Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 694 ไม่ใช่กิจการของชูฮันจริงๆ
โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 694 ไม่ใช่กิจการของชูฮันจริงๆ
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความสับสนอลหม่าน ในที่สุดตวนเจียงเหว่ยก็สามาถควบคุมสติของตัวเองที่แตกตื่นให้สงบลงได้ ทั้งๆในใจก็ยังแอบกลัวอยู่ ไม่แปลกใจว่าทําไมชูฮันถึงสร้างกฏมากมายขึ้นมา ถ้าก่อนหน้านี้ตัวเขาคนเดียวลงจอดเฮลิคอปเตอร์ที่นี้โดยไม่มีทหารหนึ่งร้อยคนมาด้วยอย่างตอนนี้ ป่านนี้เขาคงถูกผู้หญิงมากมายหลายร้อยคนในตอนนี้รุมทึ้งไม่รอดแน่?
“หุบปาก!” เสียงคํารามจากปากของตวนเจียงเหวยทําให้เหล่าหญิงสาวตกใจจนหน้า ซีดด้วยความกลัว พวกเธอตัวสั่นเทิ้มและรีบถอยหนีไปไกลหลายเมตรอย่างรวดเร็ว ในที่สุดทีมทหารหนึ่งร้อยนายของตวนเจียงเหว่ยก็ถูกปล่อย เริ่มหายใจหายคอสะดวกขึ้น
ความโกรธฉายชัดเต็มหน้าของตวนเจียงเหว่ย ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองทหารรักษาการณ์คนเดิมที่เอาแต่ยืนมองความวุ่นวายก่อนหน้านี้อยู่ห่างออกไป “ใครอธิบายได้ เดินออกมาพูดซะ! เอาผู้หญิงพวกนี้มาเพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจพวกฉัน คิดว่าทําวิธีแบบนี้แล้วมันจะได้ผลตามต้องการรึไง!”
” หมายความว่าอะไรคะ?” ทันใดนั้นเอง มันก็เสียงดังชัดขึ้นมาจากระยะไกล เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดอย่างเป็นทางการและคล่องตัว พร้อมกับการแต่งหน้าบางๆอย่างดูดีที่มองเห็นได้จากระยะไกล ซึ่งเมื่อรวมกับชุดที่เธอสวมใส่มันยิ่งทําให้เธอดูเป็นมืออาชีพขึ้นไปอีก
ผู้หญิงคนนี้คือหลินหยูงั้นเหรอ?
“หัวหน้า!” สาวๆที่ก่อนหน้านี้หวาดกลัวตวนเจียงเหว่ยกรีดร้องขึ้นด้วยขลาดๆราวกับหวาดกลัวบางอย่างจนผิดดูปกติ
ทุกอย่างในเมืองโรแมนติกนั้นเป็นกิจการที่ต้องดําเนินการดูแลด้วยตนเอง มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนธรรมดามาเปิดกิจการทําธุรกิจเพื่อหาเงิน
เหล่าสาวๆที่มาจากค่ายเถาจินได้อาศัยอยู่ในเมืองที่ทั้งสะอาดและสวยงามนี้มาได้เป็นเวลาสิบวันแล้ว แม้สภาพแวดล้อมทุกอย่างจะดีไปหมด แถมยังสะอาดสะอ้านและปลอดภัย แต่พวกเธอไม่สามารถทําการค้าได้เลย! นี่เป็นครั้งแรกที่มีแขกมาเยือนและมาอย่างกระทันหัน แน่นอนว่าพวกเธอจะต้องตื่นเต้นดีใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเธอได้อะไรจากการรีบแต่งตัวสวยงามออกจากร้านค้าตัวเองมายืนรอต้อนรับคนพวกนี้กัน?
ท้ายที่สุดแล้ว ยังไงพวกเธอก็ต้องธุรกิจเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้อง พวกเธอจะอยู่ยังไงถ้าไม่ได้ทํางานของตัวเอง? แม้ว่าจะมีอาหารแจกจ่ายขั้นต่ําประจําวันจากค่ายเขี้ยวหมาป่าเพื่อประชากร แต่ผู้หญิงที่ไหนก็อยากสวยขึ้นทั้งนั้น ใครๆก็อยากซื้อชุดใหม่ ซื้อเครื่องสําอางค์เพิ่ม?
มีร้านตัดชุดในเมืองโรแมนติกเปิดกิจการมากมาย พวกเธออยากจะซื้อชุดสวยงามเหล่านั้นมาใส่ แต่กลับไม่มีเงินไปซื้อ!
หากหลังจากคิดไตร่ตรองในหัวแล้วกับแผนการชับซ้อนทั้งหลายของชูฮัน ตวนเจียงเหว่ยก็อารมณ์เดือดขึ้นมา “เธอคือคนของชูฮัน? พวกเรามาที่นี้เพื่อเข้าร่วมการทดสอบการประเมิณของเสาหินระยะ 2 การกระทําของคุณที่พากลุ่มหญิงสาวพวกนี้มาขวางทางเดินพวกเราไว้คืออะไร? คิดจะหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอีกเหรอไง?”
หลินหยูยิ้ม มันมีประกายบางอย่างวาบผ่านนัยน์ตาเธอไปอย่างรวดเร็ว ” ท่านพลเอกล้อเล่นนะคะ พวกเราไม่ใช่คนของพลเอกชูฮันหรอกค่ะ เราเป็นแค่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองโรแมนติกแห่งนี้ และไม่มีใครห้ามหรือขวางทางท่านที่จะไปทําการทดสอบของเสาหินหรอกค่ะ เสาหินอยู่ในตัวเมืองชั้นใน ส่วนที่นี้เป็นตัวเมืองชั้นนอกซึ่งเป็นพื้นที่การค้า ชาวบ้านคนไหนก็สามารถทําการค้าหรือหารายได้ในส่วนนี้ได้ค่ะ มันเป็นธรรมดาที่เหล่าสาวๆเมื่อเห็นแขกปรากฏตัวขึ้นก็อยากจะบริการเพื่อหารายได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ตวนเจียงเหว่ยกําลังคลั่งอยู่ข้างใน หายใจเข้าออกรุนแรง พื้นที่ธุรกิจ? สร้างอาชีพ?
มันไม่ใช่ความคิดของชูฮันหรือยังไงที่จงใจสร้างเมืองและพื้นที่ธุรกิจล้อมรอบเสาหินแบบนี้?!
ความโกรธของตวนเจียงเหว่ยมาถึงจุดสูงสุด ” บอกชูฮัน เขา—”
“มันไม่ใช่พื้นที่การค้าของชูฮัน” เสียงของซางจิ่วตี้ดังขึ้นมาอย่างกระทันหัน เธอค่อยๆก้าวเดินลงมาขั้นบันไดจากบนกําแพงเมือง เธออยู่ในชุดที่สง่างาม ยิ้มให้ตวนเจียงเหว่ยอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะท่านพลเอก เมืองของเรายังมีเรื่องอีกมากมายให้ติชม ดิฉันขอรับหน้าที่นําทางให้ท่านดีกว่าค่ะ”
ตวนเจียงเหว่ยราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาตัวแข็งค้างและอดไม่ได้ที่จะมองสลับไปมาระหว่างซางจิ๋วตี้และกลุ่มผู้หญิงทั้งหลายตรงหน้า เขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างซางจิ๋วตี้และชูฮัน แถมตอนนี้แม้แต่ซางจิ่วตี้ก็ยังรีบวิ่งออกมาเพื่อบอกว่านี้ไม่เกี่ยวกับชูฮัน แสดงว่ามันคงจะจริง เพราะมันคงไม่มีผู้หญิงดีๆที่ไหนในโลกที่จะยอมทนให้ผู้ชายของตัวเองเปิดซ่องอยู่หน้าบ้าน
ภายในพริบตา ทั้งสามฝ่ายก็อยู่เผชิญหน้ากันเป็นมุมสามเหลี่ยม หลินหยูลอบมองซางจิ่วตี้และคนอื่นๆ เธอเองก็ไม่รู้ถึงความจริงระหว่างเรื่องราวทั้งหมดของหัวหน้าที่พาเธอมาเปิดซ่องที่เมืองนี้ เธอแค่คิดว่าชูฮันต้องเป็นคนร้ายกาจอย่างมากและเขาก็เป็นคนอนุญาติและพาพวกเธอมาเปิดซ่องจํานวนมากในเมืองเอง
หลินหยูทั้งสงสัย เธอจ้องไปที่ชางจิ่วตี้
ตวนเจียงเหว่ยที่ยืนเหมือนคนโง่ท่ามกลางคนมากมาย อารมณ์หลากหลายตีกันวุ่นอยู่ในหัว หลังจากพักใหญ่ ตวนเจียงเหว่ยก็พูดขึ้น ” ฉันขอถอนคําพูดไม่ให้เกียรติพลเอกชูฮันคืน คุณซาง กรุณานําทางได้เลย”
“เสาหินอยู่ในตัวเมืองชั้นใน กรุณาตามมาค่ะ” ซางจิ่วตี้ไม่พูดอะไรมาก เธอมีหน้าที่พาทุกคนเดินไปที่เสาหิน
และในตอนนั้นเอง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” จู่ๆหลินหยูก็โพล่งขึ้นมา เธอมองไปที่ตวนเจียงเหว่ยที่กําลังมีสีหน้างุนงง และเผยยิ้มกว้างอวดฟันเรียงตัวขาวสะอาด “คุณแตะต้องหญิงสาวพวกนี้รึยังคะ? คิดจะแอบหากําไรจากสาวๆไปฟรีๆแบบนี้เหรอคะ? เราเองก็ทํามาหากินอยู่ที่นี้ มันไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะมาทําตัวป่าเถื่อนได้นะ คุณต้องจ่ายสําหรับการกระทําของตัวเอง”
ทันทีที่หลินหยูพูดอกไป ไม่ใช่เพียงแค่ตวนเจียงเหว่ยที่ตะลึง แม้แต่ซางจิ๋วตี้เองก็เบิกตากว้างอ ย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“ฉัน…เธอ?” ตวนเจียงเหว่ยพูดอะไรไม่ออก เขาแค่…แม่งวันห่าอะไรวะเนี่ย!
“คนอื่นๆก็เหมือนกัน” ในตอนนั้นเอง หลินหยูก็กวาดสายตามองไปที่เหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 2 ของตวนเจียงเหว่ย “พวกคุณก็แตะต้องหญิงสาวพวกนี้เหมือนกันใช่มั้ยคะ? หลักฐานมันก็ชัดเจนแล้ว ไหนจะทัศนคติแย่ๆและยังสงสัยดูถูกอาชีพของพวกเราอีก มันก็มีเหตุผลสมควรแล้วที่พวกเราจะขอค่าชดเชยจากพวกคุณ”
“แต่พวกแกนั่นแหละที่วิ่งเข้ามาหาเราเอง!” มนุษย์สายพันธุ์ใหม่คนหนึ่งทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์ออกมา
“เด็กๆพวกนี้ไม่ได้เห็นแขกมานาน พวกเธอจึงเป็นกังวล ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วยค่ะ” หลินหยุไม่มีท่าทีกังวลหรือตื่นตระหนก เธอพูดช้าๆเสียงฟังชัด และยิ้มอย่างอ่อนน้อม “แต่ท่านพลเอกต้องยอมรับว่าท่านแตะต้องสาวๆจริงหลังจากที่สาวๆวิ่งเข้าไปหาพวกคุณ? ในเมื่อสาวๆพวกนี้วิ่งเข้าไปชนกับท่านเอง ฉันจะหักออกจากค่าชดเชยของท่านพลเอก แต่ยังไงท่านก็ยังต้องจ่ายส่วนที่เหลือที่ท่านแตะต้องเด็กของฉันหลังจากนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นใครๆก็จะมาจับต้องตัวสาวๆพวกนี้ได้โดยไม่เสียเงิน แล้วเราจะทําธุรกิจหลังจากนี้ได้อย่างไร หรือถ้าท่านอยากจะค้างหนี้ไว้ มันก็คงจะน่าอายสําหรับฐานะของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่สินะค่ะ?”
หึ! นี่สินะที่ชูฮันพูด ความอดยากมานานของผู้ชาย!
ถ้าไม่จ่าย กลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่น่าเชิดชูก็จะเสียชื่อเสียงอย่างแรงเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายถูกๆ มันก็คือการทําลายชื่อเสียงตัวเองไม่ใช่เหรอไง?
หน้าของตวนเจียงเหว่ยพลันเปลี่ยนเป็นดําคล้ําราวกับก้นหม้อที่ไหม้เกรียม ซางจิ่วตี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและไม่ได้รับรู้รายละเอียดของสิ่งที่หลินหยูพูดมาก็ตะลึงค้าง ผู้หญิงที่เจรจาเก่งกาจระดับมืออาชีพแบบนี้มาจากไหนกัน?
นี่มันธุรกิจสุดๆ!
ดังนั้น หลังจากตรวจสอบรายการราคา ตวนเจียงเหว่ยก็ต้องเสียถุงเงินไปอีกแล้ว ถึงอย่างไร แล้วมันก็ชัดเจนว่าไม่ใช่อุตสาหกรรมของชูฮัน เป็นเพียงการทําธุรกิจของชาวบ้านในเมืองโรแมนติกเพื่อหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นตวนเจียงเหว่ยจึงไม่สนใจอะไรมากเพราะมันไม่ได้ตกไปเป็นของชูฮัน
หลังจากสูดลมหายใจของเงินหนึ่งร้อยเหรียญล่มสลายเข้าเต็มปอด หลินหยูก็ยิ้มกว้าง พร้อมกับเดินไปอําลาตวนเจียงเหว่ยและทีมอย่างมีความสุข “ฉันขอให้พวกคุณทุกคนได้รับความสําเร็จเป็นผลตอบแทน ได้คะแนนเยอะกว่าคนอื่นเป็นร้อยๆเท่า ธุรกิจของฉันจะมอบส่วนลดให้แก ผู้เข้าทดสอบทุกคน 20% และคนที่อยู่ใน 50 อันดับแรกจะได้ส่วนลด 30% ส่วนสิบอันดับแรกผู้แข็งแกร่งสามารถเลือกสาวๆคนไหนก็ได้สองคนฟรีหนึ่งคืน เครื่องดื่มเองก็ฟรี 24 ชั่วโมง ฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าร่วม!”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 2 ทั้งหลายก็ตาโตอย่างตื่นเต้น ต่างกับตวนเจียงเหว่ยที่หน้าดําสนิท