กลัวข้าโกรธเจ้างั้นหรือ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถอนหายใจ
”ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินใจอันถี่ถ้วนของข้าข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องรู้สึกถึงกำลังใจจากข้า โดยสิ่งที่ข้าไปทำลงไป”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าอึดอัดใจ
คำพูดของชิงสุ่ยทำให้จักรพรรดินีผีดูดเลือดค่อนข้างหงุดหงิด ชิงสุ่ยปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ เขายังต้องการให้เธอเชื่อว่าการกระทำของเขาการให้กำลังใจอีกหรือ?
เธอจ้องเขม็งไปที่ชิงสุ่ยและแล้วใบหน้าของเธอก็แดงกล่ำอีกครั้ง มันเป็นเพราะชิงสุ่ยได้พยายามช่วงชิงความเป็นตัวเธออีกครั้งโดยการประคบรอยปากจูบอย่างดูดดื่ม
ในครั้งนี้คงพูดได้เต็มปากว่าจักรพรรดินีผีดูดเลือดตกหลุมพรางชิงสุ่ยเข้าอย่างจังแต่สำคัญที่สุดคือเธอไม่ได้โกรธการกระทำของเขาเลย เพียงแต่เธอรู้สึกวิตกกังวลเหมือนตกอยู่ในความภวังค์
ชิงสุ่ยค่อยๆจูบเธออย่างนุ่มนวลและเธอก็ตอบกลับด้วยกริยาเดียวกันอย่างเชื่องช้า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการสอนเพราะสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าเธอจะยังคงแสดงท่าทางเงอะงะ แต่ชิงสุ่ยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
ระหว่างการจูบของเหลวที่อยู่ในปากค่อยๆผสมผสานเติมเต็มริมฝีปากซึ่งกันและกันการกระทำทั้งหมดยิ่งทำให้จักรพรรดินีผีดูดเลือดเขินอายทวีคูณ
”เป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยจ้องมองจักรพรรดินีผีดูดเลือดที่ตอนนี้เปรียบเสมือนหญิงสาวอีกคนนึงของเขาแล้ว ”เจ้าว่าอะไรนะ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถามกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
”ข้าถามว่ารู้สึกอย่างไร?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถามซ้ำ
”ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่”จักรพรรดินีผีดูดเลือดตอบกลับ
ชิงสุ่ยจึงทำการประทับตราริมฝีปากด้วยความนุ่มนวลอีกครั้ง
”แล้วครั้งนี้ล่ะ?”ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเล่ห์เหลี่ยมขณะกล่าวถาม
”เออก็รู้สึกดีนะ”
”ถ้างั้นลองดูอีกสักครั้งแล้วกัน!!”
ในตอนกลางคืนครั้งนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ถูกผลักไสออกไปนอนภายนอกกับเขาอีกแล้ว แต่เธอให้เขาไปนอนที่ห้องใกล้เคียงซึ่งมีอีกห้องนึง แน่นอนว่ามันคือห้องนอนของจักรพรรดินีผีดูดเลือด ห้องนั้นถือเป็นห้องนอนที่แท้จริงของเธอ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยอมให้ชิงสุ่ยไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เมื่อชิงสุ่ยจูบริมฝีปากของเธอแม้เธอจะกังวลแต่เธอก็ไม่ได้ผลักไส หนำซ้ำยังรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน เธอรับรู้ถึงความรู้สึกอันร้อนแรงทั่วทั้งใบหน้า ในตอนแรกเธอมั่นใจว่าเธอจะไม่มีทางตกหลุมรักใคร รายการปรากฏตัวของชิงสุ่ยตัวซวย มันกลับทำให้ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไป
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปในห้องใกล้ๆที่มีขนาดครึ่งนึงของพื้นที่ภายนอกทั่วทั้งห้องสะอาดสะอ้านอย่างมาก แต่ทันใดนั้นชิงสุ่ยข้อสังเกตเห็นอะไรบางอย่างก่อนจะตกตะลึงถึงกับพูดไม่ออก
บนผนังปรากฏให้เห็นเป็นภาพวาดภาพวาดของจักรพรรดินีผีดูดเลือดในชุดยาวสีแดง ใบหน้าของเธอเย็นชาแต่สง่างาม ร่างกายผอมเพรียวเหมือนนางฟ้า ในขณะที่เท้าของเธอลอยอยู่เหนือจากพื้น
ภาพโฉมงาม
ชิงสุ่ยไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเจอภาพวาดภาพโฉมงามชิ้นสุดท้ายอยู่ที่นี่นอกจากนี้เธอยังเป็นจักรพรรดินีผีดูดเลือดอีกด้วย
ชิงสุ่ยใช้เวลาอีกสักพักเพื่อฟื้นคืนสติไม่ใช่ว่าจักรพรรดินีผีดูดเลือดจะสู้หญิงสาวคนอื่นไม่ได้ ตรงกันข้ามเธอไม่ได้ด้อยกว่าเลย ในตอนแรกชิงสุ่ยได้แต่ข้าบอกว่าคนสุดท้ายจะเป็นชิงห่านอี้ ไม่ก็อี่หวงกู่หวง ไม่ก็หยวนซู หรือเฉินเจิน ถ้าหากเป็นหนึ่งในหญิงสาวเหล่านี้ ชิงสุ่ยจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย
ขณะที่เขากำลังสังเกตภาพวาดบนฝาผนังเขาตั้งใจมองและมั่นใจมากวันนี้คือหนึ่งในภาพวาด 12 โฉมงามอย่างแน่นอน
จักรพรรดินีผีดูดเลือดเดินเข้ามาด้านหลังโดยที่ชิงสุ่ยไม่ได้รู้ตัวเลยเธอไม่พูดอะไรจนกระทั่งเธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังสติหลุดลอยขณะมองดูภาพวาดเสมือนที่อยู่บนฝาผนัง
”รูปภาพหนีชายชราผู้แสนใจดีวาดมันให้กับข้าเขาบอกข้าว่า ข้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมันจะนำความสำเร็จมาให้ข้าในอนาคต”จักรพรรดินีผีดูดเลือดมองย้อนกลับไปในอดีต
”อะไรนะ?ปรมาจารย์ภาพวาดยังมีชีวิตอยู่อีกงั้นรึ?”ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจ
”ปรมาจารย์ภาพวาด?ชายชราผู้นั้นทั้งแข็งแกร่งและมีพละกำลังมหาศาล เขาแข็งแกร่งมากกว่ายอดยุทธนักบุญหลายสิบเท่า”จักรพรรดินีผีดูดเลือดจ้องมองชิงสุ่ย
”จากคำบอกเล่าดูเหมือนว่าเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่บอกเล่าให้กับข้า เธอได้บอกว่า ชายชราคู่นี้เมื่อ 1000 ปีที่แล้วน่าจะมีระดับพลังอยู่ที่สูงสุดของพลังนักบุญพิโรธ จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งระดับใด ว่าแต่เจ้า รู้จักกับชายชราคนนั้นอย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดถามชิงสุ่ยต่อ
”ตัวข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ถึง100 ปีเลย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะรู้จักกับชายชราผู้นี้”ชิงสุ่ยส่ายหน้า
”ตัวข้าเองต้องมีอายุไม่ถึง 100 ปีเหมือนกัน แต่ข้าก็ยังเคยเจอแล้วยังคงจำเขาได้”จักรพรรดินีผีดูดเลือดโต้เถียงกลับ
ชิงสุ่ยได้แต่หัวเราะ”ใครจะไปคิดว่าคนรักของข้า แต่ยังคงแสดงท่าทางอย่างกับเด็กน้อย ที่เถียงผู้อื่นโดยไม่ยอมคน”
”เจ้านี่มันน่าขยะแขยงจริงๆ”แม้เธอจะโต้เถียงกลับไปแต่ใบหน้าของเธอก็แดงกล่ำ
”ข้าอยากได้ภาพวาดชิ้นนี้”ชิงสุ่ยกำลังกลับและกล่าวขอโดยตรงจากจักรพรรดินีผีดูดเลือด
”เจ้าอยากได้อย่างนั้นเหรอถ้าหากเจ้าต้องการข้าก็ขอยกภาพนี้ให้กับเจ้า”
เนื่องจากผู้ที่กล่าวคำขอเป็นชิงสุ่ยเธอจึงยกให้โดยไม่ตั้งคำถามใดๆเลย ถ้าหากเป็นคนอื่นเธอไม่มีทางยกภาพวาดนี้ให้เด็ดขาดไม่ว่าจะมีอะไรมาแลกเปลี่ยนก็ตาม
ชิงสุ่ยยิ้มขณะมองดูภาพวาดจากนั้นก็สังเกตเห็นคำที่จารึกอยู่เหนือภาพวาด มันคือตัวเลขที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่านี่คือภาพวาดโฉมงามลำดับที่ 12 ”เจ้าไม่ต้องจ้องภาพวาดขนาดนั้นก็ได้เพราะตัวจริงนั้นยืนอยู่ข้างเจ้าแล้ว”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวหยอกล้อ
ชิงสุ่ยโยนภาพวาดโฉมงามเข้าไปเก็บภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะจากนั้นเขาหันหลังโผกอดจักรพรรดินีผีดูดเลือด และค่อยๆอุ้มเธอตรงไปยังเตียงนอน
ในขณะที่ทั้งสองค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอันแสนนุ่มนวลจิตใจของชิงสุ่ยก็เริ่มถูกกระตุ้นโดยภาพวาดลำดับสุดท้าย เขามีความสุขอย่างมากราวกับว่าโชคชะตาได้ขีดเขียนและนำทางให้เขามาพบกับเธอ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เขาสามารถรวบรวมภาพวาดทั้ง 12 โฉมงามได้จนครบเสร็จสิ้น