Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1154 ใครจะไป?
ตอนที่ 1154 ใครจะไป?
เวลาผ่านไปขณะนี้ผู้ส่งสารได้มาอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นเวลาสิบสี่วันจนเกือบจะครั้งเดือนแล้ว ค่ายเขี้ยวหมาป่าดูแลเขาเป็นอย่างดี ทั้งอาหารก็อร่อยและเป็นเลิศ เพียงแค่…
พลเอกชูฮันยังไม่ปรากฏตัวสักทีแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อ?
เมื่อเห็นว่ามันเป็นวันสุดท้ายแล้วก่อนจะถึงกำหนดการประชุมในขณะที่ผู้นำของค่ายอื่นๆก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปยังซางจิงกัน แต่ตัวเขากลับติดค้างอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่านี่โดยไปไหนไม่ได้
ฉันถามว่าเมื่อไหร่พลเอกชูฮันจะกลับมา?! ผู้ส่งสารแทบจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ เขาได้แต่จ้องหน้าเหอเฟิงและถามคำถามเดิมที่ถามประจำอยู่ทุกวัน
เหอเฟิงปาดเหงื่อที่หน้าผากออกด้วยความเหนื่อยใจ พวกเราไม่รู้จริงๆ เอาเป็นว่าทำไมคุณไม่บอกพวกเรา แล้วเราจะจัดการหาคนแทนท่านพลเอกชูฮันให้? ในเมื่อนี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว คาดว่าต่อให้พลเอกชูฮันกลับมาก็คงไม่ทัน
พูดตามตรงแม้ว่าเหอเฟิงจะทำเป็นไม่รู้เท่าไหร่ ความจริงแล้วอิงจากข้อมูลที่เชื่อถือได้จากทางหน่วยข่าวกรองลับของเขี้ยวหมาป่า เขาทราบว่าขณะนี้ผู้นำของค่ายทั้งหลายกำลังเตรียมตัวออกเดินทางกันอยู่ในขณะนี้ โดยไม่จำเป็นต้องเดาเลย เหอเฟิงรู้ว่ามันจะต้องมีประชุมใหญ่จัดตั้งขึ้นที่ซางจิงแน่นอน
การประชุมที่ใหญ่เช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นที่จริงจังไม่เบาเลย แต่ชูฮันกลับไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย?
ช่างเลือกได้ถูกวันจริงๆ!
ผู้ส่งสารที่กำลังกระวนกระวายและทันทีที่ได้ยินคำแนะนำของเหอเฟิงเขาก็ตื่นตัวและรีบพูดขึ้นทันที ไม่ได้ครับ ดูเหมือนว่าท่านพลเอกชูฮันคงจะกลับมาไม่ทันจริงๆ ช่างเป็นพลเอกที่แสนอิสระเสรีเหลือเกิน รอก่อน ขอผมกลับไปรายงานที่ซางจิงก่อน!
เหอเฟิงเองก็ไม่ได้เก่งกับการรับมือกับใครเขาจึงรีบส่งผู้ส่งสารขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังซางจิงอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขี้ยวหมาป่าก็เรียกการประชุมฉุกเฉิน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของเขี้ยวหมาป่าเข้าร่วมโดยไม่มีข้อแม้ แม้แต่ซางจิ่วตี้ก็ยังมา
การประชุมที่จะจัดขึ้นที่ซางจิงนั้นเป็นการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในยุคโลกาวินาศคนที่มาส่งมอบจดหมายเชิญนั้นมีตราของสมาชิกผู้ก่อตั้งซางจิงด้วย ซึ่งแสดงถึงอำนาจสูงสุดในจีน และทุกคนที่ได้รับเชิญจะต้องเข้าร่วม เหอเฟิงอธิบายในที่ประชุม
ผู้ชายคนที่จู่ๆก็มาที่เขี้ยวหมาป่าและอยู่ที่นี้มาสิบกว่าวันเท่านี้พวกเราก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้มันจริงจังมากขนาดไหน คนหนึ่งในหน่วยข่าวกรองลับพูดขึ้น น่าเสียดายที่ระบบหน่วยข่าวกรองของเราไม่สามารถเจาะข้อมูลเข้าไปถึงข้อมูลภายในของซางจิงได้ จึงไม่สามารถสืบได้ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆกันแน่
เป็นเรื่องดีที่เราคว้าโอกาสแรกไว้ได้แต่ยังดีที่เราป้องกันตัวไว้ก่อนได้ทัน เรื่องแบบนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทันทีเพียงแค่แรกเจอ หลูอี๋คัดค้าน
หลูอี๋พูดถูกเราไม่มีทางเดาตอนตบได้ ในเมื่อมันเป็นการประชุมใหญ่ขนาดนี้ มันจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษยชาติอย่างแน่นอน เหอเฟิงพยักหน้า คำถามที่สำคัฐที่สุดคือพลเอกชูฮันไม่น่าจะกลับมาได้ทัน เรา…เขี้ยวหมาป่า หนึ่งในกองทัพนักรบอันดับต้นของจีนจะต้องเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ในฐานะตัวแทนของพลเอกชูฮัน
ในห้องประชุมเงียบสนิทสายตาของทุกคนมองไปยังเหอเฟิงอย่างแน่วแน่ ความหมายของคำพูดเหอเฟิงเองนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว
สมองของเหอเฟิงสามารถทำการประมวลผลสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วเขามีอำนาจในการบัญชาการรองลงมาจากชูฮันตามลำดับ ดังนั้นในโอกาสนี้มันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเขาเอง?
ฉันไปไม่ได้ เหอเฟิงส่ายหัวปฏิเสธ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าฉันอยู่ที่เขี้ยวหมาป่า ถ้าฉันไปความลับนี้จะถูกเปิดเผย ทั้งทีมหลงยาและฮูหยาจะต้องถูกตรวจพบด้วยเช่นกัน ฉันได้ทำการแจ้งว่าสมาชิกทั้งสองทีมตายกันไปหมดแล้ว เมื่อไหร่ที่เรื่องของฉันถูกเปิดเผย มันจะทำให้ทุกคนถูกผลักลงไปในกองไฟด้วยทั้งหมด
ทีมหลงยาและฮูหยาถูกลบออกไปอย่างเป็นทางการแล้วสมาชิกทั้งหลายถูกแบ่งแยกออกไปตามความสามารถของแต่ละคน กระจัดกระจายไปตามสามทีมพิเศษอย่างนักฆ่าขนนก กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า เนื่องจากนี้เป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องทุกคนและทำให้พวกเขาสามารถใช้ความสามารถที่ตัวเองถนัดได้ถูกทาง
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเหอเฟิงทุกคนนิ่วหน้าคิ้วขมวด หรือให้ฉันไปแทน? หลูอี๋เอ่ยขึ้นอย่างลังเลไม่แน่ใจ ฉันเป็นผู้นำค่ายเจี๋ยนอี๋ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเขี้ยวหมาป่า ตำแหน่งพลโท น่าจะเหมาะสมได้มั้ง?
เหอะ! หลิวยู่ติงส่งเสียงค้านขึ้นมาทันที ซางจิงต้องการให้หัวหน้าชูฮันไปร่วมด้วย เห็นได้ชัดจากการตามตัวขนาดนี้ แล้วจะส่งคนอื่นที่ไม่ใช่คนของเขี้ยวหมาป่าไปแทนแบบนี้มันจะช่วยอะไรได้? ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเหอเฟิงแล้ว?
นายก็สามารถไปแทนได้เหมือกนัน หยวนหมิน หัวหน้าแผนกกาารทูตมองหลิวยู่จิง นายเป็นหัวหน้าแผนกระเบียบการทหาร นอกเหนือจากหัวหน้าชูฮันแล้ว นายเป็นคนที่มีอำนาจสั่งการกองทัพเขี้ยวหมาป่ามากที่สุด และทหารทุกคนของเขี้ยวหมาป่าเชื่อฟังนาย!
ไม่ หลูเหวินเฉิงแสดงความคิดเห็นต่อ ฉันยังคิดว่าหัวหน้าแผนกการทูตน่าจะเหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เพราะถือเป็นตัวแทนในการติดต่อของเขี้ยวหมาป่า
ท่ามกลางเสียงดังที่แตกไปหลายทางในห้องประชุมจนเกิดความโกลาหลขนาดย่อมทุกคนต่างผลักกันไปที่คนนั้นคนนี่ แต่นอกเหนือจากที่หลูอี๋เสนอตัวเองแล้ว ไม่มีใครอยากไปเป็นตัวแทนเลยทั้งนั้น!
ขณะที่เสียงในห้องประชุมดังตีกันวุ่นวายแตกกันไปคนละทาง จู่ๆมันก็มีเสียงที่มุมห้องดังขึ้นมา
แจ๊บ!แพรบ!
เสียงแปลกจากมุมห้องทำให้ทุกคนเงียบเสียงและหันไปมองตามด้วยความสงสัยและก็ได้เห็นเฉินช่าวที่มือช้างซ้ายกำลังแทะน่องไก่กิน ส่วนมือข้างขวาถือชามข้าวอยู่
เหอเฟิงเองก็มองตามด้วยสายตาเหลือเชื่อ
เฉินช่าวเย่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่มุมห้องโดยไม่มีแม้แต่จะสนใจอะไรเลย เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมาที่เขา มีอะไร?
ซางจิ่วตี้หมดคำจะพูด ยังจะมีอารมณ์มากินอีก?
เฉินช่าวเย่พลันฉีกยิ้ทกว้างและเอ่ยตอบ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนิ? ไม่เข้าใจที่ทุกคนพูด ฉันเป็นคนเถื่อ ไม่สามารถวิเคราะห์กลยุทธ์อะไรได้ แน่นอนว่าถ้าเป็นบนสนามรบมันก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉันมีกลเม็ดมากมายที่หัวหน้าสอนมาสำหรับการรบ
เหอเฟิงบิดมุมปากอย่างกระอักกระอ่วนเขาจ้องเฉินช่าวเย่ตาค้าง หรือจะดีกว่ามั้ยถ้าเราให้เฉินช่าวเย่ไปซางจิงเพื่อรับประทานอาหารดีๆ?
คนที่เหลือเมื่อได้ยินเช่นนั้นจู่ๆก็ส่งเสียงเอออออย่างเห็นด้วยกันเกือบทั้งหมดจู่ๆพวกเขาก็เข้าใจและมีความเห็นตรงกันโดยไม่ต้องพูดอะไรเพียงแค่สบสายตา
หลังจากนั้นการประชุมก็ดำเนินการต่อ
และการประชุมก็จบลง อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเฉินช่าวเย่ยืนอยู่หน้เฮลิคอปเตอรด้วยสีหน้างุนงง ด้านหลังมีเหอเฟิงที่เป็นคนมาส่งเขาขึนเครื่องรออยู่ที่พื้น
และในตอนนั้นเองเฉินช่าวเย่พึ่งจะรู้ตัวและได้สติกลับมาเขาตะโกนลั่นทันที เร็วเข้า! ฉันจะไปเลือกสักคนออกมาเพื่อไปเข้าร่วมการประชุมที่ซางจิงเอง!
เหอเฟิงยิ้มและผลักเฉินช่าวเน่ในชุดเครื่องแบบทหารไปข้างหน้า