Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1891 - เลือดกายา 9 หยาง ผลกำไรที่ได้รับหลังจากผ่านพ้นภัยพิบัติ
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1891 - เลือดกายา 9 หยาง ผลกำไรที่ได้รับหลังจากผ่านพ้นภัยพิบัติ
เมื่อเวลาผ่านไปเข็มทองคำก็เริ่มสั่นอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนจะเริ่มมองเห็นร่องรอยหมอกสีดำจางๆ จากนั้นก็ค่อยๆเข้มขึ้น แม้ว่าพวกมันจะมีสีดำแต่กลับไร้ซึงกลิ่นใดๆทั้งสิ้น
หญิงสาวคนนี้ค่อยๆลืมตามองก่อนจะพบว่าเข็มที่เคยเป็นสีทองคำแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทปลายเข็มปรากฏให้เห็นเป็นหยดหมึกสีดำเข้ม จากที่ไม่มีกลิ่นตอนนี้ก็เริ่มมีกลิ่นคาว และค่อยๆขยายเป็นกินเหม็นคาวที่รุนแรง
เธอรู้สึกอายอย่างมากที่ต้องแสดงให้เห็นถึงเรื่องต่างๆต่อหน้าผู้ชายแต่เมื่อเธอมองไปที่ชายคนนั้น เขากลับไม่มีเจตนาอื่นใดให้เห็นแอบแฝง นอกเสียจากความตั้งใจในการรักษา ซึ่งความตั้งใจนี้มันทำให้เธอจิตใจเริ่มอ่อนไหว
เป๊ะ!!!
หยดหมึกสีดำตกลงสู่กินเบื้องล่างอย่างนุ่มนวลแต่แล้วหินที่แสนเรียบเนียนที่เคยอยู่เบื้องล่างก็สลายกลายเป็นผงหายไปอย่างรวดเร็ว
ชิงสุ่ยไม่คิดเลยว่าพิษที่เขากำลังมองดูจะมีประสิทธิภาพมากมายขนาดนี้นอกจากจะทำร้ายร่างกายมนุษย์แล้ว แม้แต่ก้อนหินก็ยังสูญสลายกลายเป็นผงโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ
หลังจากพิษหยดแรกตกสู่พื้นดินพิษหยดที่สอง สาม สี่ก็ตามมา เมื่อรวมของเหลวที่ออกมาจากปลายเข็มทั้งหมดที่ฝังอยู่บนร่างกาย หากรวมกันแล้วก็ถือว่าเป็นปริมาณมาก
ทักษะเบญจธาตุเริ่มต้นเผาผลาญสารพิษที่อยู่ในร่างกายของหญิงสาวไปมากกว่าครึ่งหลังจากนั้น ชิงสุ่ยก็เริ่มดำเนินการฝังเข็มบนร่างกายของเธอต่ออีกครั้ง แน่นอนว่าจุดฝังเข็มที่จำเป็นมันทำให้เธอกลับสู่สภาพที่น่าอึดอัดใจ แต่เมื่อเทียบกับโอกาสรอดชีวิต ความน่าอึดอัดใจทั้งหมดแทบไม่สำคัญเลย แน่นอนว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาของคนเป็นหมอ คนที่เคยรักษาทั้งชายและหญิง เรื่องแค่นี้มันคงไม่ค่อยต่างกัน สารพิษยังคงถูกบีบบังคับให้ออกจากร่างกายของเธออย่างช้าๆทำให้ปริมาณสารพิษตกค้างที่อยู่ในร่างกายเธอลดลงจนเริ่มเบื่อปริมาณน้อย ชิงสุ่ยจึงเริ่มผลักดันพลังเพื่อบีบบังคับสารพิษที่หลงเหลือ ออกจากร่างกายของเธอผ่านเข็มทองคำที่ใกล้ที่สุด
เวลาที่ขยับไปทีละนิดผ่านไปโดยไม่รู้ตัวจนรู้ตัวอีกทีก็ท้องฟ้ามืดเหลือเข็มอีกเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นที่ยังคงฝังอยู่บนร่างกายของหญิงสาว สำหรับเข็มทองคำที่เหลือ บางส่วนก็กลับสู่สภาพเข็มสีทองเหมือนอย่างเดิม นั่นก็หมายความว่าสารพิษสีดำได้ถูกขจัดออกจากร่างกายหมดสิ้นแล้ว
ในที่สุดก็เหลือเข็มอีกเพียงแค่เล่มเดียวซึ่งเป็นเล่มที่ฝังอยู่กลางหน้าอกของหญิงสาว มันยังคงเป็นสีดำ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดสีดำก็ไม่จางลงเลย ทั้งๆที่เข็มเล่มอื่นแปรสภาพกลับคืนสู่สีทองและถูกถอดออกจากร่างกายจนหมดสิ้น แต่เข็มเล่มนี้ช่างดื้อดึงยิ่งนัก ชิงสุ่ยยื่นมือของเขาสัมผัสกลับเส้นเลือดที่อยู่ด้านหลังร่างกายของเธอจากนั้นก็ใช้พลังปราณต้นกำเนิดบีบบังคับสารพิษให้ออกมาจากร่างกาย แต่ความพยายามทั้งหมดของเขาเหมือนไม่มีผลอะไร ชิงสุ่ยจึงเริ่มขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ขยับมือมาสัมผัสบริเวณหน้าอกด้านหน้า เพื่อสัมผัสกับเส้นเลือดเขาจำเป็นต้องใช้นิ้วกดบริเวณส่วนที่เนินภูเขาทอง ที่ทำให้เธอต้องทำหน้าอึดอัดใจ
นิ้วทั้งหมดของชิงสุ่ยกำลังกดลงบนส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายอันแสนนุ่มนวล
และด้วยการกระทำที่ดูจะเป็นการกระทำอันแสนลามกเขาจึงจำเป็นต้องพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหมดหนทางว่า ข้าเป็นหมอ ถ้าไม่ได้คิดเอาเปรียบผู้อื่นด้วยการกระทำแบบนี้ โปรดอย่าคิดมากเลย ข้าจำเป็นต้องทำ ตอนนี้สายตาของเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าเป็นผู้ชายที่ดี และเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นแค่หมูลามก…..
เจ้ามันไอ้หมู…… เธอไม่รู้ว่าควรจะยิ้มหรือร้องไห้ เพราะเธอเองก็ได้รับความรู้สึกประหลาดหลายต่อหลายครั้ง
กลับกลายเป็นว่าชิงสุ่ยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอเขามองไปที่หญิงสาวผู้นั้นก่อนจะขมวดคิ้ว จุดตรงนี้ใกล้กับหัวใจ ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายที่สุด ดูเหมือนพิษในตัวเจ้าจะดื้อดึงต้านทานพลังของข้า และดูเหมือนเข็มทองคำจะเอามันออกมาไม่ได้เช่นกัน
หญิงสาวคนนั้นก้มลงมองเข็มทองคำ เจ้าเองก็เป็นหมอ ส่วนข้าไม่รู้อะไรเลย หากเจ้ายังเอาออกมาไม่ได้ มันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากข้าจะต้องยอมรับในชะตากรรมของตน
แต่ตอนนี้เรามี2 ทางเลือก ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
วิธีแรกคือให้ข้าใช้ปากดูดมันออกมาปากของมนุษย์มีประโยชน์ในการสกัดพิษ ยิ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งก็ยิ่งทำได้ดี
ชิงสุ่ยไม่ได้คิดใช้ประโยชน์จากตัวของเธอนี่คือวิธีการที่มีประสิทธิภาพ อย่างน้อยชิงสุ่ยก็มั่นใจว่าจะเอาพิษออกจากร่างของเธอได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเธอสีหน้าที่กำลังมองเขาไปในทางที่ผิด เขาจึงยิ้มและกล่าวเสริมอีกทันที ข้ารู้ได้ทันทีว่าเจ้าจะต้องไม่ชอบวิธีการนี้ ฉะนั้นข้าขอเสนออีกวิธีนึง
ก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรชิงสุ่ยก็รีบกล่าวต่อไปทันที เพราะร่างกายของข้ามีสิ่งที่พิเศษ ฉะนั้นเลือดของข้าจึงมีประสิทธิภาพในการกำจัดพิษ ในเมื่อหัวใจเป็นตัวสูบฉีดเลือด การดื่มเลือดของข้าก็น่าจะช่วยกระตุ้นศักยภาพในร่างกายของเรา และประสานกับเข็มทองคำ มันก็น่าจะขับเลือดเสียเหล่านั้นออกมาได้
หญิงสาวขมวดคิ้ว ดื่มเลือดของเจ้ารึ?
ถูกต้อง!!
ข้าคงไม่เลือกวิธีนี้……มันน่าขยะแขยงเกินไป หญิงสาวผู้นั้นมองดูชิงสุ่ยด้วยใบหน้าเขินอาย
ชิงสุ่ยเองก็พูดไม่ออกวิธีการดื่มเลือดก็ดูจะน่ารังเกียจเกินกว่าจะกระทำ ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันน่าขยะแขยงแสดงว่าเจ้าคงคิดว่าวิธีแรกดีกว่า ในเมื่อจิตใจของเจ้าต้องการเช่นนั้น เราก็มาทำวิธีแรกกันเถอะ ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เมื่อเห็นสีหน้าอันแสนเล่ห์เหลี่ยมของชิงสุ่ยเธอก็รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ข้าไม่เคยดื่มเลือดผู้ใดมาก่อนเลย ถ้าเช่นนั้น ลองสักครั้งจะเป็นไร
ชิงสุ่ยเผยรอยยิ้มแสนขมขื่นก่อนจะยื่นแขนออกไปข้างหน้า กัดเบาๆ อย่ารุนแรงนักล่ะ
ข้าจะต้องดื่มแบบนี้จริงๆเหรอ? ดวงตาของหญิงสาวแลดูสับสน เธอคิดว่าชิงสุ่ยจะกรีดนิ้วและเอาเลือดมาให้เธอลืม
เจ้าคาดหวังสิ่งใดอยู่ล่ะ?เลือดของข้าเป็ยสิ่งมีค่ามาก ถ้าหากไม่รองรับด้วยน้ำลาย เกรงว่ามันจะเสียคุณค่า
หยุดกดดันข้าสักทีเถิดข้ารู้สึกกลืนไม่ค่อยลง ถ้าหากเจ้ายังตะขิดตะขวงใจข้าขอแนะนำวิธีแรก ข้ามั่นใจว่าข้าทำได้ดีอย่างแน่นอน
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะได้พูดประโยคต่อไปเขารู้สึกเจ็บปวดบริเวณแขนมาก เพราะว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังประกบริมฝีปากบนแขนของเขาอย่างนุ่มนวล มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดแล้วเจ็บปวดยิ่ง นี่คงนิยามความหมายที่แท้จริงของคำว่ารู้สึกเจ็บปวดทั้งมีความสุขได้อย่างชัดเจน
เห้ยเห้ย เจ้าจะดูดเลือดข้าให้หมดตัวเลยหรือไง? แค่นั้นก็พอแล้ว ชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวหลับตาดูดเลือดอย่างกระตือรือร้น เขาก็ไม่กล้าดึงมือกลับเพราะกลัวว่าฝันของเธอจะสร้างบาดแผลเพิ่มเติมให้กับแขนของเขา
หญิงสาวค่อยๆอ้าปากของเหลวสีแดงสดบริเวณริมฝีปาก ได้เสริมสร้างความสมบูรณ์ให้กับใบหน้าของเธอ เธอช่างน่าหลงใหลและมีเสน่ห์ ถึงขั้นที่ทำให้ชิงสุ่ยมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนกับหลุดไปอีกโลก เขาไม่ได้สนใจบาดแผลบริเวณแขนของเขาเลย ก่อนที่เขาจะบ่นพึมพำว่า เจ้าไม่ได้งดงามอย่างเดียว โฉมงามที่ว่าล้มเมืองยังไม่อาจสู้เทพธิดาอย่างเจ้าได้เลย
หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองสีหน้าของชิงสุ่ยในใจของเธอเริ่มรู้สึกว่าเลือดของเขาก็ไม่ได้น่ารังเกียจ อาจจะไม่ได้รสชาติดี แต่มันก็สร้างความแปลกได้อย่างน่าประหลาดใจ
ในครั้งนี้เธอเองก็ไม่มีทางเลือกถึงแม้เธอจะไม่กลัวตาย แต่ในเมื่อมันมีวิธีการรักษาเธอจึงจะทำมันแม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม
หรือบางทีสิ่งที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้า?
จนถึงตอนนี้เธอเองก็ยังไม่คุ้นชินกับเขาในความเป็นจริงเธอกำลังเป็นหนี้ชายคนนี้อย่างท่วมท้น เพราะชีวิตมีค่ามากเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาตอบแทน
สหายชิงสุ่ยเจ้ามองข้าจนพอใจแล้วหรือยัง? หญิงสาวเช็ดปากก่อนจะกลับคืนสู่ท่าทางสงบ นี่ก็เป็นเวลานานมากแล้วที่ชิงสุ่ยไม่ได้จิตใจฟุ้งซ่านแบบนี้นอกจากจะถึงในความแข็งแรงของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนยอมพ่ายแพ้และเค้นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงนาง
หลังจากที่เขาฟื้นคืนสติชิงสุ่ยก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาไม่ต้องการให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์น้ำเขื่อนใจมากกว่านี้ สิ่งที่เขาทำคือการยิ้มและรีดเอาสารพิษออกมาให้มากที่สุด
เลือดของชิงสุ่ยนั้นทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัยเธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางทีที่เลือกเข้าสู่ร่างกาย โลหิตอันแสนบริสุทธิ์ปะทะกับไฟที่อยู่ในร่างกายของเธอ ก่อนจะผสมผสานรวมกันเป็นหนึ่ง
เธอจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเหนือความคาดหมายตอนแรกเธอคิดว่าสิ่งที่เขาพูดเรื่องเลือดเป็นสิ่งของล้ำค่านั้นเป็นเรื่องโกหก แล้วไม่คิดว่าเลือดของเขาจะรักษาพิษในร่างกายเธอได้จริงๆ แต่ที่เธอทำไปก็เพราะคำแนะนำของเขาและทำไปด้วยความมึนงง…….
ในขณะเดียวกันชิงสุ่ยก้มมองแขนของตัวเองเขาเสียเลือดไปเพียงเล็กน้อย แต่ความคิดอันบ้าคลั่งของเขามันยังคงทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน
พิษส่วนใหญ่ในร่างกายของหญิงสาวถูกสกัดออกมาจนหมด ไม่เพียงเท่านั้นกลิ่นอายรอบตัวของเธอก็ค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ มันอาจจะไม่กลับคืนสู่สภาพอดีตทันที แต่พลังปราณต้นกำเนิดของเธอก็ให้ค่อยๆฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ด้วยความตกใจชิงสุ่ยถึงนับถอยหลังไป 2-3 เจ้า เมื่อมองเห็นกลิ่นอายแสนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบตัวของเธอ มันเป็นเหมือนกลิ่นอายของนาง แต่ก็แซ่บไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจสาว
หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งแกร่งก่อนจะปลดปล่อยพลังอำนาจทีเต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าดึงดูดใจ
พลังปราณต้นกำเนิดในอากาศเกิดสภาพผันผวนอย่างรุนแรงชิงสุ่ยไม่รู้ว่านี่คือกระบวนการฟื้นฟูพลัง หรือเกิดจากผลกระทบของเลือดที่กำลังรวมตัวในร่างของหญิงสาว เส้นเลือดของเขาคือเลือดที่อยู่ในกายา 9 หยางโอกาสที่มันจะเข้าควบรวมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของเธอก็เป็นไปได้สูง
แน่นอนว่าหญิงสาวคนนั้นก็ตกตะลึงในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคราวนี้นอกจากเธอจะรอดพ้นจากภัยพิบัติ แต่เธอยังได้ผลกำไรกลับคืนมา ในที่สุดเธอก็รับประโยชน์พร้อมกับบรรลุในระดับพลัง 2 ขั้นในคราวเดียว
เมื่อทุกอย่างสงบลงท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีมืดมิด เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น แต่ความก้าวหน้าที่ทำให้เธอพัฒนามันทำให้เธอค้นพบโอกาสสำคัญ อาจจะได้ว่าเป็นโอกาสหนึ่งในพันปี
ความแข็งแกร่งมหาศาลกำลังเพิ่มพูนอย่างท่วมท้นกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกำลังพวยพุ่งออกมาจากรากฐานกระดูกของเธอ