Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1109 กลายเป็นคนรู้จัก
อู๋เติงรีบรับเหรียญล่มสลายมา100,000 เหรียญมาทันทีพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เขายืนอยู่ข้างชูฮันด้วยท่าทางแสนจะภูมิใจ ป่ายหวีเนอที่เป็นคนไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้วจึงไม่ทันสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของอู๋เติง ขณะที่ต้านฮวงก็ถามเสี่ยวเมิงชีว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างชูฮันและอู๋เติงด้วยความสงสัย
ห้ามถามอะไรทั้งนั้น เสี่ยวเมิงชีไม่คิดสนใจ จุดประสงค์ของเธอก็เหมือนกับตระกูลเกาและตระกูลป่าย เธอไม่สนใจว่าผู้เข้าร่วมในกลุ่มจะทำอะไร สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือให้เส้นทางสู่หุบเขาหยินหยางเปิดออก
และตอนนี้คนทั้งหมดรวมกันก็มีชูฮัน ซูเฟิง ฟานเจี้ยน อู๋เติง ต้านฮวง ชายลึกลับ ทั้งหมดรวมกันหกคน แต่มันยังขาดไปอีกสองคน
เธอเข้าไปในเสาหินได้มั้ย? ในตอนนั้นเองจู่ๆเกาช้าวฮุ่ยก็หันไปถามป่ายหวีเนอโต้งๆ สำหรับเรื่องนี้เกาช้าวฮุ่ยก็มีความสงสัยอย่างมากเหมือนกันเพราะเขาเห็นชื่อของป่ายหวีเนอปรากฏอยู่บนอันดับรายชื่อของเสาหิน
ทำไมฉันต้องทำ? ป่ายหวีเนอตอบสั้นๆอย่างเย็นชา
เกาช้าวฮุ่ยนิ่วหน้าใส่ป่ายหวีเนอมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะนึกถึงความไม่บริสุทธิ์ของสายเลือดจากสีของเส้นผมและดวงตาของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงยิ้มเยาะใส่ ในฐานะลูกครึ่งของตระกูลป่าย ฉันคิดว่าครั้งนี้เธอน่าจะเป็นคนที่เข้าร่วมได้?
ฉันไม่มีตรา คำตอบของป่ายหวีเนอทั้งสั้นและชัดเจน
โอ้ เกาช้าวฮุ่ยทำท่าขบขัน หลังจากกลับไปตระกูลป่าย เธอคงไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยสินะ ฝีมือเลยตกแบบนี้?
ป่ายหวีเนอไม่พูดอะไรอีกเธอเมินเฉยต่อคำพูดของเกาช้าวฮุ่ยอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เกาช้าวฮุ่ยรู้สึกอยากจะอัดกำแพงเพื่อระบายอารมณ์เหลือเกิน
เมื่อได้เห็นว่าเกาช้าวฮุ่ยอยากจะให้ป่ายหวีเนออารมณ์ขึ้นและโต้เถียงกลับชูฮันที่ทำข้อตกลงกับอู๋เติงเรียบร้อยก็เดินผละออกมา มุ่งหน้าไปหาเกาช้าวฮุ่ยและกระซิบด้วยน้ำเสียงข่มขู่ นี่คือพี่สะใภ้นาย เบาๆหน่อย
เกาช้าวฮุ่ยยืนมึนงงทันทีจ้องหน้าชูฮันอย่างพูดไม่ออก ตอนนี้ในหัวเขามีปัญหาสองคนที่ตีกันไปมา
ชูฮันเป็นผู้ชายของตระกูลป่าย?
ชูฮันจะกลายเป็นพี่ใหญ่?
ขณะที่เกาช้าวฮุ่ยกำลังตกอยู่ในภวังค์หวังไคก็ส่งเสียงขึ้นในหัวชูฮัน ชูฮัน นายรู้ได้ยังไงว่าป่ายหวีเนอความจำเสื่อม? แม้ว่ามันจะดูผิดแปลกแต่อย่างที่อู๋เติงบอกว่า ใครก็ตามที่โดนมือเธอจะต้องตายทันที แต่นายกลับไม่เป็นอะไร หรือเป็นเพราะว่าเธอจำนายได้?
มันคือความจำของกล้ามเนื้อ ชูฮันตอบ ในหัวของเธอไม่มีข้อมูลหรือความทรงจำเกี่ยวกับฉัน แต่ความทรงจำของร่างกายและกล้ามเนื้อมันไม่สามารถลบออกไป ดังนั้นพอตอนที่ฉันสัมผัสโดนตัวเธอ ร่างกายของเธอจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติเพราะมันจำฉันได้
เดิมทีป่ายหวีเนอก็เป็นคนที่ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอยู่แล้วหลังจากสูญเสียความทรงจำไปในครั้งนี้เธอยิ่งกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกเข้าไปอีก ชูฮันพูดพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นี่คือเหตุผลที่ทำไมตระกูลป่ายถึงได้ลบความทรงจำของป่ายหวีเนอ เพื่อให้เธอฆ่าฉัน
ขณะที่ชูฮันคุยกับหวังไคเกาช้าวฮุ่ยก็ยังคงช็อคอยู่ไม่หาย บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสนิทจนกระทั่งในที่สุดสองคนสุดท้ายก็เดินทางมาถึง
สองคนสุดท้ายที่เดินทางมาเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งผู้ชายอยู่ตรงหน้า แต่งตัวคลุมมิดชิด ส่วนผู้หญิงด้านหลังที่แม้จะแต่งตัวคลุมจนมิดชิดสุดๆแล้ว แต่เพียงแค่แวบแรกที่เห็นชูฮันก็จำเธอได้ทันที
เพราะอาวุธรูปทรงขนาดใหญ่ด้านหลังนั่นมันชัดเจน!
แม้จะถูกห่อด้วยผ้าหนาหลายชั้นแต่ขนาดที่ไม่ธรรมดาจนโดดเด่นทำให้ชูฮันพอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร…
เธอคือเจียงหลิงโหลว!
มีรอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชูฮันทันที…ส่งเจียงหลิงโหลวมาหาเจียงหลินเทียน?
นี้เป็นเรื่องดีคนทั้งแปดคนได้มาถึงครบแล้วและห้าคนในนั้นชูฮันก็รู้จักหมด ส่วนผู้ชายคนที่พึ่งมาถึงล่าสุดและชายลึกลับที่ปรากฏตัวตั้งแต่แรกก็ยังคงไม่เปิดเผยตัวตน และตอนนี้ชูฮันก็ไม่มีทางอื่นแล้ว แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ข้อมูลของคนส่วนใหญ่ในกลุ่ม ดังนั้นชูฮันเชื่อว่าการประเมิณเสาหินในครั้งนี้เขาก็ยังมีโอกาสที่จะชนะ
มองดูผู้ชายที่เดินมากับเจียงหลิงโหลวชูฮันทำเป็นมองอย่างอื่นทั้งๆที่ความจริงเขากำลังลอบมองเจียงหลิงโหลว
และก็แน่นอนว่าเจียงหลิงโหลวจำชูฮันได้ทันทีที่เห็นแวบแรกความรู้สึกในใจของเธอคืออยากจะชักเท้าขึ้นเปลี่ยนทิศทางและหนีไปซะ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ทำได้แค่เดินต่อไปข้างหน้า และหยุดอยู่ท่ามกลางทุกคน เธอยืนอยู่ใกล้ชูฮันขนาดที่เธอสามารถกระซิบคุยกับชูฮันได้โดยไม่มีใครเห็น ฉันจะจ่ายเงินคืน
หาเงินได้ครบแล้วเหรอ? ชูฮันเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอก ทว่ายังมีอำนาจกดดันแฝงอยู่
ฉันจะทำงานให้หนัก—-
เจียงหลิงโหลวถูกชูฮันขัดจังหวะก่อนที่จะได้ทันพูดจบ ครั้งนี้ถ้าเธอฟังและทำตามที่ฉันบอก ฉันจะลดหนี้ของเธอลงครึ่งหนึ่ง
เจียงหลิงโหลวตาโตและรีบพยักหน้ารับทันทีอย่างไม่ต้องใช้เวลาคิด
ชูฮันหัวเราะกลั้วในคอเบาๆ
ตอนนี้เรามีคนครบทั้งแปดคนแล้วเริ่มกันได้เลย เสี่ยวเมิงชีพูดขึ้นคนแรก
เกาช้าวฮุ่ยดึงสติตัวเองกลับมาจากอาการช็อคเขาพยายามยืนนิ่งๆอย่างสงบๆและรอให้มันเริ่มต้น
ส่วนป่ายหวีเนอก็ยังคงเงียบเหมือนเดิมตั้งแต่ที่มาถึง
ชูฮันมองไปที่บรรยากาศแปลกๆตรงหน้าเขาสบตากับเสี่ยวเมิงชีอย่างอดไม่ได้ที่จะเกิดข้อสงสัย…เธอคือใครกันแน่ ทำไมเธอถึงมีสถานะเทียบเท่ากับสองคนจากตระกูลลึกลับ แถมยังไม่สามารถเข้าไปในเสาหินได้เหมือนกับเกาช้าวฮุ่ย?
ย้อนไปถึงระยะแรกของโลกาวินาศที่คฤหาสน์ของเหย่โม่ชูฮันเคยได้ยินชื่อของเสี่ยวชีฉ่ายเตอจากเหย่โม่และเขาก็เต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมาย ชูฮันเคยเห็นชื่อของเสี่ยวเมิงชีในอันดับรายชื่อและตอนนี้เขาก็ได้เจอกับคนชื่อเสี่ยวที่เป็นผู้หญิงอีก
ทั้งคู่ต่างเป็นคนสกุลเสี่ยวความลับของพวกเขาคืออะไร? หรือว่าจะเป็นอีกหนึ่งตระกูลลึกลับ?
แต่ถ้าเป็นตระกูลลึกลับทำไมเกาช้าวฮุ่ยที่บอกชัดว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปในเสาหินได้ แต่เกาช้าวฮุ่ยกลับบอกให้ป่ายหวีเนอเข้าไปอย่างน่าประหลาดใจ…เท่านี้มันก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเสาหินมีข้อจำกัดกับคนจากตระกูลลึกลับ
แล้วทำไมเสี่ยวเมิงชีถึงมีชื่ออยู่ในอันดับรายชื่อได้?
มันมีข้อสงสัยมากเกินไปจนชูฮันไม่สามารถทำความเข้าใจและหาจุดเชื่อมโยงได้ เขาทำได้เพียงแต่ตั้งเสี่ยวเมิงชีไว้ในตำแหน่งผู้น่าสงสัยมากที่สุด
ชูฮันขบคิดอยู่ได้ไม่นานเพราะตอนนี้ทั้งแปดคนได้ยืนเรียงอยู่หน้าเสาหินแล้วเรียบร้อย เผชิญหน้ากับการจัดอันดับรายชื่อที่ดุเดือดที่สุด!
พวกคุณทั้งแปดคนเข้าไปโดยการแข่งขันอย่างยุติธรรมใครแพ้ใครชนะใครได้ผลประโยชน์ นั่นคือชะตาชีวิตของแต่ละคนเอง เสี่ยวเมิงชีพูดเป็นสัญญาณว่าให้ทุกคนเริ่มได้
ทั้งแปดคนต่างมองหน้ากันไปมาชูฮันยืนอยู่ตรงกลางระหว่างฟานเจี้ยนและซูเฟิง เขาใช้สายตากวาดสำรวจทั้งแปดคน จากนั้นเท้าทั้งแปดคู่ก็เก้าเดินออกไปพร้อมกัน ตราประหลาดของแต่ละคนถูกหยิบออกมา มาส่องประกายสะท้อนแทนก่อนที่ร่างของทุกคนจะหายเข้าไปในเสาหิน!