Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2025 – สังหารซงตง
บทที่ 2025 – สังหารซงตง
“เจ้ามันลิ้นอสรพิษ จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าจะเปลืองผ้าของเจ้าต่อหน้าทุกคน”ดวงตาของซงจงดูสยดสยองอย่างยิ่ง
“เจ้าอย่าได้คิดพูดเช่นนี้ออกมาอีก”ในขณะเดียวกัน ชิงสุ่ยก็จ้องมองซงจงและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่มน้อย เจ้ายุ่งอะไรด้วย? เจ้าคิดว่าคนในที่แห่งนี้ต้องยอมเจ้าอย่างนั้นเหรอ? ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าจะเปลืองผ้าของเธอต่อหน้าทุกคน……”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ชิงสุ่ยก็เริ่มเคลื่อนไหว
ปังงงง!!
มือของชิงสุ่ยไวมากจนกลายเป็นภาพพร่ามัว การตอบสนองของซงจงอาจจะรวดเร็ว แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่อาจสกัดการโจมตีของชิงสุ่ยได้ สิ่งที่เขาทำได้คือการแทงกระบี่สั้นเข้าที่หน้าอกชิงสุ่ย
ปังงงง
ซงจงรีบประเมินความเร็วของชิงสุ่ย แต่ดูเหมือนความเร็วในการโจมตีของเขาจะต่ำไป
หวืบบ
ซงจงจิตใจล่องลอยเหลือแค่เพียงความว่างเปล่า ชิงสุ่ยไปเตะอัดเข้ากลางจุดตันเถียนอย่างไร้ความปราณี จากนั้นชิงสุ่ยกบตีข้อศอกเข้ากลางขมับ
สังหาร!!
ร่างของซงจงล้มลงกับพื้น ลมหายใจดับสิ้นทันที ชิงสุ่ยไม่พิสมัยในตัวชายคนนี้ ชิงสุ่ยเองก็อยากจะยืนอยู่บนจุดที่โดดเด่นที่สุดของเมืองฉาง ซงจงจึงเป็นเป้าหมายที่ดี
ฉะนั้นชิงสุ่ยจึงลงมือสังหารเขาต่อหน้าผู้คนด้วยความป่าเถื่อน แม้ว่าจะทำให้เกิดเรื่องลำบากตามมา เขาก็ไม่เสียใจ
ชิงสุ่ยสังหารอย่างเด็ดขาด และการฆ่าคนของเขา ได้ข่มขู่ให้ชูไป๋หวาดกลัว ชิงสุ่ยสามารถใช้แรงกระแทกทำลายอวัยวะภายใน แม้แต่การป้องกันก็ไม่สามารถช่วยให้ผู้เคราะห์ร้ายรอดตายได้
อวี้ซีหยวนไม่ได้คาดคิดว่าชิงสุ่ยจะลงมือสังหารใครสักคน เธอมีความรู้สึกที่ไม่อาจพูดเป็นคำพูดได้ มีคนกำลังต่อสู้เพื่อเธอ และเธอก็ชอบความรู้สึกคลุมเครือแบบนี้
ชูไป๋ใบหน้าซีด คนจากตระกูลโซว่และตระกูลซือเฉิงเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขามองดูชิงสุ่ยราวกับกำลังมองดูสัตว์ประหลาดกระหายเลือด ชายที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาถูกสังหารภายในชั่วพริบตา แล้วพวกเขาล่ะ?
ชิงสุ่ยจ้องมองไปยังชูไป๋และคนที่เหลือซึ่งกำลังยืนแน่นิ่ง ชิงสุ่ยยิ้มแล้วเดินไปยังหญิงสาวข้างกายทั้งสอง “พวกเรายังไม่ได้เห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบจนครบถ้วนเลย ยังมีเวลาเหลืออยู่ ไปตรวจสอบกันดีกว่า”
“อืม”
หญิงสาวทั้งสองคนจากไปพร้อมกับชิงสุ่ย
ชูไป๋ยังคงถูกกลืนกินด้วยความกลัว เขาเกือบจะได้สัมผัสกับความตายด้วยตัวเอง คนจากตระกูลซือเฉิงและตระกูลโซว่ต่างก็หมายปองเป่ยหมิงเสวียและอวี้ซีหยวน แต่โชคดีที่ซงจงกระทำการหันพลันแล่นมากกว่า มิฉะนั้นพวกเขาก็คงจะกลายเป็นซากศพไม่ต่างกัน
…………
……
และแล้วในที่สุด ทางเข้าของดินแดนปราณจิตก็เปิดออก ชิงสุ่ยออกจากสถานที่แห่งนี้พร้อมกับหญิงสาวทั้งสอง หลังจากที่ได้ออกมา เล่ยเป๋าและหวังจงก็มีท่าทีเคารพชิงสุ่ยและชื่นชมเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ในตอนนี้ รอบๆทางเข้าเต็มไปด้วยฝูงชนมากมาย อย่างไรก็ตามมันก็น้อยกว่าแต่ก่อน
ระหว่างที่เดินทางออกมา ชิงสุ่ยก็หันไปยิ้มให้กับเป่ยหมิงเสวีย “ท่านกำลังจะเดินทางกลับไปยังพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาใช่หรือไม่?”
เป่ยหมิงเสวียพยักหน้า “นี่ก็เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ข้าคงต้องกลับบ้านสักพัก”
“พี่สาวเสวีย ชิงสุ่ยและข้าอาศัยอยู่ที่เมืองฉาง ถ้าหากท่านว่างก็อย่าลืมมาเยี่ยมพวกเราด้วย ชิงสุ่ยเปิดหอคอยจักรพรรดิอยู่ที่เมืองฉาง ส่วนข้าเปิดภัตตาคารหยกรัญจวน ทั้ง 2 ที่อยู่ห่างกันไม่ไกล ท่านจะหาพวกเราเจอได้โดยง่าย”อวี้ซีหยวนยิ้ม
“ได้เลยแล้วข้าจะแวะไปหา “
ชิงสุ่ยและอวี้ซีหยวนจากไปและกลับไปยังเมืองฉาง พวกเขากล่าวอำลาเล่ยเปาและคนอื่นที่คุณเคย ความสัมพันธ์ของแต่ละคนนั้นห่างไกลจากความเป็นเพื่อน มีเพียงแค่เล่ยเปาและหวังจงเท่านั้นที่เกือบจะใกล้เคียง
อวี้ซีหยวนเดินทางกลับไปยังภัตตาคารหยกรัญจวน
ส่วนชิงสุ่ยก็กลับไปยังหอคอยจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิคลั่ง เหลียนหลิงเฟิง ชิงซี หยินตง และคนอื่นๆต่างรอต้อนรับ พวกเขาล้วนมีความสุขที่ได้เห็นชิงสุ่ยเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย
แต่ละคนต่างจะเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะเพื่อจัดงานเลี้ยง
เมื่อพูดถึงรางวัลที่ได้รับจากการเดินทาง ชิงสุ่ยไม่ได้เก็บมันเอาไว้คนเดียว เขาหันไปหาองค์จักรพรรดิคลั่ง “พี่ใหญ่ ข้าได้รับมรดกสืบทอดที่คิดว่าเหมาะสมกับท่าน ข้าไม่แน่ใจว่าท่านจะสนใจหรือไม่ มันก็คือมรดกสืบทอดของเทพสงครามขวานพิโรธ”
องค์จักรพรรดิคลั่งรู้สึกตื่นเต้น “มันไม่ล้ำค่าเกินไปหรือ?”
ชิงสุ่ยยิ้ม “ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเราเองก็เป็นมิตรสหายกัน ข้าย่อมต้องเลือกท่านก่อนใคร เว้นเสียแต่ท่านจะไม่ชอบหรือรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมกับท่าน การที่มันจะมีค่าหรือไม่ เมื่อเราอยู่ในครอบครัวเดียวกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ภาพลวง” ชิงสุ่ยมอบชุดเกราะสงคราม ขวานศึก และกล่องหยกที่มีแก่นแท้ของมรดกขวานเทพสงครามพิโรธ เพื่อให้องค์จักรพรรดิคลั่งได้ดูดซับพลังและกลายมาเป็นผู้สืบทอดแห่งเทพสงครามขวานพิโรธ
“องค์ชายสิบสาม ในเมื่อท่านเป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกให้ ซีเอ๋อก็เช่นกัน”ชิงสุ่ยมอบอสูรหมีทลายเหมันต์ให้กับทั้งสองคน
พระองค์ชายสิบสามและชิงซีต่างก็รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอสูรหมีทลายเหมันต์ มันยิ่งทำให้ทั้งสองคนตื่นเต้น การที่ได้เป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาจะมีพลังเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ชิงสุ่ยเหลือของขวัญอีกเพียงชิ้นเดียวซึ่งเขาพร้อมจะมอบให้กับหยินตง เหลียนหลิงเฟิงเป็นคนที่มีสัตว์อสูรเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเท่าอสูรหมีทลายเหมันต์ แต่มันก็ช่วยเสริมสร้างพลังได้กว่าครึ่งเท่าหากอยู่ในมือของเหลียนหลิงเฟิง หยินตงยังไม่มีอสูรเป็นของตนสักตัว จึงเป็นธรรมดาที่ชิงสุ่ยจะให้ความสำคัญกับหยินตงก่อน
เมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมเสร็จสิ้น พลังของหอคอยจักรพรรดิก็ยิ่งก้าวกระโดด
อย่างน้อยสถานะของพวกเขาก็คงที่แม้จะไม่มีชิงสุ่ย ขอให้ชิงซีอยู่คนเดียวก็ปลอดภัย อสูรหมีทลายเหมันต์สามารถให้หลักประกันความปลอดภัยของเธอได้ พลังของชิงซีก็ไม่ได้ด้อย ยิ่งเธอครอบครองทักษะการรักษาที่น่าประทับใจ ผู้คนก็ยิ่งต้องการเธอ ไม่มีใครกล้าต่อต้านชิงซี
ชิงซีโชคดีที่ได้มีเจ้านาย เขาเป็นดั่งปราการป้องกันอันยิ่งใหญ่ให้กับเธอและลูก เขายังไม่มอบโลกใบใหม่ให้กับเธอ แม้เธอจะตอบแทนทั้งชีวิตก็ไม่มีทางตอบแทนชายคนนี้ได้หมด
วัฏจักรของเมืองฉางค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของชิงสุ่ยและการก่อตั้งหอคอยจักรพรรดิ
ตระกูลซือเฉิงและตระกูลโซว่ตระหนักดีถึงความน่ากลัวของชิงสุ่ย พวกเขาจึงไม่กล้าท้าทาย อย่างไรก็ตาม การตายของซงจงย่อมต้องทำให้ตระกูลซงโกรธเกรี้ยวและเดินทางมาหาชิงสุ่ย
ผู้ที่กระจายข่าวการตาย มาจากตระกูลซือฉางหรือตระกูลโซว่สารก็ไม่มีใครรู้ ชิงสุ่ยคิดว่าเป็นพวกเขาที่วางแผนพยายามทำให้ตระกูลอื่นเกิดความขัดแย้ง
แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสักวันหนึ่งตระกูลซงก็ย่อมต้องรู้ว่าชิงสุ่ยเป็นคนฆ่าซงจงอยู่ดี