Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 968 หัวหน้าจะให้รางวัลผมใช่มั้ย?
คำพูดของเหอเฟิงทำให้ทั้งเต้นท์ตกอยู่บรรยากาศอึดอัด
”และสมาชิกของทีมหลงยาและฮูหยาตอนนี้ก็เป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า?”หลิวยู่ติงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบตึง ถ้าเหล่านักรบแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าทั้งหลายได้มาเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ คงจะรีบวิ่งหนีไปซ่อนกันทันทีแน่นอน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่หลิวยู่ติงทำสีหน้าแบบนี้แสดงว่ามีคนทำผิดกฏระเบียบทหารและจะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงพอสมควร
เหอเฟิงเหลือบมองหน้าหลิวยู่ติง”ใช่”
”ดี”หลิวยู่ติงยิ้มเย็นๆ สีหน้าราวกับยมทูต “เชิญพูดต่อเลย ฉันจะคำนวณว่าฟานได้ทำผิดกฏระเบียบทหารไปทั้งหมดกี่ข้อ”
ทันใดนั้นเหอเฟิงก็ยกยิ้มมุมปากแม้จะตกใจเบาๆที่ได้เห็นหลิวยู่ติงเข้าสู่สภาวะน่ากลัวราวกับยมทูตแบบนี้ แต่แล้วเมื่อนึกถึงสถานะตำแหน่งที่เป็นผู้รักษากฏระเบียบทหารของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดของหลิวยู่ติง เหอเฟิงก็หมดความสงสัยอีกต่อไป
เหอเฟิงหันหน้าไปทางเกาช้าวฮุ่ยและพูดสิ่งที่คิดออกมา”เห็นได้ชัดว่าฟานรู้เรื่องความไม่พอใจของชูฮันที่มีต่อค่ายจินหยางอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเพิ่มแรงกระตุ้นเข้าไปอีก โดยการทำให้ค่ายจินหยางมีพลเอกสองคน เพื่อต้องการให้ชูฮันไปจัดการจงไคผู้น่าเวทนาที่จู่ๆไม่รู้เป็นไงมาไงได้กลายมาเป็นพลเอก ชูฮันน่าจะรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมดของฟานอยู่แล้ว เขาถึงได้รีบตัดสินใจชิงลงมือจัดการค่ายจินหยางก่อน ฟานรู้ว่ายังไงชูฮันก็จะต้องลงมือเพราะว่าค่ายจินหยางเป็นค่ายเดียวที่มีสองพลเอก”
เหอเฟิงมองเกาช้าวฮุ่ยไม่เลิกและพูดต่อ”คำถามเดียวก็คือ…อำนาจเบื้องหลังของฟานนั้นแข็งแกร่งขนาดจะสนับสนุนให้เธอขึ้นเป็นพลเอกได้เลยเหรอ?”
เหอเฟิงวิเคราะห์อย่างมุทะลุ”แต่ระดับพลังความสามารถของฟานน่าจะสอดคล้องกับท่านเกาช้าวฮุ่ยอยู่นะ ความเก่งกาจที่ฟานมีก็สามารถได้รับการสนับสนุนขึ้นเป็นพลเอกได้? แต่ก็นั่นแหละ เราต้องเจอชูฮันเพื่อยืนยันเรื่องนี้กันต่ออีกที”
เหอเฟิงที่พูดเสร็จก็สูดหายใจยาว แต่หลิวยู่ติงกลับแย้งขึ้นมาอีกรอบ “เฮ้ย? ฉันไม่เข้าใจ”
”นายไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”เหอเฟิงเริ่มหน้าดำคล้ำ เหวี่ยงตาใส่หลิวยู่ติงก่อนจะหันไปหาเกาช้าวฮุ่ย “ผมวิเคราะห์ถูกมั้ย?”
เกาช้าวฮุ่ยแตะปลายจมูกสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ “ถูกต้องแล้ว”
เหอเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกขณะเดียวกันแววตาก็มีรอยความดีใจและดื้อรั้น ก่อนจะยิ้มเยาะกับตัวเอง ปริศนาบ้าบอ…แต่แน่นอนหลิวยู่ติงไม่มีทางเข้าใจ เพราะอีกฝ่ายไม่รู้จักตระกูลรอธไชลด์ หนึ่งในตระกูลลึกลับที่หนุนหลังฟานอยู่
ตระกูลรอธไชลด์นั้นย้ายถิ่นมายังจีนเมื่อปีที่แล้วในตอนนั้นเขารู้ว่ามีคนพยายามปิดข่าว ซึ่งเหอเฟิงและซางจิ่วตี้ในเวลานั้นก็รู้ดีว่ามีคนที่มีอำนาจ ได้ซื้อตัวคนภายในซางจิงไป และหนอนบ่อนไส้คนนั้นก็ช่วยปกปิดข้อมูล ทำให้ตระกูลรอธไชลด์สามารถผ่านการตรวจสอบของซางจิงไปได้
แต่ตอนนี้ในเมื่อเรื่องของฟานได้เปิดเผยออกมาแล้วประกอบกับคำบอกจากเกาช้าวฮุ่ย สถานการณ์ที่แท้จริงของภาพโดยรวมทั้งหมดจึงเปรียบเสมือนพระจันทร์ที่ถูกเมฆหนาทึบบดบัง ซึ่งมันไปไกลคนละโยชน์กับสิ่งที่เหอเฟิงคาดไว้
ผู้มีอำนาจที่หลบอยู่ในที่มืดนั้นยากที่จะเข้าถึงได้และแน่นอนว่าคนที่จงใจปิดบังข้อมูลในเวลานั้นคือฟาน ส่วนจุดประสงค์ที่เธอตัดสินใจทำแบบนั้นก็คงมาจากความทะเยอทะยานเกินตัวของเธอล้วนๆ
การได้เป็นทหารของหน่วยรบพิเศษที่ไร้ตัวตนปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา กับเป็นคนที่ตระกูลลึกลับรอธไชลธ์ทซึ่งมีอำนาจแผ่ไปทั่วทั้งจีน…สถานะแสนจะแตกต่างที่สองฝ่ายมอบให้ฟานได้ทำให้เหอเฟิงคาดเดาจุดประสงค์ของฟานออก
ซางจิง?หรือเขี้ยวหมาป่า? หรือทั้งจีน?
เหอเฟิงไม่รู้ลักษณะเฉพาะของตระกูลรอธไชลด์เขาไม่เคยรับมือกับคนตระกูลนี้ ไม่เคยเจอหน้าค่าตา แต่ก็พอจะเดาเจตนาของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก…เพราะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลกาวินาศมันก็มีเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น
เพียงแต่ว่าฝ่ายอื่นๆใjาจะยินยอมกันง่ายๆตระกูลลึกลับทั้งหมดในจีนจะยินยอมให้ตระกูลรอธไชลด์เข้ามาร่วมสนามแข่งขันด้วยมั้ย หรือว่าตระกูลรอธไชลด์เพียงแค่ต้องการเข้ามามีส่วนแบ่งบางส่วนเฉยๆ?
สถานการณ์มันยิ่งรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ!
เหอเฟิงขบคิดอย่างหนักอยู่ในหัวในเมื่อตอนนี้เขารู้สถานการณ์ที่แท้จริงแล้ว ไม่ว่ามันจะยากขนาดไหน เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะเขามีกุญแจสำคัญในมือ…เกาช้าวฮุ่ยหนึ่งในสมาชิกของตระกูลลึกลับอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!
เหอเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก”อย่างไรก็ตาม ฟานพยายามจะเล่นเกมกับชูฮัน แต่มันจะนำไปสู่การพัฒนาสิ่งต่างๆที่เธอจะไม่เคยคาดคิดเลยแหละ เรื่องของสองพลเอกในค่ายจินหยางนั้นคือการเปิดโอกาสให้ชูฮันส่งหน่วยข่าวกรองลับไปปั่นหัวภายในค่ายจินหยางให้แตก”
เกาช้าวฮุ่ยยักไหล่อย่างไม่เห็นด้วย”นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกว่ามันน่าทึ่งมาก”
”อย่างที่ว่าอีกฝ่ายต้องการเล่นเกม แต่ถูกชูฮันอ่านออกตั้งแต่แรกและโดนชูฮันตลบหลังกลับสินะ?” หลิวยู่ติงเงยหน้าขึ้นมาพูดทันทีหลังจากประมวลผลทุกอย่างเสร็จ
เหอเฟิงและเกาช้าวฮุ่ยเหลือบมองมาที่หลิวยู่ติงทันทีที่ได้ยินทั้งสามคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง มันเกิดความเงียบขึ้นในเต้นท์ แม้ว่าหลิวยู่ติงจะไม่เข้าใจว่าทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่แต่ที่เขารู้คือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดนั้นมันแปลได้ว่า…
ชูฮันไม่ได้อ่านเกมออกก!
ครั้งนี้…ชูฮันไม่ได้โชคดี!
————————–
ในเวลาเดียวกันคืนที่ห้าหลังจากชูฮันมาถึงค่ายจินหยาง ตอนนี้ชูฮันกับเหล่าทีมความลับของพระเจ้าอยู่ในห้องเล็กๆภายในฐานลับของหน่วยข่าวกรองลับ พิกัดตำแหน่งนั้นแข็งแกร่งมาก ตั้งอยู่ในใจกลางค่ายจินหยาง และอยู่ห่างจากห้องประชุมในศูนย์ควบคุมเพียงแค่ 100 เมตร
ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถมองเห็นทุกคนและทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในค่ายจินหยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
”หัวหน้าครับนี่คือเจียงเหว่ย” เหมิงชีเหว่ยยืนอยู่หน้าชูฮันและดันตัวเจียงเหว่ยให้ทำความเคารพต่อชูฮัน จากนั้นก็รายงานข้อมูล “เขาคือที่คือมีส่วนสำคัญที่สุดในปฏิบัติการครั้งนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยุยงให้เกิดสองพลเอกในค่ายจินหยาง หรือทำให้สองพ่อลูกจงคุยและจงไคหันมาโจมตีใส่กันเอง รวมถึงเรื่องการเคลื่อนไหวภายในทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้เขาครับ”
”หัว–หัวหน้าเอ่อ สบายดีมั้ยครับ?” เจียงเหว่ยที่มีความสามารถมากมายหลายด้านในการปลอมตัวและสวมบทบาทมาตลอด แต่ตอนนี้เมื่อได้มายืนต่อหน้าชูฮัน เขากลับเสียสูญความเป็นตัวเอง กลายเป็นตื่นตระหนกจนพูดติดอ่างไปหมด “ผ–ผม ผม ผมชื่นชมหัวหน้ามากครับ! หะ–หัว หัวหน้า คือ คือไอดอล ผม ผม—–”
”คิกกกกก~”สมาชิกทีมความลับของพระเจ้าบางคนที่กลั้นไม่ไหวหลุดเสียงหัวเราะเบาๆออกมา
”เจียงเหว่ยสงบสติ! หัวหน้าชูฮันไม่ใช่ปีศาจ กลัวอะไรนักหนา”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!ประหม่าขนาดนั้นเลย?” ชูฮันเองก็หัวเราะออกมา ก่อนจะตบไหล่เจียงเหว่ยเบาๆเพื่อเรียกสติ “เหมิงชีเหว่ยบอกฉันเรื่องที่นายทำหมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่ฟานทรยศทีมหลงยา นายทำดีมากที่สังเกตถึงความปกติ มีไหวพริบในการแก้สถานการณ์และรีบมารายงานเหมิงชีเหว่ย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่รู้ และป่านนี้…”
เจียงเหว่ยแทบจะตัวลอยกับคำชมจากชูฮันหน้ายิ่งขึ้นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี “ผม ผม คะคือ ผมรู้สึกแปลก ก็เลย…”
เจียงเหว่ยไม่สามารถต้านทานอารมณ์ปั่นป่วนที่กำลังเกิดขี้นกับตัวเองได้เขาได้แต่ยืนกัดฟันอย่างไม่รู้ต้องทำตัวยังไงต่อที่ชูฮันเอ่ยปากชมเขามากขนาดนี้ “เอ่อ ผะ—ผม หัวหน้าจะให้รางวัลผมใช่มั้ยครับ?”
”และสมาชิกของทีมหลงยาและฮูหยาตอนนี้ก็เป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า?”หลิวยู่ติงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบตึง ถ้าเหล่านักรบแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าทั้งหลายได้มาเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ คงจะรีบวิ่งหนีไปซ่อนกันทันทีแน่นอน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่หลิวยู่ติงทำสีหน้าแบบนี้แสดงว่ามีคนทำผิดกฏระเบียบทหารและจะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงพอสมควร
เหอเฟิงเหลือบมองหน้าหลิวยู่ติง”ใช่”
”ดี”หลิวยู่ติงยิ้มเย็นๆ สีหน้าราวกับยมทูต “เชิญพูดต่อเลย ฉันจะคำนวณว่าฟานได้ทำผิดกฏระเบียบทหารไปทั้งหมดกี่ข้อ”
ทันใดนั้นเหอเฟิงก็ยกยิ้มมุมปากแม้จะตกใจเบาๆที่ได้เห็นหลิวยู่ติงเข้าสู่สภาวะน่ากลัวราวกับยมทูตแบบนี้ แต่แล้วเมื่อนึกถึงสถานะตำแหน่งที่เป็นผู้รักษากฏระเบียบทหารของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดของหลิวยู่ติง เหอเฟิงก็หมดความสงสัยอีกต่อไป
เหอเฟิงหันหน้าไปทางเกาช้าวฮุ่ยและพูดสิ่งที่คิดออกมา”เห็นได้ชัดว่าฟานรู้เรื่องความไม่พอใจของชูฮันที่มีต่อค่ายจินหยางอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเพิ่มแรงกระตุ้นเข้าไปอีก โดยการทำให้ค่ายจินหยางมีพลเอกสองคน เพื่อต้องการให้ชูฮันไปจัดการจงไคผู้น่าเวทนาที่จู่ๆไม่รู้เป็นไงมาไงได้กลายมาเป็นพลเอก ชูฮันน่าจะรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมดของฟานอยู่แล้ว เขาถึงได้รีบตัดสินใจชิงลงมือจัดการค่ายจินหยางก่อน ฟานรู้ว่ายังไงชูฮันก็จะต้องลงมือเพราะว่าค่ายจินหยางเป็นค่ายเดียวที่มีสองพลเอก”
เหอเฟิงมองเกาช้าวฮุ่ยไม่เลิกและพูดต่อ”คำถามเดียวก็คือ…อำนาจเบื้องหลังของฟานนั้นแข็งแกร่งขนาดจะสนับสนุนให้เธอขึ้นเป็นพลเอกได้เลยเหรอ?”
เหอเฟิงวิเคราะห์อย่างมุทะลุ”แต่ระดับพลังความสามารถของฟานน่าจะสอดคล้องกับท่านเกาช้าวฮุ่ยอยู่นะ ความเก่งกาจที่ฟานมีก็สามารถได้รับการสนับสนุนขึ้นเป็นพลเอกได้? แต่ก็นั่นแหละ เราต้องเจอชูฮันเพื่อยืนยันเรื่องนี้กันต่ออีกที”
เหอเฟิงที่พูดเสร็จก็สูดหายใจยาว แต่หลิวยู่ติงกลับแย้งขึ้นมาอีกรอบ “เฮ้ย? ฉันไม่เข้าใจ”
”นายไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”เหอเฟิงเริ่มหน้าดำคล้ำ เหวี่ยงตาใส่หลิวยู่ติงก่อนจะหันไปหาเกาช้าวฮุ่ย “ผมวิเคราะห์ถูกมั้ย?”
เกาช้าวฮุ่ยแตะปลายจมูกสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ “ถูกต้องแล้ว”
เหอเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกขณะเดียวกันแววตาก็มีรอยความดีใจและดื้อรั้น ก่อนจะยิ้มเยาะกับตัวเอง ปริศนาบ้าบอ…แต่แน่นอนหลิวยู่ติงไม่มีทางเข้าใจ เพราะอีกฝ่ายไม่รู้จักตระกูลรอธไชลด์ หนึ่งในตระกูลลึกลับที่หนุนหลังฟานอยู่
ตระกูลรอธไชลด์นั้นย้ายถิ่นมายังจีนเมื่อปีที่แล้วในตอนนั้นเขารู้ว่ามีคนพยายามปิดข่าว ซึ่งเหอเฟิงและซางจิ่วตี้ในเวลานั้นก็รู้ดีว่ามีคนที่มีอำนาจ ได้ซื้อตัวคนภายในซางจิงไป และหนอนบ่อนไส้คนนั้นก็ช่วยปกปิดข้อมูล ทำให้ตระกูลรอธไชลด์สามารถผ่านการตรวจสอบของซางจิงไปได้
แต่ตอนนี้ในเมื่อเรื่องของฟานได้เปิดเผยออกมาแล้วประกอบกับคำบอกจากเกาช้าวฮุ่ย สถานการณ์ที่แท้จริงของภาพโดยรวมทั้งหมดจึงเปรียบเสมือนพระจันทร์ที่ถูกเมฆหนาทึบบดบัง ซึ่งมันไปไกลคนละโยชน์กับสิ่งที่เหอเฟิงคาดไว้
ผู้มีอำนาจที่หลบอยู่ในที่มืดนั้นยากที่จะเข้าถึงได้และแน่นอนว่าคนที่จงใจปิดบังข้อมูลในเวลานั้นคือฟาน ส่วนจุดประสงค์ที่เธอตัดสินใจทำแบบนั้นก็คงมาจากความทะเยอทะยานเกินตัวของเธอล้วนๆ
การได้เป็นทหารของหน่วยรบพิเศษที่ไร้ตัวตนปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา กับเป็นคนที่ตระกูลลึกลับรอธไชลธ์ทซึ่งมีอำนาจแผ่ไปทั่วทั้งจีน…สถานะแสนจะแตกต่างที่สองฝ่ายมอบให้ฟานได้ทำให้เหอเฟิงคาดเดาจุดประสงค์ของฟานออก
ซางจิง?หรือเขี้ยวหมาป่า? หรือทั้งจีน?
เหอเฟิงไม่รู้ลักษณะเฉพาะของตระกูลรอธไชลด์เขาไม่เคยรับมือกับคนตระกูลนี้ ไม่เคยเจอหน้าค่าตา แต่ก็พอจะเดาเจตนาของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก…เพราะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลกาวินาศมันก็มีเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น
เพียงแต่ว่าฝ่ายอื่นๆใjาจะยินยอมกันง่ายๆตระกูลลึกลับทั้งหมดในจีนจะยินยอมให้ตระกูลรอธไชลด์เข้ามาร่วมสนามแข่งขันด้วยมั้ย หรือว่าตระกูลรอธไชลด์เพียงแค่ต้องการเข้ามามีส่วนแบ่งบางส่วนเฉยๆ?
สถานการณ์มันยิ่งรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ!
เหอเฟิงขบคิดอย่างหนักอยู่ในหัวในเมื่อตอนนี้เขารู้สถานการณ์ที่แท้จริงแล้ว ไม่ว่ามันจะยากขนาดไหน เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะเขามีกุญแจสำคัญในมือ…เกาช้าวฮุ่ยหนึ่งในสมาชิกของตระกูลลึกลับอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!
เหอเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก”อย่างไรก็ตาม ฟานพยายามจะเล่นเกมกับชูฮัน แต่มันจะนำไปสู่การพัฒนาสิ่งต่างๆที่เธอจะไม่เคยคาดคิดเลยแหละ เรื่องของสองพลเอกในค่ายจินหยางนั้นคือการเปิดโอกาสให้ชูฮันส่งหน่วยข่าวกรองลับไปปั่นหัวภายในค่ายจินหยางให้แตก”
เกาช้าวฮุ่ยยักไหล่อย่างไม่เห็นด้วย”นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกว่ามันน่าทึ่งมาก”
”อย่างที่ว่าอีกฝ่ายต้องการเล่นเกม แต่ถูกชูฮันอ่านออกตั้งแต่แรกและโดนชูฮันตลบหลังกลับสินะ?” หลิวยู่ติงเงยหน้าขึ้นมาพูดทันทีหลังจากประมวลผลทุกอย่างเสร็จ
เหอเฟิงและเกาช้าวฮุ่ยเหลือบมองมาที่หลิวยู่ติงทันทีที่ได้ยินทั้งสามคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง มันเกิดความเงียบขึ้นในเต้นท์ แม้ว่าหลิวยู่ติงจะไม่เข้าใจว่าทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่แต่ที่เขารู้คือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดนั้นมันแปลได้ว่า…
ชูฮันไม่ได้อ่านเกมออกก!
ครั้งนี้…ชูฮันไม่ได้โชคดี!
————————–
ในเวลาเดียวกันคืนที่ห้าหลังจากชูฮันมาถึงค่ายจินหยาง ตอนนี้ชูฮันกับเหล่าทีมความลับของพระเจ้าอยู่ในห้องเล็กๆภายในฐานลับของหน่วยข่าวกรองลับ พิกัดตำแหน่งนั้นแข็งแกร่งมาก ตั้งอยู่ในใจกลางค่ายจินหยาง และอยู่ห่างจากห้องประชุมในศูนย์ควบคุมเพียงแค่ 100 เมตร
ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถมองเห็นทุกคนและทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในค่ายจินหยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
”หัวหน้าครับนี่คือเจียงเหว่ย” เหมิงชีเหว่ยยืนอยู่หน้าชูฮันและดันตัวเจียงเหว่ยให้ทำความเคารพต่อชูฮัน จากนั้นก็รายงานข้อมูล “เขาคือที่คือมีส่วนสำคัญที่สุดในปฏิบัติการครั้งนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยุยงให้เกิดสองพลเอกในค่ายจินหยาง หรือทำให้สองพ่อลูกจงคุยและจงไคหันมาโจมตีใส่กันเอง รวมถึงเรื่องการเคลื่อนไหวภายในทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้เขาครับ”
”หัว–หัวหน้าเอ่อ สบายดีมั้ยครับ?” เจียงเหว่ยที่มีความสามารถมากมายหลายด้านในการปลอมตัวและสวมบทบาทมาตลอด แต่ตอนนี้เมื่อได้มายืนต่อหน้าชูฮัน เขากลับเสียสูญความเป็นตัวเอง กลายเป็นตื่นตระหนกจนพูดติดอ่างไปหมด “ผ–ผม ผม ผมชื่นชมหัวหน้ามากครับ! หะ–หัว หัวหน้า คือ คือไอดอล ผม ผม—–”
”คิกกกกก~”สมาชิกทีมความลับของพระเจ้าบางคนที่กลั้นไม่ไหวหลุดเสียงหัวเราะเบาๆออกมา
”เจียงเหว่ยสงบสติ! หัวหน้าชูฮันไม่ใช่ปีศาจ กลัวอะไรนักหนา”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!ประหม่าขนาดนั้นเลย?” ชูฮันเองก็หัวเราะออกมา ก่อนจะตบไหล่เจียงเหว่ยเบาๆเพื่อเรียกสติ “เหมิงชีเหว่ยบอกฉันเรื่องที่นายทำหมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่ฟานทรยศทีมหลงยา นายทำดีมากที่สังเกตถึงความปกติ มีไหวพริบในการแก้สถานการณ์และรีบมารายงานเหมิงชีเหว่ย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่รู้ และป่านนี้…”
เจียงเหว่ยแทบจะตัวลอยกับคำชมจากชูฮันหน้ายิ่งขึ้นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดี “ผม ผม คะคือ ผมรู้สึกแปลก ก็เลย…”
เจียงเหว่ยไม่สามารถต้านทานอารมณ์ปั่นป่วนที่กำลังเกิดขี้นกับตัวเองได้เขาได้แต่ยืนกัดฟันอย่างไม่รู้ต้องทำตัวยังไงต่อที่ชูฮันเอ่ยปากชมเขามากขนาดนี้ “เอ่อ ผะ—ผม หัวหน้าจะให้รางวัลผมใช่มั้ยครับ?”