Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1860 - เจ้าคือเพื่อนของข้า
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1860 - เจ้าคือเพื่อนของข้า
AST
บทที่1860 – เจ้าคือเพื่อนของข้า
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลของเฉินเจินจะมาจากนิกายรากฐานสวรรค์อมตะอย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับนิกายสวรรค์ดาราอมตะ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่อ่อนแอกว่า หากต้องเผชิญหน้ากัน ตระกูลของเฉินเจินย่อมพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้นั่นก็คือข้อตกลงระหว่างนิกายสวรรค์ดาราอมตะและนิกายรากฐานสวรรค์อมตะกลุ่มคนผู้สูงศักดิ์มักจะเป็นกลุ่มคนที่รักษาหน้าตาของตนเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดก็คงไม่ง่ายและคนเดียวที่รู้ก็คงเป็นเฉินหยวนหลง
”พรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปแล้วอย่ากลับมาอีก”เฉินเจินจ้องมองชิงสุ่ยคำพูดของเธอเหนือความคาดหมายอย่างมาก
”ทำไมรึ?หรือว่าเจ้าจะเป็นห่วงข้า?”ชิงสุ่ยยิ้ม คำพูดของเขาฟังดูไร้ยางอายทั้งๆที่เพิ่งถูกตบ เขาเหมือนกับลืมเรื่องราวทั้งหมดและเอาแต่หัวเราะ ส่วนเฉินเจิน เธอพยายามหลีกเลี่ยงสายตา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอพยายามหลบหลีกสายตาจากคนอื่น
ในไม่ช้าเฉินเจินก็ยิ้มตอบกลับมา”ข้าไม่อยากเห็นเจ้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของข้า มันไม่มีเหตุผลเลยที่เจ้าจะต้องเกี่ยวข้อง แม้ว่าความจริงเจ้าจะเป็นคนหักแขนเหลียนเฉินหยาง แต่ข้าคิดว่าฝั่งนั้นคงไม่ยอมง่ายๆแน่”
”หากข้าต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาข้าก็แค่เดินจากกันไป แต่ถ้าข้าทำเช่นนั้น ข้าคงรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เจ้าคือเพื่อนของข้า ข้าไม่อยากเห็นเจ้าถูกรังแก”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง คำพูดของเขาคือความในใจที่แท้จริง
”เจ้าชอบข้าหรือไม่?”เฉินเจินจ้องมองชิงสุ่ยขณะกล่าวถามอย่างจริงจัง
เธอไม่ได้อยากถามคำถามอะไรแบบนี้ออกมาเลยแต่สำหรับคนที่เป็นเพื่อนกัน มันคงเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมเอาชีวิตมาเสี่ยง เหตุผลเดียวที่เขาทำ มันอาจเป็นเพราะความรัก
ชิงสุ่ยยิ้มตอบ”เจ้าอยากให้ข้าตอบคำถามด้วยความสัตย์จริงหรือไม่?”
”อืม!!”เฉินเจินตอบกลับหลังจากลังเลชั่วครู่หนึ่ง
”มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผู้ชายชอบหญิงสาวโฉมงามความรักคือแรงดึงดูดระหว่างมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะดึงดูดซึ่งกันและกัน แม้ตอนนี้ข้าอาจจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่คาดคิดมันคือความรัก แต่มันก็มีขอบเขตที่ไม่มาก อนาคต ข้าเชื่อมั่นว่าไม่เจ้าก็ข้า สักคนหนึ่งจะต้องตกหลุมรักอีกฝ่าย เพราะความรักไม่มีทางหยุดยั้ง และไม่มีทางฝืนใจได้”ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองไปที่เฉินเจินซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
”ข้าขอชื่นชมคำตอบจากเจ้าสำหรับความสัตย์จริงจากที่นี่ไปเถอะ แล้วอย่ากลับมาอีกเลย ข้าจะจดจำว่าเจ้าเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของข้าตลอดไป”เฉินเจินลุกขึ้นยืนพร้อมกับการน้ำเสียงที่หนักแน่น
ชิงสุ่ยไม่ตอบสนองเลยทั้งสิ้นเขาค่อยๆดื่มสุราและแสร้งไม่ได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว
”เจ้าเป็นคนที่สวยมากสวยในระดับเดียวกับภรรยาของข้าเลย ข้าก็คงไม่เสี่ยงชีวิตเพียงเพราะเจ้าเป็นคนสวย ในฐานะเพื่อน ข้าสามารถช่วยและหนีไปพร้อมเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง มันคงน่าเกลียดที่สุด ถ้าข้าจะทิ้งไปโดยไม่ทำอะไรและมันจะยิ่งทำให้ข้านอนไม่หลับ ที่สำคัญค่าเองเป็นคนตัดแขนเหลียนเฉินหยาง ปล่อยข้าเถิด ให้ข้ารับมือปัญหาเอง”ชิงสุ่ยวางจอกสุราลงขณะกล่าว
”หยุดแสดงความโง่เขาเถิดพวกเขาไม่ทำอะไรข้าหรอก แต่พวกเขาจะฆ่าเจ้า”เฉินเจินส่ายหน้าอย่างไร้ประโยชน์
”ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนโง่แต่เจ้าต่างหากที่ใจกว้างเกินไป เจ้าต้องการให้เจ้าถูกบีบบังคับให้ต้องแต่งงานกับเหลียนเฉินเปา เจ้ารับได้จริงๆเหรอ? ถ้าหากเจ้ารับได้ข้าจะจากไปทันที”ชิงสุ่ยจ้องมองดวงตาที่งดงามของเฉินเจิน
เฉินเจินตอบกลับด้วยความเงียบ
ชิงสุ่ยยิ้มและเดินไปด้านข้าง”เอาล่ะ หยุดคิดได้สักที ถ้าหากเจ้าอย่าคิดมาก มาปลดปล่อยความเครียดของคนที่กำลังจะตายแทนแล้วกัน”
”เจ้านี่มันหยาบคายจริงๆ”เฉินเจินเงยหน้ามองพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจแต่น้ำเสียงของเธอก็ยังคงบริสุทธิ์และทรงเสน่ห์
”ว่าแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือครอบครัวของเจ้าในทางใดกัน?”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยคำพูดสั้นๆซึ่งเฉินเจินก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร หากเธอไม่ต้องการจะบอก ชิงสุ่ยก็จะไม่ถามต่อ
”ตอนที่ข้าเป็นเด็กข้ามีชีวิตที่แสนสุขแน่นอนว่าไม่มีพ่อแม่คนใดจะทำร้ายลูกของตนเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาพี่น้องเริ่มเกิดลืมตาดูโลกมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าตระกูลขุนนางของเราแต่ยังคงอยู่ พวกเราในฐานะลูกหลานจึงถูกจัดลำดับความสำคัญเพื่อสร้างประโยชน์ต่อตระกูล ในกรณีของข้า มันคงเป็นไปไม่ได้หากจะบอกว่ามันจะไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับนิกายรากฐานสวรรค์อมตะ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงตัดสินใจหนีออกจากตระกูล ไม่ว่าคู่หมั้นของข้าจะเป็นใคร ตัวข้าก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย พ่อแม่ของข้ารู้จักข้าดี และยังเป็นห่วงข้ามากที่สุด แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าเป็นโชคชะตาตามข้าที่ไม่ดีนัก เพราะสุดท้ายจริงๆพ่อแม่ข้าก็ต้องจัดงานแต่งกับเหลียนเฉินเปาเพื่อทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ”
เฉินเจินอธิบายมาอย่างช้าๆชิงสุ่ยก็เข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก ดูเหมือนกันหมั่นหมายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเฉินหยวนหลงไม่ได้รักลูกสาว แต่จะต้องมีเหตุผลของตนเองที่ยากจะพูด หรืออาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกว่าถ้าหากลูกสาวของพวกเขาได้แต่งงาน ปลายทางก็จะเต็มไปด้วยความสุข
”เจ้ารู้สึกโกรธพ่อแม่ของเจ้าหรือไม่?” ”ไม่เลยข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น ข้าบอกไปแล้วว่ามันคงเป็นเพราะโชคชะตาของข้าเอง ในความเป็นจริงข้าก็เป็นคนปฏิเสธ และทำในสิ่งที่ปฏิเสธมาตลอด ข้าก็ไม่ควรตำหนิพวกท่าน”
”การต่อต้านยังต้องแลกมาซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าต้องจ่ายไปเจ้าจะว่าอย่างไรบ้างถ้าหากข้าจะขอให้เจ้าต่อต้านโชคชะตาไปพร้อมกับข้า?”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ขณะเดียวกันเฉินเจินก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านความมั่นใจของชิงสุ่ยเริ่มทำให้เธอลังเล ความคิดของเธอกำลังถูกปิดกั้นทุกเส้นทางและรู้ดีว่าทำอย่างไรชายคนนี้ก็คงไม่ยอมจากไป
”ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าถ้าหากชีวิตของเจ้าก้าวเข้าใกล้ความตาย เจ้าจะต้องทิ้งข้าและจากไปให้เร็วที่สุด”เฉินเจินกล่าว
แน่นอนว่าชิงสุ่ยต้องเห็นด้วยถ้าเกิดช่วงเวลาฉุกเฉินจริงๆ นอกจากเขาจะจากไปแล้วเขายังสามารถพาเธอหลบหนีมาได้เช่นกัน และมั่นใจว่าไม่มีใครหยุดเขาได้
……………………………
3วันต่อมาเหตุการณ์ยังคงเป็นไปด้วยความสงบสุข ชิงสุ่ยใช้ชีวิตเหมือนปกติ เวลาในดินแดนหยกยุพราชอมตะมากเพียงพอสำหรับการฝึกฝน มันจึงทำให้เขาว่างมากในเวลากลางวัน เขาจึงเรียกใช้เวลานี้ในการสั่งสอนวิธีการฝึกฝนแก่เฉินเจิน
ร่างกายและจิตใจของเฉินเจินเหมาะสมกับการฝึกฝนทักษะเพลงหมัดไทเก๊กและที่น่าประหลาดใจกว่าคือทักษะเพลงหมัดไทเก๊กสามารถผสมผสานเข้ากับทักษะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาของตระกูลเฉินได้เป็นอย่างดี การร่ายรำเพลงกระบี่ที่ชิงสุ่ยสอนให้กับเธอคือทักษะความรู้ที่กลั่นกรองมาอย่างมีค่าหาที่เปรียบไม่ได้ มันเป็นกุญแจสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาช่วยให้เธอทะลวงผ่านสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ หากไม่มีชิงสุ่ย โอกาสในการพัฒนาต่อให้เป็น 10 หรือ 20 ปีหลังจากนี้ก็ยากที่จะพูดว่าเธอจะพัฒนาได้สำเร็จ
บทที่1860 – เจ้าคือเพื่อนของข้า
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลของเฉินเจินจะมาจากนิกายรากฐานสวรรค์อมตะอย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับนิกายสวรรค์ดาราอมตะ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่อ่อนแอกว่า หากต้องเผชิญหน้ากัน ตระกูลของเฉินเจินย่อมพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้นั่นก็คือข้อตกลงระหว่างนิกายสวรรค์ดาราอมตะและนิกายรากฐานสวรรค์อมตะกลุ่มคนผู้สูงศักดิ์มักจะเป็นกลุ่มคนที่รักษาหน้าตาของตนเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดก็คงไม่ง่ายและคนเดียวที่รู้ก็คงเป็นเฉินหยวนหลง
”พรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปแล้วอย่ากลับมาอีก”เฉินเจินจ้องมองชิงสุ่ยคำพูดของเธอเหนือความคาดหมายอย่างมาก
”ทำไมรึ?หรือว่าเจ้าจะเป็นห่วงข้า?”ชิงสุ่ยยิ้ม คำพูดของเขาฟังดูไร้ยางอายทั้งๆที่เพิ่งถูกตบ เขาเหมือนกับลืมเรื่องราวทั้งหมดและเอาแต่หัวเราะ ส่วนเฉินเจิน เธอพยายามหลีกเลี่ยงสายตา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอพยายามหลบหลีกสายตาจากคนอื่น
ในไม่ช้าเฉินเจินก็ยิ้มตอบกลับมา”ข้าไม่อยากเห็นเจ้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของข้า มันไม่มีเหตุผลเลยที่เจ้าจะต้องเกี่ยวข้อง แม้ว่าความจริงเจ้าจะเป็นคนหักแขนเหลียนเฉินหยาง แต่ข้าคิดว่าฝั่งนั้นคงไม่ยอมง่ายๆแน่”
”หากข้าต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาข้าก็แค่เดินจากกันไป แต่ถ้าข้าทำเช่นนั้น ข้าคงรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เจ้าคือเพื่อนของข้า ข้าไม่อยากเห็นเจ้าถูกรังแก”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง คำพูดของเขาคือความในใจที่แท้จริง
”เจ้าชอบข้าหรือไม่?”เฉินเจินจ้องมองชิงสุ่ยขณะกล่าวถามอย่างจริงจัง
เธอไม่ได้อยากถามคำถามอะไรแบบนี้ออกมาเลยแต่สำหรับคนที่เป็นเพื่อนกัน มันคงเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมเอาชีวิตมาเสี่ยง เหตุผลเดียวที่เขาทำ มันอาจเป็นเพราะความรัก
ชิงสุ่ยยิ้มตอบ”เจ้าอยากให้ข้าตอบคำถามด้วยความสัตย์จริงหรือไม่?”
”อืม!!”เฉินเจินตอบกลับหลังจากลังเลชั่วครู่หนึ่ง
”มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผู้ชายชอบหญิงสาวโฉมงามความรักคือแรงดึงดูดระหว่างมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะดึงดูดซึ่งกันและกัน แม้ตอนนี้ข้าอาจจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่คาดคิดมันคือความรัก แต่มันก็มีขอบเขตที่ไม่มาก อนาคต ข้าเชื่อมั่นว่าไม่เจ้าก็ข้า สักคนหนึ่งจะต้องตกหลุมรักอีกฝ่าย เพราะความรักไม่มีทางหยุดยั้ง และไม่มีทางฝืนใจได้”ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองไปที่เฉินเจินซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
”ข้าขอชื่นชมคำตอบจากเจ้าสำหรับความสัตย์จริงจากที่นี่ไปเถอะ แล้วอย่ากลับมาอีกเลย ข้าจะจดจำว่าเจ้าเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของข้าตลอดไป”เฉินเจินลุกขึ้นยืนพร้อมกับการน้ำเสียงที่หนักแน่น
ชิงสุ่ยไม่ตอบสนองเลยทั้งสิ้นเขาค่อยๆดื่มสุราและแสร้งไม่ได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว
”เจ้าเป็นคนที่สวยมากสวยในระดับเดียวกับภรรยาของข้าเลย ข้าก็คงไม่เสี่ยงชีวิตเพียงเพราะเจ้าเป็นคนสวย ในฐานะเพื่อน ข้าสามารถช่วยและหนีไปพร้อมเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง มันคงน่าเกลียดที่สุด ถ้าข้าจะทิ้งไปโดยไม่ทำอะไรและมันจะยิ่งทำให้ข้านอนไม่หลับ ที่สำคัญค่าเองเป็นคนตัดแขนเหลียนเฉินหยาง ปล่อยข้าเถิด ให้ข้ารับมือปัญหาเอง”ชิงสุ่ยวางจอกสุราลงขณะกล่าว
”หยุดแสดงความโง่เขาเถิดพวกเขาไม่ทำอะไรข้าหรอก แต่พวกเขาจะฆ่าเจ้า”เฉินเจินส่ายหน้าอย่างไร้ประโยชน์
”ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนโง่แต่เจ้าต่างหากที่ใจกว้างเกินไป เจ้าต้องการให้เจ้าถูกบีบบังคับให้ต้องแต่งงานกับเหลียนเฉินเปา เจ้ารับได้จริงๆเหรอ? ถ้าหากเจ้ารับได้ข้าจะจากไปทันที”ชิงสุ่ยจ้องมองดวงตาที่งดงามของเฉินเจิน
เฉินเจินตอบกลับด้วยความเงียบ
ชิงสุ่ยยิ้มและเดินไปด้านข้าง”เอาล่ะ หยุดคิดได้สักที ถ้าหากเจ้าอย่าคิดมาก มาปลดปล่อยความเครียดของคนที่กำลังจะตายแทนแล้วกัน”
”เจ้านี่มันหยาบคายจริงๆ”เฉินเจินเงยหน้ามองพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจแต่น้ำเสียงของเธอก็ยังคงบริสุทธิ์และทรงเสน่ห์
”ว่าแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือครอบครัวของเจ้าในทางใดกัน?”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยคำพูดสั้นๆซึ่งเฉินเจินก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร หากเธอไม่ต้องการจะบอก ชิงสุ่ยก็จะไม่ถามต่อ
”ตอนที่ข้าเป็นเด็กข้ามีชีวิตที่แสนสุขแน่นอนว่าไม่มีพ่อแม่คนใดจะทำร้ายลูกของตนเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาพี่น้องเริ่มเกิดลืมตาดูโลกมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าตระกูลขุนนางของเราแต่ยังคงอยู่ พวกเราในฐานะลูกหลานจึงถูกจัดลำดับความสำคัญเพื่อสร้างประโยชน์ต่อตระกูล ในกรณีของข้า มันคงเป็นไปไม่ได้หากจะบอกว่ามันจะไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับนิกายรากฐานสวรรค์อมตะ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงตัดสินใจหนีออกจากตระกูล ไม่ว่าคู่หมั้นของข้าจะเป็นใคร ตัวข้าก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย พ่อแม่ของข้ารู้จักข้าดี และยังเป็นห่วงข้ามากที่สุด แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าเป็นโชคชะตาตามข้าที่ไม่ดีนัก เพราะสุดท้ายจริงๆพ่อแม่ข้าก็ต้องจัดงานแต่งกับเหลียนเฉินเปาเพื่อทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ”
เฉินเจินอธิบายมาอย่างช้าๆชิงสุ่ยก็เข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก ดูเหมือนกันหมั่นหมายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเฉินหยวนหลงไม่ได้รักลูกสาว แต่จะต้องมีเหตุผลของตนเองที่ยากจะพูด หรืออาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกว่าถ้าหากลูกสาวของพวกเขาได้แต่งงาน ปลายทางก็จะเต็มไปด้วยความสุข
”เจ้ารู้สึกโกรธพ่อแม่ของเจ้าหรือไม่?” ”ไม่เลยข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น ข้าบอกไปแล้วว่ามันคงเป็นเพราะโชคชะตาของข้าเอง ในความเป็นจริงข้าก็เป็นคนปฏิเสธ และทำในสิ่งที่ปฏิเสธมาตลอด ข้าก็ไม่ควรตำหนิพวกท่าน”
”การต่อต้านยังต้องแลกมาซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าต้องจ่ายไปเจ้าจะว่าอย่างไรบ้างถ้าหากข้าจะขอให้เจ้าต่อต้านโชคชะตาไปพร้อมกับข้า?”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ขณะเดียวกันเฉินเจินก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านความมั่นใจของชิงสุ่ยเริ่มทำให้เธอลังเล ความคิดของเธอกำลังถูกปิดกั้นทุกเส้นทางและรู้ดีว่าทำอย่างไรชายคนนี้ก็คงไม่ยอมจากไป
”ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าถ้าหากชีวิตของเจ้าก้าวเข้าใกล้ความตาย เจ้าจะต้องทิ้งข้าและจากไปให้เร็วที่สุด”เฉินเจินกล่าว
แน่นอนว่าชิงสุ่ยต้องเห็นด้วยถ้าเกิดช่วงเวลาฉุกเฉินจริงๆ นอกจากเขาจะจากไปแล้วเขายังสามารถพาเธอหลบหนีมาได้เช่นกัน และมั่นใจว่าไม่มีใครหยุดเขาได้
……………………………
3วันต่อมาเหตุการณ์ยังคงเป็นไปด้วยความสงบสุข ชิงสุ่ยใช้ชีวิตเหมือนปกติ เวลาในดินแดนหยกยุพราชอมตะมากเพียงพอสำหรับการฝึกฝน มันจึงทำให้เขาว่างมากในเวลากลางวัน เขาจึงเรียกใช้เวลานี้ในการสั่งสอนวิธีการฝึกฝนแก่เฉินเจิน
ร่างกายและจิตใจของเฉินเจินเหมาะสมกับการฝึกฝนทักษะเพลงหมัดไทเก๊กและที่น่าประหลาดใจกว่าคือทักษะเพลงหมัดไทเก๊กสามารถผสมผสานเข้ากับทักษะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาของตระกูลเฉินได้เป็นอย่างดี การร่ายรำเพลงกระบี่ที่ชิงสุ่ยสอนให้กับเธอคือทักษะความรู้ที่กลั่นกรองมาอย่างมีค่าหาที่เปรียบไม่ได้ มันเป็นกุญแจสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาช่วยให้เธอทะลวงผ่านสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ หากไม่มีชิงสุ่ย โอกาสในการพัฒนาต่อให้เป็น 10 หรือ 20 ปีหลังจากนี้ก็ยากที่จะพูดว่าเธอจะพัฒนาได้สำเร็จ