Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 684 ชายลึกลับ
ตอนที่ 684 ชายลึกลับ
ค่ายชางจิงเองก็ได้ยินที่น่าตกใจจากค่ายเขี้ยวหมาป่าเช่นกันระหว่างที่กําลังเกิดความวุ่นวาย เรื่องที่มีคนได้คะแนน S+ คนที่สองจากซูฮันอยู่ เป็นครั้งแรกค่ายชางจึงเรียกประชุมฉุกเฉินโดยไม่ใช่ผู้บัญชาการมู๋ แต่เป็นกองกําลังทั้งหลายในซางจิง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าอํานาจของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงในซางอิงกําลังสั่นคลอน
ระหว่างทางกําลังเดินไปห้องประชุม ผู้บัญชาการมู๋ที่ตอนนี้มีแต่ผมขาวแสดงถึงอายุที่ไม่น้อย ยิ้มและกระซิบกับเลาหมิง “ฉันดีใจที่ยังหาตัวหลานชายฉันไม่เจอ แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตรอดอยู่มั้ย ฉันว่ามันดีกว่าถ้าต้องมาเจอสายตาไม่หวังดีนับไม่ถ้วนจับจ้องมาแบบนี้”
เลาหมิงที่อยู่ข้างๆหัวเราะอย่างขมขื่น “ฉันดีใจที่รู้ว่าเลาเสี่ยวเสียวน้อยของฉันตามซูฮันไปที่ ค่ายเขี้ยวหมาป่า อย่างน้อยเธอก็ยังใช้ชีวิตอิสระได้”
แววตาของผู้บัญชาการมู๋แสดงความเย็นชาออกมาแวบหนึ่ง “กองกําลังในความมืดนั้นจะต้องเป็นพวกผู้นําระดับสูงของซางจิง”
“ทุกอย่างมันสายไปแล้ว” เลาหมิงไม่พูดอะไรต่ออีก เพราะทั้งคู่เดินมาถึงประตูของห้องประชุมแล้ว เหอเฟิงที่เดินตามหลังมาก็ไม่ปริปากอะไรสักคํา เห็นได้ชัดว่าเขามีคุณสมบัติสูงพอควรถึงเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินได้
เจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุมได้เปลี่ยนไปมากกว่าครึ่งหนึ่งจากเมื่อตอนที่ฮันเคยอยู่ที่นี่ มันมีคนหน้าแปลกมากมายปรากฏตัวขึ้น ที่นั่งก็แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นถึงพรรคพวกในซางจิงอย่างชัดเจน ซึ่งตอนนี้มันมีมากกว่าสามฝ่ายที่แยกออกจากกัน
“ฉันเป็นคนเรียกการประชุมนี้เอง” พลเอกจวงฮงลุกขึ้นยืน เขากวาดสายตาไปทั่วห้อง สบตาเข้ากับผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงก่อนเป็นอันดับแรก มันเต็มไปด้วยการยั่วยุและท้าทาย “ฉันจะ ไม่พูดอ้อมค้อม จะตรงเข้าประเด็นเลยละกัน ฉันเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงได้ยินข่าวจากค่ายเขี้ยว หมาป่ากันหมดแล้ว ซึ่งมันนําไปสู่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่จํานวนมากที่มุ่งหน้าไปเขตเมืองอันลู”
“ครับ ข่าวมันแพร่กระจายไปกว้างมากแล้ว การประเมิณของเสาหินที่เต็มไปด้วยความลึกลับได้ถูกเปิดเผย” เขี้ยวมังกรที่เป็นคนพูดน้อย พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งแกร่ง แสดงออกชัดเจนว่า ไม่ยอมอ่อนให้พลเอกจวงฮง “เราควรส่งคนไปดู แต่มันจะดีที่สุดถ้าเราหาตัวพลเอกชูฮันเจอก่อน”
“หาข้อมูลจากฮัน?” จวงฮงที่รู้นิสัยของซูฮันดู แสยะยิ้มอย่างดูถูก “นายไม่สังเกตถึงแผนการลับที่พวกมันรวมหัวกันวางแผนเหรอไง?”
เขี้ยวมังกรนิ่วหน้า “ผมไม่เข้าใจที่ท่านพูดถึง”
“เหอะ! กัปตันทีมหลงยาพิเศษเชื่องช้าและโง่มาก!” จวงฮงไม่สนใจสีหน้าของใครหน้าไหนทั้งนั้น หลังจากหัวเราะอย่างและพูดจาดูถูก “ดูสิว่าชูฮันมันได้คะแนนประเมิณโดยรวม S+ ตั้งเท่าไหร่? มันได้ถึงสามครั้งติดและได้ทุกระยะติดต่อกัน แน่นอนว่าที่ผ่านมามันรู้อยู่แล้วว่าต้องทํายังไง ถึงได้ S+ มาตลอด แต่มันกลับไม่เคยพูด แม้กระทั่งหกเดือนที่แล้วที่ซูฮันอยู่ที่ซางจิง เขาก็จงใจปิดบังข้อมูลนี้เอาไว้ แล้วอยู่ดีๆตอนนี้จู่ๆความลับของ S+ ก็เผยออกมาให้ทุกคนได้รู้ กันทั่ว เราไม่ควรปรึกษากันก่อนเหรอ มันน่าจะมีความพิเศษและความลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่ ในการประเมิณของเสาหิน แต่วิธีการทํางานของซูฮันที่มักทําตามใจและไม่แผนการใดๆ เรายังอยากจะติดต่อกับเขาเพื่อร่วมมืออีกเหรอ?”
พันชางเซียน หัวหน้าแผนกโลจิสติกส์แห่งค่ายซางจึงพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย “ซูฮันตั้งใจเก็บความลับ นี่มันเป็นแผนการหลอกล่อเรา!”
“ไม่ใช่แค่นั้น แรงจูงใจของเขาก็ไม่บริสุทธิ์!” จวงฮงเอ่ยต่อ “มันมีเสาหินเพียงแค่เสาหินเดียวที่สามารถเข้าไปทําการประเมิณเพื่อหวังคะแนนโดยรวม S+ และมันก็ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายเขี้ยวหมาป่า เค้าก็เลยจัดเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองสําหรับคนที่เดินทางมาเพื่อทําการทดสอบอย่างนี้ มันถูกแล้วหรือ?”
“ซูฮันคนนี้จะเกินไปแล้ว! นิสัยหยิ่งผยองอย่างนี้ไม่สมควรจะเป็นคนของซางจิง และเขายังไม่คิดจะเข้ารวมกับเราเลยสักนิด” ทหารในห้องคนหนึ่งที่มีจิตใจน่ารังเกลียดเหมือนกับจวงฮงพูด พร้อมกับตบโต๊ะด้วยอารมณ์
“ใช่ มันร้ายมาก!” ความโกรธทําให้หน้าของจวงองขึ้นสีแดง “และนอกเหนือจากเสาหินระยะ 2 แล้ว ชูฮันก็ยังเป็นคนเดียวที่รู้ว่าอีกสองเสาหินที่เหลือของระยะ 1 และระยะ 3 ตั้งอยู่ที่ไหน หากเขากลับไม่มีเจตนาที่จะรายงานเรื่องนี้ให้ซางจึงทราบด้วยซ้ำ มันต่างจากกบฏตรงไหน?”
ทันใดนั้น ทั้งห้องประชุมก็ตกอยู่ในภวังค์ หลังจากประโยคที่ดังกึกก้องก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความวุ่นวายขนาดย่อมที่กําลังเกิดขึ้นในห้องประชุม ตรงจุดหนึ่งบนโต๊ะมันมีหัวยุ่งๆของคนหนึ่ง ฟุบหน้าอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงไม่สามารถเห็นหน้าตาของคนที่นอนฟุบอยู่ได้ มีเพียงแค่ผมสีน้ําตาลทองอันโดดเด่นให้เห็น แต่ที่มันน่าสงสัยกว่าก็คือตําแหน่งที่นั่งอยู่ อีกทั้งการประชุมนี้ก็เป็นการประชุมสําคัญมากที่มีแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น
ชายคนนี้เป็นคนเดียวที่นอนหลับอยู่ในห้องนี้ สายตาของทั้งห้องกําลังจับจ้องมาที่เขากันหมด หากก็ไม่มีใครรู้ว่าคนคนนี้คือใคร
ทุกคนต่างจมอยู่ในความคิดอันแสนจะวุ่นวายของตัวเอง ผู้บัญชาการมู๋ที่นั่งอยู่ตําแหน่งหลักหัวโต๊ะเองก็หรี่สายตาไล่มองทุกคนในห้องประชุม
ใครกัน?
ในตอนนั้นเอง ฟาน ที่แทบไม่ค่อยเปิดปากก็นิ่วหน้าอย่างรําคาญ น้ําเสียงใสแสนไพเราะดังขึ้นอย่างพอดี ไม่ได้เบาเกินไป หากกลับแปลกเพราะทุกคนได้ยินมันชัดเจน “สรุปว่าหัวข้อของการ ประชุมวันนี้ไม่เกี่ยวกับการประเมิณของเสาหิน แต่เป็นการหาว่าซูฮันทําความผิดอะไร?”
พันชางเซียนนั่งแทบไม่ติด เขาชักสีหน้าและโวยวาย “ซูฮันเกี่ยวข้องกับการประเมิณเสาหิน มากที่สุด เขากุมความลับของเสาหินเอาไว้และไม่บอกพวกเรา ทัศนคติของเขาแย่ —”
“ในเมื่อมันไม่มีอะไรสําคัญ งั้นเราไปกันเถอะ” เขี้ยวมังกรลุกขึ้นยืนทันทีขัดพันชางเซียน ที่กําลังพูดอยู่ น้ําเสียงของเขี้ยวมังกรทั้งเย็นชาและหมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัด “พวกเราเป็นทีมที่มีหน้าที่รับผิดชอบแค่เรื่องการต่อสู่เท่านั้น เราไม่พูดจาแย่ๆลับหลังใครหรือแทงข้างหลังใคร”
ทันทีที่สิ้นคํา เขี้ยวมังกรแห่งทีมหลงยาพิเศษ ที่มีอี้และฟาน และทีมฮูหยาซึ่งมีจุนจือและฉุยชู ทั้งห้าคนก็ลุกเดินออกไปที่ประตูพร้อมกันทันที
“ฉันสั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้!” ภาพที่เกิดขึ้นทําให้จวงฮงเดือดอย่างมาก เขาตะโกนตามหลังของสามคนที่เดินออกไป มันเหมือนกับเขาโดนหยามซึ่งๆหน้า “ใครอนุญาตให้แกไป? พวกแก คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ก็แค่สองทีมที่จะแทบไม่เหลืออะไรแล้ว สมาชิกก็ตายไปหมดเหลืออยู่รวมกัน แค่ห้าคนสุดท้าย คิดว่าแกเหนือกว่าฉันเหรอ? ดูตัวเองหน่อย คิดว่าตัวเองยังเจ๋งเหมือนเมื่อก่อนเหรอไง? เดินกลับมาทําความเคารพฉันเดี๋ยวนี้!”
มันเป็นการแสดงเจตจํานงที่หยาบคายและน่าอับอายอย่างชัดเจน ตาของเขี้ยวมังกรเป็นประกายวาว จิตสังหารพวยพุ่งอัดแน่น หากยังไม่ทันได้ขยับตัว อี้ก็เปิดการโจมตีก่อนทันที เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าไปหาจวงฮง ชักมีดออกจากฝักจ่อเข้าที่คอของจวงฮงอย่างรวดเร็ว ใบมีดที่กดเบาๆบาดคอของจวงฮงจนมีเลือดซึมออกมา!
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบกริบ ไม่มีใครส่งเสียงหรือขยับตัวใดๆ ตาของทุกคนเบิกกว้างแทบจะถลนออกมาจากเบ้าอย่างช็อคจัด ในขณะเดียวกันหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยืนขึ้นไล่ด่า ทอเขี้ยวมังกรและคนอื่นๆก็กลัวจนขาอ่อน
จวงฮงกลัวจนขาอ่อนยวบแทบจะทรงตัวยืนต่อไปไม่ไหว
“เสียงดังชะมัด คนกําลังหลับกลางวันอยู่ วุ่นวายอะไรกันเนี่ย?” ชายหนุ่มผู้ขี้เกียจซึ่งหลับอยู่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเปิดตาและเงยหน้าขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็น