Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1116 จนมุม
เวลานี้ซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวได้ถูกคัดออกไปจากการแข่งแล้วทั้งคู่มาปรากฏตัวในอีกสถานที่หนึ่ง เป็นพื้นที่เปิดกว้างสว่าง ตรงข้างหน้ามีหน้าจอขนาดใหญ่ มันเป็นหน้าจอคล้ายๆกับหน้าปัดนาฬิกาของตวนเจียงเหว่ยและชูฮัน บนหน้าจอมีจุดกระพริบไฟอยู่หกจุด นอกเหนือจากชื่อที่ปรากฏและสีของไฟ ที่เหลือนั้นก็คล้ายกับที่หน้าจอของชูฮันและตวนเจียงเหล่ยเลย
ทั้งหมดก็เพื่อความสะดวกในการยืนยันตำแหน่งพิกัดของคนที่เหลือ!
ซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวกระพริบลืมตาตื่นขึ้นพร้อมๆกันบาดแผลตามร่างกายและความอ่อนล้าที่เคยมีหายวับไปทันทีเนื่องจากมันเป็นการต่อสู้จำลองที่ไม่ใช่เรื่องจริง
สิ่งแรกที่ทั้งคู่ทำหลังจากกลับสู่ความจริงนั้นไม่ใช่การสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบหรือสงสัยเกี่ยวกับหน้าจอขนาดใหญ่ข้างหน้าแต่เป็นการรีบตั้งท่าเตรียมพร้อม ยกอาวุธในมือขึ้นอย่างพร้อมจะสู้ต่อทันที!
เพียงแต่ว่า…
ซือซือ!
เกิดกระแสพลังงานขึ้นกลางอากาศระเบิดเข้าใส่ทั้งคู่ทันทีทำให้ทั้งคู่ต่างขยับกันไม่ได้อยู่พักหนึ่ง และขณะเดียวกันรอบตัวทั้งสองก็มีกระจกสีดำครอบแต่ละคนเอาไว้
ทำให้ความเป็นไปได้ในการจะต่อสู้ของทั้งสองต้องหยุดลงทันที!
เจียงหลิงโหลว!รอให้ฉันออกไปได้ก่อนเถอะ ฉันจะฆ่าเธอ! ซูเฟิงที่เห็นเป้าหมายแต่ไม่สามารถฝ่าไปได้ จึงได้แต่ตะโกนเสียงดังทว่ากระจกแก้วนั่นดูเหมือนนอกจากจะแยกทั้งคู่ออกจากกันแล้ว เหมือนจะปิดกั้นเสียงที่เข้าไปด้วย มันจึงกลายเป็นว่าซูเฟิงตะโกนพูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากโดนขังอยู่สักพักทั้งคู่ก็เริ่มสงบลง ไม่นานท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสนิทและแสนน่าเบื่อ ทั้งสองก็หันไปให้ความสนใจกับหน้าตอใหญ่ตรงหน้าแทนและก็ได้รู้ว่าตัวเองเป็นคู่แรกที่โดนส่งออกา
————————-
บนเนินเขาแห่งนี้มีเส้นทางถนนที่แปลกประหลาดอย่างมากมันมีหน้าผาสูงตระหง่านที่ทางเดินถูกตัดขาดเป็นช่วงๆ ยากลำบากต่อการเดินทาง
ตวนเจียงเหว่ยวิ่งมาตลอดทางและเข้าใกล้จุดสีแดงบนหน้าจอขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ดังนั้นแม้จะเร่งความเร็วสุดฝีเท้าก็จริง หากในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัยและระมัดระวัง
พั่ก!
เท้าสองข้างของตวนเจียงเหว่ยเหยียบลงบนหินก้อนใหญ่และเห็นเงาดำเหมือนร่างของคนจากที่ไกลซึ่งมันเป็นตำแหน่งเดียวกับจุดสีแดงบนหน้าปัดนาฬิหาบนข้อมือเขา
เจอตัวแล้ว! ตวนเจียงเหว่ยพูดขึ้นพร้อมยิ้มกว้างให้ตัวเองเขาพยายามไม่ส่งเสียงใดๆ ไม่ให้ฝ่าเท้ากระทบพื้นขณะค่อยๆหลบหลังต้นไม้และก้อนหินพร้อมเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายขึ้นเรื่อยๆ
มันงั้นเหรอ?
ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นร่างของอีกฝ่ายชัดขึ้นตาของตวนเจียงเหว่ยมีประกายวาววาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนตรงหน้าเขาคือคนเดียวที่ปรากฏในหมู่ผู้เข้าร่วมทั้งหมดแปดคน เป็นเพียงคนเดียวที่ตวนเจียงเหว่ยเกิดความรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ
หน้ากากสีดำยังคงปิดหน้าแน่นมิดอยู่และยังคงเงียบเฉยเหมือนเดิมตั้งแต่แรกไม่เปลี่ยนตวนเจียงเหว่ยเองก็ลอบสังเกตอีกฝ่ายอย่างละเอียดมาตลอดเหมือนกับชูฮัน ทว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็เดาไม่ออกอยู่ดีว่าภายใต้หน้ากากนั้นอีกฝ่ายคือใครกันแน่
ใครกัน?
ตวนเจียงเหว่ยที่เต็มไปด้วยความสงสัยเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นอีกทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่และสิ่งต่างๆตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น
เพียงแต่ทันทีที่ตวนเจียงเหว่ยก้าวเข้ามาในระยะที่พร้อมจะโจมตีจู่ๆเขาก็หันหลังกลับกระทันหันและพุ่งตัวกลับไปซ่อนที่เดิมด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เขาแทบจะทุ่มพละกำลังทั้งหมดไปในการหลบหนีครั้งนี้
เพราะเมื่อครู่นี้รอบๆชายลึกลับมันมีซากศพของสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งขนาดใหญ่นอนตายเกลื่อนเต็มไปหมดไม่ใช่ขนาดแบบที่เจียงหลิงโหลวและซูเฟิงเจอ แต่เป็นขนาดที่ใหญ่เกินขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์
มันเหมือนกับสัตว์พวกไดโนเสาร์ในยุคแรกเริ่มของโลก!
สิ่งที่ทำให้ตวนเจียงเหว่ยตกใจมากที่สุดคือสิ่งที่เขามองเห็นจากที่ไกลในตอนแรกว่าคือทางเดินที่ตัดขาดเป็นช่วงๆนั้นแท้จริงแล้วมันคือหัวของสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูดตัดขาดต่างหากเลือดจำนวนมากที่ยังสดอยู่ไหลมานองรวมกันจนเหมือนกับแม่น้ำเลือดสีแดง
ทั้งหมดนี้ถูกฆ่าโดยชายลึกลับ?!
ตวนเจียงเหว่ยรีบถอยหลังหนีหัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว ขณะเดียวกันเขาเองก็ถือว่าโชคดีมากที่ระมัดระวังตัวอย่างดีมาตลอดทาง ทำให้อีกฝ่ายไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขาและตามมาได้
เพียงแค่ในตอนนี้หน้าที่ของเขาคือการติดตามและแย่งตรามาจากคู่แข่ง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องบอกชูฮันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ชายลึกลับคนนี้คือใครทำไมถึงมีพลังมากมายขนาดนี้?
ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับคนที่เก่งกาจขนาดนี้มาก่อน?
อย่างไรก็ตามหลังจากตวนเจียงเหว่ยจากไป เขาไม่รู้ตัวเลยว่าชายลึกลับที่กำลังกัดกินหัวใจของสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งขนาดใหญ่ทั้งหลายอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น จู่ๆก็หันหลังกลับไปและมองจ้องไปยังทางที่ตวนเจียงเหว่ยหนีหายไป
คนหรือสัตว์? ชายที่มีนามแฝงว่ากษัตริย์ไม่ได้เห็นร่างของตวนเจียงเหว่ย เขาได้ฆ่าสัตว์พวกนี้ตายทั้งหมดในรวดเดียว ทำให้ตอนนี้เขาขี้เกียจจะไล่ตามใครอีก เพียงแค่มองไปรอบๆจากนั้นก็กลับไปกินหัวใจในมือต่อ
ตวนเจียงเหว่ยที่หนีมาตัวสั่นเทิ้มด้วยความกังวลในหัวคิดหาแต่มาตรการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลังของชายลึกลับนั้นน่ากลัวอย่างมาก แม้แต่เขาและชูฮันที่ได้นาฬิกามาก็ยังอาจจะแพ้อีกฝ่ายได้!
ตลอดทางที่ตวนเจียงเหว่ยรีบเร่งวิ่งหนีมันมีก็มีจุดสีแดงอีกจุดปรากฏขึ้นและกำลังเข้ามาใกล้เขาด้วยความเร็วอย่างมาก
ตวนเจียงเหว่ยมองดูจุดสีแดงบนหน้าปัดและเปลี่ยนความคิด ถ้าเราสามารถรวบรวมคนที่เหลือมาและทำข้อตกลงกับคนของตระกูลลึกลับ เปอร์เซ็นต์ในการชนะของเราจะเพิ่มขึ้นเยอะมั้ย? หลังจากคิดแผนการออกความสำนึกก็ปะทุขึ้นมาในอก…ถ้ารู้อย่างนี้เขาคงจะไม่เตะซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวออกไป!
การสูญเสียสองกำลังหลักสำคัญสองกำลังไปทำให้พวกเขาเหลือความเป็นไปได้เพียงแค่สี่คน เพราะที่เหลืออีกหนึ่งคนคือสมาชิกทีมเดียวกับชายลึกลับที่ไม่สามารถย้ายมาอยู่ตรงข้ามได้
ดังนั้นสถานการณ์จึงค่อนข้างไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขาเลยและมันทำให้เขาจนมุม!
ระยะห่างระหว่างจุดสีแดงสองจุดนั้นเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนตำแหน่งของจุดสีแดงหยุดอยู่ตรงพื้นที่แถวใกล้แม่น้ำและในที่สุดตวนเจียงเหว่ยก็ได้เจอกับอีกฝ่าย
นายคือ? ตาของตวนเจียงเหว่ยเป็นประกาย เขาแอบตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของอีกฝ่าย ฉันจำได้ว่านายอยู่กับชูฮัน ใช่มั้ย?
ตอนที่ฟานเจี้ยนเห็นตวนเจียงเหว่ยเขาก็ประหลาดใจอย่างมากเหมือนกัน หากกฌพยักหน้ารับทันทีที่ได้ยินคำถาม ฉันว่าฉันรู้จักนาย นายเป็นเจ้าของกริชที่ชื่อตวนเจียงเหว่ย ไม่คิดว่านายจะมาด้วย?
โชคดีที่ทุกคนจะกลายเป็นเพื่อนกับชูฮัน ตวนเจียงเหว่ยกระตือรือร้นที่จะสร้างเส้นสาย
ใช่ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน ถ้างั้นสนใจเข้าร่วมองค์กรนักล่ามั้ย? ฟานเจี้ยนรีบมองอีกฝ่ายไม่วางตา
เอ่อ… ตวนเจียงเหว่ยเริ่มติดอ่างทันทีอย่างไม่รู้จะตอบอะไร…