Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1063 คุณมีคนรักรึยัง?
”ฉันไม่รู้ว่าในค่ายเขี้ยวหมาป่านอกจากพลเอกชูฮันแล้วใครที่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องสำคัญระดับค่ายอีก?” หลูชูซเวใช้ความอดทนครั้งสุดท้ายที่มี เธอพยายามขยายคำพูดให้ละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าติงซือเย้าเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ
ติงซือเย้านั่งอยู่ตรงข้ามหลูชูซเวพร้อมกับถ้วยน้ำชาที่เดิมจากร้อนขนาดมีควันได้กลายเป็นเย็นเฉียบไปแล้วติงซือเย้าหลุบหน้าลงมองพื้นเงียบๆโดยไม่ตอบอะไร
นี้คือวันที่สิบแล้วของการประชุมพูดคุยระหว่างติงซือเย้าและหลูชูซเวและตลอดทั้งสิบวันทุกครั้งมันก็เริ่มต้นด้วยบทสนทนาเช่นนี้เสมอและปิดท้ายด้วยความเงียบของติงซือเย้า และวันนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับทุกวัน…ห้องเดิม ประโยคพูดเปิดเหมือนเดิม สถานการณ์เดิม
”เฮ้อ…” หลูชูซเวถอนหายใจอย่างหมดหนทางเธอพยายามกดอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้และพูดต่อ “ถ้าคุณไม่รู้ คุณควรหาคนที่จะคุยเรื่องแผนการที่เฉพาะเจาะจงนี้ได้มาคุยกับฉัน ค่ายตวนของเรามีความจริงใจที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับค่ายเขี้ยวหมาป่า ไม่เหมือนกับค่ายอื่น ท่านพลเอกตวนเจียงเหว่ยของเราแสดงเจตนาชัดเจนและยินดีรับฟังเงื่อนไขจากทางค่ายเขี้ยวหมาป่าทุกอย่าง”
นี้คือการยินยอมอย่างที่สุดแล้วมันแทบจะไม่ต่างอะไรกับการที่ตวนเจียงเหว่ยยื่นทั้งค่ายตวนให้กับมือชูฮันเลย
ทว่าติงซือเย้ายังคงไม่พูดและเอาแต่จ้องถ้วยน้ำชาในมือไม่เลิก
เช่นเดียวกับหลูชูซเวที่ไม่สามารถอดทนกับบรรยากาศเงียบกริบต่อไปได้อีกแล้ว”หรือต้องการให้ท่านพลเอกตวนเจียงเหว่ยมาที่นี้เพื่อพูดกับท่านพลเอกชูฮันโดยตรงเอง? ด้ยสถานะพลเอกน่าจะทำให้สามารถเข้าพบพลเอกของคุณได้โดยตรง ถูกมั้ย?” นี้คือไพ่ไม้ตายสุดท้ายของหลูชูซเวเพราะใครๆต่างก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษจริงๆพลเอกจะไม่ไปเยือนแต่ละค่ายกันง่ายๆเพียงแค่เพื่อพูดคุยเท่านั้น
และครั้งนี้ในที่สุดติงซือเย้าก็มีปฏิกิริยาแต่สิ่งที่ติงซือเย้าพูดตอบกลับมาทำให้บรรยากาศทั้งห้องพลันเปลี่ยนไปทันที
”คุณมีคนรักหรือยัง?”ติงซือเย้าเงยหน้าขึ้นมาและถามอย่างกระทันหัน
เงียบกริบ——
หลูชูซเวอึ้งและพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลาพักใหญ่
เฮ้ยนี้มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?!
ติงซือเย้าไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเขาเอาแต่จ้องหน้าหลูชูซเวอย่างรอฟังคำตอบ
”คิก—“หวังไคกับชูฮันแอบหนีออกมาจากบ้านพัก และแอบลอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการห้ามตัวเองไม่ให้เผลอหัวเราะออกมา หวังไคกระตุกขากางเกงชูฮันขณะพูดผ่านความคิดในหัว “ติงซือเย้ามีความรักงั้นเหรอ?”
”น่าสนใจ”ชูฮันคิดว่าเขาโผล่มาผิดเวลาซะแล้ว
หลังจากที่ชูฮันส่งมอบแผนการทั้งหมดให้กับซางจิ่วตี้ไปแล้วเขาก็เริ่มทำการสำรวจข้อมูลภายในค่ายอีกครั้งด้วยตัวเอง วันนี้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมาก ชูฮันจึงตัดสินใจค่อยๆย่องไปสำรวจตามส่วนต่างๆของค่ายโดยไม่ให้ใครรู้
ในเมื่อแผนการทุกอย่างถูกส่งมอบให้กับแผนกทั้งหลายไปหมดแล้วป่านนี้ทุกคนคงกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ ชาวบ้านมากกว่าครึ่งก็ถูกโยกย้ายออกไปจากค่ายแล้ว ดังนั้นชูฮันที่ตอนนี้ฟื้นพละกำลังกลับคืนมาได้พอสมควรจึงตัดสินใจทำการลอบสังเกตทุกอย่างด้วยตัวเอง
และเป็นเพราะเขาตัดสินใจแอบลอบมาสังเกตการณ์ภายในค่ายเองเขาถึงได้ล่วงรู้ความลับของติงซือเย้าเข้า ขณะนี้ภายในห้องเงียบสนิทเป็นเวลามากกว่าห้านาทีแล้วและติงซือเย้าก็เอาแต่จ้องหน้าหลูชูซเวมาเป็นเวลาห้านาทีเช่นกันส่วนหลูชูซเวก็ทั้งเขินอายและอึดอัดอย่างมาก อย่างไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงหรือพูดยังไงในสถานการณ์นี้
”ฉะ–ฉันขอไม่พูดเรื่องส่วนตัว”หลูชูซเวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
ติงซือเย้านิ่วหน้าก่อนจะพูดขึ้น”แสดงว่าคุณมีคนรักแล้วสินะ? ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจจะเปลี่ยนคนรักมั้ย? ถ้าไม่…คุณรังเกลียดที่จะมีเพิ่มอีกคนมั้ย?”
หลูชูซเวช็อคค้างและสติหลุดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!
”อุ๊ปส์~” หวังไคกลั้นขำจนตัวงอ
ชูฮันเองก็ยิ้มขำมือจับปลายคางไปมาท่าทางสนุกสนานกับเรื่องราวที่ได้ยินไม่น้อย
ถ้าหลูชูซเวคู่กับติงซือเย้าได้ในอนาคตหลูชูซเวก็จะต้องกลายเป็นคนของค่ายเขี้ยวหมาป่าและแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลดีที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าจะได้คนมีความสามารถชั้นสูงมาเข้าร่วมด้วยเพิ่ม
แสดงว่าค่ายตวนต้องเสียทั้งนายหญิงคนสำคัญของค่ายและเงินจำนวนมากให้กับค่ายเขี้ยวหมาป่า?
เกรงใจว่าตวนเจียงเหว่ยจะต้องโกรธแค้นเขามากแน่ๆ!
ฮ่าฮ่าฮ่า
ชูฮันไม่เสียเวลาอยู่ตรงจุดนี้ต่ออีกเขาขยับไปแอบส่องดูบ้านพักหลังอื่นต่อและได้เห็นภาพน่าอับอายของเหล่าตัวแทนทั้งหลายจากบ้านพักแต่ละหลัง ส่วนใหญ่ถูกคนจากแผนกกระทรวงการต่างประเทศขวางเอาไว้ไม่ให้ออกไปจนหน้าดำหน้าแดงด้วยความโมโหกัน
ครั้งนี้ชูฮันไม่รีบร้อนเข้าไปจัดการพวกตัวแทนด้วยตัวเองเขาคาดไว้ตั้งนานแล้วว่ากลุ่มตัวแทนทั้งหลายนี่จะต้องแห่กันมาเยือนค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างแน่นอนทันทีที่สงครามจบลง มันไม่ใช่เพราะพวกเขาสนใจและต้องการจะสร้างพันธมิตรกับชูฮันแต่เป็นเพราะมันเป็นเพราะเพื่อต้องการเอาตัวรอดจากการที่ไม่ส่งความช่วยเหลือมาให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าในยามลำบาก อีกทั้งยังเพื่อต้องการพูกมิตรกับชูฮันที่เก่งกาจจนสามารถเอาชนะลูกผสมได้ พวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับชูฮัน
แต่แค่การส่งข้าวของมากมายมาบรรณนาการ?
มันไม่พอหรอก…
ต้องการเป็นพันธมิตรกับเขาเพื่อให้เขาช่วยเหลือยามมีปัญหา…ชูฮันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เขาจะได้กลับจากค่ายพวกนี้!
ชูฮันได้จำกัดเวลาสำหรับแผนการของกองทัพเขี้ยวหมาป่าไว้ที่สามวันและขณะนี้ซูเฟิงก็ได้เริ่มลงมือแล้ว หลังจากนี้อีกสามวันเมืองอันลูจะเข้าสู่ระยะที่รุ่งโรจน์ที่สุดในโลกาวินาศ พวกเขาจะนำโด่งทุกคนไปไกล
ลองจินตนาการภาพเมืองที่ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทั้งหมดในยุคศิวิไลซ์กลับคืนมาได้เป็นเมืองที่ปลอดซอมบี้และอันตรายใดๆ!
ใครจะไม่อยากอยู่ที่นี้?
ดังนั้นชูฮันจึงไม่รีบร้อนเพราะการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเขาจะมีผลในอีกไม่นานแล้ว
ขณะแอบส่องดูตามบ้านพักไปเรื่อยๆในที่สุดสายตาของชูฮันก็หยุดลงที่บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งมีมู๋หรงยู่เฉิงและในตอนนั้นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศที่ชื่อหยวนหมินก็เดินเข้ามาในบ้านพัก เขาเป็นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลจัดการมู๋หรงยู่เฉิงโดยตรง
ชูฮันจำหยวนหมินได้เขาเป็นคนที่เคยขอความช่วยเหลือจากชูฮัน เป็นคนรู้จักพูดจา สามารถพลิกแพลงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้เก่ง ดังนั้นชูฮันจึงช่วยอีกฝ่ายให้พัฒนาโดยการส่งมาทำงานในแผนกกระทรวงการต่างประเทศ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างแปลกเล็กน้อยเพราะทั้งสองคนเผชิญหน้ากันในบ้านพัก…
เล่นหมากรุก!
มันคือการเสียเวลามากไปโดยเปล่าประโยชน์!
การเดินหมากของหยวนหมินดีเกินคาดเขากับมู๋หรงยู่เฉิงสลับไล่ต้อนกันไปมาอย่างดุเดือด การแข่งขันจริงจังขนาดที่ไม่มีการพูดคุยระหว่างทั้งสองเลยตลอดการเล่น
”นี้มันสนุกดีจริง!”ชูฮันดูตามไปอย่างเพลิดเพลิน
ถึงอย่างไรแล้วมู๋หรงยู่เฉิงก็มาจากหนานตู้เขาไม่สามารถมองมู๋หรงยู่เฉิง ไม่ว่าอย่างไรมู๋หรงยู่เฉิงก็อยู่คนละระดับกับตัวแทนคนอื่นๆและที่เขามั่นใจคือมู๋หรงยู่เฉิงไม่ได้มุ่งร้ายต่อเขา ความภักดีที่อีกฝ่ายมีต่อฉางกวนยวีซิน…ชูฮันมองออกและเข้าใจเป็นอย่างดี
”คุณชนะ”หลังจากผ่านไปเป็นเวลาพักใหญ่ หยวนหมินก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์ ”สุดท้ายแล้วคุณมักจะเดินพลาดตอนท้ายเสมอ” มู๋หรงยู่เฉิงเก็บหมากของหยวนหมินตัวสุดท้ายอย่างเงียบๆพร้อมส่งยิ้มบอกลา “เจอกันวันพรุ่งนี้ เวลาเดิม”
หยวนหมินชะงัก”มันแปลกที่ในขณะที่ตัวแทนทุกคนต่างเรียกร้องที่จะเจอชูฮัน แต่นี้ผมเล่นหมากรุกกับคุณมาสิบวันแล้ว ไม่เห็นคุณจะเรียกร้องเจอท่านพลเอกเลยหรือคุณไม่ได้อยากเจอท่าน?”
”เขาเป็นคนที่ถ้าอยากให้เจอเมื่อไหร่ก็จะมาหาเอง”มู๋หรงยู่เฉิงยิ้ม “อยู่ที่หนานตู้ฉันมีภาระและหน้าที่มากมาย แต่อยู่ที่นี้วันๆก็กิน นอน ดื่ม เล่นหมากรุก เรื่องอะไรฉันจะอยากกลับไป!”
”เหอะ!”หยวนหมินส่ายหัวและตะโกนใส่มู๋หรงยู่เฉิง “เจอกันพรุ่งนี้เวลาเดิม”
ด้านนอกของบ้านพักชูฮันและหวังไคมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ติงซือเย้ากับหลูชูซเวก็อึดอัดใส่กัน ส่วนมู๋หรงยู่เฉิงและหยวนหมินก็เอาแต่เล่นหมากรุก
นี้มันแปลกประหลาดเกินไป!
หลังจากนั้นชูฮันก็ออกสำรวจพฤติกรรมของเหล่าตัวแทนทั้งหลายมาจนครบขณะนี้ชูฮันรู้สึกโล่งใจขึ้นแล้ว แต่จู่ๆแววตาของชูฮันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา จากนั้นก็ออกเดินย่องหลบไปตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในค่ายเขี้ยวหมาป่า…
ติงซือเย้านั่งอยู่ตรงข้ามหลูชูซเวพร้อมกับถ้วยน้ำชาที่เดิมจากร้อนขนาดมีควันได้กลายเป็นเย็นเฉียบไปแล้วติงซือเย้าหลุบหน้าลงมองพื้นเงียบๆโดยไม่ตอบอะไร
นี้คือวันที่สิบแล้วของการประชุมพูดคุยระหว่างติงซือเย้าและหลูชูซเวและตลอดทั้งสิบวันทุกครั้งมันก็เริ่มต้นด้วยบทสนทนาเช่นนี้เสมอและปิดท้ายด้วยความเงียบของติงซือเย้า และวันนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับทุกวัน…ห้องเดิม ประโยคพูดเปิดเหมือนเดิม สถานการณ์เดิม
”เฮ้อ…” หลูชูซเวถอนหายใจอย่างหมดหนทางเธอพยายามกดอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้และพูดต่อ “ถ้าคุณไม่รู้ คุณควรหาคนที่จะคุยเรื่องแผนการที่เฉพาะเจาะจงนี้ได้มาคุยกับฉัน ค่ายตวนของเรามีความจริงใจที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับค่ายเขี้ยวหมาป่า ไม่เหมือนกับค่ายอื่น ท่านพลเอกตวนเจียงเหว่ยของเราแสดงเจตนาชัดเจนและยินดีรับฟังเงื่อนไขจากทางค่ายเขี้ยวหมาป่าทุกอย่าง”
นี้คือการยินยอมอย่างที่สุดแล้วมันแทบจะไม่ต่างอะไรกับการที่ตวนเจียงเหว่ยยื่นทั้งค่ายตวนให้กับมือชูฮันเลย
ทว่าติงซือเย้ายังคงไม่พูดและเอาแต่จ้องถ้วยน้ำชาในมือไม่เลิก
เช่นเดียวกับหลูชูซเวที่ไม่สามารถอดทนกับบรรยากาศเงียบกริบต่อไปได้อีกแล้ว”หรือต้องการให้ท่านพลเอกตวนเจียงเหว่ยมาที่นี้เพื่อพูดกับท่านพลเอกชูฮันโดยตรงเอง? ด้ยสถานะพลเอกน่าจะทำให้สามารถเข้าพบพลเอกของคุณได้โดยตรง ถูกมั้ย?” นี้คือไพ่ไม้ตายสุดท้ายของหลูชูซเวเพราะใครๆต่างก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษจริงๆพลเอกจะไม่ไปเยือนแต่ละค่ายกันง่ายๆเพียงแค่เพื่อพูดคุยเท่านั้น
และครั้งนี้ในที่สุดติงซือเย้าก็มีปฏิกิริยาแต่สิ่งที่ติงซือเย้าพูดตอบกลับมาทำให้บรรยากาศทั้งห้องพลันเปลี่ยนไปทันที
”คุณมีคนรักหรือยัง?”ติงซือเย้าเงยหน้าขึ้นมาและถามอย่างกระทันหัน
เงียบกริบ——
หลูชูซเวอึ้งและพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลาพักใหญ่
เฮ้ยนี้มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?!
ติงซือเย้าไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเขาเอาแต่จ้องหน้าหลูชูซเวอย่างรอฟังคำตอบ
”คิก—“หวังไคกับชูฮันแอบหนีออกมาจากบ้านพัก และแอบลอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการห้ามตัวเองไม่ให้เผลอหัวเราะออกมา หวังไคกระตุกขากางเกงชูฮันขณะพูดผ่านความคิดในหัว “ติงซือเย้ามีความรักงั้นเหรอ?”
”น่าสนใจ”ชูฮันคิดว่าเขาโผล่มาผิดเวลาซะแล้ว
หลังจากที่ชูฮันส่งมอบแผนการทั้งหมดให้กับซางจิ่วตี้ไปแล้วเขาก็เริ่มทำการสำรวจข้อมูลภายในค่ายอีกครั้งด้วยตัวเอง วันนี้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมาก ชูฮันจึงตัดสินใจค่อยๆย่องไปสำรวจตามส่วนต่างๆของค่ายโดยไม่ให้ใครรู้
ในเมื่อแผนการทุกอย่างถูกส่งมอบให้กับแผนกทั้งหลายไปหมดแล้วป่านนี้ทุกคนคงกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ ชาวบ้านมากกว่าครึ่งก็ถูกโยกย้ายออกไปจากค่ายแล้ว ดังนั้นชูฮันที่ตอนนี้ฟื้นพละกำลังกลับคืนมาได้พอสมควรจึงตัดสินใจทำการลอบสังเกตทุกอย่างด้วยตัวเอง
และเป็นเพราะเขาตัดสินใจแอบลอบมาสังเกตการณ์ภายในค่ายเองเขาถึงได้ล่วงรู้ความลับของติงซือเย้าเข้า ขณะนี้ภายในห้องเงียบสนิทเป็นเวลามากกว่าห้านาทีแล้วและติงซือเย้าก็เอาแต่จ้องหน้าหลูชูซเวมาเป็นเวลาห้านาทีเช่นกันส่วนหลูชูซเวก็ทั้งเขินอายและอึดอัดอย่างมาก อย่างไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงหรือพูดยังไงในสถานการณ์นี้
”ฉะ–ฉันขอไม่พูดเรื่องส่วนตัว”หลูชูซเวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
ติงซือเย้านิ่วหน้าก่อนจะพูดขึ้น”แสดงว่าคุณมีคนรักแล้วสินะ? ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจจะเปลี่ยนคนรักมั้ย? ถ้าไม่…คุณรังเกลียดที่จะมีเพิ่มอีกคนมั้ย?”
หลูชูซเวช็อคค้างและสติหลุดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!
”อุ๊ปส์~” หวังไคกลั้นขำจนตัวงอ
ชูฮันเองก็ยิ้มขำมือจับปลายคางไปมาท่าทางสนุกสนานกับเรื่องราวที่ได้ยินไม่น้อย
ถ้าหลูชูซเวคู่กับติงซือเย้าได้ในอนาคตหลูชูซเวก็จะต้องกลายเป็นคนของค่ายเขี้ยวหมาป่าและแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลดีที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าจะได้คนมีความสามารถชั้นสูงมาเข้าร่วมด้วยเพิ่ม
แสดงว่าค่ายตวนต้องเสียทั้งนายหญิงคนสำคัญของค่ายและเงินจำนวนมากให้กับค่ายเขี้ยวหมาป่า?
เกรงใจว่าตวนเจียงเหว่ยจะต้องโกรธแค้นเขามากแน่ๆ!
ฮ่าฮ่าฮ่า
ชูฮันไม่เสียเวลาอยู่ตรงจุดนี้ต่ออีกเขาขยับไปแอบส่องดูบ้านพักหลังอื่นต่อและได้เห็นภาพน่าอับอายของเหล่าตัวแทนทั้งหลายจากบ้านพักแต่ละหลัง ส่วนใหญ่ถูกคนจากแผนกกระทรวงการต่างประเทศขวางเอาไว้ไม่ให้ออกไปจนหน้าดำหน้าแดงด้วยความโมโหกัน
ครั้งนี้ชูฮันไม่รีบร้อนเข้าไปจัดการพวกตัวแทนด้วยตัวเองเขาคาดไว้ตั้งนานแล้วว่ากลุ่มตัวแทนทั้งหลายนี่จะต้องแห่กันมาเยือนค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างแน่นอนทันทีที่สงครามจบลง มันไม่ใช่เพราะพวกเขาสนใจและต้องการจะสร้างพันธมิตรกับชูฮันแต่เป็นเพราะมันเป็นเพราะเพื่อต้องการเอาตัวรอดจากการที่ไม่ส่งความช่วยเหลือมาให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าในยามลำบาก อีกทั้งยังเพื่อต้องการพูกมิตรกับชูฮันที่เก่งกาจจนสามารถเอาชนะลูกผสมได้ พวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับชูฮัน
แต่แค่การส่งข้าวของมากมายมาบรรณนาการ?
มันไม่พอหรอก…
ต้องการเป็นพันธมิตรกับเขาเพื่อให้เขาช่วยเหลือยามมีปัญหา…ชูฮันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เขาจะได้กลับจากค่ายพวกนี้!
ชูฮันได้จำกัดเวลาสำหรับแผนการของกองทัพเขี้ยวหมาป่าไว้ที่สามวันและขณะนี้ซูเฟิงก็ได้เริ่มลงมือแล้ว หลังจากนี้อีกสามวันเมืองอันลูจะเข้าสู่ระยะที่รุ่งโรจน์ที่สุดในโลกาวินาศ พวกเขาจะนำโด่งทุกคนไปไกล
ลองจินตนาการภาพเมืองที่ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทั้งหมดในยุคศิวิไลซ์กลับคืนมาได้เป็นเมืองที่ปลอดซอมบี้และอันตรายใดๆ!
ใครจะไม่อยากอยู่ที่นี้?
ดังนั้นชูฮันจึงไม่รีบร้อนเพราะการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเขาจะมีผลในอีกไม่นานแล้ว
ขณะแอบส่องดูตามบ้านพักไปเรื่อยๆในที่สุดสายตาของชูฮันก็หยุดลงที่บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งมีมู๋หรงยู่เฉิงและในตอนนั้นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศที่ชื่อหยวนหมินก็เดินเข้ามาในบ้านพัก เขาเป็นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลจัดการมู๋หรงยู่เฉิงโดยตรง
ชูฮันจำหยวนหมินได้เขาเป็นคนที่เคยขอความช่วยเหลือจากชูฮัน เป็นคนรู้จักพูดจา สามารถพลิกแพลงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้เก่ง ดังนั้นชูฮันจึงช่วยอีกฝ่ายให้พัฒนาโดยการส่งมาทำงานในแผนกกระทรวงการต่างประเทศ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างแปลกเล็กน้อยเพราะทั้งสองคนเผชิญหน้ากันในบ้านพัก…
เล่นหมากรุก!
มันคือการเสียเวลามากไปโดยเปล่าประโยชน์!
การเดินหมากของหยวนหมินดีเกินคาดเขากับมู๋หรงยู่เฉิงสลับไล่ต้อนกันไปมาอย่างดุเดือด การแข่งขันจริงจังขนาดที่ไม่มีการพูดคุยระหว่างทั้งสองเลยตลอดการเล่น
”นี้มันสนุกดีจริง!”ชูฮันดูตามไปอย่างเพลิดเพลิน
ถึงอย่างไรแล้วมู๋หรงยู่เฉิงก็มาจากหนานตู้เขาไม่สามารถมองมู๋หรงยู่เฉิง ไม่ว่าอย่างไรมู๋หรงยู่เฉิงก็อยู่คนละระดับกับตัวแทนคนอื่นๆและที่เขามั่นใจคือมู๋หรงยู่เฉิงไม่ได้มุ่งร้ายต่อเขา ความภักดีที่อีกฝ่ายมีต่อฉางกวนยวีซิน…ชูฮันมองออกและเข้าใจเป็นอย่างดี
”คุณชนะ”หลังจากผ่านไปเป็นเวลาพักใหญ่ หยวนหมินก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์ ”สุดท้ายแล้วคุณมักจะเดินพลาดตอนท้ายเสมอ” มู๋หรงยู่เฉิงเก็บหมากของหยวนหมินตัวสุดท้ายอย่างเงียบๆพร้อมส่งยิ้มบอกลา “เจอกันวันพรุ่งนี้ เวลาเดิม”
หยวนหมินชะงัก”มันแปลกที่ในขณะที่ตัวแทนทุกคนต่างเรียกร้องที่จะเจอชูฮัน แต่นี้ผมเล่นหมากรุกกับคุณมาสิบวันแล้ว ไม่เห็นคุณจะเรียกร้องเจอท่านพลเอกเลยหรือคุณไม่ได้อยากเจอท่าน?”
”เขาเป็นคนที่ถ้าอยากให้เจอเมื่อไหร่ก็จะมาหาเอง”มู๋หรงยู่เฉิงยิ้ม “อยู่ที่หนานตู้ฉันมีภาระและหน้าที่มากมาย แต่อยู่ที่นี้วันๆก็กิน นอน ดื่ม เล่นหมากรุก เรื่องอะไรฉันจะอยากกลับไป!”
”เหอะ!”หยวนหมินส่ายหัวและตะโกนใส่มู๋หรงยู่เฉิง “เจอกันพรุ่งนี้เวลาเดิม”
ด้านนอกของบ้านพักชูฮันและหวังไคมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ติงซือเย้ากับหลูชูซเวก็อึดอัดใส่กัน ส่วนมู๋หรงยู่เฉิงและหยวนหมินก็เอาแต่เล่นหมากรุก
นี้มันแปลกประหลาดเกินไป!
หลังจากนั้นชูฮันก็ออกสำรวจพฤติกรรมของเหล่าตัวแทนทั้งหลายมาจนครบขณะนี้ชูฮันรู้สึกโล่งใจขึ้นแล้ว แต่จู่ๆแววตาของชูฮันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา จากนั้นก็ออกเดินย่องหลบไปตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในค่ายเขี้ยวหมาป่า…