Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 773 มีใครยังไม่มา
ทันทีที่ข่าวไฟไหม้ที่สถาบันวิจัยแพร่ออกไปฉางกวนหลงก็สั่งเรียกประชุมด่วนทันที การกระทำนั้นทั้งรวดเร็วและเต็มไปด้วยอำนาจ หลายคนรีบมาโดยไม่แม้แต่จะทันได้เปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ ทุกคนนั่งรอที่เก้าอี้ในห้องประชุมด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ผมเผ้าชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง นั่งสัปหงกด้วยความง่วง ตาปรือ
ท้องฟ้ายังไม่สว่างด้วยซ้ำ!
คำสั่งของฉางกวนหลงทั้งเด็ดขาดและทรงอำนาจเช่นกันกับการกระทำของเหล่าผู้ใต้บังคับที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า หลายคนที่ถูกส่งมาเป็นตัวแทนจากค่ายทั้งหลายในตอนแรกก็มีท่าทีต่อต้านและไม่ยอมทำตามคำบอกของทหารฉางกวนหลงที่เรียกประชุมด่วน แต่ไม่ว่ากองกำลังของแต่ละค่ายจะแข็งกร้าวหรือต่อต้านมากขนาดไหน ทุกคนก็ถูกทหารใต้บังคับบัญชาของฉางกวนหลงพาตัวมาได้ทั้งหมดอย่างไม่สามารถขัดขืนได้
เป็นอีกครั้งที่ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดกองกำลังที่แสนจะทรงพลังและการร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของค่ายหนานตู้ทำให้ทุกคนตกตะลึง การปฏิบัติการอย่างรวดเร็วและไหลรื่นท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉินแสดงให้เห็นถึงประสิทธิที่แท้จริงของค่ายสามอันดับแรกของจีนได้อย่างชัดเจน
”รายงานครับ!”มู๋หรงยู่เฉิงที่เหงื่อแตกพุ่งเข้ามาหาฉางกวนหลงที่ห้องประชุม “เราไม่สามารถเข้าไปในที่พักของท่านพลเอกชูฮันได้ครับ!”
ในตอนแรกทุกคนที่ถูกบังคับพาเข้ามีท่าทีสะลึมสะลือยังไม่ตื่นดีแต่จู่ๆก็พลันลืมตาโพลงเมื่อได้ยินการรายงานจากมู๋หรงยู่เฉิง
หลายคนเริ่มมองไปรอบๆโดยหวังว่าจะเจอได้กับทุกคนที่มื้อค่ำเมื่อวานนี้แต่เมื่อรู้ว่าชูฮันไม่อยู่ที่นี่ ความคิดมากมายก็พุ่งเข้ามาในหัวทุกคนทันที
หลายคนเริ่มนึกถึงสาเหตุที่ฉางกวนหลงเรียกพวกเขามาพบท่ามกลางดึกๆดื่นๆแบบนี้ทั้งๆที่ฟ้าข้างนอกยังไม่ทันสว่างด้วยซ้ำ
และหลายคนก็เริ่มจับใจความอีกความหมายของการกระทำในครั้งนี้…หรือว่าเหล่าลูกน้องของชูฮันเก่งกาจขนาดนั้นเลย?
เหล่าตัวแทนจากค่ายทั้งหลายที่ถูกส่งมาในครั้งนี้ไม่ใช่ระดับเล็กๆกันทั้งนั้นรวมถึงจำนวนผู้ติดตามก็มีไม่น้อย บางคนไม่ได้เป็นแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายที่ถูกส่งมาเป็นตัวแทน แต่เป็นถึงผู้นำของค่ายซึ่งเดินทางมาด้วยตัวเอง แต่คนที่โดดเด่นและเป็นตัวเต็งในครั้งนี้คือจงไคและเฉินหยุนโหลว
ทั้งคู่ถูกส่งมาจากค่ายห้าอันดับสูงสุดของจีนไม่ใช่แค่เฉินหยุนโหลวจะเป็นทายาทของของผู้นำแห่งค่ายซือฉวนที่ไม่มีทายาทโดยตรง หากแม้แต่จงไคก็เป็นถึงลูกชายของพลเอกจงคุยผู้นำแห่งค่ายจินหยางอีกด้วย ซึ่งความสำเร็จในอนาคตของค่ายจินหยางก็จะสามารถนำมาซึ่งความสำเร็จของค่ายหนานตู้ได้เช่นกัน
ทว่าแม้แต่จงไคก็ยังไม่สามารถขัดขืนเหล่าทหารของฉางกวนหลงและถูกพาตัวมาเข้าร่วมในห้องประชุมณ เวลานี้ ทั้งๆที่เหล่าทหารของจงไคก็แข็งแกร่งและหน้าเกรงขามกว่าใครๆ หากพวกเขาจำต้องแพ้ด้วยจำนวนของทหารแห่งค่ายหนานตู้ที่แข็งแกร่งพอๆกันประกอบกับจำนวนที่มากกว่าหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตามทหารที่ชูฮันพามามีจำนวนเพียงแค่ 50 คนเท่านั้น แต่ทำไมทหารของฉางกวนหลงที่มีเป็นกองทัพถึงไม่สามารถทำอะไรได้?
ไม่สามารถเข้าไปได้?
ใช้การโจมตีแบบไหน?!
ในบริเวณพื้นพักผ่อนของแขกระดับVIPทหารของค่ายหนานตู้เองควรจะมีข้อได้เปรียบเทียบมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเป็นพื้นที่ของตัวเองซึ่งคุ้นเคยดี แล้วทำไมถึงไม่สามารถฝ่าเข้าไปในที่พักเล็กๆแค่นั้นได้?
หรือทหารของค่ายหนานตู้อ่อนแอเกินไป?แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!.ไอลีนโนเวล.
ท่ามกลางความคิดมากมายที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัวแต่ละคนแววตาของหลายๆคนเริ่มมีทอประกายแสงทั้งๆที่ถูกปลุกกลางดึกแบบนี้ สายตาของหลายเริ่มจับจ้องไปที่จงไคอย่างมีนัยนะซ่อนเร้น รวมถึงเฉินยุนโหลวเช่นกัน
สถานการณ์ในครั้งนี้มันแสดงให้เห็นถึงข้อเด่นข้อด้อยได้ชัดเจนในกรณีของจงไคที่ถูกทหารของฉางกวนหลงเข้าไปพาตัวออกมาได้ภายในไม่กี่นาที แตกต่างจากชูฮันที่ไม่สามารถแม้แต่จะฝ่าเข้าไปในที่พักได้ด้วยซ้ำ มันแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าทหารของชูฮันมีความสามารถที่เรียกว่าน่ากลัวและแข็งแกร่งมากขนาดไหน!
จงไคเองก็คิดถึงในข้อนี้เช่นกันหน้าตาของเขาบูดเบี้ยวอย่างห้ามไม่อยู่ ความอับอายที่พุ่งขึ้นทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวจนจะระเบิดออกมา เมื่อวานนี้เขาก็ถูกอีกฝ่ายทำให้ขายหน้าซะยับเยิน แล้วฉางกวนยวีซินก็ปฏิเสธเขาอย่างไม่ใยดีต่อหน้าทุกคน แล้วมาวันนี้ลูกน้องของชูฮันก็ยังทำให้เขาอับอายในด้านพละกำลังการต่อสู้อีก
นี้มันทำให้จงไคไม่สามารถทนต่อไปได้อีกศักดิ์ศรีของเขาถูกเหยียบย่ำ!
ฉางกวนหลงที่ได้ยินการรายงานของมู๋หรงยู่เฉิงก็กระพริบตาจากนั้นก็ออกคำสั่งทันที “ทุกวิถีทาง โจมตีเต็มกำลัง!”
”อะไรนะครับ?”มู๋หรงยู่เฉิงคิดว่าเขาได้ยินผิด “แต่เราส่งทหารไปแล้วสามร้อยนาย…”
”ส่งกองทัพมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ไป!”ฉางกวนหลงออกคำสั่งขัดมู๋หรงยู่เฉิงที่กำลังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ทหารของชูฮันเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งหมด อันดับแรกทำให้พวกมันยอมต่อรองโดยการล้อมที่พักของชูฮันเอาไว้ และให้ชูฮันมาพบฉันเดี๋ยวนี้!”
”ครับ!”มู๋หรงยู่เฉิงรับคำและรีบออกไปทันที
ห้องประชุมกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งหากต่อมาเฉินยุนโหลวก็เป็นคนแรกที่ตัดสินใจทำลายความเงียบ “ท่านพลเอกฉางกวนหลงครับ ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีเลย มีเรื่องด่วนอะไรหรือครับถึงเรียกรวมตัวพวกเราแบบนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ครับ?”
ความโกรธที่สุมจนแน่นอกฉางกวนหลงทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครทั้งนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปจึงห้วนตามระดับอารมณ์ “คุณรู้เรื่องไฟไหม้ที่สถาบันวิจัยของค่ายหนานตู้มั้ย?”
หลายคนในห้องประชุมเริ่มมองหน้ากันไปมาทันทีหัวใจเต้นรัวด้วยความตระหนก
”เกิดไฟไหม้ขึ้นที่สถาบันวิจัยของท่าน?ทำไมท่านไม่รีบดำเนินดับไฟให้เร็วที่สุดในฐานะผู้นำของค่ายละครับ ทำไมถึงมาเรียกรวมตัวพวกเราที่นี่ในเวลาแบบนี้?” น้ำเสียงของจงไคก็ไม่ค่อยดีเช่นเดียวกับอารมณ์ของเขา “หรือว่ามันยากมากจนต้องขอให้พวกเราช่วยดับไฟ? ค่ายจินหยางของผมไม่จำเป็นต้องมาทำหน้าที่นี้!”
เพราะคำปฏิเสธของฉางกวนยวีซินเมื่อวานนี้ทำให้จงไคไม่สามารถทนรักษามารยาทต่อได้อีกรวมถึงในตอนนี้ที่เขาโดนทหารของชูฮันทำให้อับอายโดยบังเอิญอีก น้ำเสียงของจงไคตอนนี้จึงค่อนข้างหยาบคาย ถึงค่ายหนานตู้จะเป็นค่ายหลักและเป็นถึงค่ายสามอันดับสูงสุดของจีน แต่ค่ายจินหยางของพ่อเขาเองก็ไม่ใช่ธรรมดา เรียกได้ว่าไล่ตามค่ายหนานตู้มาติดๆด้วยซ้ำ
เพราะงั้นหลังจากการปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าของฉางกวนยวีซินเมื่อวานนี้จงไคจึงละทิ้งความเคารพและมารยาทลงทันที โดยที่เขาไม่สนใจว่าตัวเองจะกลายเป็นศัตรูกับฉางกวนหลงรึเปล่า เพราะแม้ว่าจงไคในตอนนี้จะเป็นแค่พลโทแต่อำนาจของพ่อเขานั้นเหนือกว่าฉางกวนหลงซะอีก
น้ำเสียงไม่เป็นมิตรของจงไคทำให้ทุกคนในห้องประชุมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นหลายคนถึงกับกลั้นลมหายใจและไม่กล้าจะส่งเสียงใดๆ ท้ายที่สุดแล้วอันดับค่ายของทั้งค่ายหนานตู้และจินหยางไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะเอื้อมถึง
มีเพียงแค่เฉินยุนโหลวที่มีคุณสมบัติพอค่ายซือฉวนของเฉินยุนโหลวนั้นพัฒนาไล่ตามค่ายจินหยางในทุกๆด้านตามมาติดๆ ถ้าค่ายหนานตู้และค่ายจินหยางเกิดสงครามกัน และถ้าค่ายซือฉวนตัดสินใจเข้าร่วมกับค่ายหนานตู้ แน่นอนว่าพวกเขาจะสามารถกดค่ายจินหยางได้ง่ายๆและแซงหน้าไปทันทีอย่างไม่เห็นฝุ่น
ด้วยความคิดเช่นนี้ในหัวเฉินยุนโหลวจึงพูดขึ้นมาทันที “จงไค คุณพูดกับท่านพลเอกแบบนี้ คิดจะจบความสัมพันธ์งั้นเหรอ?”
”โทษนะเงียบปากไป” จงไคตอกกลับ หากไม่แม้แต่จะมองหน้าเฉินยุนโหลวด้วยซ้ำ ในสายตาของจงไคแล้ว ค่ายซือฉวนนั้นด้อยกว่าค่ายของเขา ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าหรือรักษามารยาทกับอีกฝ่าย
”การดับไฟนั้นเป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆและค่ายหนานตู้ของเราก็มีกำลังคนและทรัพยากรที่เพียงพอ” ฉางกวนหลงยึดการสนทนากลับมา เทียบกับความภาคภูมิใจในตัวเองของจงไคแล้ว พลเอกฉางกวนหลงที่ผ่านศึกมามากและกล้าหาญอย่างลูกผู้ชายก็ไม่คิดยอมลงให้จงไคเช่นกัน “สถาบันวิจัยนั้นเป็นสถานที่สำคัญอันดับต้นๆของค่ายหนานตู้มาตลอด รวมถึงมีการป้องกันที่แน่นหนาที่สุดในค่าย ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยสักครั้งตั้งแต่มีการก่อตั้งค่ายขึ้นมา แต่แล้วมันก็เกิดไฟไหม้ขึ้นมาทันทีในคืนที่พวกคุณมาเยือนค่ายหนานตู้ แค่นี้มันมากพอรึยังที่ผมเรียกทุกคนมาที่นี่?”
”นี่ท่านสงสัยผม?”จงไคมองฉางกวนหลงอย่างไม่อยากเชื่อ
”ฉันไม่สงสัยใครทั้งนั้นถ้าไม่มีหลักฐานถ้าคุณไม่นั่งลง ฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยกับคุณ” คำพูดของฉางกวนหลงค่อนข้างหยาบคาย
หน้าของจงไคแดงก่ำด้วยความอับอายทันทีโดยเฉพาะสายตาของทุกคนที่มองมามันยิ่งทำให้ศักดิ์ศรีของเขาโดนกระทืบซ้ำจนแทบจะไม่เหลือแล้ว
ไม่คิดจะปล่อยเวลาให้ใครได้ขัดฉางกวนหลงก็ระเบิดอารมณ์ภายในของตัวเองออกมา “ดังนั้นมาพูดกันเลยตอนนี้ คุณอยู่ที่ไหนเมื่อคืน คุณกลับเข้าที่พักกี่โมง เพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง? บอกตามความจริงมา!”