Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1103 ทักษะที่ต้องการ
ชูฮันไม่ได้รู้เลยว่าไกลออกไปนั่นมีคนสองคนกำลังสอดส่องมองดูเขาอยู่เขายังคงอยู่ที่เดิมคุยกับเกาช้าวฮุ่ยและมองภาพหมู่บ้านประมงที่ห่างไปซึ่งยังคงมีฝุ่นควันหนาลอยโขมงปกคลุมไปทั่วเหมือนเดิม
”นี้มันสถานการณ์บ้าบออะไรกัน?”ฟานเจี้ยนยังคงตกใจอยู่
ซูเฟิงเหล่ตามองเจียงหลินเทียน”เฮ้! นายอยู่ที่นี้มานานเท่าไหร่แล้ว? มันเคยเกิดเรื่องแปลกๆแบบนี้ขึ้นมาก่อนมั้ย?”
”เฮ้อะไร?ฉันมีชื่อนะ” เจียงหลินเทียนไม่รู้ว่าทำไมซูเฟิงถึงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ในเมื่อมีคนมองเขาด้วยสายตาแบบนี้เขาเองก็ไม่คิดจะยอมเหมือนกันและจงใจเมินคำถามของซูเฟิงไปเลย
อู๋กงจึงตัดสินใจตอบคำถามแทน”ที่จริงเรามาถึงที่หมู่บ้านนี้นานแล้ว คอยเดินทางไปตามชายฝั่งมาตลอด เราจงใจเลือกสถานที่ที่มีซอมบี้แต่ไม่ใช่ฝูงคลื่นซอมบี้ขนาดใหญ่เพราะถึงอย่างไรสภาพแวดล้อมคือปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับเราในการพัฒนาพื้นที่ให้อยู่อาศัยได้จริง”
”ดูเป็นการวางแผนที่ดี”ฟานเจี้ยนเริ่มให้ความสนใจ “แล้วพวกนายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”
”เพื่อชื่อเสียงและเงินก้อนใหญ่โอ้ไม่! ความจริงหลักๆคือเพื่อเงินมหาศาล ฮ่าฮ่า!” อู๋กงตอบ
”สนใจอยากเข้าร่วมองค์กรนักล่าของฉันมั้ย?”ฟานเจี้ยนเสนอโอกาสพร้อมลอบมองชูฮัน
”เฮ้!ถามฉันรึยัง?” จู่ๆชูฮันที่กำลังคุยกับเกาช้าวฮุ่ยก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
เจียงหลินเทียนและอู๋กงตะลึงทั้งคู่มองสลับชูฮันและฟานเจี้ยนไปมาอย่างตกใจ
”คุณสองคน?”
”พวกคุณไม่ใช่ทีมเดียวกันเหรอ?” ”ไม่ใช่อย่างเป็นทางการนะ”อธิบาย “คนที่มีหอกด้ามยาวสีทองคือผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันและเป็นกัปตันทีมนักฆ่าขนนกชื่อซูเฟิง เขาเป็นวิวัฒนาการระยะ 7 พวกคุณไม่ควรจะมีเรื่องกับเขาจะดีกว่าไม่อย่างนั้นพวกคุณอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว”
”พรึบ!”
เจียงหลินเทียนและอู๋กงหันไปมองซูเฟิงทันทีจนคอแทบบิดทั้งคู่มีสีหน้าตกอกตกใจ ยิ่งโดยเฉพาะประโยคที่ว่า…ผู้ชายคนนี้เป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 7! แถมยังเป็นหัวหน้าทีมนักฆ่าขนนก?!
จากนั้นชูฮันก็ชี้นิวไปยังฟานเจี้ยนและแนะนำต่อ”เคยได้ยินชื่อราชานักล่ามั้ย? นี่คือผู้ก่อตั้งองค์กรนักล่าที่ฉันก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์เหมือนกันว่าทำไมถึงตามฉันมาตลอดทาง ราชานักล่า นายเป็นระยะ 6 หรือ 7?”
”เฮือก!”
ครั้งนี้เจียงหลินเทียนและอู๋กงกลัวจนหัวหดคนแรกก็เป็นถึงกัปตันทีมนักฆ่าขนนกและยังเป็นวิวัฒนาการระยะ 7 ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว!
ไหนจะชื่อเสียงของราชานักล่าแน่นอนว่าพวกเขารู้จักชื่อนี้อยู่แล้ว ทั้งคู่จดจำชื่อของคนโด่งดังบนอันดับรายชื่อเสาหินได้ดี แน่นอนว่าชื่อของราชานักล่าที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้าทุกคนตกอยู่ในความสนใจของพวกเขาอยู่แล้ว
ส่วนสำหรับองค์กรนักล่า…มันคืออะไรกัน?
แต่มันฟังดูดีมาก!
มองไปที่เจียงหลินเทียนและอู๋กงที่มีสีหน้าตกใจชูฮันก็ยิ้มและเอื้อมมือไปตบไหล่เกาช้าวฮุ่ยเบาๆ “ส่วนคนนี้คือเกาช้าวฮุ่ย”
หลังจากพูดจบชูฮันก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เขาเพียงแค่แนะนำชื่อเกาช้าวฮุ่ยแค่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามจู่ๆเจียงหลินเทียนและอู๋กงก็ดูตื่นเต้นขึ้นมากระทันหันสายตาเหลือบมองไปยังเกาช้าวฮุ่ยอย่างสำรวจ พวกเขารู้ว่าชูฮันเพียงแค่แนะนำชื่อแต่ในขณะเดียวกันแม้แต่ซูเฟิงยังทำได้แค่ยืนหลบไปข้างๆ ภาพลักษณ์ของเกาช้าวฮุ่ยดูสง่ามีราศีอย่างมากแถมเขายังได้พูดคุยส่วนตัวลับๆกับชูฮันอยู่พักใหญ่
ไหนจะเรื่องที่ผู้ชายคนนี้ถูกชูฮันเตะอัดทว่าสถานะกลับดูสูงกว่าคนอื่นๆ
”ส่วนสองคนนี้คนนั้นชื่อเจียงหลินเทียนและอีกคนคืออู๋กง” ชูฮันชี้นิ้วแนะนำทั้งสองคนให้เกาช้าวฮุ่ยเพียงสั้นๆ “ฉันเจอพวกเขาระหว่างเดินทาง”
”โอ้?”เกาช้าวฮุ่ยพยักหน้า เขามองทั้งสองคนตามนิ้วของชูฮันและก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอีก
เจียงหลินเทียนและอู๋กงยืนตัวสั่นหน้าตาไม่พอใจ การแนะนำตัวของพวกเขามันหยาบๆและไม่มีมารยาทเลย
”แล้วพวกคุณสองคนสนใจเข้าร่วมองค์กรนักล่ามั้ย?หรืออยากจะติดตามชูฮันเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า?” ฟานเจี้ยนเว้นจังหวะเพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดก่อนจะพูดขึ้นต่อ “แม้ว่าพวกคุณจะร่วมมือกันเองแต่พวกคุณไม่มีพละกำลังมากพอ ถึงแม้ชูฮันจะแข็งแกร่งไร้ผู้ใดเทียมทานแต่เขามีกฏระเบียบมากมายเกินไป ทว่าในองค์กรนักล่าของเราก็มีคนแข็งแกร่งมากมายเหมือนกันและไม่มีกฏระเบียบอะไรเยอะแยะ มีรูปแบบการทำงานที่อิสระเพื่อให้ทุกคนได้พัฒนาความสามารถตามแนวทางของตัวเอง”
มันเป็นการเข้าใจกันทางสายตาที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องพูดระหว่างฟานเจี้ยนและชูฮันตั้งแต่แรกฟานเจี้ยนเข้าใจดีว่าชูฮันตั้งใจพูดจีบเจียงหลินเทียนให้เข้าร่วมด้วย แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ตรงๆ เห็นได้ชัดว่าชูฮันต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับเจียงหลินเทียนแต่ดูเหมือนว่าเวลามันจะยังไม่ใช่
ดังนั้นฟานเจี้ยนจึงต้องเสนอตัวเข้ามาช่วยเพราะไม่ว่าเจียงหลินเทียนจะเลือกไปกับเขี้ยวหมาป่าหรือองค์กรนักล่า สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องอยู่ภายใต้ชูฮันอยู่ดี…
ส่วนเวลาที่ใช่นั้นชูฮันก็แค่ต้องรอให้มันมาถึงเท่านั้น
ชูฮันเองก็มองเจียงหลินเทียนและอู๋กงเขาเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของฟานเจี้ยน เขาต้องการความสามารถของเจียงหลินเทียนจริงๆ
แทนที่จะเกลี้ยกล่อมให้เจียงหลินเทียนมาฝึกเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่ามันดีกว่าที่จะให้เขาได้ไปพัฒนาพรสวรรค์อย่างอิสระและขยายขอบเขตขึ้นไปในอนาคต หลังจากนั้นค่อยดึงมาเข้าร่วมกับเขาทีหลัง
อู๋กงหันไปมองเจียงหลินเทียนและตัดสินใจพูดขึ้นก่อน “ฉันอยากเข้าร่วมกับองค์กรนักล่า”
”ยินดีต้อนรับ”ฟานเจี้ยนส่งยิ้มให้พร้อมแอบสบตากับชูฮัน
เจียงหลินเทียนหันไปมองชูฮันด้วยสายตาจริงจังจากนั้นก็ตัดสินใจพูดขึ้น “ที่จริงฉันอยากจะกลับไปหาพี่ชายและพี่สาวของฉัน แต่ฉันเองก็รู้ว่าพี่สาวของฉันไม่ใช่คนธรรมดา มันไม่ง่ายที่จะหาตัวเธอเจอและฉันในตอนนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไป ไม่มีความสามารถที่จะทำเองได้”
”สรุปว่า?”ชูฮันถาม
”สรุปว่า…”เจียงหลินเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันต้องการเข้าองค์กรนักล่าก่อน จากนั้นก็เข้าร่วมกับเขี้ยวหมาป่าเพื่อตามหาพี่สาว ฉันทำแบบนั้นได้มั้ย?”
ชูฮันตะลึงฟานเจี้ยนเองก็เช่นกัน…คำขอนี้มันตรงกับความต้องการของพวกเขาพอดีเลย!
”ไม่มีปัญหา”ชูฮันแทบจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข หากเขาพยายามรักษาสีหน้านิ่งและห้ามไม่ให้ตัวเองร้องดีใจออกมา “ฉันหวังว่าในอนาคนายจะสามารถยืนอยุ่ในจุดเดียวกับพี่สาวและพี่ชายของนายได้”
”เอาละในเมื่อตัดสินใจกันได้แล้ว ฉันจะบอกพวกนายเกี่ยวกับรูปแบบและข้อควรระวังขององค์กรนักล่า” ฟานเจี้ยนก้าวไปข้างหน้าแตะมือลงที่บ่าของอู๋กงแฃละเจียงหลินเทียน เกาช้าวฮุ่ยมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าตลอดเวลาเขาถอนหายใจและกระพริบตามองชูฮัน “จงใจสินะ”
ชูฮันสบตากับเกาช้าวฮุ่ย”สำหรับเรา”
”สำหรับเราอะไร?ฉันไม่ร่วมมือกับนาย!” เกาช้าวฮุ่ยโวยวาย
”หึ!อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายโกหกฉันให้มาที่นี้โดยไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง?” ชูฮันชำเลืองมองไปยังหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงมีควันฝุ่นหนาคลุมอยู่ห่างออกไป
เกาช้าวฮุ่ยเงียบไปพักหนึ่งจากนั้นก็มองชูฮันด้วยสายตาระมัดระวัง “นายเองก็ได้ผลประโยชน์นี่!”
”นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”ชูฮันไม่อยากจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ความจริงแล้วในใจเขาค่อนข้างกังวลไม่น้อยว่าที่จริงๆแล้วเกาช้าวฮุ่ยต้องการทำอะไรกันแน่ และมีความลับอะไรซ่อนอยู่ที่นี้ เพราะตัวเขารู้เกี่ยวกับมันเพียงน้อยนิด ”แล้วถ้ามองว่าเราต่างคนต่างได้ละ?”เกาช้าวฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความเสี่ยงและผลประโยชน์ร่วมกัน ฉันไม่สามารถบอกอะไรนายได้มากแต่ในเมื่อนายหาที่นี้เจอ เราอาจจะสามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้บางส่วน”
”นี้มันสถานการณ์บ้าบออะไรกัน?”ฟานเจี้ยนยังคงตกใจอยู่
ซูเฟิงเหล่ตามองเจียงหลินเทียน”เฮ้! นายอยู่ที่นี้มานานเท่าไหร่แล้ว? มันเคยเกิดเรื่องแปลกๆแบบนี้ขึ้นมาก่อนมั้ย?”
”เฮ้อะไร?ฉันมีชื่อนะ” เจียงหลินเทียนไม่รู้ว่าทำไมซูเฟิงถึงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ในเมื่อมีคนมองเขาด้วยสายตาแบบนี้เขาเองก็ไม่คิดจะยอมเหมือนกันและจงใจเมินคำถามของซูเฟิงไปเลย
อู๋กงจึงตัดสินใจตอบคำถามแทน”ที่จริงเรามาถึงที่หมู่บ้านนี้นานแล้ว คอยเดินทางไปตามชายฝั่งมาตลอด เราจงใจเลือกสถานที่ที่มีซอมบี้แต่ไม่ใช่ฝูงคลื่นซอมบี้ขนาดใหญ่เพราะถึงอย่างไรสภาพแวดล้อมคือปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับเราในการพัฒนาพื้นที่ให้อยู่อาศัยได้จริง”
”ดูเป็นการวางแผนที่ดี”ฟานเจี้ยนเริ่มให้ความสนใจ “แล้วพวกนายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”
”เพื่อชื่อเสียงและเงินก้อนใหญ่โอ้ไม่! ความจริงหลักๆคือเพื่อเงินมหาศาล ฮ่าฮ่า!” อู๋กงตอบ
”สนใจอยากเข้าร่วมองค์กรนักล่าของฉันมั้ย?”ฟานเจี้ยนเสนอโอกาสพร้อมลอบมองชูฮัน
”เฮ้!ถามฉันรึยัง?” จู่ๆชูฮันที่กำลังคุยกับเกาช้าวฮุ่ยก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
เจียงหลินเทียนและอู๋กงตะลึงทั้งคู่มองสลับชูฮันและฟานเจี้ยนไปมาอย่างตกใจ
”คุณสองคน?”
”พวกคุณไม่ใช่ทีมเดียวกันเหรอ?” ”ไม่ใช่อย่างเป็นทางการนะ”อธิบาย “คนที่มีหอกด้ามยาวสีทองคือผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันและเป็นกัปตันทีมนักฆ่าขนนกชื่อซูเฟิง เขาเป็นวิวัฒนาการระยะ 7 พวกคุณไม่ควรจะมีเรื่องกับเขาจะดีกว่าไม่อย่างนั้นพวกคุณอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว”
”พรึบ!”
เจียงหลินเทียนและอู๋กงหันไปมองซูเฟิงทันทีจนคอแทบบิดทั้งคู่มีสีหน้าตกอกตกใจ ยิ่งโดยเฉพาะประโยคที่ว่า…ผู้ชายคนนี้เป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 7! แถมยังเป็นหัวหน้าทีมนักฆ่าขนนก?!
จากนั้นชูฮันก็ชี้นิวไปยังฟานเจี้ยนและแนะนำต่อ”เคยได้ยินชื่อราชานักล่ามั้ย? นี่คือผู้ก่อตั้งองค์กรนักล่าที่ฉันก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์เหมือนกันว่าทำไมถึงตามฉันมาตลอดทาง ราชานักล่า นายเป็นระยะ 6 หรือ 7?”
”เฮือก!”
ครั้งนี้เจียงหลินเทียนและอู๋กงกลัวจนหัวหดคนแรกก็เป็นถึงกัปตันทีมนักฆ่าขนนกและยังเป็นวิวัฒนาการระยะ 7 ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว!
ไหนจะชื่อเสียงของราชานักล่าแน่นอนว่าพวกเขารู้จักชื่อนี้อยู่แล้ว ทั้งคู่จดจำชื่อของคนโด่งดังบนอันดับรายชื่อเสาหินได้ดี แน่นอนว่าชื่อของราชานักล่าที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้าทุกคนตกอยู่ในความสนใจของพวกเขาอยู่แล้ว
ส่วนสำหรับองค์กรนักล่า…มันคืออะไรกัน?
แต่มันฟังดูดีมาก!
มองไปที่เจียงหลินเทียนและอู๋กงที่มีสีหน้าตกใจชูฮันก็ยิ้มและเอื้อมมือไปตบไหล่เกาช้าวฮุ่ยเบาๆ “ส่วนคนนี้คือเกาช้าวฮุ่ย”
หลังจากพูดจบชูฮันก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เขาเพียงแค่แนะนำชื่อเกาช้าวฮุ่ยแค่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามจู่ๆเจียงหลินเทียนและอู๋กงก็ดูตื่นเต้นขึ้นมากระทันหันสายตาเหลือบมองไปยังเกาช้าวฮุ่ยอย่างสำรวจ พวกเขารู้ว่าชูฮันเพียงแค่แนะนำชื่อแต่ในขณะเดียวกันแม้แต่ซูเฟิงยังทำได้แค่ยืนหลบไปข้างๆ ภาพลักษณ์ของเกาช้าวฮุ่ยดูสง่ามีราศีอย่างมากแถมเขายังได้พูดคุยส่วนตัวลับๆกับชูฮันอยู่พักใหญ่
ไหนจะเรื่องที่ผู้ชายคนนี้ถูกชูฮันเตะอัดทว่าสถานะกลับดูสูงกว่าคนอื่นๆ
”ส่วนสองคนนี้คนนั้นชื่อเจียงหลินเทียนและอีกคนคืออู๋กง” ชูฮันชี้นิ้วแนะนำทั้งสองคนให้เกาช้าวฮุ่ยเพียงสั้นๆ “ฉันเจอพวกเขาระหว่างเดินทาง”
”โอ้?”เกาช้าวฮุ่ยพยักหน้า เขามองทั้งสองคนตามนิ้วของชูฮันและก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอีก
เจียงหลินเทียนและอู๋กงยืนตัวสั่นหน้าตาไม่พอใจ การแนะนำตัวของพวกเขามันหยาบๆและไม่มีมารยาทเลย
”แล้วพวกคุณสองคนสนใจเข้าร่วมองค์กรนักล่ามั้ย?หรืออยากจะติดตามชูฮันเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า?” ฟานเจี้ยนเว้นจังหวะเพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดก่อนจะพูดขึ้นต่อ “แม้ว่าพวกคุณจะร่วมมือกันเองแต่พวกคุณไม่มีพละกำลังมากพอ ถึงแม้ชูฮันจะแข็งแกร่งไร้ผู้ใดเทียมทานแต่เขามีกฏระเบียบมากมายเกินไป ทว่าในองค์กรนักล่าของเราก็มีคนแข็งแกร่งมากมายเหมือนกันและไม่มีกฏระเบียบอะไรเยอะแยะ มีรูปแบบการทำงานที่อิสระเพื่อให้ทุกคนได้พัฒนาความสามารถตามแนวทางของตัวเอง”
มันเป็นการเข้าใจกันทางสายตาที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องพูดระหว่างฟานเจี้ยนและชูฮันตั้งแต่แรกฟานเจี้ยนเข้าใจดีว่าชูฮันตั้งใจพูดจีบเจียงหลินเทียนให้เข้าร่วมด้วย แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ตรงๆ เห็นได้ชัดว่าชูฮันต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับเจียงหลินเทียนแต่ดูเหมือนว่าเวลามันจะยังไม่ใช่
ดังนั้นฟานเจี้ยนจึงต้องเสนอตัวเข้ามาช่วยเพราะไม่ว่าเจียงหลินเทียนจะเลือกไปกับเขี้ยวหมาป่าหรือองค์กรนักล่า สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องอยู่ภายใต้ชูฮันอยู่ดี…
ส่วนเวลาที่ใช่นั้นชูฮันก็แค่ต้องรอให้มันมาถึงเท่านั้น
ชูฮันเองก็มองเจียงหลินเทียนและอู๋กงเขาเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของฟานเจี้ยน เขาต้องการความสามารถของเจียงหลินเทียนจริงๆ
แทนที่จะเกลี้ยกล่อมให้เจียงหลินเทียนมาฝึกเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่ามันดีกว่าที่จะให้เขาได้ไปพัฒนาพรสวรรค์อย่างอิสระและขยายขอบเขตขึ้นไปในอนาคต หลังจากนั้นค่อยดึงมาเข้าร่วมกับเขาทีหลัง
อู๋กงหันไปมองเจียงหลินเทียนและตัดสินใจพูดขึ้นก่อน “ฉันอยากเข้าร่วมกับองค์กรนักล่า”
”ยินดีต้อนรับ”ฟานเจี้ยนส่งยิ้มให้พร้อมแอบสบตากับชูฮัน
เจียงหลินเทียนหันไปมองชูฮันด้วยสายตาจริงจังจากนั้นก็ตัดสินใจพูดขึ้น “ที่จริงฉันอยากจะกลับไปหาพี่ชายและพี่สาวของฉัน แต่ฉันเองก็รู้ว่าพี่สาวของฉันไม่ใช่คนธรรมดา มันไม่ง่ายที่จะหาตัวเธอเจอและฉันในตอนนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไป ไม่มีความสามารถที่จะทำเองได้”
”สรุปว่า?”ชูฮันถาม
”สรุปว่า…”เจียงหลินเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันต้องการเข้าองค์กรนักล่าก่อน จากนั้นก็เข้าร่วมกับเขี้ยวหมาป่าเพื่อตามหาพี่สาว ฉันทำแบบนั้นได้มั้ย?”
ชูฮันตะลึงฟานเจี้ยนเองก็เช่นกัน…คำขอนี้มันตรงกับความต้องการของพวกเขาพอดีเลย!
”ไม่มีปัญหา”ชูฮันแทบจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข หากเขาพยายามรักษาสีหน้านิ่งและห้ามไม่ให้ตัวเองร้องดีใจออกมา “ฉันหวังว่าในอนาคนายจะสามารถยืนอยุ่ในจุดเดียวกับพี่สาวและพี่ชายของนายได้”
”เอาละในเมื่อตัดสินใจกันได้แล้ว ฉันจะบอกพวกนายเกี่ยวกับรูปแบบและข้อควรระวังขององค์กรนักล่า” ฟานเจี้ยนก้าวไปข้างหน้าแตะมือลงที่บ่าของอู๋กงแฃละเจียงหลินเทียน เกาช้าวฮุ่ยมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าตลอดเวลาเขาถอนหายใจและกระพริบตามองชูฮัน “จงใจสินะ”
ชูฮันสบตากับเกาช้าวฮุ่ย”สำหรับเรา”
”สำหรับเราอะไร?ฉันไม่ร่วมมือกับนาย!” เกาช้าวฮุ่ยโวยวาย
”หึ!อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายโกหกฉันให้มาที่นี้โดยไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง?” ชูฮันชำเลืองมองไปยังหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงมีควันฝุ่นหนาคลุมอยู่ห่างออกไป
เกาช้าวฮุ่ยเงียบไปพักหนึ่งจากนั้นก็มองชูฮันด้วยสายตาระมัดระวัง “นายเองก็ได้ผลประโยชน์นี่!”
”นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”ชูฮันไม่อยากจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ความจริงแล้วในใจเขาค่อนข้างกังวลไม่น้อยว่าที่จริงๆแล้วเกาช้าวฮุ่ยต้องการทำอะไรกันแน่ และมีความลับอะไรซ่อนอยู่ที่นี้ เพราะตัวเขารู้เกี่ยวกับมันเพียงน้อยนิด ”แล้วถ้ามองว่าเราต่างคนต่างได้ละ?”เกาช้าวฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความเสี่ยงและผลประโยชน์ร่วมกัน ฉันไม่สามารถบอกอะไรนายได้มากแต่ในเมื่อนายหาที่นี้เจอ เราอาจจะสามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้บางส่วน”