Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 1160 รูปแบบที่ทั้งโหดร้ายและอ่อนไหว
- Home
- Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย
- ตอนที่ 1160 รูปแบบที่ทั้งโหดร้ายและอ่อนไหว
ตอนที่ 1160 รูปแบบที่ทั้งโหดร้ายและอ่อนไหว
หลังจากเกาหยวนซุนพูดเรื่องการยกเลิกสัญญาการแต่งงานเสร็จเขาก็เดินตรงไปยังทางออกทันที ฝีเท้าในการเดินดูเรียบง่ายและปกติหากร่างของเขานั้นราวกับหายไปกับทางเดินภายในแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
ตรงไปตรงมา!
ไม่ลากยาวอะไรทั้งนั้น!
ป่ายหยูทำหน้าไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นไม่ว่าสัญญาการแต่งงานเดิมจะถูกจัดวางเอาไว้อย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้ถ้าตระกูลเกาอยากจะยกเลิก ก็แค่ฉีกสัญญาทิ้งเฉยๆแบบนี้เลยก็ได้งั้นเหรอ?
ป่ายหยูเองก็ใช้เงินและความพยายามไปไม่น้อยในการทำลายชื่อเสียงของเกาม่านโชวแต่อีกฝ่ายกลับเล่นแบบนี้!
ในฝั่งของโรเจอร์ก็ได้เห็นสีหน้าราวกับคนกำลังขาดอากาศหายใจของป่ายหยูก็ตัดสินใจเดินออกไปจากที่นี้เหมือนกันเขามาเพราะมันมีสิ่งที่ล่อตาล่อใจเขาแต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อปูทางในการขึ้นเป็นตระกูลลึกลับอันดับหนึ่งของจีน เขาต้องการขึ้นอยู่เหนือทุกคน
ดังนั้นระหว่างตระกูลลึกลับสามคนที่มาเข้าร่วมการประชุมจึงจากไปหมดเหลือเพียงแต่ป่ายหยูทิ้งไว้คนเดียว
การที่ป่ายหยูไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดนั้นยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกรธมากขนาดไหนโกรธจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และเขายังต้องรอให้ผลลัพธ์การลงคะแนนเรื่องสารล่อซอมบี้ออกมาก่อนด้วย เพราะนี่เป็นแค่ก้าวแรกในการเผชิญหน้ากับชูฮันเท่านั้น
ดังนั้นเขาต้องพยายามหนักหน่อยขณะนี้ป่ายหยูนั่งรอหน้าคว่ำดำทมึงถึง รอคอยผลการลงคะแนนไปตามขั้นตอนที่เข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่ามีความถูกต้องและไม่มีการแทรกแซงหรือการโกงใดๆระหว่างกระบวนการ ทำให้กระบวนการมันค่อนข้างช้า เวลานี้เกาหยวนซุนที่เดินออกมาจากห้องประชุมก่อนได้ปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชนบนท้องถนน
และในเวลาเดียวกันนั้นเองที่กำแพงถัดไปข้างๆมีชายคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษหรือโดดเด่นบนตัว เขาเพียงสวมเสื้อคลุมตัวยาวคลุมทั้งร่าง มันไม่ได้ดูใหม่อะไร แถมยังคลุมปิดตั้งแต่ผมจนถึงเท้า ชายคนนี้ยืนรอนิ่งๆอยู่ตรงจุดนี้มานานราวกับรูปปั้นที่ไม่มีการขยับเขยื้อน
ในเมื่เขาถือเสื้อคลุมอยู่อีกตัวหนึ่งหลังจากที่เกาหยวนซุนปรากฏตัวขึ้น ชายที่ยืนเป็นรูปปั้นก็ขยับตัวราวกับมีชีวิตขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหาเกาหยวนซุนเพื่อยื่นเสื้อคลุมในมือให้
นี่ครับ ชายคนเดิมก็ก้มหัวลงขณะยื่นเสื้อคลุมไปให้ จากนั้นก็ถอยหลังไปอยู่ข้างหลังเกาหยวนซุน เสียงที่เปล่งออกมามันสั่นๆและเห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีอายุ
เขาคือลูกหลานของตระกูลที่คอยรับใช้ตระกูลเกาเป็นทาสรับใช้นายใหญ่ของตระกูลเกาที่ตอนนี้รับใช้ผู้นำสูงสุดของตระกูลซึ่งก็คือพ่อของเกาหยวนซุน รวมถึงในบางครั้งก็รับใช้ทายาททั้งสองของตระกูลเกา ผู้นำตระกูลมักเรียกเขาผู้เฒ่า แต่ทายาทรุ่นใหม่จะเรียกว่าลุง ส่วนคนอื่นๆในตระกูลจะเรียกเขาอย่างสุภาพว่าพ่อบ้าน
หลังจากที่ผู้รับใช้ยื่นเสื้อคลุมให้ด้วยความเคารพทั้งสองร่างก็เคลื่อยไหวอย่างรวดเร็วราวกับหายตัวได้
ทั้งสองร่างเคลื่อนผ่านถนนท่ามกลางฝูงชนไปในพริบตาทำให้ผู้คนตามท้องถนนคิดว่าพวกเขาแค่คงตาฝาดไปเพราะไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไร
แล้วเจ้าเด็กน้อยเกาช้าวฮุ่ยละ? เกาหยวนซุนมองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับถามขึ้น
กลับไปที่คฤหาสน์แล้วครับ ผู้รับใช้ด้านหลังยิ้มและตอบ ที่ผ่านมานายน้อยแทบไม่ทำการต่อสู้เลย แต่ครั้งนี้เกือบจะ 80% นายน้อยมีการต่อสู้ใกล้ๆกับหุบเขาหยินหยางครับ
เละเทะไปหมดแล้วทางเข้าของหุบเขาหยินมันเปิดออกง่ายขนาดนั้นเลย? เกาหยวนซุนส่ายหัวอย่างหมดหนทาง สำหรับเขาแล้วการกระทำครั้งนี้มองในแง่ดีไม่ได้เลย ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ทางเข้าของหุบเขาหยินหยางตกอยู่ในมือของพวกมนุษย์ปลา ตลอดพันปีไม่มีใครได้เจอกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ปลาจนคิดกันไปแล้วพวกเขาคจะสูญพันธุ์กันไปแล้วด้วยซ้ำ เป็นไปได้มั้ยว่ามีเหตุการณ์าบางอย่างเกิดขึ้นกับหุบเขาหยินที่เปิดตอนครั้งสุดท้าย มันยากขนาดไหนกันในการเปิดทางเข้าหุบเขาหยิน?
ฮ่าฮ่า ผู้รับใช้หัวเราะและพูดขึ้น นายน้อยมีความสนใจในประวัติศาสตร์ถิ่นฐานของตระกูล ดังนั้นเขาจะถูกหลอกเพราะตัวเองเป็นเหตุ และมันยังมีสมาชิกของอีกสองตระกูลลึกลับเดินทางไปด้วย ทั้งสามคนไม่ใข่พวกอ่อนแอที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ผู้เฒ่าโอ๋เขามากเกินไป!เพราะผู้เฒ่ากับท่านพ่อเอาแต่ตามใจเขามากเกินไปเนี่ยแหละ! เกาหยวนซุนมองไปที่ผู้รับใช้และส่ายหัวอย่างระอา ใครจะร่วมมือกับเขา? ตอนนี้ตระกูลเสี่ยวก็เหลือทายาทเพียงแค่คนเดียวและเธอก็ไม่ได้ปรากฏตัวที่การประชุมด้วย คาดว่าเธอน่าจะเดินทางไปที่หุบเขาหยินหยางกับเกาช้าวฮุ่ย ป่ายหยูตอนนี้ก็อยู่ที่การประชุม ดูเหมือนว่าตระกูลป่ายก็คงแค่ใครสักคนในตระกูลไปที่หุบเขาสินะ
นายน้อยและตระกูลป่ายมักจะไม่ลงรอยกันมาเสมอแม้ว่าป่ายหยูจะเป็นสมาชิกที่สำคัญที่สุดของตระกูลป่าย แต่สำหรับสมาชิกที่ถูกส่งไปหุบเขาหยินหยาง รั้งนี้ท่านเดาผิดไป ครั้งนี้ตระกูลป่ายส่งสมาชิกหลักของตระกูลไปหุบเขาหยินหยาง
อะไรนะ?ตระกูลป่ายมีทายาทคนอื่นอีก? เกาหยวนซุนตะลึง และรีบหมุนตัวกลับไปถามอย่างตกใจ ตระกูลป่าย พวกคนเก่าหัวดื้อที่คอยเรียนรู้จากพวกเราอยู่ตลอด กลับกล้าสร้างทายาทที่เป็นเลือดผสมขึ้นมางั้นเหรอ?
นับตั้งแต่ที่มีการปรากฏของคำสาปขึ้นมาตระกูลลึกลับหลายตระกูลก็มีค่าใช้เป็นจำนวนมากในการรักษษไว้ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลตนเอง ซึ่งแต่ละตระกูลก็จะมีแนวทางปฏิบัติของตนเองอยู่
แนวทางการปฏิบัติของตระกูลป่ายนั้นรุนแรงและเด็ดขาดเป็นอย่างมากโดยการบังคับให้ลูกหลานที่แข็งแกร่งที่สุดแต่งงานกันเพื่อรักษาไว้ซึ่งเลือดบริสุทธิ์ แม้จะสามารถรักษาไว้ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลได้ก็ได้ แต่มันก็มีข้อเสียที่เห็นได้ชัดอยู่เหมือนกัน นั่นก็คืออัตราการเกิดที่ต่ำเป็นอย่างมาก ดังนั้นแม้ว่าตระกูลป่ายจะถือว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พวกเขากลับมีจำนวนสมาชิกน้อยที่สุด
ตระกูลเกาเองก็เริ่มใช้แนวทางปฏิบัติในการสืบทายาทนี้ตั้งแต่แรกเริ่มเหมือนกันทว่าหลังจากสังเกตเห็นถึงอัตราการเกิดที่ต่ำเกินไป พวกเขาก็รีบเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติเป็นการแต่งงานภายในครอบครัวเดียวกันแทน
ความหมายก็คือไม่คำนึงถึงความเป็นพ่อแม่หลังจากที่มีทายาทกำเนิดขึ้น จะถูกผู้นำของตระกูลไปเลี้ยงแทน ตราบใดที่ความเข้มข้นของเลือดเพียงพอ ทายาทคนนั้นจะเข้าสู่ระบบและกลายเป็นสมาชิกของครอบครัวผู้นำตระกูลโดยตรงทันที
แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ดูโหดร้ายแต่สำหรับตระกูลเกามันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่ทุกคนเห็นจนชินตา ซึ่งตระกูลเกาได้ใช้รูปแบบนี้มาเป็นเวลากว่าพันปีแล้วซึ่งทุกคนก็พร้อมและยินดีที่จะทำเพื่อส่วนร่วม เพื่อตระกูลของพวกเขา
และทายาทในปัจจุบันของตระกูลเกาตอนนี้ก็มีอยู่ทั้งหมดสามคนก็คือเกาหยวนซุน เกาม่านโชวและเกาช้าวฮุ่ยนั้นเอง!