Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 662 เหตุการณ์ที่เกินการควบคุม
“ย๊ากกกก!”
ทันใดนั้นเด็กชายตัวน้อยก็สะบัดดาบในมืออย่างสุดแรงด้วยท่วงท่าที่ไร้ทักษะ พยายามตวัดดาบใส่ร่างของชายที่นอนอยู่ที่พื้นซึ่งยังไม่ตาย ดาบฟันเข้าใส่ร่างของชายคนนั้นอย่างแรงเกิดของเด็กน้อยจนเลือดสาดกระเซ็นจนตายคาที่ ความโกรธและเคียดแค้นที่สุมอกและพวยพุ่งเป็นแรงให้เด็กน้อยยกดาบที่หนักขึ้นมาแทงเข้าใส่ร่างของชายคนเดิมรัวไม่หยุดอย่างโหดร้าย จนดูเหมือนกับคนบ้า
ภาพตรงหน้าทำให้ฟานเจี้ยนเกิดความกลัวขึ้นในใจ เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าเด็กตัวน้อยที่อายุไม่ถึงสิบขวบคนนี้โตขึ้นไปจะกลายเป็นคนเหี้ยมโหดและชั่วร้ายมากขนาดไหน?
ทันใดนั้นชูฮันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวเราะดังสนั่น ราวกับคนคลั่ง!
ชูฮันที่หัวเราะจนสะใจแล้ว จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของเขาระเบิดความบ้าคลั่งและจิตสังหารออกมา ขวานซิ่วโหลตวัดผ่าศพที่พื้นออกเป็นชิ้นๆ น้ำเสียงเย็นยะเยือก “มีหลายคนบนพื้นที่ยังไม่ตาย พวกเธอดีใจมั้ยที่ได้เห็นภาพนี้? ทำไมไม่ฆ่าพวกมันซะละ ฆ่ามัน สับมันให้เป็นชิ้นๆ!”
“ชูฮันอย่าพูดอย่างนั้น…” ฟานเจี้ยนที่หวาดกลัวเต็มขั้น “อย่าหลุดการควบคุม”
“หลุดการควบคุมงั้นเหรอ?” ชูฮันหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “โลกนี้สูญเสียการควบคุมไปนานแล้ว ถ้ามันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ งั้นเราก็ต้องปรับตัวให้เขากับมัน แม้มันจะเจ็บปวดแต่การแก้แค้นและเอาคืนสิ่งที่เราเสียไป มันผิดตรงไหนล่ะ?”
ฟานเจี้ยนอึ้ง เขาไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของชูฮันได้ จึงได้แต่พูด “ฉันแค่คิดว่าเด็กพวกนี้ยังเด็กเกินกว่าจะให้พวกเขาฆ่า—-“
“แล้วยังไง?” ชูฮันขัดฟานเจี้ยนที่กำลังพูดอยู่ เสียงของชูฮันดังพอที่เด็กทุกคนบนถนนจะได้ยิน “มันเป็นความผิดของเด็กพวกนี้เหรอ? พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย โลกนี้ต่างหากที่ผิด!”
ตาของฟานเจี้ยนเบิกกว้างอย่างตกใจจัด เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะคิดอะไร คำพูดของชูฮันนั้นไม่ได้ยากที่จะทำความเข้าใจเลยแถมเขายังเกิดความสงสัยในใจตามมาด้วย มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับโลกกันแน่?
ชูฮันไม่คิดจะพูดกับฟานเจี้ยนต่ออีก เขาตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์โหมกระหน่ำไปทางเหล่าเด็กๆที่ส่วนใหญ่อายุประมาณสิบขวบโดยเฉลี่ยและตะโกนออกมา “ฆ่ามัน! หยิบอาวุธขึ้นมา ตอบโต้ ตอบโต้ด้วยทั้งหมดที่นี้ ปล่อยอารมณ์ออกมา!”
“ฆ่ามัน!” ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหยิบมีดปังตอขึ้นด้วยอารมณ์คลั่ง วิ่งเข้าใส่ร่างของชายคนหนึ่งที่นอนตายอยู่ที่พื้น เด็กผู้หญิงสับมีดปังตอใส่ร่างของชายคนนั้นไม่ยั้ง เลือดกระเซ็นเปรอะเต็มตัวและใบหน้า เป็นภาพที่น่าสยดสยอง
“อ๊ากกกกกก ฉันอยากฆ่ามัน!”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
เด็กทีละคนค่อยๆระเบิดอารมณ์ออกมา ทีละๆเริ่มหยิบอาวุธที่พื้นขึ้นมาและไล่แทงสับคนบนพื้นเป็นชิ้นตามความแค้นในใจ
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินตรงหน้าทำให้ฟานเจี้ยนรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนนรก “นายมันบ้าไปแล้ว ให้พวกเขาฆ่าอย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่อายุแค่นี้ พวกเขายังเด็ก พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แล้วพวกเราก็จะไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้อีกหลังจากนี้!”
“แล้วนายคิดว่าพวกผู้ใหญ่มันมีการควบคุมงั้นเหรอ?” ชูฮันแสยะยิ้มกับภาพราวกับในนรกตรงหน้าอย่างพอใจ “แล้วจะอธิบายกับหายนะที่เด็กพวกนี้เจอมายังไง? ความมืดในใจมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด พวกเชาได้เผชิญกับมันมาแล้วด้วยตัวเองและมันก็ค่อยๆเติบโตขึ้นจากข้างใน”
“แล้วนายก็ปล่อยให้พวกเขาดื่มด่ำกับมัน?” ฟานเจี้ยนไม่เข้าใจ
ชูฮันเผยสีหน้าเย็นชาออกมา “นี่เป็นเพียงแค่การปล่อยอารมณ์เท่านั้น หลังจากวันนี้พวกเขาทั้งหมดจะเข้าร่วมกับกองกำลังสำรองของกองทัพเขี้ยวหมาป่า”
ฟานเจี้ยนตะลึงอย่างพูดไม่ออกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เขาปิดปากเงียบสนิท ไม่คิดจะพูดอะไรกับชูฮันอีก ชูฮันได้แสดงเจตจำนงของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาต้องการจะนำพาเด็กพวกนี้ไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าชูฮันจะทำได้หรือไม่แต่ชูฮันก็ได้ตัดสินใจที่จะทำตามแผนการไปแล้ว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกลเถาจินที่อยู่ถนนซ่องพอสมควร เถาจินที่ถูกลากหนีออกไปไกลเรื่อยๆจึงไม่รับรู้เรื่องราวใดๆเลย
ส่วนทีมกุ้งเสือดำที่ปลอมตัวอยู่ที่นี้ ชูฮันได้มอบหมายภารกิจให้ทีมกุ้งเสือดำพาตัวเถาจินออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค่ำคืนได้ผ่านพ้นไปและเข้าสู่เช้าวันใหม่ เถาจินก็ยังคงไม่รับรู้อะไร
“เตรียมตัวสำหรับภารกิจต่อไป” เสี่ยวเคินออกคำสั่ง
“ที่จริงเราสามารถเริ่มได้เลยตอนนี้” จางโบฮั่นนั้นเตรียมพร้อมที่จะไป “นี่แหละคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ทุกคนไม่มีใครเตรียมพร้อมและไร้ซึ่งการระแวงภัย ประกอบกับลักษณะนิสัยของคนในค่ายเถาจิน ฉันว่าเผลอๆพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งหลายน่าจะยังหลับไม่ตื่นด้วยซ้ำ เราควรใช้เวลาเข้าไปลอบฆ่าพวกมันตอนที่ยังหลับอยู่”
“การลอบสังหารตอนนี้มีสิทธิสำเร็จถึง 100% และเราจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ” เสี่ยวเคินหันหน้ากลับไปหาลูกทีมและออกคำสั่ง “ไป!”
“ครับ!”
ในขณะที่ทีมกุ้งเสือดำเริ่มทำการลอบเข้าไปในใจกลางเมืองเถาจิน และขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวจะเริ่มลงมือ พวกเขาก็ได้แต่ตะลึงและมอ
ภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ร่างบางคนถูกสับจนละเอียดเละ บางคนก็ตายอย่างน่าเวทนา
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เริ่มมองเห็นเด็กผู้ชายและผู้หญิงในระยะสายตา เด็กบางคนนั่งอยู่ที่พื้นเงียบๆ ขณะบางคนก็เอาแต่ร้องไห้ บางคนที่ดูใจกล้ากว่าก็นั่งปลอบเด็กคนอื่น
ทีมกุ้งเสือดำตกใจอย่างมากกับภาพที่เห็น ด้านหลังของพวกเขา ชูฮันเดินออกมาจากที่คฤหาสน์หรูหราใหญ่โตของเถาจินตามมาด้วยร่างของเด็กสาวกว่าสิบคน ร่างของทุกคนมีผ้าผืนใหญ่คลุมตัวเอาไว้ สีหน้าเต็มได้ความหวาดกลัวเนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมานาน พอได้เจอกับแสงสว่างพวกเธอจึงต้องหรี่ตาหนี หากก็รู้สึกครั่นตัวอย่างอยากจะอาบน้ำ
“ท่านพลเอก?” ในที่สุดเสี่ยวเคินก็หันหลังกลับมาและเรียกชูฮันด้วยความประหลาดใจ “นี่มัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“ทุกอย่างมันเหนือการควบคุม ฉันชิงภารกิจของพวกนายมา?” ชูฮันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หากเหล่าทีมกุ้งเสือดำที่ได้ฟังกลับอึ้ง
“ชิง?” จางโบฮั่นถามอย่างงุนงง “หัวหน้า หัวหน้าจะบอกว่าหัวหน้าฆ่ามนุษย์สายพันธุ์เป็นร้อยคนทั้งหมดนี่คนเดียว?”
ชูฮันจ้องตาจางโบฮั่นนิ่งๆ
“เอ่อ—-” จางโบฮั่นเอ่ออ่าอย่างทำตัวไม่ถูกและรู้สึกอับอายอย่างมาก
สมาชิกคนอื่นๆในทีมกุ้งเสือดำเองก็มีสีหน้าตะลึงงันและตกใจเช่นกัน มนุษย์สายพันธุ์ใหม่เป็นร้อยคนที่มีทั้งระดับต่ำและระดับสูงผสมกัน หัวหน้าชูฮันสามารถจัดการฆ่าทั้งหมดได้ภายในคืนเดียว?
ชูฮันส่งยิ้มให้ตงหรุยที่อยู่ในอ้อมแขน เขามองไปที่ฟานเจี้ยนที่อยู่ถัดออกไป “ว่าไง คนว่างงาน ไปจับเถาจินมาซะสิ”
ฟานเจี้ยนอยากจะปฏิเสธคำสั่งของชูฮัน ทว่าทันทีที่เขาได้เห็นแววตาของตงหรุยที่จ้องมา เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ออกและหายตัวไปทันทีภายในพริบตา มุ่งหน้าที่ถนนซ่องที่ซึ่งเถาจินอยู่