Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่1778 - การเคลื่อนไหวภายในเขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีป
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่1778 - การเคลื่อนไหวภายในเขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีป
AST บทที่ 1778 – การเคลื่อนไหวภายในเขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีป
”ในที่สุดเจ้าก็กลับมา!!”หยินต่งและชิงสุ่ยทักทายกันโดยใช้หมัดแตะที่ไหล่ขณะยิ้ม
ทางด้านเหลียนหลิงเฟิงเดินตรงเข้ามากล่าวทักทายชิงสุ่ย หลินเฟ่ยและซีฉีชาก็พุ่งตรงเข้ามากระโดดกอดอย่างรวดเร็ว ส่วนเสวี่ยนั่วและอวี้เหนียงทั้งสองคนแสดงสีหน้าและท่าทางคล้ายกันมากเมื่อเห็นชิงสุ่ย ผู้อาวุโสเทียนยี่เอ็งก็อยู่ที่นี่ด้วยตอนนี้เขาคือหมอที่เก่งที่สุดในหอคอยจักรพรรดิ
หลังจากที่เวลาผ่านไปหลายปีอวี้เหนียงเองก็ตบโตขึ้นมากจากเด็กหญิงตัวน้อยกลายเป็นเด็กหญิงอายุ 10 กว่าขวบย่อมมีความรู้สึกเขินอายเมื่อเห็นชิงสุ่ย
”หนูน้อยยายาเจ้าจำลุงคนนี้ไม่ได้แล้วสินะ”ชิงสุ่ยเดินตรงเข้าไปลูบหัวเด็กสาวตัวน้อยตอนนี้เธอเป็นเด็กอายุ 10 ปีแล้วแต่เธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าบรรดาเด็กที่อายุเท่ากัน
”ท่านลุง!!!”เด็กหญิงตัวเล็กแสดงสีหน้าโล่งใจเมื่อเห็นใบหน้าของชิงสุ่ยจากนั้นเธอก็วิ่งเข้ามาโผกอดเขาด้วยความสุข
ยายายังคงจดจำเขาได้แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสี้ยวความทรงจำที่ภาพมัวของวัยเด็กชิงสุ่ยเองก็ไม่แปลกใจมากนัก ตอนนั้นเธอเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 3 ขวบไม่ว่าจะเป็นโลกใบไหนเด็กส่วนใหญ่ล้วนจะลืมเลือนเรื่องราววัยเด็กด้วยกันเสมอ
ชิงสุ่ยได้พูดคุยกับยายาในหลายๆเรื่องจากนั้นเขาก็มอบของขวัญมากมายให้กับเธอ ยายานั้นเป็นคนขยันหมั่นเพียรรักในการฝึกวรยุทธและรักในการฝึกฝนตำราแพทย์ นอกจากนี้เธอเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความสำคัญอย่างมาก
ท่ามกลางลูกๆอีก3 คนที่เหลือของอวี้เนียง คนที่โตที่สุดตอนนี้ก็ทำหน้าที่เป็นหมอประจำพื้นที่ ส่วนลูกสาวคนโตและลูกชายอีกคนนึงก็เรียนรู้วรยุทธจนก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเซียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในอดีตชิงสุ่ยเคยมอบยาช่วยเหลือต่างๆให้กับบรรดาลูกๆของอวี้เนียงมันจึงเป็นตัวช่วยอย่างดีที่ทำให้ลูกๆของเธอพัฒนาขึ้นมาสู่ระดับเทวะเซียนได้ในเวลาอันสั้น
อวี้เนียงเองก็ยังคงเป็นจอมยุทธระดับเทวะเซียนทุกอย่างเป็นไปได้เพราะการช่วยเหลือของชิงสุ่ย เธอคงมาไม่ถึงระดับนี้ถ้าหากปราศจากซึ่งยาของชิงสุ่ย แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่ชิงสุ่ยคาดการณ์เอาไว้ แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาวรยุทธของเธอจะดูไม่ก้าวหน้าขึ้น แต่อย่างที่เห็นเด่นชัดคือใบหน้าและรูปลักษณ์ของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าตอนที่ทั้งสองเจอกันครั้งล่าสุด
ความสุขจะเติบโตได้เมื่อผู้คนมีจิตใจสูงส่งชิงสุ่ยจะช่วยชีวิตของเธอและส่งผลให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไป ถ้าหากไม่ได้เจอชายผู้นี้เธอคงไม่อาจจินตนาการการใช้ชีวิตปัจจุบันของเธอได้ ”ชิงสุ่ยข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่นานๆ ฝนแม่นางผู้นี้นางคงจะเป็นแม่นางเจี้ยนเก้อใช่หรือไม่”อวี้เนียงกล่าวอย่างมีความสุข
”พี่สาวข้ามีนามว่าเจี้ยนเก้อชิงสุ่ยพูดถึงพวกท่านบ่อยครั้ง”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
”ช่างเป็นชะตาฟ้ากำหนดเจ้าช่างงดงามเหลือเกิน เด็กหนุ่มตัวน้อยคนนี้ต่อไปคงจะมีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการ ข้ามั่นใจเหลือเกินว่าอนาคตของเด็กหนุ่มผู้นี้คงจะต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวมากมายที่คอยแย่งชิงตัวเขาอย่างแน่นอน”
……………………..
……………….
จากการตรวจสอบศักยภาพของทุกคนหลังจากที่เขาทิ้งยาเสริมพลังเอาไว้มากมายและจากไปเป็นเวลากว่า7 ปี ตอนนี้หลินต่งและเหลียนหลิงเฟิงพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาอยู่ในระดับ 10,000 เต๋า เป็นที่เรียบร้อยแล้วแม้ว่าจะยังอ่อนแอกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อก็ตาม แน่นอนว่าทุกคนยังคงห่างไกลความสามารถของชิงสุ่ยแต่การพัฒนาของพวกเขายังคงค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างรวดเร็วถ้าหากชิงสุ่ยปราศจากมรดกศาสตราวุธแห่งเทพสงครามเขาก็คงอยู่ในระดับเดียวกับทุกคน
ความแข็งแกร่งของซีฉีชามีค่าประมาณ10,000 เต๋าเช่นกัน แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นพลังของใครก็สามารถครอบครองเมืองหลินห่ายและเมืองจักรพรรดิได้โดยการพนัน
เพียงแต่คนเหล่านี้กลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระและพวกเขาก็มีความนอบน้อมถ่อมตนแม้จะมีอำนาจมากขึ้นพวกเขาไม่ต้องการรบกวนคนอื่นและไม่ต้องการเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่ไปทะเลาะกับเด็ก แม้ว่าความแข็งแกร่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดเขตแดนของขอบฟ้าก็ตาม
ส่วนคนที่จิตใจคับแคบคอยดูหมิ่นเหยียดหยามคนพวกนี้จะถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ทันทีฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกลุ่มคนจากหอคอยจักรพรรดิและเมื่อไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งรวมถึงผู้ที่ทำตัวหยิ่งยโสถูกกำจัดไปหมด มันจึงกลายเป็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อปัญหาอีก ยิ่งไปกว่านั้นหอจักรพรรดิตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนจน พวกเขาทำทุกอย่างโดยไม่มีความเห็นแก่ตัวมาเกี่ยวข้อง ทุกคนจึงเลื่อมใสและค่อยเชิดชูเปรียบเหมือนพวกเขาเป็นดั่งผู้ปกครองแห่งเมืองหลินห่าย
เรือลำหนึ่งจะเคลื่อนที่ได้ก็ต่อเมื่อมีแรงน้ำหนุนนำตระกูลเหลียนจึงกลายเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากภายในเมืองหลินห่าย เมืองจักรพรรดิจังหวัดกลัวกลุ่มคนตระกูลเหลียนและหอคอยจักรพรรดิ แม้ว่าจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแต่คนเมืองจักรพรรดิก็ยังรู้สึกผ่อนคลายถ้าหากหอคอยจักรพรรดิไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
ชิงสุ่ยพึ่งพอใจในการพัฒนาของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิง ตอนนี้ทั้งสองคนนี่มีความท้าทายมากกว่าเดิม เพราะคนอื่นๆที่อยู่รอบกายชิงสุ่ยต่างก็ได้รับศาสตราวุธแห่งเทพสงครามมาอยู่ในกำมือด้วยกันทั้งสิ้น
………………………..
ภายในช่วงคริสต์ตาโต๊ะอาหารก็ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารจานใหญ่พร้อมสุราเครื่องดื่มมากมายที่ชิงสุ่ยจัดเตรียมเอาไว้ซึ่งอยู่ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ
”มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามอย่างเป็นกันเองขณะร่วมรับประทานอาหาร
”เออคือจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย แล้วก็มันเป็นเรื่องของพวกเราเอง”เหลียนหลิงเฟิงกล่าว
”บอกเล่าเรื่องราวให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่?”ชิงุส่ยกล่าวหลังจากยกสุราในมือขึ้นมาซดจนหมดแก้ว
”ถ้าจะให้พูดเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราในระดับใกล้ชิดมากดูเหมือนจะมีกองกำลังหรือกลุ่มคนทรงอำนาจลึกลับบางส่วนปรากฏตัวถ้ำกลางเขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีปที่อยู่ใกล้กับมหาทวีปอุดรเทวา พวกเขามาพร้อมกับพลังที่ทรงอำนาจ มีข่าวลือกันว่าพวกเขาเกิดจากการผนวกกำลังของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งแห่งแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีป นอกจากนี้พวกเขายังได้ส่งคนไปรวบรวมขุมกำลังทรงอำนาจมากมาย เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือการครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ เพื่อขยายเขตแดนมหาสมุทรของพวกเขา”
ชิงสุ่ยคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้เพราะโลกใบนี้กว้างใหญ่เกินไป กว้างใหญ่เกินกว่าจะรวมกันเป็นปึกแผ่น ถ้าหากเป็นเพียงแค่เขตแดนอาจจะมีความเป็นไปได้ แต่การจะรวมโลกทั้ง 9 ทวีปเข้าด้วยกันมันดูไม่สมจริงเอาซะเลย
ทางด้านเหลียนหลิงเฟิงเดินตรงเข้ามากล่าวทักทายชิงสุ่ย หลินเฟ่ยและซีฉีชาก็พุ่งตรงเข้ามากระโดดกอดอย่างรวดเร็ว ส่วนเสวี่ยนั่วและอวี้เหนียงทั้งสองคนแสดงสีหน้าและท่าทางคล้ายกันมากเมื่อเห็นชิงสุ่ย ผู้อาวุโสเทียนยี่เอ็งก็อยู่ที่นี่ด้วยตอนนี้เขาคือหมอที่เก่งที่สุดในหอคอยจักรพรรดิ
หลังจากที่เวลาผ่านไปหลายปีอวี้เหนียงเองก็ตบโตขึ้นมากจากเด็กหญิงตัวน้อยกลายเป็นเด็กหญิงอายุ 10 กว่าขวบย่อมมีความรู้สึกเขินอายเมื่อเห็นชิงสุ่ย
”หนูน้อยยายาเจ้าจำลุงคนนี้ไม่ได้แล้วสินะ”ชิงสุ่ยเดินตรงเข้าไปลูบหัวเด็กสาวตัวน้อยตอนนี้เธอเป็นเด็กอายุ 10 ปีแล้วแต่เธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าบรรดาเด็กที่อายุเท่ากัน
”ท่านลุง!!!”เด็กหญิงตัวเล็กแสดงสีหน้าโล่งใจเมื่อเห็นใบหน้าของชิงสุ่ยจากนั้นเธอก็วิ่งเข้ามาโผกอดเขาด้วยความสุข
ยายายังคงจดจำเขาได้แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสี้ยวความทรงจำที่ภาพมัวของวัยเด็กชิงสุ่ยเองก็ไม่แปลกใจมากนัก ตอนนั้นเธอเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 3 ขวบไม่ว่าจะเป็นโลกใบไหนเด็กส่วนใหญ่ล้วนจะลืมเลือนเรื่องราววัยเด็กด้วยกันเสมอ
ชิงสุ่ยได้พูดคุยกับยายาในหลายๆเรื่องจากนั้นเขาก็มอบของขวัญมากมายให้กับเธอ ยายานั้นเป็นคนขยันหมั่นเพียรรักในการฝึกวรยุทธและรักในการฝึกฝนตำราแพทย์ นอกจากนี้เธอเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความสำคัญอย่างมาก
ท่ามกลางลูกๆอีก3 คนที่เหลือของอวี้เนียง คนที่โตที่สุดตอนนี้ก็ทำหน้าที่เป็นหมอประจำพื้นที่ ส่วนลูกสาวคนโตและลูกชายอีกคนนึงก็เรียนรู้วรยุทธจนก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเซียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในอดีตชิงสุ่ยเคยมอบยาช่วยเหลือต่างๆให้กับบรรดาลูกๆของอวี้เนียงมันจึงเป็นตัวช่วยอย่างดีที่ทำให้ลูกๆของเธอพัฒนาขึ้นมาสู่ระดับเทวะเซียนได้ในเวลาอันสั้น
อวี้เนียงเองก็ยังคงเป็นจอมยุทธระดับเทวะเซียนทุกอย่างเป็นไปได้เพราะการช่วยเหลือของชิงสุ่ย เธอคงมาไม่ถึงระดับนี้ถ้าหากปราศจากซึ่งยาของชิงสุ่ย แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่ชิงสุ่ยคาดการณ์เอาไว้ แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาวรยุทธของเธอจะดูไม่ก้าวหน้าขึ้น แต่อย่างที่เห็นเด่นชัดคือใบหน้าและรูปลักษณ์ของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าตอนที่ทั้งสองเจอกันครั้งล่าสุด
ความสุขจะเติบโตได้เมื่อผู้คนมีจิตใจสูงส่งชิงสุ่ยจะช่วยชีวิตของเธอและส่งผลให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไป ถ้าหากไม่ได้เจอชายผู้นี้เธอคงไม่อาจจินตนาการการใช้ชีวิตปัจจุบันของเธอได้ ”ชิงสุ่ยข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่นานๆ ฝนแม่นางผู้นี้นางคงจะเป็นแม่นางเจี้ยนเก้อใช่หรือไม่”อวี้เนียงกล่าวอย่างมีความสุข
”พี่สาวข้ามีนามว่าเจี้ยนเก้อชิงสุ่ยพูดถึงพวกท่านบ่อยครั้ง”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
”ช่างเป็นชะตาฟ้ากำหนดเจ้าช่างงดงามเหลือเกิน เด็กหนุ่มตัวน้อยคนนี้ต่อไปคงจะมีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการ ข้ามั่นใจเหลือเกินว่าอนาคตของเด็กหนุ่มผู้นี้คงจะต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวมากมายที่คอยแย่งชิงตัวเขาอย่างแน่นอน”
……………………..
……………….
จากการตรวจสอบศักยภาพของทุกคนหลังจากที่เขาทิ้งยาเสริมพลังเอาไว้มากมายและจากไปเป็นเวลากว่า7 ปี ตอนนี้หลินต่งและเหลียนหลิงเฟิงพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาอยู่ในระดับ 10,000 เต๋า เป็นที่เรียบร้อยแล้วแม้ว่าจะยังอ่อนแอกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อก็ตาม แน่นอนว่าทุกคนยังคงห่างไกลความสามารถของชิงสุ่ยแต่การพัฒนาของพวกเขายังคงค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างรวดเร็วถ้าหากชิงสุ่ยปราศจากมรดกศาสตราวุธแห่งเทพสงครามเขาก็คงอยู่ในระดับเดียวกับทุกคน
ความแข็งแกร่งของซีฉีชามีค่าประมาณ10,000 เต๋าเช่นกัน แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นพลังของใครก็สามารถครอบครองเมืองหลินห่ายและเมืองจักรพรรดิได้โดยการพนัน
เพียงแต่คนเหล่านี้กลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระและพวกเขาก็มีความนอบน้อมถ่อมตนแม้จะมีอำนาจมากขึ้นพวกเขาไม่ต้องการรบกวนคนอื่นและไม่ต้องการเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่ไปทะเลาะกับเด็ก แม้ว่าความแข็งแกร่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดเขตแดนของขอบฟ้าก็ตาม
ส่วนคนที่จิตใจคับแคบคอยดูหมิ่นเหยียดหยามคนพวกนี้จะถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ทันทีฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกลุ่มคนจากหอคอยจักรพรรดิและเมื่อไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งรวมถึงผู้ที่ทำตัวหยิ่งยโสถูกกำจัดไปหมด มันจึงกลายเป็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อปัญหาอีก ยิ่งไปกว่านั้นหอจักรพรรดิตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนจน พวกเขาทำทุกอย่างโดยไม่มีความเห็นแก่ตัวมาเกี่ยวข้อง ทุกคนจึงเลื่อมใสและค่อยเชิดชูเปรียบเหมือนพวกเขาเป็นดั่งผู้ปกครองแห่งเมืองหลินห่าย
เรือลำหนึ่งจะเคลื่อนที่ได้ก็ต่อเมื่อมีแรงน้ำหนุนนำตระกูลเหลียนจึงกลายเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากภายในเมืองหลินห่าย เมืองจักรพรรดิจังหวัดกลัวกลุ่มคนตระกูลเหลียนและหอคอยจักรพรรดิ แม้ว่าจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแต่คนเมืองจักรพรรดิก็ยังรู้สึกผ่อนคลายถ้าหากหอคอยจักรพรรดิไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
ชิงสุ่ยพึ่งพอใจในการพัฒนาของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิง ตอนนี้ทั้งสองคนนี่มีความท้าทายมากกว่าเดิม เพราะคนอื่นๆที่อยู่รอบกายชิงสุ่ยต่างก็ได้รับศาสตราวุธแห่งเทพสงครามมาอยู่ในกำมือด้วยกันทั้งสิ้น
………………………..
ภายในช่วงคริสต์ตาโต๊ะอาหารก็ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารจานใหญ่พร้อมสุราเครื่องดื่มมากมายที่ชิงสุ่ยจัดเตรียมเอาไว้ซึ่งอยู่ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ
”มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามอย่างเป็นกันเองขณะร่วมรับประทานอาหาร
”เออคือจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย แล้วก็มันเป็นเรื่องของพวกเราเอง”เหลียนหลิงเฟิงกล่าว
”บอกเล่าเรื่องราวให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่?”ชิงุส่ยกล่าวหลังจากยกสุราในมือขึ้นมาซดจนหมดแก้ว
”ถ้าจะให้พูดเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราในระดับใกล้ชิดมากดูเหมือนจะมีกองกำลังหรือกลุ่มคนทรงอำนาจลึกลับบางส่วนปรากฏตัวถ้ำกลางเขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีปที่อยู่ใกล้กับมหาทวีปอุดรเทวา พวกเขามาพร้อมกับพลังที่ทรงอำนาจ มีข่าวลือกันว่าพวกเขาเกิดจากการผนวกกำลังของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งแห่งแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีป นอกจากนี้พวกเขายังได้ส่งคนไปรวบรวมขุมกำลังทรงอำนาจมากมาย เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือการครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ เพื่อขยายเขตแดนมหาสมุทรของพวกเขา”
ชิงสุ่ยคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้เพราะโลกใบนี้กว้างใหญ่เกินไป กว้างใหญ่เกินกว่าจะรวมกันเป็นปึกแผ่น ถ้าหากเป็นเพียงแค่เขตแดนอาจจะมีความเป็นไปได้ แต่การจะรวมโลกทั้ง 9 ทวีปเข้าด้วยกันมันดูไม่สมจริงเอาซะเลย