Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1051 จะจบอย่างไรดี
หลังจากผ่านเรื่องราววุ่นวายเกี่ยวกับชูฮันไปในช่วงบ่ายที่ผู้บัญชาการมู๋ปล่อยแผนการกระทันหันจนสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนกันถ้วนหน้าไปแล้วค่ายหลักทั้งหลายก็เริ่มทยอยดำเนินการกัน ทุกค่ายรวมถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าต่างจะต้องส่งตัวแทนมายังซางจิงเพื่อประชุมและวางแผนในการกวาดล้างลูกผสม หากในจำนวนทั้งหมดเนื่องด้วยเพราะสภาพที่กำลังยากลำบากหลังจากผ่านสงครามครั้งใหญ่มาทำให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าตกอยู่ในอันดับต่ำสุดจากทุกค่ายที่สามารถส่งกำลังพลและทรัพยากรมาสนับสนุนซางจิง
ขณะเดียวกันค่ายตวนก็ขึ้นเป็นอันดับต้นๆในหมู่ค่ายหลักทั้งเนื่องด้วยเป็นค่ายที่มีการพัฒนาอย่างจริงจังมาตลอดจนทำให้ทุกวันนี้ค่ายตวนมีปัจจัยต่างๆที่สามารถเทียบเท่ากับค่ายขนาดใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามหลังจากข่าวชัยชนะของค่ายเขี้ยวหมาป่าแพร่กระจายไปทั่วตวนเจียงเหว่ยก็รีบเร่งตารางการขยายค่ายตวนให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก มันยิ่งกระตุ้นความทะเยอทะยานของเขาให้สูงมากขึ้น
ท่านพลเอกตอนนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังรุ่ง เราจะให้ปล่อยพวกมันแซงหน้าไปไม่ได้ ดิฉันเกรงว่าเราอาจจะถูกนำไปเปรียบเทียบ หลูชูซเวพยายามแสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างระมัดระวัง
ในความคิดของเธอนั้นตวนเจียงเหว่ยเป็นคนที่ทระนงตนอย่างมาก ไม่ยอมใช้โอกาสที่มีขึ้นนำค่ายเขี้ยวหมาป่าเพราะจะเป็นการเสียศักดิ์ศรีทั้งๆที่มันอาจจะหนทางสุดท้ายแล้ว
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ตวนเจียงเหว่ยนิ่วหน้าและพูดพึมพำกับตัวเอง พอค่ายเขี้ยวหมาป่าชนะสงคราม โอกาสของเราก็หลุดไปแล้ว
ถ้าเช่นนั้นมันก็ไม่ต่างกับปล่อยให้เราอยู่ในตำแหน่งเดิมเหรอคะ? หลูชูซเวยังคงไม่ยอม ไม่ว่าจะเก่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ยังไงเธอก็ต้องการเข้าร่วมแข่งขันให้ชัดเจน
ฉันมักจะรู้สึกได้ถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดอยู่เสมอ ตวนเจียงเหว่ยมีความเฉียบแหลมในการมองสถานการณ์ เขาจะไม่พูดมากเมื่อมันเปล่าประโยชน์ ทั้งๆที่ในหัวของเขานั้นเต็มไปด้วยชุดความคิดที่ไล่เรียงลำดับเหตุและผลอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีหลายฝ่ายต้องการจะฆ่าชูฮันและคนที่คอยสนับสนุนชูฮันจะถูกกำจัดออกไปเรื่อยๆแต่ครั้งนี้ที่ชูฮันชนะสงครามกับลูกผสมมาได้มันทำให้ชื่อเสียงของชูฮันโด่งดังเปรียบเสมือนกับฮีโร่ของชาติ
มีหรือที่คนซึ่งไม่พอใจกับการมีอยู่ของชูฮันจะไม่เคลื่อนไหว?
แผนการและเงื่อนไขต่างๆที่จำเป็นในการกำจัดชูฮันและกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะต้องถูกนำขึ้นบนกำหนดการเป็นแน่! ดังนั้นตวนเจียงเหว่ยจึงตัดสินใจที่จะรอก่อนในความคิดของเขามันจะต้องมีเรื่องใหญ่ที่กำลังรอคอยจังหวะอยู่ และคงจะใหญ่ไม่น้อยไปกว่าสงครามระหว่างเขี้ยวหมาป่าและลูกผสมอย่างแน่นอน
ดังนั้นตอนนี้เขาควรจะอยู่เฉยๆไปก่อนและเมื่อช่วงจังเวลาที่ใช่มาถึง เขาจะสามารถสยบชูฮันได้อย่างไร้ข้อกังขา
————————
ซูเฟิงพากองทัพเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดกลับมายังค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นอกจากผลพวงหลังจากสงครามจบลงแล้ว ความกังวลหลักเลยของทุกคนก็คือชูฮัน หลังจากที่เกาช้าวฮุ่ยพาตัวชูฮันมาก่อนล่วงหน้าเพื่อทำการรักษาเป็นเวลาสองวันเข้าไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รับข่าวการติดต่อใดๆกลับมาเลย
ดังนั้นหลังจากผ่านไปสองวันทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดสามพันกว่าคนก็เดินเท้าตามเส้นทางมุ่งหน้ากลับมายังค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างเป็นระเบียบด้วยฝีเท้าความเร็วสูงสุด และเมื่อทุกคนเห็นประตูทางเข้าค่ายเขี้ยวหมาป่าในระยะสายตา ทุกคนก็ตกใจกับเสียงที่ได้ยินมาตามสายลม…
ค่ายที่กำลังส่งเสียงเดือดดาลอยู่ข้างในนั่นคือค่ายเขี้ยวหมาป่าจริงหรือ?
ไหนละค่ายทหารตัวอย่างที่มีแต่ระเบียบ!
อะไรคือเสียงดังโหวกเหวกโวยวายราวกับคนเถื่อนแบบนี้?
ไหนละคนที่มีการศึกษา!
ไอ้ภาพวาดละเลงสีเต็มพื้นเต็มกำแพงไปหมดนี่คืออะไร?
ซูชิงมันควบคุมการก่อสร้างแบบไหนกัน?!
ใครปล่อยให้ชาวบ้านออกมาบ้าระห่ำกันได้ขนาดนี้?
กล้าหาญดีนี่!
ขณะที่ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเจ้าหน้าเวรยามจากหน่วยรักษาความปลอดภัยตรงประตูค่ายก็มองเห็นพวกเขาเข้าซะก่อน เจ้าหน้าที่เวรยามทั้งสองคนตื่นเต้นรีบวิ่งพุ่งเข้ามาหาทันที น้ำตาแทบจะไหล พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย
หนึ่งในนั้นถึงกับวิ่งเข้ามากอดหลูปิงเซ่อที่เคยเป็นหัวหน้าสั่งการเขามาก่อน!
นี้มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ซูเฟิงตะโกนถามอย่างไม่สบอารมณ์
พรึบ! เจ้าหน้าที่เวรยามทั้งสองคนจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสะดุ้งและรีบยืนตัวตรงแด่วพร้อมรายงานด้วยความตื่นกลัว กองทัพเขี้ยวหมาป่าเดินทางกลับมาถึงเรียบร้อย เปิดประตูต้อนรับเร็ว!
ตึง!
ประตูค่อยๆแง้มเปิดออกทำให้ทุกคนได้เห็นภาพชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่พวกเขาได้ยินเสียงมาตามสายลมก่อนหน้านี้ใบหน้าของชาวบ้านทุกคนเต็มไปด้วยความสุข ทั้งชาย หญิง คนชราและเด็ก ทุกคนต่างมองมายังเหล่าทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าด้วยสีหน้าชื่นชม
แถมมันยังมีการจัดรูปแบบถนนเหมือนจัดงานเฉลิมฉลองชาวบ้านของค่ายมายืนอออัดแน่นกันที่ถนนเต็มทั้งสองฝั่งโดยเว้นตรงกลางที่เป็นทางเดินเอาไว้ มีดอกไม้ถูกจัดตกแต่งเอาไว้ตลอดทาง
เหล่านักรบแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้รับรู้สถานการณ์ของชูฮันโดยเฉพาะเหล่าทหารเกณฑ์ใหม่ที่พึ่งเข้ามาภายในค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นครั้งแรกยิ่งได้เห็นภาพผู้คนจำนวนมากรอคอยเฉลิมฉลองการกลับมาของพวกเขา เสียงร้องสนุกสนานและชื่นชมที่ดังสนั่นไปทั่ว สรรเสริญราวกับพวกเขาเป็นฮีโร่…
แน่นอนว่าเหล่าทหารเกณฑ์ใหม่สามพันคนต้องมึนงงไปชั่วขณะทว่าเพราะที่ผ่านมาพวกเขาปรับตัวเข้ากับกฏระเบียบทหารอันแสนจะเข้มงวดของกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้แม้ในใจจะรู้สึกภูมิใจมากแค่ไหนก็ตาม หากภายนอกก็ยังคงต้องทำนิ่งและไม่แสดงออกใดๆ ได้แต่เดินตามเหล่านักรบรุ่นพี่ข้างหน้าที่ยังคงเดินขบวนด้วยฝีเท้ามั่นคง
ภาพที่ปรากฏสู่สายตาของชาวบ้านเขี้ยวหมาป่านั่นยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมทหารทุกคนมากยิ่งขึ้นไปอีกกองทัพเขี้ยวหมาป่าของพวกเขาไม่เหมือนกับกองทัพของค่ายอื่นๆเลยแม้แต่น้อย
นี้สิคือกองทัพที่แท้จริง!
ความภาคภูมิเกียรติยศ ความยุติธรรม ความรับผิดชอบทุกอย่างในตอนนี้ราวกับส่งผ่านต่อมาจากยุคศิวิไลซ์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง!
เหอเฟิงใช้จังหวะที่กำลังเดินไปข้างหน้าทำการคำนวณเหตุการณ์อยู่ในหัวเช่นเดียวกับคนอื่นที่รู้ถึงสถานการณ์ของชูฮันเองก็แอบตื่นเต้นในใจที่ได้เห็นภาพชาวบ้านเฉลิมฉลองจนเกินกว่าเหตุแบบนี้…แสดงว่าหัวหน้าชูฮันปลอดภัยและสบายดีใช่มั้ย?
ที่สุดทางเดินมีซางจิ่วตี้ยืนรออยู่ตรงนั้นพร้อมกับเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเขี้ยวหมาป่าด้วยชุดเครื่องแบบเต็มยศรอคอยพวกเขาอย่างเงียบๆ
ชาวบ้านทั้งหลายที่มองมานั้นมองมาด้วยแววตาเป็นประกายทุกคนกระโดดโลกเต้นโห่ร้องอย่างมีความสุข
ชัยชนะสงครามเป็นของพวกเขาและกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็เดินทางกลับมายังค่ายเขี้ยวหมาป่า…นี่สิคือสิ่งที่ควรค่าแก่การจารึกไว้ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์!
เหอเฟิงและคนอื่นๆที่ได้เห็นซางจิ่วตี้ในระยะสายตาก็แอบกระตุกวูบในใจเบาๆซางจิ่วตี้ในเวลาดูสวยสง่างามอย่างมาก ชุดเครื่องแบบเต็มยศที่ดูปราณีตหมดจด ผมที่ถูกทำทรงมาอย่างดี ใบหน้าสวยงามราวกับนางฟ้า ทุกอย่างรวมกันอย่างสมบูรณ์ทำให้คนเห็นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความงามของเธอ อีกทั้งเวลานี้สีหน้าของซางจิ่วตี้ก็ดูเต็มไปด้วยความสุขที่เหมือนจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่
สีหน้าเช่นนี้ของซางจิ่วตี้แสดงให้เห็นชัดเลยว่าเวลานี้ชูฮันจะต้องปลอดภัยและสบายดีแน่ๆ!
หลูปิงเซ่อแทบจะระงับความตื่นเต้นยินดีใจเอาไว้ไม่อยู่เขารีบวิ่งพุ่งเข้าไปหาซางจิ่วตี้โดยไม่สนใจการห้ามปรามของเหอเฟิงและตะโกนถามเสียงดัง แล้วหัวหน้าล่ะ?!
คำถามนี้ทำให้ฝูงชนที่กำลังครื้นเครงพลันเงียบสงบลงทันทีสีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ
ใช่แล้วตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชูฮัน คนที่สำคัญที่สุดในเวลานี้อยู่ที่ไหน?
ซางจิ่วตี้ชะงักไปจังหวะหนึ่งก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเธอลอบสบตากับเหอเฟิงอย่างเป็นนัยน์และนั่นทำให้เหอเฟิงพลันหน้าซีดเผือดทันที
หรือว่า…
มีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆ?!
หลูปิงเซ่อเองก็ช็อคเหมือนกันพยายามควบคุมร่างกายตัวเองไม่ให้สั่นเพราะตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในขณะนี้แล้ว เพียงแต่ไม่รู้จะจบมันอย่างไรดี
ทันใดนั้นจู่ๆซางจิ่วตี้ก็แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อท่าทางดูเอียงอาย เธอก้มหน้างุดลงพื้น มือก็กุมอยู่ตรงท้องน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยเขินอายราวกับว่ามันเป็นยากที่จะพูด
ชูฮันเขา…เขายังไม่ได้นอนเลย เมื่อคืนเขาค่อนข้างจะเหนื่อยมาก