Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 921 ผีปรากฏตัว
”ฮ่าฮ่าฮ่าอะไรน่ะ?” หวังเฉินทำท่าราวกับว่าได้ยินเรื่องที่ตลกมาก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนตัวโยน “ชูฮัน? พลเอก? เขาตายมาเป็นเดือนแล้ว แล้วถ้าเมืองอันลูไม่ได้รับการควบคุม มันก็จะเป็นการเสียทรัพยากรมีค่าทิ้งโดยเปล่าประโยชน์!”
”ยศของพลเอกชูฮันมีเอกสิทธิ์พิเศษ”ผู้บัญชาการมู๋พูดขึ้นเสียงจางๆและมองหวังเฉินด้วยแววตาบางอย่าง
”เอกสิทธ์พิเศษ?!”หวังเฉินกระพริบตา ก่อนจะตบมือลงโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์โมโห “พวกคนหัวโบราณตายยาก! มาพูดเรื่องเอกสิทธิ์พิเศษอะไรตอนี้? คิดว่าคนแก่สองคนอย่างพวกท่านสิทธิตัดสินใจอะไรอีกรึไง? ทำไมต้องไปให้อิสระในการปกครอง เรามามองภาพรวมของขุมทรัพย์มหาศาลนี้ให้ดี ทำไมเราต้องยกมันให้ชูฮัน? ผมบอกได้เลยว่าชูฮันไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นเอกสิทธิ์พิเศษหรือไม่ เมืองอันลูในตอนนี้ก็ไม่มีใครคอยดูแลอีกแล้วหลังจากชูฮันตาย!”
”ถึงแม้จะไม่มีชูฮันแต่เมืองอันลูก็ยังมีหลูอี๋อยู่ และถึงแม้จะไม่มีหลูอี๋ มันก็ยังมีค่ายเขี้ยวหมาป่าอยู่” ผู้บัญชาการมู๋ปัดมือหวังเฉินออกจากเอกสาร และปิดแถลงการณ์ตรงหน้าลง จากนั้นก็พูดต่อด้วยเสียงที่ไร้ความกังขา “แน่นอนว่าสถานที่นั้นคือขุมทรัพย์ แต่มันไม่ใช่ของซางจิง? คนเราไม่ควรจะโลภมากอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!ตลกสิ้นดี” หวังเฉินหัวเราะอีกครั้ง ไม่สนใจการปฏิเสธของผู้บัญชาการมู๋ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเกลี้ยกล่อม “เมืองอันลูมีอะไรให้น่าอิจฉานอกจากค่ายเขี้ยวหมาป่า? ยิ่งไปกว่านั้นค่ายเขี้ยวหมาป่าตอนนี้ก็ถูกซอมบี้และลูกผสมล้อมเอาไว้หมดแล้ว ในอีกไม่กี่วัน มันก็จะไม่มีค่ายเขี้ยวหมาป่าในโลกนี้อีกต่อไป! ชูฮันก็ตายแล้ว ค่ายเขี้ยวหมาป่าสาปสูญ หมายความว่ายังไงที่ว่าโลภมาก? ผมบอกได้เลยว่า เมืองอันลูนี้ถ้าไม่ส่งมาให้ผมดีๆยังไงไม่ทางใดทางหนึ่งผมก็ต้องได้มันมา!”
จะฉกมาให้ได้!
ท่าทางของหวังเฉินนั้นมั่นใจเต็มเปี่ยมในขณะเดียวกันในตอนที่หวังเฉินพูดประโยคสุดท้าย ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ด้านนอกห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋ แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจน แต่มันก็ดูเป็นฝีเท้าที่มีระเบียบและมีวินัย ราวกับว่ามีกลุ่มทหารล้อมทั้งห้องนี้เอาไว้แล้ว
สายของหวังเฉินเปลี่ยนเป็นดูหมิ่นทันทีและกางแถลงการณ์ตรงหน้าออกอีกครั้ง วางลงใส่ในมือผู้บัญชาการมู๋และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวผสมการข่มขู่ “ผมไม่อยากจะบังคับท่านหรอกนะ รีบประทับตราลงไปเถอะ”
ความหมายของคำพูดคือการข่มขู่ที่โจ่งแจ้ง!
ผู้บัญชาการมู๋เงียบไปราวสามวินาทีก่อนจะเหลือบมองเลาหมิง แววตาของเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองมีประกายวิบวับ การพัฒนาของเมืองอันลูแน่นอนว่าไม่ใช่แนวหน้าของจีน ทว่ามูลค่าของมันนั้นค่อยๆเผยออกมาให้เห็นเมื่อหลายคนที่จ้องจะฮุบมาเป็นของตัวเอง บางคนถึงกระทั่งทนรอไม่ไหวจนเผยไต๋ออกมา
อย่างเช่นในตอนนี้ในตอนแรกเริ่มของสงครามระหว่างเขี้ยวหมาป่าและลูกผสม มันมีกลุ่มคนในซางจิงที่อยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ในตอนที่มีการติดต่อเพื่อเรียกประชุมฉุกเฉินและผู้บัญชาการมู๋ได้เสนอให้มีการส่งกองกำลังไปสนับสนุนเขี้ยวหมาป่าเพื่อสู้กับลูกผสม กว่า 80% ของเสียงในห้องประชุมคัดค้านการให้ความช่วยเหลือแก่เขี้ยวหมาป่า
มันเห็นได้ชัดเลยว่าจุดประสงค์ของคนพวกนี้คืออะไร!
ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของชูฮันเลยแม้แต่น้อยบางคนต้องการให้ชูฮันถูกฆ่าด้วยซ้ำเพราะตราบใดที่เมืองอันลูไม่มีใครเป็นเจ้าของ เมื่อนั้นเมืองอันลูซึ่งมีเมืองโรแมนติกที่มีเสาหินประเมิณระยะ 2 อยู่ก็จะเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ใครก็อยากได้มาครอง! ชูฮันที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและกองกำลังที่มีพลังมากที่สุดอย่างกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ถูกคลื่นซอมบี้ซัดหายไป มันคือโอกาสในการยึดครองขุมทรัพย์ที่หมายตาไว้!
ในขณะที่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงตกอยู่ในความคิดหวังเฉินก็ยิ้มกว้างออกมา มือข้างหนึ่งจับแถลงการณ์ยื่นเข้าไป ตั้งใจจะบังคับให้ผู้บัญชาการมู๋ลงตราประทับ…
”กรี๊ดดดดดดดด!”ทันใดนั้น เสียงแหกปากร้องก็ดังขึ้นมาขัดการกระทำของทั้งสามคนในห้อง
ผู้บัญชาการมู๋เลาหมิง และหวังเฉิน ทั้งสามคนรีบหันไปตามทิศทางที่มาของเสียงทันที แต่แล้วพวกเขาก็ต้องช็อคเมื่อเห็นว่าเลาเสี่ยวเสียวที่เล่นอยู่ด้านนอกตรงหน้าต่าง พร้อมกับจุนจื่อและจุ้ยชูกระโดดเล่นไปมา จู่ๆจุนจื่อก็หยิบปืนขึ้นมาประกอบร่างอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน จากนั้น——-
”ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
ปืนถูกยิงออกมารัวๆอยู่พักหนึ่งราวกับมีคนมาจุดประทัดเพื่อฉลอง!
”เลาเสี่ยวเสียว!”เลาหมิงเปิดหน้าต่าง ตะโกนลั่น “ทำไมต้องเปลืองกระสุนทิ้งแบบนี้?!”
แม้จะตะคอกหากในใจของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงนั้นตกใจไม่น้อย ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไร แต่ๆจู่เลาเสี่ยวเสียวไม่ควรเข้ามาแทรกการสนทนาของทั้งสามคนแบบนี้
”หลานสาวท่านนี่น่ารำคาญชะมัด!”หวังเฉินตาวาว มองเลาเสี่ยวเสียวที่มองมาจากด้านนอกด้วยสายตาอันตราย จิตสังหารแผ่ออกมาชัดเจน ก่อนจะหันไปมองเลาหมิง “เลาหมิง หลานคนสาวท่านคอยดูพวกเราอยู่ ไม่คิดจะปิดหน่อยเหรอครับ?”
จับเลาเสี่ยวเสียวมาเป็นตัวประกันซะเลยก็สิ้นเรื่อง!
มีกลุ่มคนที่ล้อมห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋เอาไว้ในขณะที่ข้างกายเลาเสี่ยวเสียวมีแค่จุนจื่อและจุ้ยชู ถ้าผู้บัญชาการมู๋ยังยืนยันเจตนาเดิม ถ้างั้นมันก็จะเกิดโศกนาฏกรรมกับเลาเสี่ยวเสียวอย่างแน่นอน
ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงมองหน้ากันไปมาเลาหมิงกระซิบบอกผู้บัญชาการมู๋ “ตอนนี้ฉันอิจฉานายแล้วเพื่อนยาก ดีที่หลานซงเสี่ยวของนายไม่อยู่ที่นี้”
หวังเฉินถนัดใช้เงื่อนไขพวกนี้มาบีบบังคับ?
ถ้าผู้บัญชการมู๋ไม่ประทับตราลงเลาเสี่ยวเสียวจะตกอยู่ในอันตรายทันที!
ในขณะที่สถานการณ์กำลังตกอยู่ในจุดอันตรายทุกคนตึงเครียด และผู้บัญชาการมู๋ก็ถือเอกสารแถลงการณ์อย่างสิ้นหวังอยู่ในมือ หวังเฉินยิ้มออกมาและเขยิบเข้าไปด้านหน้า—–
พ้ะ!
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงตามมาด้วยร่างที่ราวกับสะดุดบางอย่างพุ่งตัวเข้ามา!
พั้วะ! หวังเฉินอารมณ์เดือดทันทีจิตสังหารพวยพุ่งออกมามหาศาล นายหทารที่ตั้งใจจะเข้ามารายงานสถานการณ์ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อรู้ตัวแล้วว่าตัวเองได้เข้ามาขัดจังหวะทั้งสามคนที่กำลังคุยกันอยู่
ในขณะที่หวังเฉินกำลังจะเอ่ยบทลงโทษแก่นายทหารที่พุ่งเข้ามาขัดจังหวะนายทหารที่เหงื่อแตกโชกก็ยืดตัวขึ้น ก้าวเท้าเข้ามา แม้แต่ท่าวัทยาหัตถ์ตามระเบียบวินัยก็ถูกลืม “ชูฮัน! ชูฮัน แฮก! ชื่อปรากฏบนรายชื่อครับ!”
”ไอ้โง่!”หวังเฉินโมโห และใช้ปืนตบใส่หัวนายทหารอย่างแรง “ชื่อมันก็อยู่บนรายชื่อมาตลอด! ไอ้โง่ นี่แกวิ่งเข้ามาเพื่อรายงานเรื่องไร้สาระนี้?”
ไม่เหมือนกับหวังเฉินที่เอาแต่โมโหผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงแววตาเป็นประกายวาวด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบตะโกนถามเสียงดัง “รายชื่อระยะ 5?”
นายทหารกลัวจนไม่กล้าจะเงยหน้าเขายังไม่หาายกลัวจากการถูกหวังเฉินทำร้ายดีและยิ่งตอนนี้ถูกผู้บัญชการมู๋และเลาหมิงตะคอกถามใส่ นายทหารคนนี้จึงเหมือนสติหลุด ได้แต่พนักหน้าตอบรัวๆ “ครับ ระยะ5 ระยะ5 เขายังไม่ตาย”
”หึ!”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงก็หัวเราะในลำคอ ในขณะที่หวังเฉินนิ่งค้างกลางอากาศไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันเลาเสี่ยวเสียวก็หัวเราะเสียงใสอยู่ด้านนอกและพูดเสียงดังอย่างจงใจให้คนอื่นได้ยิน “พี่ชานชูฮันเก่งสุดยอด! ใครเชื่อว่าตายก็ควายชัดๆ!”
เลาเสี่ยวเสียวพูดอย่างมั่นใจเพราะเธอนั้นสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อบนเสาหินได้อย่างชัดเจนจากจุดที่อยู่
นอกจากนั้นทั่วทั้งซางจิงก็มีเสียงกรีดร้องโวยวายดังระงมไปทั่ว ทุกบริเวณเกิดความวุ่นวาย ราวกับว่าน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ!
”ยศของพลเอกชูฮันมีเอกสิทธิ์พิเศษ”ผู้บัญชาการมู๋พูดขึ้นเสียงจางๆและมองหวังเฉินด้วยแววตาบางอย่าง
”เอกสิทธ์พิเศษ?!”หวังเฉินกระพริบตา ก่อนจะตบมือลงโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์โมโห “พวกคนหัวโบราณตายยาก! มาพูดเรื่องเอกสิทธิ์พิเศษอะไรตอนี้? คิดว่าคนแก่สองคนอย่างพวกท่านสิทธิตัดสินใจอะไรอีกรึไง? ทำไมต้องไปให้อิสระในการปกครอง เรามามองภาพรวมของขุมทรัพย์มหาศาลนี้ให้ดี ทำไมเราต้องยกมันให้ชูฮัน? ผมบอกได้เลยว่าชูฮันไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นเอกสิทธิ์พิเศษหรือไม่ เมืองอันลูในตอนนี้ก็ไม่มีใครคอยดูแลอีกแล้วหลังจากชูฮันตาย!”
”ถึงแม้จะไม่มีชูฮันแต่เมืองอันลูก็ยังมีหลูอี๋อยู่ และถึงแม้จะไม่มีหลูอี๋ มันก็ยังมีค่ายเขี้ยวหมาป่าอยู่” ผู้บัญชาการมู๋ปัดมือหวังเฉินออกจากเอกสาร และปิดแถลงการณ์ตรงหน้าลง จากนั้นก็พูดต่อด้วยเสียงที่ไร้ความกังขา “แน่นอนว่าสถานที่นั้นคือขุมทรัพย์ แต่มันไม่ใช่ของซางจิง? คนเราไม่ควรจะโลภมากอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!ตลกสิ้นดี” หวังเฉินหัวเราะอีกครั้ง ไม่สนใจการปฏิเสธของผู้บัญชาการมู๋ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเกลี้ยกล่อม “เมืองอันลูมีอะไรให้น่าอิจฉานอกจากค่ายเขี้ยวหมาป่า? ยิ่งไปกว่านั้นค่ายเขี้ยวหมาป่าตอนนี้ก็ถูกซอมบี้และลูกผสมล้อมเอาไว้หมดแล้ว ในอีกไม่กี่วัน มันก็จะไม่มีค่ายเขี้ยวหมาป่าในโลกนี้อีกต่อไป! ชูฮันก็ตายแล้ว ค่ายเขี้ยวหมาป่าสาปสูญ หมายความว่ายังไงที่ว่าโลภมาก? ผมบอกได้เลยว่า เมืองอันลูนี้ถ้าไม่ส่งมาให้ผมดีๆยังไงไม่ทางใดทางหนึ่งผมก็ต้องได้มันมา!”
จะฉกมาให้ได้!
ท่าทางของหวังเฉินนั้นมั่นใจเต็มเปี่ยมในขณะเดียวกันในตอนที่หวังเฉินพูดประโยคสุดท้าย ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ด้านนอกห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋ แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจน แต่มันก็ดูเป็นฝีเท้าที่มีระเบียบและมีวินัย ราวกับว่ามีกลุ่มทหารล้อมทั้งห้องนี้เอาไว้แล้ว
สายของหวังเฉินเปลี่ยนเป็นดูหมิ่นทันทีและกางแถลงการณ์ตรงหน้าออกอีกครั้ง วางลงใส่ในมือผู้บัญชาการมู๋และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวผสมการข่มขู่ “ผมไม่อยากจะบังคับท่านหรอกนะ รีบประทับตราลงไปเถอะ”
ความหมายของคำพูดคือการข่มขู่ที่โจ่งแจ้ง!
ผู้บัญชาการมู๋เงียบไปราวสามวินาทีก่อนจะเหลือบมองเลาหมิง แววตาของเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองมีประกายวิบวับ การพัฒนาของเมืองอันลูแน่นอนว่าไม่ใช่แนวหน้าของจีน ทว่ามูลค่าของมันนั้นค่อยๆเผยออกมาให้เห็นเมื่อหลายคนที่จ้องจะฮุบมาเป็นของตัวเอง บางคนถึงกระทั่งทนรอไม่ไหวจนเผยไต๋ออกมา
อย่างเช่นในตอนนี้ในตอนแรกเริ่มของสงครามระหว่างเขี้ยวหมาป่าและลูกผสม มันมีกลุ่มคนในซางจิงที่อยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ในตอนที่มีการติดต่อเพื่อเรียกประชุมฉุกเฉินและผู้บัญชาการมู๋ได้เสนอให้มีการส่งกองกำลังไปสนับสนุนเขี้ยวหมาป่าเพื่อสู้กับลูกผสม กว่า 80% ของเสียงในห้องประชุมคัดค้านการให้ความช่วยเหลือแก่เขี้ยวหมาป่า
มันเห็นได้ชัดเลยว่าจุดประสงค์ของคนพวกนี้คืออะไร!
ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของชูฮันเลยแม้แต่น้อยบางคนต้องการให้ชูฮันถูกฆ่าด้วยซ้ำเพราะตราบใดที่เมืองอันลูไม่มีใครเป็นเจ้าของ เมื่อนั้นเมืองอันลูซึ่งมีเมืองโรแมนติกที่มีเสาหินประเมิณระยะ 2 อยู่ก็จะเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ใครก็อยากได้มาครอง! ชูฮันที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและกองกำลังที่มีพลังมากที่สุดอย่างกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ถูกคลื่นซอมบี้ซัดหายไป มันคือโอกาสในการยึดครองขุมทรัพย์ที่หมายตาไว้!
ในขณะที่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงตกอยู่ในความคิดหวังเฉินก็ยิ้มกว้างออกมา มือข้างหนึ่งจับแถลงการณ์ยื่นเข้าไป ตั้งใจจะบังคับให้ผู้บัญชาการมู๋ลงตราประทับ…
”กรี๊ดดดดดดดด!”ทันใดนั้น เสียงแหกปากร้องก็ดังขึ้นมาขัดการกระทำของทั้งสามคนในห้อง
ผู้บัญชาการมู๋เลาหมิง และหวังเฉิน ทั้งสามคนรีบหันไปตามทิศทางที่มาของเสียงทันที แต่แล้วพวกเขาก็ต้องช็อคเมื่อเห็นว่าเลาเสี่ยวเสียวที่เล่นอยู่ด้านนอกตรงหน้าต่าง พร้อมกับจุนจื่อและจุ้ยชูกระโดดเล่นไปมา จู่ๆจุนจื่อก็หยิบปืนขึ้นมาประกอบร่างอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน จากนั้น——-
”ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
ปืนถูกยิงออกมารัวๆอยู่พักหนึ่งราวกับมีคนมาจุดประทัดเพื่อฉลอง!
”เลาเสี่ยวเสียว!”เลาหมิงเปิดหน้าต่าง ตะโกนลั่น “ทำไมต้องเปลืองกระสุนทิ้งแบบนี้?!”
แม้จะตะคอกหากในใจของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงนั้นตกใจไม่น้อย ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไร แต่ๆจู่เลาเสี่ยวเสียวไม่ควรเข้ามาแทรกการสนทนาของทั้งสามคนแบบนี้
”หลานสาวท่านนี่น่ารำคาญชะมัด!”หวังเฉินตาวาว มองเลาเสี่ยวเสียวที่มองมาจากด้านนอกด้วยสายตาอันตราย จิตสังหารแผ่ออกมาชัดเจน ก่อนจะหันไปมองเลาหมิง “เลาหมิง หลานคนสาวท่านคอยดูพวกเราอยู่ ไม่คิดจะปิดหน่อยเหรอครับ?”
จับเลาเสี่ยวเสียวมาเป็นตัวประกันซะเลยก็สิ้นเรื่อง!
มีกลุ่มคนที่ล้อมห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋เอาไว้ในขณะที่ข้างกายเลาเสี่ยวเสียวมีแค่จุนจื่อและจุ้ยชู ถ้าผู้บัญชาการมู๋ยังยืนยันเจตนาเดิม ถ้างั้นมันก็จะเกิดโศกนาฏกรรมกับเลาเสี่ยวเสียวอย่างแน่นอน
ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงมองหน้ากันไปมาเลาหมิงกระซิบบอกผู้บัญชาการมู๋ “ตอนนี้ฉันอิจฉานายแล้วเพื่อนยาก ดีที่หลานซงเสี่ยวของนายไม่อยู่ที่นี้”
หวังเฉินถนัดใช้เงื่อนไขพวกนี้มาบีบบังคับ?
ถ้าผู้บัญชการมู๋ไม่ประทับตราลงเลาเสี่ยวเสียวจะตกอยู่ในอันตรายทันที!
ในขณะที่สถานการณ์กำลังตกอยู่ในจุดอันตรายทุกคนตึงเครียด และผู้บัญชาการมู๋ก็ถือเอกสารแถลงการณ์อย่างสิ้นหวังอยู่ในมือ หวังเฉินยิ้มออกมาและเขยิบเข้าไปด้านหน้า—–
พ้ะ!
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงตามมาด้วยร่างที่ราวกับสะดุดบางอย่างพุ่งตัวเข้ามา!
พั้วะ! หวังเฉินอารมณ์เดือดทันทีจิตสังหารพวยพุ่งออกมามหาศาล นายหทารที่ตั้งใจจะเข้ามารายงานสถานการณ์ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อรู้ตัวแล้วว่าตัวเองได้เข้ามาขัดจังหวะทั้งสามคนที่กำลังคุยกันอยู่
ในขณะที่หวังเฉินกำลังจะเอ่ยบทลงโทษแก่นายทหารที่พุ่งเข้ามาขัดจังหวะนายทหารที่เหงื่อแตกโชกก็ยืดตัวขึ้น ก้าวเท้าเข้ามา แม้แต่ท่าวัทยาหัตถ์ตามระเบียบวินัยก็ถูกลืม “ชูฮัน! ชูฮัน แฮก! ชื่อปรากฏบนรายชื่อครับ!”
”ไอ้โง่!”หวังเฉินโมโห และใช้ปืนตบใส่หัวนายทหารอย่างแรง “ชื่อมันก็อยู่บนรายชื่อมาตลอด! ไอ้โง่ นี่แกวิ่งเข้ามาเพื่อรายงานเรื่องไร้สาระนี้?”
ไม่เหมือนกับหวังเฉินที่เอาแต่โมโหผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงแววตาเป็นประกายวาวด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบตะโกนถามเสียงดัง “รายชื่อระยะ 5?”
นายทหารกลัวจนไม่กล้าจะเงยหน้าเขายังไม่หาายกลัวจากการถูกหวังเฉินทำร้ายดีและยิ่งตอนนี้ถูกผู้บัญชการมู๋และเลาหมิงตะคอกถามใส่ นายทหารคนนี้จึงเหมือนสติหลุด ได้แต่พนักหน้าตอบรัวๆ “ครับ ระยะ5 ระยะ5 เขายังไม่ตาย”
”หึ!”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงก็หัวเราะในลำคอ ในขณะที่หวังเฉินนิ่งค้างกลางอากาศไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันเลาเสี่ยวเสียวก็หัวเราะเสียงใสอยู่ด้านนอกและพูดเสียงดังอย่างจงใจให้คนอื่นได้ยิน “พี่ชานชูฮันเก่งสุดยอด! ใครเชื่อว่าตายก็ควายชัดๆ!”
เลาเสี่ยวเสียวพูดอย่างมั่นใจเพราะเธอนั้นสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อบนเสาหินได้อย่างชัดเจนจากจุดที่อยู่
นอกจากนั้นทั่วทั้งซางจิงก็มีเสียงกรีดร้องโวยวายดังระงมไปทั่ว ทุกบริเวณเกิดความวุ่นวาย ราวกับว่าน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ!