Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1114 ฉันไปซ้าย นายไปขวา
ในการประเมินเสาหินทั้งแปดคนที่เข้าร่วมมาถึงช่วงที่สองนั้นได้เผชิญกับความลำบากมากมายในสถานที่ต่างๆ ในตอนแรกเริ่มของการประเมิณทำให้ทุกคนคิดกันไปว่าศัตรูที่พวกเขาต้องกำจัดคืออีกสามทีมที่เหลือ จนกระทั่งมันผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากการประเมิณเริ่มขึ้นและพวกเขาได้รู้ว่ามันคือการเข้าใจผิดทั้งหมด
อย่างแรกเลยคือแผนที่มันเป็นแผนที่ที่แม้แต่ชูฮันก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ พูดง่ายๆก็คือเมื่อชาติที่แล้วตลอดระยะเวลาสิบปีของโลกาวินาศ มันไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ทั้งแปดคนจะต้องเข้าร่วมประเมิณพร้อมกันแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือทุกคนไม่รู้ว่าจะต้องรับมือยังไงและที่ยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
อย่างที่สองมันมีปราการด่านที่ซับซ้อนเต็มไปหมด การประเมิณครั้งนี้ดูเหมือนจะจงใจเพิ่มการประเมิณที่แตกแขนงไปหลายทาง มันมีสัตว์ประหลาดให้ฆ่ามากมาย มีทางออกหลายทางจนตาลาย ภาพเบื้องหน้าของทุกคนที่มีแนวภูเขาเป็นไล่เป็นทางยาวหมายความว่าเรื่องราววุ่นวายนี้มันยิ่งใหญ่กว่าที่คิด เพราะมันไม่มีที่สิ้นสุด และดูเหมือนจะเป็นเรื่องแสนยากที่จะหาใครเจอในสถานที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้
จะเห็นได้ว่าการประเมิณของเสาหินนั้นมีความหลากหลายมากขนาดไหน!
สี่ทีมยกเว้นทีมของอู๋เติงและต้านฮวงที่เข้าขากันได้อย่างง่ายดาย ขณะที่อีกสามทีมที่เหลือนั้นต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย
ราชานักล่าและชายผู้มีนามแฝงว่ากษัตริย์ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรทว่าที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกัน ทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง
เจียงหลิงโหลวและซูเฟิงก็เริ่มสู้กันทันทีที่เริ่มต้นและแน่นอนว่าผลลัพธ์มันก็ชัดเจนอยู่แล้วทั้งสองไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมมือกันเลยแม้แต่น้อย แม้แต่จะเดินเคียงข้างไปด้วยกันยังเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นหลังจากผ่านไปสองวันทั้งสองคนก็ยังคงต่อสู้กันตลอดไม่มีหยุด ข้ามวันข้ามคืน ไม่สนใจเป้าหมายเดิมทีที่เข้ามาทำการประเมิณ
และทีมสุดท้าย…ตวนเจียงเหว่ยและชูฮันทั้งคู่เอาแต่วางท่าใส่กัน หยั่งเชิงกันไม่เลิก
ทำไมฉันต้องเดินนำ? นี้เป็นครั้งที่สามที่ตวนเจียงเหว่ยเอาแต่ถามคำถามเดินไม่หยุด
ชูฮันกระแทกซิ่วโหลวลงพื้นเสียงดังเขาเองก็ตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามไปแล้วถึงสามครั้งเหมือนกัน แล้วอาวุธในมือนายไปไหน?
ข้อขัดแย้งของทั้งสองมีไม่เคยหยุดทว่าในขณะเดียวกันทั้งคู่ก็สามารถเข้าใจอีกฝ่ายได้เพียงแค่สบตาโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ
เดินทางไปข้างหน้าต่อไปจนในที่สุดก็เข้าสู่เช้าวันใหม่ชูฮันและตวนเจียงเหว่ยก็เดินมาถึงใจกลางของสนามทดสอบได้สำเร็จ ทว่ามันกลับไม่มีอะไรรออยู่อย่างที่คาดไว้ มีเพียงแค่แท่นสูงขนาดความกว้างหนึ่งเมตรและเหมือนจะมีบางอย่างวางอยู่บนนั้น
ทั้งสองเดินเข้าไปใก้ลและก็ได้เห็นนาฬิกาสามเรือนวางอยู่บนนั้นเป็นนาฬิกาหน้าตาแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
นี้มันอะไร? ตวนเจียงเหว่ยเดินไปข้างหน้าและไม่อยากเชื่อว่ามันมีบางอย่างวางอยู่บนแท่นสูงจริงๆ
ตลอดการเดินทางตวนเจียงเหว่ยวาดแผนการไว้ในหัวเป็นลำดับๆ โดยมีชูฮันที่เอาแต่ฟังและพยักหน้าตาม จากนั้นก็เมินเฉยไม่มีการตอบโต้ใดๆ เพราะชูฮันเอาแต่เดินไปในทางที่ตัวเองการ ทำอย่างที่ต้องการโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
ตวนเจียงเหว่ยจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตามชูฮันหากเขาก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับของประหลาดแบบนี้ที่นี่ ตวนเจียงเหว่ยหยิบนาฬิกาเรือนหนึ่งขึ้นมาและพบว่ามันไม่มีเวลาปรากฏอยู่บนหน้าปัด แต่หลังจากสวมมันเข้าที่ข้อมือ หน้าปัดที่เดิมทีเป็นสีดำสนิทกลับปรากฏจุดที่มีแสงสว่างขึ้นมาแปดจุด…สีแดง 6 จุด สีเขียว 1 จุดและเหลือง 1 จุด
ตวนเจียงเหว่ยทั้งประหลาดและงุนงงขณะที่ชูฮันพึมพำกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจ พิกัดของทุกคนงั้นเหรอ?
นี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือความคาดหมายไปไกลเขาไม่คิดว่ามันจะมีของอย่างนี้ในที่แบบนี้ด้วย เขาเชื่อว่าต้องไม่มีใครนึกถึงเรื่องนี้ออกแน่….เดินทางมาถึงใจกลางสนามทดสอบและได้เจอกับนาฬิกาสามเรือน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีไว้สำหรับคนที่มาถึงก่อนสามคนแรกเท่านั้น
ทีมแรกที่มาถึงจะได้นาฬิกากันไปคนละเรือนสีเหลืองสำหรับตัวเองและสีเขียวสำหรับเพื่อนร่วมทีม ส่วนสีแดงสำหรับศัตรู ดังนั้นต่อให้ทีมแรกไม่ร่วมมือ แยกกันไปคนละทางกันมันก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะต่างคนต่างได้นาฬิกาไปคนละเรือน สามารถดูตำแหน่งพิกัดของอีกฝ่ายได้ แต่สำหรับทีมที่สองมันจะมีความยุ่งยากมากหน่อยเพราะมันมีนาฬิกาเหลือเพียงเรือนเดียวและสมาชิกไม่สามารถแยกกันไปคนละทางได้ ดังนั้นจะต้องมีคนที่ยอมเสียสละให้ความร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมในการได้นาฬิกาไปครอง
นายรู้ได้ยังไง? ตวนเจียงเหว่ยถามชูฮันด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุดอย่างแรงเมื่อเห็นว่าจู่ๆชูฮันก็หยิบนาฬิกาที่เหลืออีกสองเรือนขึ้นมา เรือนนึงใส่ที่ข้อมือด้านซ้ายและอีกเรือนใส่ที่ข้อมือด้านขวา
ตวนเจียงเหว่ยตะลึง นาฬิกาเรือนที่สามมันสำหรับทีมต่อไปไม่ใช่เหรอ?
ใช่ ชูฮันสบตาตวนเจียงเหว่ยด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก แต่ทำไมฉันควรจะเหลือไว้ให้พวกเขาล่ะ?
ตวนเจียงเหว่ยพูดอะไรไม่ออกสักคำ!
อืมก็ในเมื่อมันมีเครื่องระบุตำแหน่ง เราก็ไม่ต้องกลัวเรื่องจะหากันไม่เจอแล้ว แบบนี้เราก็สามารถแบ่งงานกันทำได้แล้ว? ชูฮันที่ใส่นาฬิกาสองเรือนดูกระตือรือร้นที่จะลองของเล่นใหม่ที่พึ่งได้มา
แล้วนายจะไปไหน? ตวนเจียงเหว่ยคัดค้านข้อเสนอของชูฮัน เขาเห็นด้วยว่ามันคงน่าอึดอัดไม่น้อยถ้าพวกเขาต้องเดินทางด้วยกัน ดังนั้นการแยกกันไปทำหน้าที่และเจอกันที่ปลายทางมันน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ
ชูฮันเงยหน้ายกแขนขึ้นและพูด ฉันไปทางซ้าย นายไปทางขวา
ดี ตวนเจียงเหว่ยไม่คัดค้าน จากนั้นทั้งสองก็แยกกันไปคนละเส้นทาง
ในขณะที่ตวนเจียงเหว่ยไม่รู้ชูฮันที่เดินห่างออกไปได้พอควรก็เผยรอยยิ้มปีศาจพร้อมพูดพึมพำกับตัวเอง โง่สิ้นดี เรื่องอะไรจะให้ศัตรูมีข้อมูลของเรา มีนาฬิกาสองเรือนก็ยิ่งเป็นผลดีมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
หน้าปัดนาฬิกาของมือข้างซ้ายแสดงจุดเล็กๆและพิกัดตำแหน่งขณะที่ข้างขวานั้นมีชื่อของแต่ละคนปรากฏอยู่บนแต่ละตำแหน่ง! และความลับนี่ก็มีแต่ชูฮันที่รู้เหมือนกับที่เขารู้ว่าต้องเดินทางมายังใจกลางสนามทดสอบทันทีที่เข้ามาในการประเมิณ มันคือประสบการณ์จากชาติที่แล้ว
หลังจากหัวเราะเยาะตวนเจียงเหว่ยชูฮันก็เริ่มผ่อนคลายทว่าในขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เพราะนอกจากจะได้รู้ว่าแต่ละจุดมีใครอยู่ แม้ว่าชื่อทั้งหมดจะเป็นนามแฝงแต่ชูฮันก็รู้ดีว่าแต่ละคนคือใคร
นอกเหนือจากห้าคนที่รู้จัดหนึ่งในสองชายลึกลับก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าเขาคือตวนเจียงเหว่ย ส่วนอีกคนนั้นยังคงเก็บตัวเงียบไม่เปิดเผยอะไรเลย ทว่าชูฮันได้เห็นชื่อนามแฝงของอีกฝายบนนาฬิกาแล้ว และมันคือ…กษัตริย์!
คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ตัวตนของคนที่ใช้นามแฝงนี้แต่ชูฮันรู้ดีเพราะมันคือชื่อเดียว คนเดียวกับในชาติที่แล้ว
คนที่ใช้นามแฝงว่ากษัตริย์…ชื่อนี้คือนามแฝงของราชาลูกผสม…มู๋เย๋! มันมาที่นี้จริงๆ!
ขณะเดียวกันนั้นชูฮันก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยจากการปลอมตัวของมู๋เย๋ในตอนนี้และการที่ชูฮันพึ่งจะตระหนักตัวตนของอีกฝ่ายเมื่อครู่ ในขณะที่คนอื่นๆที่เหลือต่างไม่รับรู้อะไรและไม่มีใครได้ข้อมูลเรื่องจากชูฮัน ชูฮันเกรงว่าทุกคนอาจจะเป็นอันตรายโดยไม่รู้ตัว
แต่ติดตรงที่ว่าชูฮันนึกไม่ออกว่าใครกันเป็นคนเรียกมู๋เย๋มาที่นี้?
ไม่มีทางที่จะเป็นฝีมือเกาช้าวฮุ่ยเด็ดขาดเขารู้ดีว่าการที่เกาช้าวฮุ่ยต้องเผชิญกับลูกผสมมันน่าอึดอัดมากแค่ไหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาช้าวฮุ่ยที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เพราะไม่กล้าฆ่าสิ่งมีชีวิต อีกอย่างเกาช้าวฮุ่ยก็ไม่ใช่เด็กที่สนใจเรื่องซอมบี้และลูกผสมอยู่แล้ว
เสี่ยวเมิงชีเหรอ?
มันทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ชูฮันมีความเข้าใจต่อเสี่ยวเมิงชีเป็นศูนย์ ผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจตลอด หรือป่ายหวีเนอ?
ยิ่งไม่น่าใช่เข้าไปใหญ่เพราะถ้าเธอเห็นมู๋เย๋เมื่อไหร่ เขาเกรงว่าเธออาจจะฆ่ามู๋เย๋ตายทันที!