Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 652 นักฆ่า
ต้านฮวงตกใจมาก หลังจากหันหน้ากลับมาเขาก็มีอาการตระหนก ในตอนนั้นเองจู่ๆมันก็มีควันหนาลอยขึ้นมาจากรอยแยกของประตู ซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าทั้งตัวบ้านกำลังจะถูกไฟคลอกทั้งหลังในอีกไม่นาน
“ไฟไหม้?” บูชายิ่งกว่าแปลกใจ เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ โครงสร้างของตัวบ้านหลังนี่ไม่เล็กเลย แถมยังหรูหราอีก มันเป็นไปได้ยังไงที่จะเกิดไฟไหม้โดยไม่มีเสียงสัญญาณเตือน?
“ไม่ใช่” ต้านฮวงตะโกนขึ้นอย่างกระทันหัน เหงื่อเย็นๆซึมออกมาตรงหน้าผากของเขา “เสียงที่ตะโกนอยู่ข้างนอกซ่องนั้นเป็นเสียงผู้ชาย แต่มันควรจะเป็นเสียงผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ต้านฮวงก็ตรงไปที่ประตูทันที ดันประตูให้เปิดออก ความร้อนกระจายไปทั่วอยู่พักหนึ่ง เนื้อไม้ที่กำลังไหม้ไฟอยู่ด้านนอกทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เริ่มได้ขึ้นสูง ไม่มีเสียงตะโกนหรือเสียงฝีเท้าที่วิ่งกรูในซอยให้ได้ยินอีก มีเพียงแค่ประตูของหลายห้องที่เปิดอ้าทิ้งไว้ ผู้ชายและผู้หญิงหลายคนอยู่สภาพยุ่งเหยิงยืนรวมกันอยู่ตรงประตู สีหน้างุนงงและสับสน
“โดนหลอก!” ทันใดนั้นต้านฮวงก็นึกขึ้นได้ เขารีบหมุนตัวกลับ แต่ชูฮันไปไหนแล้ว?
บูชาที่กำลังมองออกไปตรงหน้าต่างก็ตกใจกับเสียงของต้านฮวง เธอพึ่งจะตระหนักได้ในตอนนั้น “เร็วมาก…”
ชูฮันที่หนีออกมาจากห้องนั้นไกลแล้วถอดเสื้อคลุมออกและเปลี่ยนเป็นอีกสีหนึ่งที่ต่างไปจากเดิม เขาหมุนตัวเข้าไปในตรอกเงียบๆ ซึ่งมีร่างของคนสิบกว่าคนที่ยืนรออยู่กลางซอย กลุ่มคนรีบวิ่งโดยไม่มีเสียงเข้ามาหาชูฮันอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาก็คือทีมกุ้งเสือดำที่มาพบชูฮันหลังจากก่อไฟไหม้เป็นการดึงความสนใจ
เสี่ยวเคินก้าวเท้าออกมารายงานด้วยน้ำเสียงต่ำ “ทหารทุกคนอยู่ครบครับ ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
“แยกตัวออกไป คอยซ่อนตัวอยู่ในความมืดเอาไว้” น้ำเสียงของชูฮันราบเรียบมาก แตกต่างจากที่ใช้คุยกับบูชาและต้านฮวงในห้องอย่างก่อนหน้านี้
“ครับ” เสี่ยวเคินรับคำสั่งเสียงต่ำและเบาเหมือนเดิม ไม่มีความกังขาต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ในเวลาเดียวกัน สมาชิกของทีมกุ้งเสือดำที่ก็ยืนเผชิญหน้าชูฮันอยู่ก็กระจายตัวกันไปคนละทิศทางอย่างรวดเร็ว พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนเหลือเพียงแค่ชูฮันคนเดียวที่ยังยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ภาพที่ก่อนหน้าที่มีคนสิบกว่าคนยืนอยู่เหมือนเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น เพราะมันหายไปในพริบตา
ในตรอกซอยที่เงียบและมืดสนิท ชูฮันยืนอยู่กลางถนน มือจับเข้าที่ด้ามจับสีดำขลิบทองของกริชสีดำที่เหน็บไว้ตรงแขนข้างขวา ต้านฮวงไม่ได้สังเกตเห็นมันก่อนหน้านี้แต่ความจริงก็คือกริชตัวนี้ได้มาถึงเกือบจะขีดจำกัดของมันแล้ว การกระแทกล่าสุดทำให้เกิดรอยร้าวขึ้น ซึ่งคาดว่าถ้าเจอการโจมตีจากดาบของต้านฮวงอีกครั้งมันคงจะแตกหักเป็นแน่แท้
ชูฮันยิ้มอย่างข่มใจ กริชเล่มนี้อยู่คู่กายเขามานานพอสมควร ไม่เคยเลยว่ามันจะต้องจากไปเร็วขนาดนี้ อาวุธที่กำเนิดจากหุบเขาหยินหยางนี่มันให้ที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ!
สำหรับไอ้ต้านฮวง ชูฮันในตอนนี้ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ และชูฮันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ส่งต้านฮวงมา แต่คนพวกนี้เป็นพวกนักล่าข้างนอกที่ทำเพื่อนเงิน
ทันใดนั้นแววตาสบายๆก็ฉายผ่านนัยน์ตาของชูฮันไปอย่างรวดเร็ว ในปีที่สองของโลกาวินาศมีกองกำลังแข็งแกร่งมากมายผุดขึ้นมา เช่นเดียวกับเหล่าคนมีฝีมือในหลายๆด้านที่ปรากฏตัวขึ้นไม่รู้จบ สิ่งที่เกินกว่าจิตนาการของมนุษยชาติจะเกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง และก็ยังเป็นปีที่มีความรีบเร่งในการก่อตั้งสิ่งใหม่ๆขึ้นทั้งหลายของหลายๆคน ทั้งการยอมรับความสามารถที่เกินกว่าจินตนาการได้ของมนุษย์ การปรากฏกายของซอมบี้รวมไปถึงการก่อตัวของเผ่าพันธุ์ลูกผสม ความรู้ความเข้าใจดั้งเดิมที่มนุษย์เคยมีนั้นไม่มีอีกต่อไป ทุกคนต้องทำใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันกับโลกใบนี้และต้องคอบปรับตัวอยู่ตลอดเวลาให้ทันตามสถานการณ์ ต้องทำความเข้าใจและยอมรับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นและค่อยๆลืมเลือนชีวิตดั้งเดิมที่เคยมีครั้งก่อน…
“น่าทึ่งมาก” หวังไคโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าของชูฮัน “ทีมกุ้งเสือดำนี่มันคือกลุ่มนักฆ่าชัดๆ!”
“ไม่เห็นน่าแปลกใจ” ชูฮันก้าวเท้าออกเดินไปข้างหน้า และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆหากประโยคมันกลับกระแทกหวังไคอย่างจัง “จุดมุ่งหมายแต่แรกก็เพื่อฝึกให้พวกเขาเป็นนักฆ่าอยู่แล้ว”
“นายมันเจ้าเล่ห์!” หวังไคทึ่งและตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน “เพราะงั้นนายถถึงตั้งชื่อว่ากุ้งเสือดำสินะ และตอนนี้ในขณะที่ทุกคนเอาแต่พูดถึงทีมนักฆ่าขนนกและความลับของพระเจ้าว่าแข็งแกร่งและดุดันสุดยอดขนาดไหน คนมากมายที่อยากจะเข้าร่วมทั้งสองทีมนี้ แต่นายกลับแอบซ่อนจุดประสงค์ของทีมกุ้งเสือดำไว้และฝึกฝนพวกเขาเงียบๆ นี่มัน!”
ชูฮันถอนหายใจเบาๆ “ทีมนักฆ่าขนนกและความลับของพระเจ้านั้นเป็นที่รู้จักดีและพวกเขาก็ได้ทำสิ่งที่น่าทึ่งและดีงามไว้มากมาย แต่ใครก็ตามที่ดูถูกทีมกุ้งเสือดำ คนพวกนั้นจะได้เจอกับความตาย”
ทีมกุ้งเสือดำนั้นเป็นการรวมความสามารถระหว่างทีมนักฆ่าขนนกและทีมความลับของพระเจ้า ทั้งสองทีมนั้นมีมาตรฐานในการทำงานและเก่งกาจแต่ไม่ได้อยู่ในระดับน่าทึ่ง แต่ชูฮันคาดหวังกับทีมกุ้งเสือดำไว้เหนือกว่านั้น การให้ติดตามและร่วมฝึกกับทั้งสองทีมก่อนหน้านี้เพียงเพื่อต้องการให้ทีมกุ้งเสือดำได้เรียนรู้วิธีและรูปแบบการทำงานที่หลากหลายและนำมาปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่จริงตั้งแต่แรกเริ่มชูฮันจงใจจะขัดเกลาความสามารถของทีมกุ้งเสือดำให้เป็นกลุ่มนักฆ่าโดยเฉพาะ เป็นไพ่ลับที่ซ่อนไว้โดยไม่ให้ใครรู้และแฝงตัวอยู่ในนามกองทัพเขี้ยวหมาป่า
ในขณะที่ชูฮันแฝงตัวเข้ามาในค่ายเถาจินอย่างเงียบๆ แม้เขาจะได้เจอกับบูชาและต้ายฮวงซึ่งเป็นมือสังหารเก่งฉกาจแต่ชูฮันก็ยังสามารถหลบหนีและหายตัวไปได้อีกครั้ง…
———-
ในเวลาเดียวกันที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า กูเหลียงเฉินซึ่งได้รับคำสั่งจากชูฮันก็ไม่ได้อยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่า ณ ตอนนี้ เขาออกไปทำการส่งข้อความลับให้กับอีกฝ่ายตามแผนการที่วางไว้ และเหตุการณ์นี้เองก็ตกอยู่ในการสอดแนมของเจียงเทียนชิงเช่นกัน เจียงเทียนชิงมักปิดปากเงียบเรื่องนี้เอาไว้ตามที่ชูฮันสั่งทว่าภายในนั้นกลับว้าวุ่นอ่างมาก เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าพี่ชูฮันและกูเหลียงเฉินกำลังเล่นเกมส์อะไรกันอยู่ จงใจส่งข่าวให้ศัตรูรู้ มันจะดีกับพวกเรายังไง?
หลังจากได้รับข่าวว่าชูฮันได้ไปจากค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้ว เหย่จือโปก็แทบจะเดือดจนคลั่งอย่างคุมอารมณ์ไม่อยู่ ระดมกำลังที่มีอยู่ในมือเรียกคนทั้งหมดที่สามารถใช้งานได้ให้มาคอยซุ่มโจมตี ภายในช่วงเวลาสั้นๆ รอบๆเมืองอันลูเต็มไปด้วยเหล่าคนที่ได้รับคำสั่งว่าจ้างต่างมาดักซุ่มโจมตีรอบเมืองเต็มไปหมด เพื่อที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ชูฮันปรากฏตัวขึ้นพวกเขาจะได้ฆ่าชูฮันได้ทันที
ครั้งล่าสุดที่ทำการซุ่มโจมตี กลุ่มเดิมที่เคยกลับไปมือเปล่าและเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ คนของเขาไม่มีแม้แต่เวลาจะดื่มน้ำและกินอาหาร พวกเขาไม่มีเวลาที่จะหาเสบียงสำรอง ทุกคนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและทรมานภายใต้เงื่อนไขที่ต้องคอยแฝงตัวและดักซุ่มเป็นเวลาหลายวัน ครั้งนี้พวกเขาก็ดักซุ่มที่ตำแหน่งเดิมเพราะมันเป็นเส้นทางเดียวที่ผ่านเข้าไปทางเมืองอันลู
เพียงแค่ว่าครั้งนี้ทุกคนไม่ได้เย่อหย่ิงและอวดดีอีกต่อไป จิตอันแรงกล้าของพวกเขาลดถอยลง ถ้าไม่ใช่เพราะราคาที่เหย่จือโปเสนอนั้นมันน่ายั่วยวนใจละก็ ป่านนี้พวกเขาจากไปกันนานแล้ว
ครั้งนี้ชูฮันจะต้องถูกพวกเขากำจัดให้สมกับที่พวกเขาต้องทนทรมานกินเนื้อสัตว์ดิบๆ เพราะพวกเขาไม่มีเครื่องปรุงรส ไม่สามารถก่อไฟได้เพราะจะเป็นที่สังเกต ต้องเคี้ยวเนื้อสดๆที่ยังมีเลือดคาวๆคาปากจนแทบอยากจะอ้วก ไม่มีน้ำสะอาดให้ดื่ม ทุกคนต้องใช้ชีวิตราวกับผู้ลี้ภัย!