Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1104 ที่นี่คือท่าเรือหนานช้า
”สรุปแล้วมันมีอะไรอยู่ที่นั่น?”ชูฮันถามคำถามที่สำคัญที่สุดออกไป
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของข้อความจากเสี่ยวเมิงชีจนถึงการได้เจอกับเกาช้าวฮุ่ย แม้แต่หวังไคก็ยังปล่อยให้เขามาที่ท่าเรือหนานช้าโดยไม่คัดค้าน ทว่าจุดประสงค์ของทุกคนดูเหมือนจะแตกต่างกัน
”มันมีประตูอยู่ที่นั่น”เกาช้าวฮุ่ยค่อยๆพูดขึ้นช้าๆด้วยน้ำเสียงต่ำ “เมื่อเปิดเข้าไป มันจะพาเราไปยังอีกสถานที่หนึ่ง”
นัยน์ตาของชูฮันหดวูบนั่นคือทางลัดที่จะพาไปยังหุบเขาหยินหยาง มันเป็นเรื่องดีเพียงแค่ว่าชูฮันและหวังไคมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง…นั่นก็คือการตามหาเสาหินประเมิณพิเศษระยะ 11
ด้วยเหตุนี้ชูฮันจึงยิ่งอยากรู้ความคิดของเกาช้าวฮุ่ย ”แล้วมันพาไปที่ไหน?มีเงินให้โกยมั้ย?” ชูฮันแสร้งทำเป็นไม่สนใจและพูดล้อเล่น
เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันด้วยสายตาเหนื่อยใจ”ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคือหุบเขาหยินหยางซึ่งมีทางเข้าเพียงแค่เส้นทางนี้ทางเดียว”
”ฟรึบ!”
ชูฮันตกใจทันทีเหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นมา ข้อมูลที่พึ่งจะได้รู้นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่เขารู้ในชาติที่แล้วอย่างสิ้นเชิง!
หุบเขาหยินหยางเดิมทีถูกแบ่งเป็นหุบเขาหยินและหุบเขาหยางไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมในชาตินี้ถึงมีทางเขาเพียงแค่ทางนี้ทางเดียว?!
นี้มันไม่ใช่…
สิ่งที่พึ่งได้รับรู้สร้างความตกใจอย่างมากให้กับชูฮันตอนนี้ในหัวของชูฮันเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนเต็มไปหมด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเข้าใจมาตลอดยังจะถูกต้องอีกหรือ ”แล้วมันพาไปที่ไหน?มีเงินให้โกยมั้ย?” ชูฮันแสร้งทำเป็นไม่สนใจและพูดล้อเล่น
เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันด้วยสายตาเหนื่อยใจ”ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคือหุบเขาหยินหยางซึ่งมีทางเข้าเพียงแค่เส้นทางนี้ทางเดียว”
”ฟรึบ!”
ชูฮันตกใจทันทีเหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นมา ข้อมูลที่พึ่งจะได้รู้นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่เขารู้ในชาติที่แล้วอย่างสิ้นเชิง!
หุบเขาหยินหยางเดิมทีถูกแบ่งเป็นหุบเขาหยินและหุบเขาหยางไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมในชาตินี้ถึงมีทางเขาเพียงแค่ทางนี้ทางเดียว?!
นี้มันไม่ใช่…
สิ่งที่พึ่งได้รับรู้สร้างความตกใจอย่างมากให้กับชูฮันตอนนี้ในหัวของชูฮันเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนเต็มไปหมด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเข้าใจมาตลอดยังจะถูกต้องอีกหรือไม่?
”หุบเขาหยินหยางเป็นสถานที่ที่มีการปิดบังหนาแน่นมากมันแบ่งออกเป็นหุบเขาหยินและหุบเขาหยาง” เกาช้าวฮุ่ยไม่ได้ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของชูฮัน เขายังคงอธิบายต่อไปอย่างช้าๆ “อีกอย่าง นอกจากรู้เรื่องทางเข้าและหุบเขาหยางที่ไม่มีอาวุธพิเศษเหลือแล้ว ฉันก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว แต่ที่นั่นจะต้องมีสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพวกเราอยู่แน่นอน ไม่ต้องห่วง”
”หุบเขาหยางที่ไม่มีอาวุธเหลือ?…”ชูฮันจับใจความสำคัญได้ทัน
”อาวุธที่ซูเฟิงใช้อยู่มาจากหุบเขาหยางแห่งหุบเขาหยินหยางถ้ามันไม่ใช่ของที่ได้มาจากคนอื่น แสดงว่าซูเฟิงจะต้องเคยไปยังหุบเขาหยางมาก่อน” น้ำเสียงของเกาช้าวฮุ่ยนิ่งเรียบ เขาจ้องหน้าชูฮันตรงๆ “นายไม่ได้ถามเขาเหรอ?”
ชูฮันตอบเกาช้าวฮุ่ยทันที”นั่นคือโอกาสของตัวเขาเอง ฉันไม่สิทธิไปถาม” ”นายเป็นคนที่แปลกจริงๆ”เกาช้าวฮุ่ยยิ้ม
”แต่ฉันเคยเห็นอาวุธอีกสองชิ้นมาก่อน”ชูฮันตัดสินใจเล่า “ผู้หญิงที่ชื่อเจียงหลิงโหลวมีเคียวยักษ์ลำแสงเงินขนาดพอๆกับหอกด้ามยาวสีทองของซูเฟิง และอีกคนคือต้านฮวง เขาพยายามจะฆ่าฉันอยู่สองครั้งแต่ไม่สำเร็จ อาวุธของเขาคือดาบยาวลำแสงสีฟ้า”
นี่คืออาวุธเหนือธรรมชาติจากหุบเขาหยินหยางที่ชูฮันรู้จักทั้งหมดมีสามชิ้นแต่ชูฮันนั้นไม่รู้ถึงความเกี่ยวข้องและความสำคัญของทั้งสามชิ้นนี่เลย
”อันที่จริงมันมีทั้งหมดสี่ชิ้น” เกาช้าวฮุ่ยตัดสินใจเฉลย “ตวนเจียงเหว่ยมีมีดสั้นลำแสงสีม่วงอยู่ในมือ”
ชูฮันตะลึง”ตวนเจียงเหว่ย? หมอนั่นเอาเวลาที่ไหนเดินทางตามหาหุบเขาหยินหยางกัน?”
”เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนมอบมันให้เขา”เกาช้าวฮุ่ยกระพริบตา สีหน้าเต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง ชูฮันยืนนิ่งงันเขารู้สึกตกใจกับสถานการณ์เหนือความคาดหมายที่มีแต่ความวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
”นอกจากฉันแล้วมันจะต้องมีคนอื่นที่รอให้เส้นทางในท่าเรือหนานช้าเปิดออกเหมือนกัน” เกาช้าวฮุ่ยพูดต่อ “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่ที่ฉันมั่นใจคือเรามาถึงจุดหมายแล้ว แต่เส้นทางมันยังไม่ปรากฏขึ้น”
ชูฮันจ้องหน้าเกาช้าวฮุ่ยด้วยสายตาจริงจัง”นายบอกฉันมาตรงๆว่าแผนการต่อไปคืออะไร?”
”หลังจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านประมงนี้สงบลงนายจะต้องไปเปิดประตู” เกาช้าวฮุ่ยตัดสินใจพูดออกเสียงเรียบ
”ฉัน…”ชูฮันชี้นิ้วใส่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจ “เปิดประตู?”
”ใช่นายต้องรวบรวมคนให้ครบแปดคนเพื่อเปิดเส้นทางเข้าสู่หุบเขาหยินหยาง” เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันด้วยสายตาคลุมเครือ “ตอนนี้นายมีสามคนแล้วที่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ประตูเปิด”
”คนที่มีคุณสมบัติแปดคน?”ชูฮันทวนคำอย่างช้าๆ มองเกาช้าวฮุ่ยด้วยสายตาคมกริบ
มันจะต้องมีคนที่เคยเข้าทดสอบเสาหินประเมิณพิเศษระยะ2 และได้ตราที่เป็นเครื่องยืนยันทั้งหมดคน…นั่นคือสิ่งที่ชูฮันรู้
ในตอนนั้นชูฮันเคยให้ฟานเจี้ยนนำเปิดการทดสอบในเสาหินพิเศษระยะ 2 และก็ได้ตราประหลาดๆกลับออกมา จากนั้นก็ให้ซูเฟิงเข้าไปทำการทดสอบและซูเฟิงก็ได้ตราประหลาดกลับมาเหมือนกันก่อนที่ชูฮันจะจากมาเมืองอันลูพร้อมกับตราประหลาด
นอกจากในมือชูฮันที่ตอนนี้มีทั้งหมดสามชิ้นเขายังขาดตราอีกห้าชิ้นเพื่อที่จะเปิดประตูเสาหินประเมิณพิเศษ
ในกรณีนี้ชูฮันสามารถรวมทีมแปดคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าขึ้นมาได้ง่ายๆ ทว่าเนื่องจากเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นแค่นี้ทุกอย่างก็ล่าช้าไปมากแล้ว ชูฮันดีใจที่ตัวเองไม่ลังเลที่จะตราประหลาดพวกนี้มาด้วยรวมถึงการพาซูเฟิงและฟานเจี้ยนผู้ทรงพลังเดินทางมาด้วยครั้งนี้!
แต่ตอนนี้การที่เกาช้าวฮุ่ยพูดเรื่องเส้นทางเข้าหุบเขาหยินหยางและการเอ่ยขอตราประหลาดของแปดคนความบังเอิญที่น่าตกใจทำให้ชูฮันนึกถึงอันดับรายชื่อเสาหินขึ้นมาก่อนทันที….ทางเข้าเพียงทางเส้นเดียวของหุบเขาหยินหยางอยู่ที่ท่าเรือหนานช้า และเสาหินประเมิณพิเศษเองก็อยู่ที่ท่าเรือหนานช้า
ถ้าจะบอกว่ามันไม่มีความเชื่องโยงระหว่างทั้งสองเรื่องนี้…ชูฮันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!
”มันเป็นสถานการณ์เฉพาะนายจะรู้เองเมื่อภัยพิบัติในหมู่บ้านประมงสงบลง” เกาช้าวฮุ่ยเอ่ยขึ้น จากนั้นก็พูดถึงซูเฟิงและฟานเจี้ยน “นายมีตราของพวกเขาัม้ย?”
แน่นอนสิ!
”ตรานี่มันแปลกมากฉันให้ทุกคนพกติดตัวเสมอ” เลือดของชูฮันแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัว และในตอนนั้นเองเขาตัดสินใจถามคำถามออกไป “แต่หมู่บ้านประมง?”
เกาช้าวฮุ่ยเผยรอยยิ้มดูมีลับลมคมในจากนั้นก็ชี้ไปที่พื้นใต้เท้าตัวเอง “ที่นี่คือท่าเรือหนานช้า”
”เฮือก!!!”
ความคิดของชูฮันเหมือนถูกระเบิดถล่มเข้าอีกครั้งความแปลกประหลาดที่เขาสัมผัสได้ตลอดการเดินทางทำให้เขาเองก็สงสัยและรู้สึกผิดปกติอยู่เสมอ
หมู่บ้านประมงแท่นแผ่นหินก้อนยักษ์แปลกๆ ชาวบ้านที่หายตัวไป ท่าเรือหนานช้า เสาหินประเมิณพิเศษระยะ 11 หุบเขาหยินหยาง….
อะไรคือความเกี่ยวข้องทั้งหมดกันแน่?
มีความลับอะไรซ่อนอยู่?
บทสนทนาระหว่างชูฮันและเกาช้าวฮุ่ยนั้นแผ่วเบามากจนเกือบจะเป็นเสียงพึมพำและไม่มีใครได้ยินเลยทั้งนั้น แม้แต่ซูเฟิงหรือฟานเจี้ยน
มันเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆเท่านั้นที่ฟานเจี้ยนสามารถหลอกตบตาเจียงหลินเทียนและอู๋กงได้สำเร็จทำให้สีหน้าของทั้งสองหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด พวกเขาอยากจะทำงานใหญ่ให้เร็วที่สุด
”เพราะฉะนั้นต่อไปนี้หลังจากที่พวกนายทำการประเมิณขององค์กรนักล่าเสร็จเรียบร้อย พวกนายก็จะได้กลายเป็นสมาชิกขององค์กรนักล่าและได้รับการยอมรัยอย่างเป็นทางการ” ฟานเจี้ยนพูดต่อ เขาจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ยังไม่มีใครเห็น “เพราะนายเป็นคนมีความสามารถ ในฐานะผู้ก่อตั้งองค์กรนักล่าฉันจะออกแบบการประเมิณที่พวกนายสองคนสามารถร่วมมือด้วยกันได้ขึ้นให้”
อู๋กงและเจียงหลินเทียนหูพึ่งทันทีตอนแรกที่ฟานเจี้ยนเริ่มพูดทั้งสองคนมีสีหน้าซีดๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากไม่นานก็เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมา ชูฮันยืนมองภาพตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับความสามารถในการหลอกล่อคนที่ฝังอยู่ในพันธุกรรมของฟานเจี้ยน!
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของข้อความจากเสี่ยวเมิงชีจนถึงการได้เจอกับเกาช้าวฮุ่ย แม้แต่หวังไคก็ยังปล่อยให้เขามาที่ท่าเรือหนานช้าโดยไม่คัดค้าน ทว่าจุดประสงค์ของทุกคนดูเหมือนจะแตกต่างกัน
”มันมีประตูอยู่ที่นั่น”เกาช้าวฮุ่ยค่อยๆพูดขึ้นช้าๆด้วยน้ำเสียงต่ำ “เมื่อเปิดเข้าไป มันจะพาเราไปยังอีกสถานที่หนึ่ง”
นัยน์ตาของชูฮันหดวูบนั่นคือทางลัดที่จะพาไปยังหุบเขาหยินหยาง มันเป็นเรื่องดีเพียงแค่ว่าชูฮันและหวังไคมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง…นั่นก็คือการตามหาเสาหินประเมิณพิเศษระยะ 11
ด้วยเหตุนี้ชูฮันจึงยิ่งอยากรู้ความคิดของเกาช้าวฮุ่ย ”แล้วมันพาไปที่ไหน?มีเงินให้โกยมั้ย?” ชูฮันแสร้งทำเป็นไม่สนใจและพูดล้อเล่น
เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันด้วยสายตาเหนื่อยใจ”ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคือหุบเขาหยินหยางซึ่งมีทางเข้าเพียงแค่เส้นทางนี้ทางเดียว”
”ฟรึบ!”
ชูฮันตกใจทันทีเหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นมา ข้อมูลที่พึ่งจะได้รู้นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่เขารู้ในชาติที่แล้วอย่างสิ้นเชิง!
หุบเขาหยินหยางเดิมทีถูกแบ่งเป็นหุบเขาหยินและหุบเขาหยางไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมในชาตินี้ถึงมีทางเขาเพียงแค่ทางนี้ทางเดียว?!
นี้มันไม่ใช่…
สิ่งที่พึ่งได้รับรู้สร้างความตกใจอย่างมากให้กับชูฮันตอนนี้ในหัวของชูฮันเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนเต็มไปหมด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเข้าใจมาตลอดยังจะถูกต้องอีกหรือ ”แล้วมันพาไปที่ไหน?มีเงินให้โกยมั้ย?” ชูฮันแสร้งทำเป็นไม่สนใจและพูดล้อเล่น
เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันด้วยสายตาเหนื่อยใจ”ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคือหุบเขาหยินหยางซึ่งมีทางเข้าเพียงแค่เส้นทางนี้ทางเดียว”
”ฟรึบ!”
ชูฮันตกใจทันทีเหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นมา ข้อมูลที่พึ่งจะได้รู้นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่เขารู้ในชาติที่แล้วอย่างสิ้นเชิง!
หุบเขาหยินหยางเดิมทีถูกแบ่งเป็นหุบเขาหยินและหุบเขาหยางไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมในชาตินี้ถึงมีทางเขาเพียงแค่ทางนี้ทางเดียว?!
นี้มันไม่ใช่…
สิ่งที่พึ่งได้รับรู้สร้างความตกใจอย่างมากให้กับชูฮันตอนนี้ในหัวของชูฮันเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนเต็มไปหมด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเข้าใจมาตลอดยังจะถูกต้องอีกหรือไม่?
”หุบเขาหยินหยางเป็นสถานที่ที่มีการปิดบังหนาแน่นมากมันแบ่งออกเป็นหุบเขาหยินและหุบเขาหยาง” เกาช้าวฮุ่ยไม่ได้ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของชูฮัน เขายังคงอธิบายต่อไปอย่างช้าๆ “อีกอย่าง นอกจากรู้เรื่องทางเข้าและหุบเขาหยางที่ไม่มีอาวุธพิเศษเหลือแล้ว ฉันก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว แต่ที่นั่นจะต้องมีสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพวกเราอยู่แน่นอน ไม่ต้องห่วง”
”หุบเขาหยางที่ไม่มีอาวุธเหลือ?…”ชูฮันจับใจความสำคัญได้ทัน
”อาวุธที่ซูเฟิงใช้อยู่มาจากหุบเขาหยางแห่งหุบเขาหยินหยางถ้ามันไม่ใช่ของที่ได้มาจากคนอื่น แสดงว่าซูเฟิงจะต้องเคยไปยังหุบเขาหยางมาก่อน” น้ำเสียงของเกาช้าวฮุ่ยนิ่งเรียบ เขาจ้องหน้าชูฮันตรงๆ “นายไม่ได้ถามเขาเหรอ?”
ชูฮันตอบเกาช้าวฮุ่ยทันที”นั่นคือโอกาสของตัวเขาเอง ฉันไม่สิทธิไปถาม” ”นายเป็นคนที่แปลกจริงๆ”เกาช้าวฮุ่ยยิ้ม
”แต่ฉันเคยเห็นอาวุธอีกสองชิ้นมาก่อน”ชูฮันตัดสินใจเล่า “ผู้หญิงที่ชื่อเจียงหลิงโหลวมีเคียวยักษ์ลำแสงเงินขนาดพอๆกับหอกด้ามยาวสีทองของซูเฟิง และอีกคนคือต้านฮวง เขาพยายามจะฆ่าฉันอยู่สองครั้งแต่ไม่สำเร็จ อาวุธของเขาคือดาบยาวลำแสงสีฟ้า”
นี่คืออาวุธเหนือธรรมชาติจากหุบเขาหยินหยางที่ชูฮันรู้จักทั้งหมดมีสามชิ้นแต่ชูฮันนั้นไม่รู้ถึงความเกี่ยวข้องและความสำคัญของทั้งสามชิ้นนี่เลย
”อันที่จริงมันมีทั้งหมดสี่ชิ้น” เกาช้าวฮุ่ยตัดสินใจเฉลย “ตวนเจียงเหว่ยมีมีดสั้นลำแสงสีม่วงอยู่ในมือ”
ชูฮันตะลึง”ตวนเจียงเหว่ย? หมอนั่นเอาเวลาที่ไหนเดินทางตามหาหุบเขาหยินหยางกัน?”
”เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนมอบมันให้เขา”เกาช้าวฮุ่ยกระพริบตา สีหน้าเต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง ชูฮันยืนนิ่งงันเขารู้สึกตกใจกับสถานการณ์เหนือความคาดหมายที่มีแต่ความวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
”นอกจากฉันแล้วมันจะต้องมีคนอื่นที่รอให้เส้นทางในท่าเรือหนานช้าเปิดออกเหมือนกัน” เกาช้าวฮุ่ยพูดต่อ “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่ที่ฉันมั่นใจคือเรามาถึงจุดหมายแล้ว แต่เส้นทางมันยังไม่ปรากฏขึ้น”
ชูฮันจ้องหน้าเกาช้าวฮุ่ยด้วยสายตาจริงจัง”นายบอกฉันมาตรงๆว่าแผนการต่อไปคืออะไร?”
”หลังจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านประมงนี้สงบลงนายจะต้องไปเปิดประตู” เกาช้าวฮุ่ยตัดสินใจพูดออกเสียงเรียบ
”ฉัน…”ชูฮันชี้นิ้วใส่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจ “เปิดประตู?”
”ใช่นายต้องรวบรวมคนให้ครบแปดคนเพื่อเปิดเส้นทางเข้าสู่หุบเขาหยินหยาง” เกาช้าวฮุ่ยมองชูฮันด้วยสายตาคลุมเครือ “ตอนนี้นายมีสามคนแล้วที่มีคุณสมบัติที่จะทำให้ประตูเปิด”
”คนที่มีคุณสมบัติแปดคน?”ชูฮันทวนคำอย่างช้าๆ มองเกาช้าวฮุ่ยด้วยสายตาคมกริบ
มันจะต้องมีคนที่เคยเข้าทดสอบเสาหินประเมิณพิเศษระยะ2 และได้ตราที่เป็นเครื่องยืนยันทั้งหมดคน…นั่นคือสิ่งที่ชูฮันรู้
ในตอนนั้นชูฮันเคยให้ฟานเจี้ยนนำเปิดการทดสอบในเสาหินพิเศษระยะ 2 และก็ได้ตราประหลาดๆกลับออกมา จากนั้นก็ให้ซูเฟิงเข้าไปทำการทดสอบและซูเฟิงก็ได้ตราประหลาดกลับมาเหมือนกันก่อนที่ชูฮันจะจากมาเมืองอันลูพร้อมกับตราประหลาด
นอกจากในมือชูฮันที่ตอนนี้มีทั้งหมดสามชิ้นเขายังขาดตราอีกห้าชิ้นเพื่อที่จะเปิดประตูเสาหินประเมิณพิเศษ
ในกรณีนี้ชูฮันสามารถรวมทีมแปดคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าขึ้นมาได้ง่ายๆ ทว่าเนื่องจากเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นแค่นี้ทุกอย่างก็ล่าช้าไปมากแล้ว ชูฮันดีใจที่ตัวเองไม่ลังเลที่จะตราประหลาดพวกนี้มาด้วยรวมถึงการพาซูเฟิงและฟานเจี้ยนผู้ทรงพลังเดินทางมาด้วยครั้งนี้!
แต่ตอนนี้การที่เกาช้าวฮุ่ยพูดเรื่องเส้นทางเข้าหุบเขาหยินหยางและการเอ่ยขอตราประหลาดของแปดคนความบังเอิญที่น่าตกใจทำให้ชูฮันนึกถึงอันดับรายชื่อเสาหินขึ้นมาก่อนทันที….ทางเข้าเพียงทางเส้นเดียวของหุบเขาหยินหยางอยู่ที่ท่าเรือหนานช้า และเสาหินประเมิณพิเศษเองก็อยู่ที่ท่าเรือหนานช้า
ถ้าจะบอกว่ามันไม่มีความเชื่องโยงระหว่างทั้งสองเรื่องนี้…ชูฮันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!
”มันเป็นสถานการณ์เฉพาะนายจะรู้เองเมื่อภัยพิบัติในหมู่บ้านประมงสงบลง” เกาช้าวฮุ่ยเอ่ยขึ้น จากนั้นก็พูดถึงซูเฟิงและฟานเจี้ยน “นายมีตราของพวกเขาัม้ย?”
แน่นอนสิ!
”ตรานี่มันแปลกมากฉันให้ทุกคนพกติดตัวเสมอ” เลือดของชูฮันแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัว และในตอนนั้นเองเขาตัดสินใจถามคำถามออกไป “แต่หมู่บ้านประมง?”
เกาช้าวฮุ่ยเผยรอยยิ้มดูมีลับลมคมในจากนั้นก็ชี้ไปที่พื้นใต้เท้าตัวเอง “ที่นี่คือท่าเรือหนานช้า”
”เฮือก!!!”
ความคิดของชูฮันเหมือนถูกระเบิดถล่มเข้าอีกครั้งความแปลกประหลาดที่เขาสัมผัสได้ตลอดการเดินทางทำให้เขาเองก็สงสัยและรู้สึกผิดปกติอยู่เสมอ
หมู่บ้านประมงแท่นแผ่นหินก้อนยักษ์แปลกๆ ชาวบ้านที่หายตัวไป ท่าเรือหนานช้า เสาหินประเมิณพิเศษระยะ 11 หุบเขาหยินหยาง….
อะไรคือความเกี่ยวข้องทั้งหมดกันแน่?
มีความลับอะไรซ่อนอยู่?
บทสนทนาระหว่างชูฮันและเกาช้าวฮุ่ยนั้นแผ่วเบามากจนเกือบจะเป็นเสียงพึมพำและไม่มีใครได้ยินเลยทั้งนั้น แม้แต่ซูเฟิงหรือฟานเจี้ยน
มันเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆเท่านั้นที่ฟานเจี้ยนสามารถหลอกตบตาเจียงหลินเทียนและอู๋กงได้สำเร็จทำให้สีหน้าของทั้งสองหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด พวกเขาอยากจะทำงานใหญ่ให้เร็วที่สุด
”เพราะฉะนั้นต่อไปนี้หลังจากที่พวกนายทำการประเมิณขององค์กรนักล่าเสร็จเรียบร้อย พวกนายก็จะได้กลายเป็นสมาชิกขององค์กรนักล่าและได้รับการยอมรัยอย่างเป็นทางการ” ฟานเจี้ยนพูดต่อ เขาจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ยังไม่มีใครเห็น “เพราะนายเป็นคนมีความสามารถ ในฐานะผู้ก่อตั้งองค์กรนักล่าฉันจะออกแบบการประเมิณที่พวกนายสองคนสามารถร่วมมือด้วยกันได้ขึ้นให้”
อู๋กงและเจียงหลินเทียนหูพึ่งทันทีตอนแรกที่ฟานเจี้ยนเริ่มพูดทั้งสองคนมีสีหน้าซีดๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากไม่นานก็เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมา ชูฮันยืนมองภาพตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับความสามารถในการหลอกล่อคนที่ฝังอยู่ในพันธุกรรมของฟานเจี้ยน!