Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2014 – สัตว์อสูรทรงพลัง ทักษะตราประทับพุทธองค์
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2014 – สัตว์อสูรทรงพลัง ทักษะตราประทับพุทธองค์
บทที่ 2014 – สัตว์อสูรทรงพลัง ทักษะตราประทับพุทธองค์
ชิงสุ่ยจ้องมองปากถ้ำและรับรู้ถึงพลังของสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ตัวของพวกเขา คลื่นพลังของมันผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่ได้กังวลเพราะเขารู้วิธีจัดการมัน
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนปราณจิต เขาจึงไม่รู้ว่าจะมีภัยอันตรายซ่อนไว้ภายใน
โฮกกกก!!
เสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ ร่างของสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งปรากฏบริเวณปากถ้ำ ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจ สัตว์อสูรที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวไม่ใหญ่มากนัก ตัวของมันใหญ่กว่าอสูรสยบมังกรเพียงแค่ 2 เท่า แต่ผิวหนังของมันดูหนังกว่าอสูรสยบมังกรของเขามาก
ลำตัวของมันเป็นสีแดงเพลิงตัวคล้ายสิงโตแต่ก็คล้ายมังกรเพราะมีเขาอยู่บนหัว แต่ในภาพรวมแล้วร่างของมันดูค่อนข้างน่ารักน่าชัง
ร่างของมันปลดปล่อยประกายแสงพลังที่รุนแรง หลังจากมองสักพักใหญ่ ชิงสุ่ยก็รู้สึกได้ว่าอสูรที่อยู่ตรงหน้านั้นคล้ายกับอสูรในตํานานจากโลกไปก่อน หรือที่ทุกคนเรียกกันว่ามังกรกิเลน
มังกรกิเลนคือสัตว์อสูรระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟและยังเป็นสัตว์ของเทพเจ้า คนสมัยโบราณเชื่อกันว่ามันคือสัตว์ที่นำพามาซึ่งความมงคล แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ชิงสุ่ยก็ไม่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นมังกรกิเลน เพียงแค่เขาตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะได้เห็นสิ่งที่เคยเป็นถึงตำนานในโลกใบก่อน
ถึงขนาดตัวของมันจะไม่ใหญ่มาก ชิงสุ่ยก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวของอสูรที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังของเป่ยหมิงเสวี่ยและอวี้ซี่หยวน ซึ่งพลังของมันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านเต๋า
สัตว์อสูรตื่นตัวอย่างมาก ขณะที่มันชำเลืองมองชิงสุ่ย ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันและรับรู้ถึงพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัว
ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็นึกถึงความคิดอะไรบางอย่างได้ ความคิดที่ว่าก็คือการทำให้สัตว์อสูรที่อยู่เบื้องหน้าเชื่อฟังคำสั่ง
โดยปกติแล้วการจะทำให้สัตว์อสูรเชื่อมเป็นเรื่องยาก คนส่วนใหญ่จะใช้การฟูมฟักตั้งแต่มันอยู่ในไข่ ยิ่งมันอายุน้อยมากเท่าไหร่การทำให้มันเชื่อฟังคำสั่งก็ยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น วิธีการเลี้ยงดูตั้งแต่อยู่ในไข่จึงเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์อสูร ยิ่งมันโตเต็มวัยมันก็จะยิ่งเป็นไปด้วยความเกรี้ยวกาจ พวกมันจะยอมรับใช้ผู้อื่นก็ต่อเมื่อพวกมันตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
ชิงสุ่ยค่อยๆเข้าไปใกล้มัน เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าด้วยพลังปัจจุบันนั้นจะสามารถป้องกันการโจมตีของมันได้หรือไม่ แต่เขาเชื่อมั่นว่ามันจะไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้เขายังถือเม็ดยาที่สำคัญไว้ในมือ ยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์
ยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์คือยาที่ใช้ควบคุมสัตว์อสูร อดีตมันเคยอยู่ในระดับล่างแต่เขาก็พัฒนามันมาโดยตลอดจนทำให้ปัจจุบันมันได้บรรลุขึ้นสู่ระดับขั้นสูงสุด และเขาเองก็ยังไม่ได้ใช้ยาเม็ดในระดับที่พัฒนาแล้วมาก่อน
“สัตว์อสูรปราณจิต ข้าเองก็อยากจะได้มันมาเป็นของข้า…”อวี้ซีหยวนจ้องมองสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าด้วยความปรารถนา
“ข้าเองก็อยากครอบครองมันเช่นกัน…..”ลึกๆในใจของเป่ยหมิงเสวี่ยก็เป็นไปด้วยความปรารถนา
ชิงสุ่ยก็รู้ดีว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างต่างก็ปรารถนาในตัวสัตว์อสูร เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะทำให้มันคอยรับใช้คำสั่งได้หรือไม่ก็ตาม เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหญิงสาวทั้งสองคน ถ้าหากเป็นหญิงสาวของเขาเอง เขาจะมอบสัตว์อสูรให้กับพวกเธอโดยไม่มีความลังเล
โฮกกกก!!
เมื่อชิงสุ่ยเข้าไปใกล้มัน เจ้าอสูรก็เริ่มเปิดฉากโจมตียิงลูกไฟขนาดใหญ่เข้าใส่ตัวชิงสุ่ย
เปลวไฟที่สดใสงดงามราวกับมีชีวิตเป็นของตน เผาผลาญอากาศด้านข้างจนเริ่มบิดเบี้ยว ชิงสุ่ยรับรู้ถึงแรงกดดันก่อนจะขยับมือปลดปล่อยเปลวเพลิงแรกเริ่ม
ครึ้นนนน ครึ้นนนน
แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์กดดัน เขาไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการก่อนจะถูกบีบบังคับให้ต้องถอยหลัง
น่าเสียดายที่เปลวเพลิงแรกเริ่มที่แสนบริสุทธิ์ก็ยังไม่อาจต่อกรกับรูปไฟของเจ้าอสูรตัวนี้ได้ ถ้าหากมันไม่สามารถลบล้างผลสะท้อนของลูกไฟได้ถึง 70 ส่วน ชิงสุ่ยก็อาจจะได้รับบาดเจ็บตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก ชิงสุ่ยจึงทำการเรียกอสูรสยบมังกรออกมา
โฮกก!!
ทันทีที่อสูรสยบมังกรปรากฏกาย มันก็เริ่มแผดเสียงคำรามเพื่อบั่นทอนพลังของสัตว์อสูรคู่ต่อสู้จนลดลงไปถึง 20 ส่วน จากนั้นชิงสุ่ยก็สร้างตราประทับวชิระขึ้นในมือทั้งสองข้าง
ตราประทับแสงพุทธองค์
ตราประทับพุทธองค์แสงสีทองคำส่องประการคือความงดงาม ลำแสงของมันครอบคลุมร่างกายของชิงสุ่ยราวกับกำลังใส่ชุดเกราะใสที่มองไม่เห็น และให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวทั้งสองคนแข็งทื่อท่ามกลางความตกใจ ดูเหมือนว่าพวกเธอประเมินชายหนุ่มคนนี้ต่ำไปมากกว่าที่คิดเอาไว้อีก การที่ชายคนนี้สามารถควบคุมพลังที่ปลดปล่อยออกมาให้อยู่ในรูปแบบที่มั่นคงไม่มีการรั่วไหลออกไปได้ ก็เป็นข้อบ่งบอกแล้วว่าเขามีความเชี่ยวชาญในทักษะการต่อสู้เพียงใด
อสูรพยายามปลดปล่อยพลังโจมตีออกมา แต่เมื่อมันเห็นแล้วว่าเปลวเพลิงไม่สามารถทำร้ายชิงสุ่ยได้อีก มันจึงเริ่มระเบิดพลังไฟติดต่อกัน 3 ครั้ง ชิงสุ่ยก็ทำการป้องกันโดยใช้แส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มฟาดฟันออกไปจากปลายนิ้วมือ
พลังงานที่ครอบคลุมร่างกายส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง เมื่อรวมกับตราประทับวชิระแล้ว พลัง 70 ส่วนของลูกไฟถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น ทำให้พลังไฟที่น่าเกรงขามกลายเป็นเหมือนลูกแมว ที่ไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งรอยขีดข่วนบนร่างกายชิงสุ่ย
โฮกกก
ยิ่งเห็นว่าพลังของมันไร้ประโยชน์ มันก็ยิ่งคำรามด้วยความโกรธ และพุ่งเข้าโจมตีชิงสุ่ยด้วยความเร็วปานสายฟ้า ซึ่งชิงสุ่ยก็สามารถตอบโต้มันได้ด้วยพลังความเร็วในระดับเท่าเทียม
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นความเร็วของมัน พร้อมกับอิจฉาและหวังว่าถ้าหากอสูรสยบมังกรของเขาเคลื่อนไหวได้เร็วเท่ากับความเร็วของมัน อสูรสยบมังกรจะกลายเป็นเครื่องสังหารมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย
ปังงงง!! ชิงสุ่ยถูกโจมตีจนกระเด็นถอยหลังกลับ อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาก็ยังคงไร้ขีดข่วน แสงสีทองจากชุดเกราะวชิระก็ไม่ปรากฏขึ้นบนร่างกาย นั่นยิ่งทำให้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากเป็นเช่นนี้เขาก็พร้อมจะเข้าต่อกรกับสัตว์อสูรร้าย
ในระหว่างการต่อสู้ ชิงสุ่ยที่รู้ตัวเราว่าเขาสามารถสู้กับอสูรที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างเท่าเทียม เขาจึงรู้สึกว่าเขายังไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะล่าสังหารหรือแม้กระทั่งทักษะปราณจักรพรรดิ
ตราประทับพุทธองค์เมธา!!
ชิงสุ่ยยื่นฝ่ามือออกไปปลดปล่อยตราประทับพุทธองค์เมธาพุ่งเข้าใส่ร่างกายของสัตว์อสูร ภาพที่เกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับชิงสุ่ย อสูรที่กำลังจะเข้าโจมตีเขาเหมือนถูกหยุดชะงักไปชั่วขณะ จนทำให้เขาถึงกลับคิดว่าทักษะนี้มันมีความสามารถคล้ายคลึงกับฝ่ามือกระชากมังกร?