Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 682 เดือด
“เงียบ!” หลิวยู่ติงที่หมดความอดทนกระทืบเท้าเสียงดัง “จะแหกปากอีกนานมั้ย?”
“ไม่ ฉันเอวบิดจริงๆนะ แล้วคอฉันก็บิดเหมือนกัน มันเจ็บไปหมด” หลูอี๋ร้องโดยไม่มีน้ำตา เขากลัวมากเมื่อข้อมูลมากมายถาโถมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว และเขาก็พึ่งจะเข้าร่วมกับองค์กรของชูฮันโดยพึ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีข้อได้เปรียบมากมายขนาดนี้ในมือ มันเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ต้องกลัวกับการมีอยู่ของชูฮัน?
ในเวลาเดียวกัน หลูอี๋เองก็รู้สึกชื่นชมชูฮันอยู่ในใจเหมือนกัน มันมีอะไรที่คนนอกอย่างเขาไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? ทั่วทั้งจีนต่างกำลังศึกษาเรื่องความลับของ S+ เป็นเวลากว่าครึ่งปี แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้กลับเริ่มวางแผนและลงมือทำการเพื่อหาผลประโยชน์ไปแล้วเรียบร้อย
อันดับแรก ใครสามารถบอกเขาได้เรื่องความแตกต่างของโลกคู่ขนาน? แล้วทำไมหลูฮงเชิงถึงเอาหินนี้ออกมา?
หลูอี๋กำลังอยู่ในสภาวะมึนงง ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เขาทั้งสับสนและตกใจ หากไม่มีใครสนใจหลูอี๋ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หลูฮงเชิง เพราะถึงอย่างไรแล้วหลูฮงเชิงคือกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจเรื่อง S+ ทุกคนอยากจะรู้สถานการณ์ที่เฉาะเจาะจงมากกว่านี้และวิธีในการจัดการรับมือเรื่องต่อไป
“สรุป หลูฮงเชิง” ซางจิ่วตี้ที่เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์โดยรวม “หินนี้มันคืออะไร? มันทำอะไรได้?”
หลูฮงเชิงตื่นเต้น เลือดสูบฉีดจนหน้าแดงเล็กน้อย “ผมไม่รู้!”
เงียบกริบ——-
หลังจากความเงียบพักหนึ่ง ซูชิงก็เคาะหัวตัวเองแรงๆ “ฉันจะตาย นี่นายไม่รู้เลยเหรอว่าน่าตื่นเต้นขนาดนไหน? ทุกคนในห้องตื่นเต้นแทนนายกันหมด!”
หลูฮงเชิงไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ คิดว่าจะรอดออกมาได้เหรอ? ทุกอย่างในนั้นมันน่าตกใจและอันตรายสุดๆ!”
ซูชิงเหลือบมองตามจากนั้นก็พยักหน้า “มันก็จริง”
“หลูฮงเชิง คุณบรรยายถึงสถานการณ์ข้างในที” ซางจิ่วตี้มีสีหน้าจริงจัง และติงเซวที่อยู่ข้างๆก็เตรียมทำการจดบันทึก
“มันเป็นโลกเสมือนจริง แต่สัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างในนั้นฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นพวกเอเลี่ยน!” อีกครั้งที่สิ่งที่หลูฮงเชิงพูดทำให้ทุกคนกลัว
อึก! อึก!
มันเกิดเสียงกลืนน้ำลายอึกๆไล่หลังตามกันมาของหลายๆคนในห้องประชุม ทุกคนมองหน้ากันและกันไปมา มันมีความช็อคในแววตาของหลายคน เอเลี่ยน นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
“แน่นอนว่านั่นเป็นแค่การคาดเดาของฉันเท่านั้น” หลูฮงเชิงค่อนข้างอาย เขาเกาหัวของตัวเอง ยิ่งทำให้ซูชิงโมโหจนอยากจะฆ่าหลูฮงเชิงเดี๋ยวนี้
“ไม่ต้องอาย บรรยายมาว่ามันเป็นสายพันธุ์แบบไหน ลองวาดแผนที่โลกเสมือนนั้นออกมาให้เราดูที”
ซูชิงพูดกับหลูฮงเชิงอย่างพยายามควบคุมอารมณ์
“แผนที่ในนั้นมันธรรมดามาก มันเป็นเหมือนกับถ้ำที่ยาวไปจนสุด เราต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆตามทาง ไม่มีเส้นทางอื่นให้ไป มันจะมีสัตว์ประหลาดมากมายที่เราไม่รู้จักปรากฏขึ้นมาให้เราสู้เรื่อยๆไม่มีหยุดพัก แค่ก้าวเท้าสองก้าวมันก็จะมีอันตรายมากมายผุดขึ้นมาไม่หยุด หรือบางทีจู่ๆมันก็หินก้อนยักษ์ตกลงมาจากด้านบนเพื่อฆ่าเราอย่างกระทันหัน หรือบางทีจู่ๆพื้นที่ยืนอยู่ก็ยุบลงไป” หลูฮงเชิงบรรยายสิ่งที่เขาเจอในโลกคู่ขนานออกมา ยิ่งทุกคนในที่ประชุมได้ฟังมากเท่าไหร่ ความสับสนก็ยิ่งทวีคูณในใจของทุกคนมากขึ้น
“แต่ท้ายที่สุด สัตว์ประหลาดมันก็จะค่อยๆลดลง” ในตอนจบ หลูฮงเชิงเองก็มีสีหน้าตึงเครียด “มันจะมีทางแยกสามทางให้เลือก ฉันตัดสินใจสุ่มเลือกไปอันหนึ่ง หลังจากเข้าไปในนั้นฉันก็ได้หินก้อนนี้แล้วก็ออกมาจากการทดสอบ”
“มีอะไรอีก?” ซางจิ่วตี้นิ่วหน้า
หลูฮงเชิงส่ายหัวรัวๆ “ไม่ ผมเห็นแค่ไอ้สิ่งนี้ในถ้ำ ดังนั้นผมเลยคิดว่าอีกสองทางนั้น ผลลัพธ์ที่ได้มันน่าจะแตกต่างกัน”
“แล้วหัวหน้าตั้งราคาตั๋วเข้าไว้ที่หนึ่งพันเหรียญล่มสลาย? มันต่ำไปรึเปล่า?” จู่ๆหลิวยู่ติงก็ถามขึ้นมา “ดูที่หินนี้สิ มันมีแสงประกายบางอย่าง เห็นได้ชัดว่ามันน่าจะไม่ธรรมดา การใช้งานของมันอาจจเหนือเกินความคาดหมายของเราก็ได้ ถ้าใครที่เข้าไปและสามารถได้ของแบบนี้ออกมา มันคือกำไรชัดๆไม่ใช่เหรอ?”
“แม่ง!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวยู่ติง หลูฮงเชิงก็รีบปฏิเสธอย่างร้อนใจ “มันอันตรายถึงชีวิต มันมีครั้งหนึ่งที่ฉันเกิดอุบัติเหตุเกือบถึงตาย พอออกมาจากการทดสอบมันก็มีแผลเกิดขึ้นที่หลังของฉันจริงๆเหมือนกับโลกคู่ขนานนั้น แล้วฉันก็ไม่สามารถตีเหล็กได้อยู่เป็นเดือนเพราะอาการบาดเจ็บที่หลัง”
“เราสามารถขอยอมแพ้ได้มั้ย?” ซางจิ่วตี้กระพริบตาปริบๆ “ไม่แปลกใจที่หัวหน้าชูฮันถึงคิดราคาหนึ่งพันเหรียญล่มสลาย หลูฮงเชิงได้รับการฝึกพิเศษจากซูเฟิงก่อนเข้าไปทำการประเมิณในเสาหิน แถมเขายังเกือบตายและยังเตือนอีกว่าข้างในมันอันตรายมาก คนทั่วไปโดยเฉลี่ยจะได้คะแนน S กันเพราะมันยากมากๆ ไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปสำรวจเลย?”
“ดังนั้น ถ้า 10,000 คนเข้าไปทำการประเมิณ มันจะมีแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่จะได้ S+ ออกมา คนอื่นๆจะต้องกลับเข้าไปทำการทดสอบใหม่อยู่หลายครั้ง ดังนั้นพวกเราจะทำเงินจากตรงนี้ได้มากเลยทีเดียว” กูเหลียงเฉินยิ้มอย่างร้ายกาจ “เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป มันจะอัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่แห่กันมาเพื่อทำการทดสอบ และเราก็จะมีเงินทุนที่จะไปทำการพัฒนาค่ายเขี้ยวหมาป่าต่อ”
คนส่วนใหญ่ในห้องต่างเห็นด้วยกับคำพูดนี้ แม้แต่เจียงโจวก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโตยอย่างตกใจ “มันจะมีเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ผมขอให้พัฒนาสถาบันวิจัยเป็นอันดับแรกก่อนได้มั้ย?”
“ชูฮันสั่งการไว้ก่อนเค้าจะไป ทุกอย่างเกี่ยวกับสถาบันวิจัยจะมาก่อนเป็นอันดับแรก” ซางจิ่วตี้ยิ้มอย่างให้คำสัญญากับเจียงโจว
หลูอี๋ที่ไม่เข้าใจว่าทุกคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ สีหน้าอึดอัดและงุนงง “ตั๋วอะไร? ประกาศอะไร? ข่าวอะไร?”
“ไม่ต้องรู้!” หลิวยู่ติงแหวใส่หลูอี๋อีกครั้งิ “ซื่อสัตย์ให้ได้ก่อน!”
การประชุมจบลงค่อนข้างเร็ว ทุกคนในที่นี้ได้เข้าไปพบกับชูฮันตัวต่อตัวมาแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่าภารกิจต่อไปของตัวเองคืออะไร คนเดียวที่ไม่เข้าใจอะไรก็คือตั้งแต่เริ่มจนจบก็คือหลูอี๋ที่ไม่มีใครอธิบายอะไรให้เขาฟังเลย หลังจากการประชุมจบลง หลูอี๋ก็ถูกซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงพากลับมาที่ค่ายตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าในเวลานี้ชูฮันได้เดินข้ามเขาไปแล้ว
ในวันที่สอง ในขณะที่ทั่วทั้งจีนกำลังเร่งหาข้อมูลของหลูฮงเชิงกันจนวุ่นวาย ค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ปล่อยข่าวความลับของ S+ ออกมา
ครั้งนี้
ทุกค่ายทั่วทั้งจีนแทบจะระเบิด!
ภายในเวลาไม่นาน ไม่ว่าจะค่ายขนาดเล็กหรือใหญ่ หรือกลุ่มผู้อพยพที่อาศัยตามป่า เพียงชั่วข้ามคืนทุกคนต่างมุ่งหน้าตรงมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากันหมด ไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับความจริงของข่าวที่ได้ยินเพราะชูฮันเป็นคนที่ได้รับคะแนนการประเมิณโดบรวม S+ คนแรก เป็นคนที่สร้างปฏิหาริย์ และคนที่ได้ S+ คนที่สองก็เป็นคนของค่ายเขี้ยวหมาป่าเช่นกัน ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนต่างใจร้อน มุ่งหน้ากันมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าโดยไม่รอช้า
มุ่งหน้ามาเมืองโรแมนติกที่อยู่ให้ใกล้กับค่ายเขี้ยวหมาป่า เพื่อทำการประเมิณและหวังจะได้ S+