Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 729 จับพวกมัน
การมาถึงของเสี่ยวเย่ทำให้ฝูงชนที่รอคอยการเข้าไปในค่ายตื่นเต้นกันอย่างมากเหล่าเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลการลงทะเบียนเพื่อเข้าไปในค่ายรีบวางงานของตัวเองลงทันที และทำความเคารพต้อนรับต่อทีมของเสี่ยวเย่ที่มาถึงประตูทางเข้าค่าย
ภาพที่เกิดขึ้นตกอยู่ในสายตาของหลูปิงเซ่อและฟานเจี้ยนที่ต่างขมวดคิ้ว จ้องภาพตรงหน้าตาประกาย
ชูฮันที่ถูกล้อมรอบด้วยฝูงชนไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรมากทีมกุ้งเสือดำที่ยืนอยู่ข้างหลังชูฮันเองก็มองการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เช่นกัน
”นายน้อยเสี่ยวเย่ท่านกลับมาแล้ว!” หัวหน้าเจ้าหน้าที่เปลี่ยนสีหน้าเย็นชาที่มอบให้กับทุกคนก่อนหน้านี้เป็นนอบน้อมทันที ส่งยิ้มกว้างอย่างเอาใจและรีบเปิดประตูค่ายให้เสี่ยวเย่อย่างกระตือรือร้น และทันทีที่เห็นผ้าพันแผลบนร่างของเสี่ยวเย่ เขาก็รีบอุทานลั่นอย่างวิตกกังวล “แย่แล้ว! นายท่านบาดเจ็บเหรอครับ? ใครมันกล้าบังอาจทำร้ายท่านครับ ผมจะไปจัดการมันเอง!”
”หลบไปให้พ้น!”อารมณ์ของเสี่ยวเย่กำลังรุนแรง
นี้คือบาดแผลที่ได้มาจากชูฮันถึงแม้เวลามันจะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ทั้งๆที่ร่างกายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่และควรจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไป ซึ่งป่านนี้แล้วแผลของเสี่ยวเย่ควรจะหายสนิทได้แล้ว แต่ที่มันยังไม่หายดีนั่นก็เป็นเพราะว่าเทคนิคในการโจมตีของชูฮันมันซับซ้อนและลึกกว่าที่มองเห็น มันทำให้ข้อแขนของเสี่ยวเย่ทั้งหมดใช้การไม่ได้ ทำให้ตอนนี้เขาก็ยังต้องใช้ผ้าคล้องแขนที่หักต่อไป
เจ้าหน้าที่คนนี้มันไม่มีสายตาเอาซะเลยไม่รู้เหรอไงว่าอะไรควรพูดไม่ครพูด จะสะกิดให้เขาอารมณ์เสียอีกขึ้นมาทำไม?
แล้วการบาดเจ็บทั้งหมดนี้มันทำให้เขาเสียหน้า!
เมื่อได้เห็นภาพหัวหน้าเจ้าหน้าที่หน้าตาร้ายกาจและถือตัวก่อนหน้านี้ในตอนนี้กลับกำลังประจบชายหนุ่มที่ดูมีตำแหน่งสูงที่พึ่งปรากฏตัวขึ้น ฝูงชนที่อยู่รอบๆจึงอดไม่ได้ที่จะเหยียดหยามและดูถูกในใจ โดยเฉพาะเมื่อเสี่ยวเย่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสาธารณะอย่างไม่สนใจใครเลย โดยเฉพาะเหล่าคนที่ต่อแถวมาเป็นเวลานานที่เริ่มเกิดอาการไม่พอใจ แต่ด้วยเพราะอำนาจและสถานะของเสี่ยวเย่ พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงตัวออกมา ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ในใจและมองไปด้วยสายตาอิจฉา
ขณะที่สถานการณ์ดำเนินมาจะถึงจุดสิ้นสุดในตอนที่เสี่ยวเย่และทหารของเขาได้เดินผ่านกำแพงค่ายเข้าไปแล้ว ฮวงชูเจิ้นที่เดินตามเข้าไปรั้งท้ายสุดของขบวนจู่ๆก็หมุนตัวกลับหันหลัง หยุดฝีเท้าและยืนนิ่งไม่ขยับ
ด้านหน้าสุดซึ่งเป็นเสี่ยวเย่รับรู้ถึงการหยุดชะงักของฮวงชูเจิ้นได้ทันทีเขาตะคอกถามเสียงดังอย่างหงุดหงิด “ฮวงชูเจิ้น นายเดินรั้งท้ายสุด ไม่ใช่ว่าจะหาโอกาสหลบหนีหรอกนะ ไม่กลัวบทลงโทษที่จะเจอหรือไงถ้าถูกจับได้?”
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวเย่ถูกซ้อมจนโคม่าทว่าเขายังมีร่างกายครบ 32 ชิ้นส่วนอยู่ โดยเฉพาะเสี่ยวเย่โคม่าไปหลังจากคุกเข่าขอโทษพวกวางซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำให้เสี่ยวเย่เดือดสุดๆ เพราะเมื่อตอนที่เขาตื่นขึ้นมาและได้รู้ว่าฮวงชูเจิ้นปล่อยอีกฝ่ายที่ทำร้ายเขาไปง่ายๆ แล้วเสี่ยวเย่ก็ไม่สามารถลงโทษหรือระบายอารมณ์อะไรกับฮวงชูเจิ้นได้เพราะอาการบาดเจ็บของตัว เขาจึงรีบมุ่งหน้ากลับมาที่ค่ายหนานตู้เพื่อให้พ่อของเขาเป็นคนสั่งสอนฮวงชูเจิ้นให้แทน
ดังนั้นเสี่ยวเย่จึงให้ความสนใจอย่างมากกับการกระทำทั้งหมดของฮวงชูเจิ้น เพราะถ้ามันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา เขาจะได้มีข้ออ้างลงโทษฮวงชูเจิ้นซะ
และมันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ซ้อนความบังเอิญอีกทีที่ฮวงชูเจิ้นหมุนตัวกลับเพราะว่าเห็นชูฮันและทีมกุ้งเสือดำที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาจึงหยุดชะงักทันทีเพราะความประหลาดใจ ถึงอย่างไรแล้วดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับมาที่ค่ายเร็วพอกับชูฮัน ทั้งๆที่ตอนนั้นแยกกันไปทิศตรงกันข้ามเลย แต่เวลานี้พร้อมๆกันกลับมาเจอกันที่ประตูทางเข้าค่ายได้ มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากสำหรับฮวงชูเจิ้น.ไอลีนโนเวล.
ชูฮันเองก็ประหลาดใจเช่นกันที่ผ่านมาเขาได้เข้าร่วมการทดสอบของระยะ 4 และการประเมิณพลังการต่อสู้โดยรวมอีก แล้วไหนจะพลัดแยกกับทีมกุ้งเสือดำ ฆ่าล้างกลุ่มลูกผสมและซอมบี้โลหะในเมืองหนานตู้ หลังจากทำมากมายหลายสิ่งเขาก็รีบมุ่งหน้ามาที่ค่ายหนานตู้ทันที คนพวกนี้เดินทางช้าขนาดไหนกันเนี่ย?
หลังจากเสียงตะโกนของเสี่ยวเย่และเพราะความกดดันและการคอยเป็นที่รองรับอารมณ์ของเสี่ยวเย่มาตลอด ทำให้ฮวงชูเจิ้นแทบจะหมดความอดทนกับชายหนุ่มยศตำแหน่งสูงคนนี้แล้ว ทว่าเขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองในใจให้ได้ ไม่ระเบิดออกมาซะก่อน
ในตอนที่เสี่ยวเย่เรียกชื่อฮวงชูเจิ้นดังลั่นมันจึงทำให้ฮวงชูเจิ้นต้องเบนสายตาไปที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจของเสี่ยวเย่ แต่โชคร้าย เมื่อทิศทางสายตาที่ฮวงชูเจิ้นเปลี่ยนกลับเป็นที่ประตูทางเข้าซึ่งเป็นจุดที่ฟานเจี้ยนและหลูปิงเซ่ออยู่นั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดซอมซ่อผ้าขาดเป็นริ้วๆ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินและเศษฝุ่นสกปรก แต่ฮวงชูเจิ้นก็จำสองคนนี้ได้ทันทีที่เห็นแวบแรก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก
ดังนั้นฮวงชูเจิ้นที่ตกใจและตะลึงกับการเจอเรื่องประหลาดใจติดๆกันผลลัพธ์ก็คือเสี่ยวเย่ที่มองตามสายตาของฮวงชูเจิ้น จึงเห็นฟานเจี้ยนและหลูปิงเซ่อเข้า
ทันทีที่เห็นทั้งสองคนเสี่ยวเย่ก็เดือดเลือดพล่าน ความโกรธแค้นปะทุขึ้นมาทันที!
”จับไอ้สองคนนั้นไว้!”เสี่ยวเย่ตะโกนออกคำสั่งเสียงดังจนเนื้อเต้นด้วยความดีใจ “จับพวกมันมาให้ฉัน ซ้อมมันซะ!”
เจ้าหน้าที่หลายคนที่นำทางเสี่ยวเย่เพื่อกลับเข้าไปในค่ายสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่พลิกผันผู้พลัดถิ่นหลายคนเองก็กลัวจนต้องกระโดดหลบหนีไปด้านข้างๆ พวกเขากลัวว่าอาจจะโดนลูกหลงจากการมีเรื่องได้
พวกเขาไม่รู้ว่าเสี่ยวเย่มาที่ทำไมแล้วไหนจะท่าทางที่ดูตำแหน่งใหญ่โตอีก!
”หัวหน้า?เราจะทำยังไงดีครับ?” เสี่ยวเคินเอ่ยถามชูฮันทันที
ชูฮันถอยหลังหนีไปสองด้าวหากยังคงยืนอยู่ตำแหน่งเดิมที่ซึ่งคนส่วนใหญ่ยืนกันอยู่ น้ำเสียงมีแววของความสนุกซ่อนอนยู่ “ดูสนุกดี”
สมาชิกทีมกุ้งเสือดำก็สบตากันหากไม่มีใครส่งเสียงคัดออกมา ทุกคนตามฝีเท้าของชูฮันเพื่อซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ส่วนเสี่ยวเย่เอาแต่แหกปากออกคำสั่ง”หยุดพวกมัน เร็วเข้า”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตกอยู่ในสายตาของทุกคนต่อมามันก็เกิดเสียงหัวเราะระเบิดลั่นสนั่น หลายคนยิ้มเยาะ แววตาเย้ยหยัน จับพวกมันงั้นเหรอ? ออกคำสั่งวางท่าใหญ่โตเหลือเกิน!
ขณะที่ทุกคนคิดว่าหลูปิงเซ่อคงได้เห็นโลงศพก่อนใครแน่ๆโดนไล่ซ้อมทั้งเช้าเย็นแบบนี้…ทว่าฟานเจี้ยนที่ยืนเป็นกำบังให้หลูปิงเซ่อทันใดนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว——
ปึง!ปัง!
เสียงกระแทกปึงปังไม่กี่ครั้งทันใดนั้นทหารของเสี่ยวเย่หลายสิบคนก็ร่วงลงไปนอนที่พื้นทันที ส่งเสียงร้องบาดเจ็บกับบาดเจ็บที่ได้รับจนเหงื่อแตก
เพียงแค่ครู่เดียวสถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่รอเข้าไปในค่ายตกอยู่ในความเงียบสนิท ตกใจกับภาพที่ได้เห็นกับตาตัวเอง
คนคนเดียวจัดการกลุ่มทหารของเสี่ยวเย่หลายสิบคนได้อย่างง่ายดายสุดและใช้เวลาแค่พริบตาเดียวเนี่ยน่ะ?!