Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 925 ถึงเวลาลุกขึ้นสู้
ณค่ายซือฉวน ข่าวคราวของชูฮันเองก็แพร่ไปทั่วทั้งค่ายภายในชั่วเวลาพริบตาเช่นกัน เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของค่ายนั้นมารวมตัวกันพร้อมหน้าทั้งหมดเป็นครั้งแรก ทุกคนต่างกำลังพูดคุยถึงประเด็นเดียวกันจนทั้งห้องประชุมเกิดเสียงดังระงมทั่วไปหมด
”ซางจิงยังไม่แน่ชัดว่าชูฮันตายแล้วงั้นเหรอ?”
”ใช่แล้วมันเป็นเรื่องจริงมั้ย?”
”สถานการณ์ตอนนี้มันคือยังไง?การเปลี่ยนแปลงของรายชื่อระยะ 5 ชูฮันได้ครองตำแหน่บอันดับหนึ่ง แล้วจะมาบอกว่าเขาตายแล้วได้ยังไง?”
”มีแต่การคาดการณ์กันไปเองมันเกิดอะไรที่ซางจิงกันแน่!”
”อย่าพึ่งเสียงดังไปประเด็นสำคัญตอนนี้คือชูฮันยังไม่ตาย และเขาก็ยังได้ครองอันดับที่หนึ่งบนเสาหิน แถมชื่อก็ประกาศเด่นหราชัดเจนเห็นกันทั้งโลก ถ้านี่ไม่สอดคล้องกับการประกาศการตายของซางจิงก่อนหน้านี้เป็นเพราะไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือค่ายเขี้ยวหมาป่า มันจะเป็นไปได้มั้ย?”
”ความช่วยเหลือ?หรือเพราะต้องรอคำแนะนำจากซางจิงก่อนด้วย?”
”อย่าพึ่งพูดไปมันจะต้องมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ พอเราได้แถลงการณ์จากซางจิงแล้วค่อยมาหาข้อสรุปกันอีกที”
”ฉันไม่คิดว่ามันมีอะไรบิดปังแต่มันคือการสมรู้ร่วมคิด!”
ในขณะที่ทุกคนในห้องประชุมภายในค่ายซือฉวนกำลังอยู่ในสถานะอึดอัดใจด้วยความอยากรู้เหวินชี่เชิงและเฉินยุนโหลวที่อยู่ในภายห้องโล่งในบืานพักส่วนตัว สายตาทั้งคู่จับจ้องไปที่รายชื่อบนเสาหินที่อยู่ห่างออกไปเงียบๆ
”เรื่องนี้นายวิเคราะห์สิ” เสียงเหวินชี่เชิงดังขึ้นโดยไม่มีอารมณ์ใดๆเลย ก่อนจะเหลือบมองไปที่เฉินยุนโหลวที่อยู่ด้านหลังใกล้ๆ
”โดยส่วนตัวแล้วคงเป็นพลเอกชูฮันที่กล้าเสี่ยงเองอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้วและก็สรุปกันไปเอง เขาต้องผ่านวิกฤตมากมายและก็ยังสามารถกลับมาได้อย่างสง่างามที่สุด” น้ำเสียงของเฉินยุนโหลวค่อนข้างเต็มไปด้วยอารมณ์ขณะพูด
แตกต่างจากเหวินชี่เชิงที่แววตาแพราวพราวยกยิ้มมุมปากทำให้หน้ากระดกขึ้น เผยให้เห็นรอยย่นที่หางตาและผมสีขาวที่กระตุกเบาๆ “แล้วเรื่องการร่วมมือล่ะ?”
”นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการร่วมมือเพื่ออะไร”สายตาของเฉินยุนโหลวเปลี่ยนเป็นล้ำลึกทันที ซึ่งไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์อายยุของเขาเลย “ก่อนอื่นถ้าวิเคราะห์จากสถานการณ์ล่าสุดที่รับรู้ ทีมหลงยาเดิมทีปรากฏตัวที่ค่ายหนานตู้โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขารับคำสั่งจากใครในเขี้ยวหมาป่า ประเด็นนี้กอปรกับสถานการณ์ปัจจุบันของชูฮัน ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างจะหนักไม่เบา”
”เจาะจงกว่านี้?”เหวินชี่เชิงค่อนข้างสนใจ เขามองเฉินยุนโหลวด้วยสายตามีความหมาย
”ท่านลุงผมจะกล้าฟันธงต่อหน้าท่านได้ยังไงกัน?” เฉินยุนโหลวยิ้มบางๆ “ท่านลุงก็เคยเจอพลเอกชูฮันมาแล้ว ตอนที่เขายังเป็นคนธรรมดาไร้ยศตำแหน่ง ท่านลุงก็ไม่ได้ชอบพอเขานิครับ?”
ประโยคนี้ได้กระตุ้นความทรงจำของเหวินชี่เชิงขึ้นมาแววตาทอประกายแสงวาววับ ตามมาด้วยน้ำเสียงที่กำลังระลึกถึงความทรงจำในอดีต “ใช่ ไอ้เด็กที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีพื้นหลัง และต่อหน้าต่อฉันมันกล้าฆ่าพลโท! แถมหลังจากสร้างเรื่องขนาดนั้น มันยังกล้าถล่มอาคารในซางจิงอีก! เหลือเชื่อจริงๆ!”
เฉินยุนโหลวส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา”ผมไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย”
เหวินชี่เชิงตบไหล่เฉินยุนโหลวก่อนเอ่ยเสียงลึก”เสือไม่มีลูกเป็นสุนัข เอาล่ะ ส่วนเรื่องนี้ในเมื่อตอนนี้ทุกคนสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนรายชื่อเสาหินได้ ถ้างั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหารืออีก”
”ครับ”เฉินยุนโหลวตอบรับอย่าเร็ว “ชูฮันยังไม่ตาย แต่ก่อนหน้านี้เราได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากซางจิงที่บอกให้ทุกคนละทิ้งค่ายเขี้ยวหมาป่า ในขณะเดียวกันทีมหลงยาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายหนานตู้เดี่ยวๆ มันแสดงให้เห็นว่าฉางกวนหลงมีสัมพันธ์ที่ดีกับชูฮันและก็ให้การสนับสนุนค่ายเขี้ยวหมาป่า”
ยิ่งพูดเท่าไหร่เสียงของเฉินยุนโหลวก็ยิ่งจริงจังมากขึ้น”ทั้งหมดนี้มันเชื่อมโยงกันหมด ประกอบกับพฤติกรรมของชูฮันในตอนนี้ มันสามารถตีออกมาได้ว่า ชูฮันจงใจเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเขายังไม่ตายและก็ยังเป็นการสร้างพลังอำนาจให้แก่ค่ายเขี้ยวหมาป่าที่กำลังอยู่ในวิกฤต?”
”ดูเหมือนจะเป็นการเผชิญหน้าแต่ที่จริงก็แค่เปิดเผยความจริง หรือเพื่อส่งข้อมูลไปยังบางคนหรือแม้กระทั่งเรา?” เฉินยุนโหลวเริ่มไปถูกทาง “ตัวชูฮันเองน่าจะพอเดาสถานการณ์วิกฤตของค่ายเขี้ยวหมาป่าออก แต่ในเมื่อตอนนี้ตัวเขาอยู่หนานตู้และไม่สามารถเดินทางกลับมาค่ายเขี้ยวหมาป่าได้ทันเวลา ดังนั้นในช่วงเวลาที่ช่างพอดิบพอดีนี้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อบนเสาหิน มันสามารถสะท้อนออกไปเป็นสองต่อ”
เหวินชี่เชิงมองเฉินยุนโหลวด้วยแววตาพอใจ”ดี พูดต่อ”
”ครับ”เฉินยุนโหลวพยักหน้า “ถ้าการคาดการณ์ทั้งหมดของผมถูกต้อง เราจะสามารถได้ข้อมูลสองทาง”
ทันใดนั้นเฉินยุนโหลวก็หยิบปากกาขึ้นมาวาดเส้นสองเส้นลงบนกระดาษ”หนึ่ง ดูจากภูมิศาสตร์แล้ว ตำแหน่งเจาะจงของเสาหินประเมิณพิเศษน่าจะอยู่ในหนานตู้หรือใกล้เคียง ซึ่งมันสำคัญมาก ถ้าเราสามารถรีบค้นหาตำแหน่งที่ตั้งได้ เราจะมีอำนาจเหนือกว่าใคร อย่างที่รู้ว่าไม่ว่าเสาหินเสาไหนก็ตามในตอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยเพราะมันไม่ใช่เสาหินประเมิณพิเศษ และเสาหินประเมิณพิเศษสำหรับระยะ 5 นี้เราจะต้องได้มันก่อนใคร ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ฉางกวนหลงก็คงจะตระหนักถึงข้อนี้ดีเหมือนกัน ใครก็ตามที่หาเสาหินพิเศษนี้เจอก่อน ที่เหลือก็ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป”
”สองมันเกี่ยวกับซางจิง ยศตำแหน่งของชูฮันนั้นได้มาจากผู้บัญชาการมู๋ ส่วนทีมหลงยาที่โด่งดังและรู้จักกันดีในความน่ากลัวและแข็งแกร่งก็ดูเหมือนจะยืนอยู่ข้างฝั่งเขี้ยวหมาป่า เหอเฟิงที่จู่ๆก็หายไปตัวไป ค่ายหลักๆทั้งหลายได้รับคำสั่งให้ละทิ้งค่ายเขี้ยวหมาป่าและยังบอกว่าทีมหลงยาตายไปหมดแ
ล้ว”
”เราสามารถอนุมานจากตรงนี้ได้ว่า‘ภายในซางจิงกำลังถูกบีบให้แยกตัว หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็คือผู้บัญชาการมู๋จะถูกโค่นอำนาจ’” เฉินยุนโหลวเงยหน้าขึ้นสบตากับเหวินชี่เชิงด้วยแววตาสับสนและหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าหลังจากการวิเคราะห์ตัวเฉินยุนโหลวเองก็ตกใจและหวาดกลัวกับข้อสรุปที่เขาได้!
สิ่งที่เฉินยุนโหลวไม่คิดมาก่อนก็คือการที่จู่ๆเหวินชี่เชิงก็ระเบิดหัวเราะออกมาและตบไหล่เขาเบาๆ”หึ ไม่มีสุนัข มีแต่เสือ!”
”ท่านลุง?”เฉินยุนโหลวสับสน
”นายไม่สมควรจะเป็นลูกชายของเขาเลย”เหวินชี่เชิงถอนหายใจ “ไป เอารหัสจากฉันไปที่ห้องประชุมให้พวกเฒ่าเจ้าเล่ห์พวกนั้น ส่วนค่ายเขี้ยวหมาป่าเราต้องช่วยเหลือพวกเขา เราต้องส่งทรัพยากรและการช่วยเหลือไปให้มากที่สุดที่เราจะทำได้ ส่วนเวลาไหนนายต้องเก็บไปคิดเอาเอง”
”สนับสนุน…”เฉินยุนโหลวประหลาดใจ “แต่ยังไม่มีประกาศจากซางจิงออกมา—–”
”ซาวจิง?”เหวินชี่เชิงพูดขัดเฉินยุนโหลวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหัวเราะเยาะ “ตัวนายก็รู้เหตุผลดีว่ารูปแบบของซางจิงเปลี่ยนไปแล้ว เราจะไม่มีวันได้รับคำสั่งให้ให้ความช่วยเหลือแก่ค่ายเขี้ยวหมาป่า” แววตาของเฉินยุนโหลวหดวูบหัวใจดิ่งลงวูบอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน!
เหวินชี่เชิงไม่สนใจท่าทางของเฉินยุนโหลวเขาเบนสายตาไปที่เสาหินที่อยู่ไกลออกไปและพึมพำออกมา “โลกกำลังล่มสลาย มันถึงเวลาที่เราต้องลุกขึ้นสู้แล้ว”
”ซางจิงยังไม่แน่ชัดว่าชูฮันตายแล้วงั้นเหรอ?”
”ใช่แล้วมันเป็นเรื่องจริงมั้ย?”
”สถานการณ์ตอนนี้มันคือยังไง?การเปลี่ยนแปลงของรายชื่อระยะ 5 ชูฮันได้ครองตำแหน่บอันดับหนึ่ง แล้วจะมาบอกว่าเขาตายแล้วได้ยังไง?”
”มีแต่การคาดการณ์กันไปเองมันเกิดอะไรที่ซางจิงกันแน่!”
”อย่าพึ่งเสียงดังไปประเด็นสำคัญตอนนี้คือชูฮันยังไม่ตาย และเขาก็ยังได้ครองอันดับที่หนึ่งบนเสาหิน แถมชื่อก็ประกาศเด่นหราชัดเจนเห็นกันทั้งโลก ถ้านี่ไม่สอดคล้องกับการประกาศการตายของซางจิงก่อนหน้านี้เป็นเพราะไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือค่ายเขี้ยวหมาป่า มันจะเป็นไปได้มั้ย?”
”ความช่วยเหลือ?หรือเพราะต้องรอคำแนะนำจากซางจิงก่อนด้วย?”
”อย่าพึ่งพูดไปมันจะต้องมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ พอเราได้แถลงการณ์จากซางจิงแล้วค่อยมาหาข้อสรุปกันอีกที”
”ฉันไม่คิดว่ามันมีอะไรบิดปังแต่มันคือการสมรู้ร่วมคิด!”
ในขณะที่ทุกคนในห้องประชุมภายในค่ายซือฉวนกำลังอยู่ในสถานะอึดอัดใจด้วยความอยากรู้เหวินชี่เชิงและเฉินยุนโหลวที่อยู่ในภายห้องโล่งในบืานพักส่วนตัว สายตาทั้งคู่จับจ้องไปที่รายชื่อบนเสาหินที่อยู่ห่างออกไปเงียบๆ
”เรื่องนี้นายวิเคราะห์สิ” เสียงเหวินชี่เชิงดังขึ้นโดยไม่มีอารมณ์ใดๆเลย ก่อนจะเหลือบมองไปที่เฉินยุนโหลวที่อยู่ด้านหลังใกล้ๆ
”โดยส่วนตัวแล้วคงเป็นพลเอกชูฮันที่กล้าเสี่ยงเองอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้วและก็สรุปกันไปเอง เขาต้องผ่านวิกฤตมากมายและก็ยังสามารถกลับมาได้อย่างสง่างามที่สุด” น้ำเสียงของเฉินยุนโหลวค่อนข้างเต็มไปด้วยอารมณ์ขณะพูด
แตกต่างจากเหวินชี่เชิงที่แววตาแพราวพราวยกยิ้มมุมปากทำให้หน้ากระดกขึ้น เผยให้เห็นรอยย่นที่หางตาและผมสีขาวที่กระตุกเบาๆ “แล้วเรื่องการร่วมมือล่ะ?”
”นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการร่วมมือเพื่ออะไร”สายตาของเฉินยุนโหลวเปลี่ยนเป็นล้ำลึกทันที ซึ่งไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์อายยุของเขาเลย “ก่อนอื่นถ้าวิเคราะห์จากสถานการณ์ล่าสุดที่รับรู้ ทีมหลงยาเดิมทีปรากฏตัวที่ค่ายหนานตู้โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขารับคำสั่งจากใครในเขี้ยวหมาป่า ประเด็นนี้กอปรกับสถานการณ์ปัจจุบันของชูฮัน ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างจะหนักไม่เบา”
”เจาะจงกว่านี้?”เหวินชี่เชิงค่อนข้างสนใจ เขามองเฉินยุนโหลวด้วยสายตามีความหมาย
”ท่านลุงผมจะกล้าฟันธงต่อหน้าท่านได้ยังไงกัน?” เฉินยุนโหลวยิ้มบางๆ “ท่านลุงก็เคยเจอพลเอกชูฮันมาแล้ว ตอนที่เขายังเป็นคนธรรมดาไร้ยศตำแหน่ง ท่านลุงก็ไม่ได้ชอบพอเขานิครับ?”
ประโยคนี้ได้กระตุ้นความทรงจำของเหวินชี่เชิงขึ้นมาแววตาทอประกายแสงวาววับ ตามมาด้วยน้ำเสียงที่กำลังระลึกถึงความทรงจำในอดีต “ใช่ ไอ้เด็กที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีพื้นหลัง และต่อหน้าต่อฉันมันกล้าฆ่าพลโท! แถมหลังจากสร้างเรื่องขนาดนั้น มันยังกล้าถล่มอาคารในซางจิงอีก! เหลือเชื่อจริงๆ!”
เฉินยุนโหลวส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา”ผมไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย”
เหวินชี่เชิงตบไหล่เฉินยุนโหลวก่อนเอ่ยเสียงลึก”เสือไม่มีลูกเป็นสุนัข เอาล่ะ ส่วนเรื่องนี้ในเมื่อตอนนี้ทุกคนสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนรายชื่อเสาหินได้ ถ้างั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหารืออีก”
”ครับ”เฉินยุนโหลวตอบรับอย่าเร็ว “ชูฮันยังไม่ตาย แต่ก่อนหน้านี้เราได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากซางจิงที่บอกให้ทุกคนละทิ้งค่ายเขี้ยวหมาป่า ในขณะเดียวกันทีมหลงยาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายหนานตู้เดี่ยวๆ มันแสดงให้เห็นว่าฉางกวนหลงมีสัมพันธ์ที่ดีกับชูฮันและก็ให้การสนับสนุนค่ายเขี้ยวหมาป่า”
ยิ่งพูดเท่าไหร่เสียงของเฉินยุนโหลวก็ยิ่งจริงจังมากขึ้น”ทั้งหมดนี้มันเชื่อมโยงกันหมด ประกอบกับพฤติกรรมของชูฮันในตอนนี้ มันสามารถตีออกมาได้ว่า ชูฮันจงใจเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเขายังไม่ตายและก็ยังเป็นการสร้างพลังอำนาจให้แก่ค่ายเขี้ยวหมาป่าที่กำลังอยู่ในวิกฤต?”
”ดูเหมือนจะเป็นการเผชิญหน้าแต่ที่จริงก็แค่เปิดเผยความจริง หรือเพื่อส่งข้อมูลไปยังบางคนหรือแม้กระทั่งเรา?” เฉินยุนโหลวเริ่มไปถูกทาง “ตัวชูฮันเองน่าจะพอเดาสถานการณ์วิกฤตของค่ายเขี้ยวหมาป่าออก แต่ในเมื่อตอนนี้ตัวเขาอยู่หนานตู้และไม่สามารถเดินทางกลับมาค่ายเขี้ยวหมาป่าได้ทันเวลา ดังนั้นในช่วงเวลาที่ช่างพอดิบพอดีนี้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อบนเสาหิน มันสามารถสะท้อนออกไปเป็นสองต่อ”
เหวินชี่เชิงมองเฉินยุนโหลวด้วยแววตาพอใจ”ดี พูดต่อ”
”ครับ”เฉินยุนโหลวพยักหน้า “ถ้าการคาดการณ์ทั้งหมดของผมถูกต้อง เราจะสามารถได้ข้อมูลสองทาง”
ทันใดนั้นเฉินยุนโหลวก็หยิบปากกาขึ้นมาวาดเส้นสองเส้นลงบนกระดาษ”หนึ่ง ดูจากภูมิศาสตร์แล้ว ตำแหน่งเจาะจงของเสาหินประเมิณพิเศษน่าจะอยู่ในหนานตู้หรือใกล้เคียง ซึ่งมันสำคัญมาก ถ้าเราสามารถรีบค้นหาตำแหน่งที่ตั้งได้ เราจะมีอำนาจเหนือกว่าใคร อย่างที่รู้ว่าไม่ว่าเสาหินเสาไหนก็ตามในตอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยเพราะมันไม่ใช่เสาหินประเมิณพิเศษ และเสาหินประเมิณพิเศษสำหรับระยะ 5 นี้เราจะต้องได้มันก่อนใคร ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ฉางกวนหลงก็คงจะตระหนักถึงข้อนี้ดีเหมือนกัน ใครก็ตามที่หาเสาหินพิเศษนี้เจอก่อน ที่เหลือก็ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป”
”สองมันเกี่ยวกับซางจิง ยศตำแหน่งของชูฮันนั้นได้มาจากผู้บัญชาการมู๋ ส่วนทีมหลงยาที่โด่งดังและรู้จักกันดีในความน่ากลัวและแข็งแกร่งก็ดูเหมือนจะยืนอยู่ข้างฝั่งเขี้ยวหมาป่า เหอเฟิงที่จู่ๆก็หายไปตัวไป ค่ายหลักๆทั้งหลายได้รับคำสั่งให้ละทิ้งค่ายเขี้ยวหมาป่าและยังบอกว่าทีมหลงยาตายไปหมดแ
ล้ว”
”เราสามารถอนุมานจากตรงนี้ได้ว่า‘ภายในซางจิงกำลังถูกบีบให้แยกตัว หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็คือผู้บัญชาการมู๋จะถูกโค่นอำนาจ’” เฉินยุนโหลวเงยหน้าขึ้นสบตากับเหวินชี่เชิงด้วยแววตาสับสนและหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าหลังจากการวิเคราะห์ตัวเฉินยุนโหลวเองก็ตกใจและหวาดกลัวกับข้อสรุปที่เขาได้!
สิ่งที่เฉินยุนโหลวไม่คิดมาก่อนก็คือการที่จู่ๆเหวินชี่เชิงก็ระเบิดหัวเราะออกมาและตบไหล่เขาเบาๆ”หึ ไม่มีสุนัข มีแต่เสือ!”
”ท่านลุง?”เฉินยุนโหลวสับสน
”นายไม่สมควรจะเป็นลูกชายของเขาเลย”เหวินชี่เชิงถอนหายใจ “ไป เอารหัสจากฉันไปที่ห้องประชุมให้พวกเฒ่าเจ้าเล่ห์พวกนั้น ส่วนค่ายเขี้ยวหมาป่าเราต้องช่วยเหลือพวกเขา เราต้องส่งทรัพยากรและการช่วยเหลือไปให้มากที่สุดที่เราจะทำได้ ส่วนเวลาไหนนายต้องเก็บไปคิดเอาเอง”
”สนับสนุน…”เฉินยุนโหลวประหลาดใจ “แต่ยังไม่มีประกาศจากซางจิงออกมา—–”
”ซาวจิง?”เหวินชี่เชิงพูดขัดเฉินยุนโหลวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหัวเราะเยาะ “ตัวนายก็รู้เหตุผลดีว่ารูปแบบของซางจิงเปลี่ยนไปแล้ว เราจะไม่มีวันได้รับคำสั่งให้ให้ความช่วยเหลือแก่ค่ายเขี้ยวหมาป่า” แววตาของเฉินยุนโหลวหดวูบหัวใจดิ่งลงวูบอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน!
เหวินชี่เชิงไม่สนใจท่าทางของเฉินยุนโหลวเขาเบนสายตาไปที่เสาหินที่อยู่ไกลออกไปและพึมพำออกมา “โลกกำลังล่มสลาย มันถึงเวลาที่เราต้องลุกขึ้นสู้แล้ว”