Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 957 ทิ้งตัวนำโชคไว้คอยขจัดสิ่งชั่วร้าย
- Home
- Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย
- ตอนที่ 957 ทิ้งตัวนำโชคไว้คอยขจัดสิ่งชั่วร้าย
ที่ตั้งค่ายรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเหอเฟิงใช้เวลาสิบห้านาทีในการกวาดตาไล่อ่านแผนการฝึกทหารใหม่ที่ชูฮันเป็นคนเขียนขึ้นมา
ในแผนการที่ชูฮันเขียนไว้ทหารที่รวมกันทั้งหมดมากกว่าสี่พันคคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะต้องทำการฝึกฝนร่วมกัน แต่ละทีมจะถูกมอบหมายให้ทำภารกิจที่กำหนดให้ภายในระยะเวลาที่จำกัด เมื่อนึกภาพที่ทุกคนมีเครื่องแบบที่ครบครันกัน ภาพที่จะเกิดขึ้นยิ่งดูดีเข้าไปอีก
เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเองก็ได้รับการจัดการจากชูฮันเช่นกันชุดเครื่องแบบทหารถูกส่งไปให้ทุกคน รวมถึงตราตำแหน่งประดับบนเครื่องแบบที่จะช่วยบ่งบอกระดับยศทางทหารของแต่ละคน
และในตอนที่ทุกคนมารวมตัวกันในเต้นท์ที่ใช้ประชุมอีกครั้งพวกเขาไม่ได้ดูเหมือนกับกองโจรอีกต่อไป ในที่สุดทุกคนก็อยู่ในบรรยากาศของกองทัพจริงๆ การแต่งกายที่ดูเนี๊ยบและเป็นระเบียบของทุกคนทำให้บรรยากาศดูเป็นทางการและจริงจังขึ้นอย่างมาก มันมีรัศมีแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากทุกคน
เหอเฟิงเองก็ละทิ้งเครื่องแบบทหารอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มีตราตำแหน่งกัปตันแห่งซางจิงไปแทนที่ด้วยเครื่องแบบทหารทั่วไปของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
นั่นก็คือเครื่องแบบทหารภายใต้บังคับบัญชาของชูฮันและเป็นรักษาการณ์ตำแหน่งแทนชูฮันในการบัญชาการรบกองทัพเขี้ยวหมาป่า
”ถึงจะยังมีกลิ่นชุดใหม่อยู่แต่มันตื่นเต้นชะมัดที่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบครั้งแรกอย่างเป็นทางการ!”เฉินช่าวเย่ตื่นเต้นจนหน้าแดงเพราะเลือดลมไหลเวียน ตราตำแหน่งพลโทบนหน้าอกส่องวาววับพิเศษกว่าใคร หลิวยู่ติงเองก็แต่งกายพร้อมติดตราตำแหน่งพลตรีเขายืนเงียบๆ สีหน้าเย็นชานิ่งเฉยต่างจากทุกคนในเต้นท์ “กัปตันแห่งแผนกกฏระเบียบทหาร ตำแหน่งนี้มันดูผิดไปสำหรับฉันรึเปล่า?”
”กัปตันของทั้ง5 ทีมพิเศษอย่างฉัน ตำแหน่งมันควรจะสูงกว่าพลโทสิ?”
”สูงกว่านี้ไม่ได้เขี้ยวหมาป่ามีพลเอกแค่คนเดียว” เจียงเทียนชิงเอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจกับบทสนทนานี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้แววตาของเหอเฟิงก็เปล่งประกายแสงบางอย่าง “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก คนอื่นจะเข้าใจผิดได้”
ในขณะที่ทุกคนพูดเล่นตลกกันอยู่เพื่อรอการกลับมาของชูฮันและเหมิงชีเหว่ยในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ตารางเวลาฝึกสำหรับเหล่าทหารเกณฑ์ใหม่ไปด้วย ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งกำลังมุ่งหน้ายังเต้นท์ที่พวกเขาใช้ประชุมกันอยู่
”กึก!” เสียงฝีเท้าที่เด่นชัดดังขึ้นด้านนอกตัวเต้นท์พร้อมกับร่างหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบทหารตำแหน่งพลเอกซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้เต้นท์มากทุกขณะ
ทุกคนในเต้นชะงักเสียงพูดคุยกันทันทีรีบลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างพร้อมเพรียงรอการปรากฏตัวของพลเอกชูฮัน นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้ทำการต้อนรับพลเอกอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างรอคอยที่จะได้คำนับหัวหน้าด้วยความภักดีที่มีอยู่เต็มอก
”ฟรึบ!”
ผ้าใบเต้นท์ถูกเลิกขึ้นกลิ่นแรกที่ลอยปะทะเข้าจมูกทุกคนคือกลิ่นของความสะอาดใหม่และแสงมันเงาวับของตราตำแหน่งพลเอกที่ประดับอยู่บนเครื่องแบบที่สง่าง่าผ่าเผย
”ยินดีต้อนรับครับท่านพลเอก!”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจและประทับใจของทุกคนดังขึ้น มันดังสนั่นจนหูแทบดับ จนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นเสียงของแค่คนสิบคนรวมกันเท่านั้น
ที่ด้านนอกเต้นท์มีเหล่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองกันอยู่ก็รีบหันไปตามที่มาของเสียงทันที สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เต้นท์ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมของเหล่าเจ้าหน้าที่แกนหลักเป็นตาเดียว หลังจากนั้นมันก็เสียงถกเถียงของเหล่าทหารดังขึ้นตามกันมา
”เมื่อไหร่ฉันจะสามารถเข้าไปนั่งปรึกษาหารือกลยุทธ์วิธีกับหัวหน้าชูฮันได้บ้าง?”
”ฆ่าศัตรูให้เอง10,000 ตัวก่อนนายถึงจะได้ตำแหน่ง!”
ทว่าหลังจากเสียงคำนับพร้อมกับวัทยาหัตถ์เพื่อแสดงความเคารพทั้งเต้นท์ก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท มันเงียบเสมือนราวกับไม่มีคนอยู่ในเต้นท์เลย
มันเป็นเพราะ…
สายตาสิบคู่ในเต้นท์กำลังจ้องไปที่ชายซึ่งสวมใส่เครื่องแบบพลเอกผู้ซึ่งกำลังจะถอดหมวกออก!
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและมึนงงต่อทุกคนแม้แต่คนที่มีอำนาจสูงสุดรองจากชูฮันอย่างเหอเฟิง หรือคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างซูเฟิง หรือผู้คุมกฏสุดโหมอย่างหลิวยู่ติง ทุกคนต่างยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อกันหมด…
สายตาของทุกคนมองไปที่ความผิดพลาดตรงหน้าไม่วางตาแววตาของทุกคนมีแสงเรืองรองจ้าขึ้นเรื่อยๆ!
ผมสั้นสีเหลืองผมน้ำตาลนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กหนุ่มที่ดูคล้ายคลึงกับชูฮันอย่างมาก เขาผู้นี้อยู่ในเครื่องแบบพลเอก สีหน้าผิดหวังและไม่เข้าใจของทุกคนมองมาที่ชายตรงหน้าเป็นตาเดียว ขณะที่ชายตรงหน้ายังคงกุมขวานซิ่วโหลในมือไว้ไว้ด้วยท่าทางสบายๆ
”เกาช้าวฮุ่ย?!”หลังจากความเงียบพักใหญ่ เฉินช่าวเย่เป็นคนแรกที่ส่งเสียงขึ้นมา “ฉัน! ไม่! ทำไมถึงเป็นนาย?!”
”แล้วหัวหน้าล่ะ?!”หลิวยู่ติงเองก็โพล่งถามทันทีหลังจากหลุดจากภวังค์สับสน เหอเฟิงนั้นประหลาดใจจนไม่รู้จะพูดยังไงดี…คนที่มาไม่ใช่ชูฮันแต่กลับเป็นเกาช้าวฮุ่ยที่ใส่เครื่องแบบและยังมีขวานซิ่วโหลของชูฮันมาด้วยแทน?
เขาคิดไว้แล้ว!
ชูฮัน!หมอนั่นมันวางกับดับหลอกอีกแล้ว!
”ชู่ววววว!”เกาช้าวฮุ่ยมีสีหน้ากังวล เขาส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง นอกจากในเต้นท์แล้วยังไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา เกาช้าวฮุ่ยรีบกระซิบบอกทุกคน “เบาเสียงหน่อย หัวหน้าบอกว่าเราต้องพรางตัวหลอกคนกันเองให้ได้ก่อน เราถึงจะไปหลอกคนอื่นได้!”
ทุกคนเริ่มค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้กันหน้าตายังคงมึนงงเนื่องจากยังเรียบเรียงเรื่องราวในหัวไม่ถูก
โดยเฉพาะเหอเฟิงที่เอาแต่มองเกาช้าวฮุ่ยไม่วางตาแม้จะยอมนั่งลงแต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นแสดงถึงความหงุดหงิดพอสมควร “อย่าบอกนะว่าชูฮันหนีไปแล้ว?” ”ใช่”เกาช้าวฮุ่ยตอบตรงๆอย่างไม่คิดปิดบัง
”ปั่ก!ปั่ก! ปั่ก!”
เสียงหัวของหลี่บี๋เฟิงกระแทกเข้ากับโต๊ะหลี่บี๋เฟิงผู้ที่ตื่นเต้นมากที่สุดในตอนแรกระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “หัวหน้าหนีไปแล้ว คือจะไม่เข้าร่วมสงครามกับเรา?”
ผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของทุกคนไม่อยู่ที่นี้แน่นอนว่ามันต้องส่งผลต่อกำลังใจของเหล่าทหารอย่างแน่นอน และยิ่งการที่ชูฮันจากไปในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่มีคิดใครคิดเหตุผลที่เพียงพอมาอ้างได้เลย
เหอเฟิงพูดแทรกขึ้นมาท่ามกลางอารมณ์สับสนของหลายคนเขาพยายามควบคุมความโกรธในใจตัวเองเอาไว้สุดกำลัง “ช่วยบอกทีว่าชูฮันไปไหน แล้วทำไมเขาถึงไม่มาบอกพวกเราก่อนจะไป?”
มันเป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดที่ชูฮันหายไปในเวลาวิกฤตเช่นนี้การหนีหายไปแบบนี้มีแต่จะสร้างความวิตกกังวลให้ทุกคน สู้มาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจก่อนมันจะดีกว่าไหม การกระทำครั้งนี้ของชูฮันมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้พวกเขาควบคุมอารมณ์และความคิดของทั้งกองทัพได้
”ตามเหมิงชีเหว่ยไป”เกาช้าวฮุ่ยตอบทันที “ฉันต้องการให้ทุกคนทำตามแผน ให้ทำเป็นฉันซึ่งคือชูฮันในความเข้าใจของทุกคนว่าชูฮันอยู่ที่นี้ และรอให้ชูฮันกลับมาอธิบายกับทุกคนเอง”
เกาช้าวฮุ่ยบอกความจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นมันยังมีอีกส่วนที่น่าอายเกินกว่าจะบอกทุกคน เขาบอกไม่ได้เด็ดขาด…มันคือสิ่งที่ชูฮันกระซิบบอกเกาช้าวฮุ่ยที่มุมเต้นท์ก่อนหน้านี้
ชูฮันบอกว่า…ทั้งๆที่ตัวเกาช้าวฮุ่ยมีพลังสูงที่สุดในที่นี้แต่กลับไม่สามารถฆ่าอะไรได้แม้แต่ซอมบี้ยังไม่กล้า เพราะงั้นพาไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในตอนที่เมืองหนานตู้ เกาช้าวฮุ่ยทำประโยชน์ได้อยู่อย่างหนึ่งคือเป็นตัวนำโชค ดังนั้นให้เกาช้าวฮุ่ยอยู่ที่นี้เป็นตัวนำโชคคอยขจัดความชั่วร้ายแทน…
ในแผนการที่ชูฮันเขียนไว้ทหารที่รวมกันทั้งหมดมากกว่าสี่พันคคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะต้องทำการฝึกฝนร่วมกัน แต่ละทีมจะถูกมอบหมายให้ทำภารกิจที่กำหนดให้ภายในระยะเวลาที่จำกัด เมื่อนึกภาพที่ทุกคนมีเครื่องแบบที่ครบครันกัน ภาพที่จะเกิดขึ้นยิ่งดูดีเข้าไปอีก
เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเองก็ได้รับการจัดการจากชูฮันเช่นกันชุดเครื่องแบบทหารถูกส่งไปให้ทุกคน รวมถึงตราตำแหน่งประดับบนเครื่องแบบที่จะช่วยบ่งบอกระดับยศทางทหารของแต่ละคน
และในตอนที่ทุกคนมารวมตัวกันในเต้นท์ที่ใช้ประชุมอีกครั้งพวกเขาไม่ได้ดูเหมือนกับกองโจรอีกต่อไป ในที่สุดทุกคนก็อยู่ในบรรยากาศของกองทัพจริงๆ การแต่งกายที่ดูเนี๊ยบและเป็นระเบียบของทุกคนทำให้บรรยากาศดูเป็นทางการและจริงจังขึ้นอย่างมาก มันมีรัศมีแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากทุกคน
เหอเฟิงเองก็ละทิ้งเครื่องแบบทหารอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มีตราตำแหน่งกัปตันแห่งซางจิงไปแทนที่ด้วยเครื่องแบบทหารทั่วไปของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
นั่นก็คือเครื่องแบบทหารภายใต้บังคับบัญชาของชูฮันและเป็นรักษาการณ์ตำแหน่งแทนชูฮันในการบัญชาการรบกองทัพเขี้ยวหมาป่า
”ถึงจะยังมีกลิ่นชุดใหม่อยู่แต่มันตื่นเต้นชะมัดที่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบครั้งแรกอย่างเป็นทางการ!”เฉินช่าวเย่ตื่นเต้นจนหน้าแดงเพราะเลือดลมไหลเวียน ตราตำแหน่งพลโทบนหน้าอกส่องวาววับพิเศษกว่าใคร หลิวยู่ติงเองก็แต่งกายพร้อมติดตราตำแหน่งพลตรีเขายืนเงียบๆ สีหน้าเย็นชานิ่งเฉยต่างจากทุกคนในเต้นท์ “กัปตันแห่งแผนกกฏระเบียบทหาร ตำแหน่งนี้มันดูผิดไปสำหรับฉันรึเปล่า?”
”กัปตันของทั้ง5 ทีมพิเศษอย่างฉัน ตำแหน่งมันควรจะสูงกว่าพลโทสิ?”
”สูงกว่านี้ไม่ได้เขี้ยวหมาป่ามีพลเอกแค่คนเดียว” เจียงเทียนชิงเอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจกับบทสนทนานี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้แววตาของเหอเฟิงก็เปล่งประกายแสงบางอย่าง “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก คนอื่นจะเข้าใจผิดได้”
ในขณะที่ทุกคนพูดเล่นตลกกันอยู่เพื่อรอการกลับมาของชูฮันและเหมิงชีเหว่ยในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ตารางเวลาฝึกสำหรับเหล่าทหารเกณฑ์ใหม่ไปด้วย ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งกำลังมุ่งหน้ายังเต้นท์ที่พวกเขาใช้ประชุมกันอยู่
”กึก!” เสียงฝีเท้าที่เด่นชัดดังขึ้นด้านนอกตัวเต้นท์พร้อมกับร่างหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบทหารตำแหน่งพลเอกซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้เต้นท์มากทุกขณะ
ทุกคนในเต้นชะงักเสียงพูดคุยกันทันทีรีบลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างพร้อมเพรียงรอการปรากฏตัวของพลเอกชูฮัน นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้ทำการต้อนรับพลเอกอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างรอคอยที่จะได้คำนับหัวหน้าด้วยความภักดีที่มีอยู่เต็มอก
”ฟรึบ!”
ผ้าใบเต้นท์ถูกเลิกขึ้นกลิ่นแรกที่ลอยปะทะเข้าจมูกทุกคนคือกลิ่นของความสะอาดใหม่และแสงมันเงาวับของตราตำแหน่งพลเอกที่ประดับอยู่บนเครื่องแบบที่สง่าง่าผ่าเผย
”ยินดีต้อนรับครับท่านพลเอก!”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจและประทับใจของทุกคนดังขึ้น มันดังสนั่นจนหูแทบดับ จนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นเสียงของแค่คนสิบคนรวมกันเท่านั้น
ที่ด้านนอกเต้นท์มีเหล่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองกันอยู่ก็รีบหันไปตามที่มาของเสียงทันที สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เต้นท์ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมของเหล่าเจ้าหน้าที่แกนหลักเป็นตาเดียว หลังจากนั้นมันก็เสียงถกเถียงของเหล่าทหารดังขึ้นตามกันมา
”เมื่อไหร่ฉันจะสามารถเข้าไปนั่งปรึกษาหารือกลยุทธ์วิธีกับหัวหน้าชูฮันได้บ้าง?”
”ฆ่าศัตรูให้เอง10,000 ตัวก่อนนายถึงจะได้ตำแหน่ง!”
ทว่าหลังจากเสียงคำนับพร้อมกับวัทยาหัตถ์เพื่อแสดงความเคารพทั้งเต้นท์ก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท มันเงียบเสมือนราวกับไม่มีคนอยู่ในเต้นท์เลย
มันเป็นเพราะ…
สายตาสิบคู่ในเต้นท์กำลังจ้องไปที่ชายซึ่งสวมใส่เครื่องแบบพลเอกผู้ซึ่งกำลังจะถอดหมวกออก!
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและมึนงงต่อทุกคนแม้แต่คนที่มีอำนาจสูงสุดรองจากชูฮันอย่างเหอเฟิง หรือคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างซูเฟิง หรือผู้คุมกฏสุดโหมอย่างหลิวยู่ติง ทุกคนต่างยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อกันหมด…
สายตาของทุกคนมองไปที่ความผิดพลาดตรงหน้าไม่วางตาแววตาของทุกคนมีแสงเรืองรองจ้าขึ้นเรื่อยๆ!
ผมสั้นสีเหลืองผมน้ำตาลนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กหนุ่มที่ดูคล้ายคลึงกับชูฮันอย่างมาก เขาผู้นี้อยู่ในเครื่องแบบพลเอก สีหน้าผิดหวังและไม่เข้าใจของทุกคนมองมาที่ชายตรงหน้าเป็นตาเดียว ขณะที่ชายตรงหน้ายังคงกุมขวานซิ่วโหลในมือไว้ไว้ด้วยท่าทางสบายๆ
”เกาช้าวฮุ่ย?!”หลังจากความเงียบพักใหญ่ เฉินช่าวเย่เป็นคนแรกที่ส่งเสียงขึ้นมา “ฉัน! ไม่! ทำไมถึงเป็นนาย?!”
”แล้วหัวหน้าล่ะ?!”หลิวยู่ติงเองก็โพล่งถามทันทีหลังจากหลุดจากภวังค์สับสน เหอเฟิงนั้นประหลาดใจจนไม่รู้จะพูดยังไงดี…คนที่มาไม่ใช่ชูฮันแต่กลับเป็นเกาช้าวฮุ่ยที่ใส่เครื่องแบบและยังมีขวานซิ่วโหลของชูฮันมาด้วยแทน?
เขาคิดไว้แล้ว!
ชูฮัน!หมอนั่นมันวางกับดับหลอกอีกแล้ว!
”ชู่ววววว!”เกาช้าวฮุ่ยมีสีหน้ากังวล เขาส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง นอกจากในเต้นท์แล้วยังไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา เกาช้าวฮุ่ยรีบกระซิบบอกทุกคน “เบาเสียงหน่อย หัวหน้าบอกว่าเราต้องพรางตัวหลอกคนกันเองให้ได้ก่อน เราถึงจะไปหลอกคนอื่นได้!”
ทุกคนเริ่มค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้กันหน้าตายังคงมึนงงเนื่องจากยังเรียบเรียงเรื่องราวในหัวไม่ถูก
โดยเฉพาะเหอเฟิงที่เอาแต่มองเกาช้าวฮุ่ยไม่วางตาแม้จะยอมนั่งลงแต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นแสดงถึงความหงุดหงิดพอสมควร “อย่าบอกนะว่าชูฮันหนีไปแล้ว?” ”ใช่”เกาช้าวฮุ่ยตอบตรงๆอย่างไม่คิดปิดบัง
”ปั่ก!ปั่ก! ปั่ก!”
เสียงหัวของหลี่บี๋เฟิงกระแทกเข้ากับโต๊ะหลี่บี๋เฟิงผู้ที่ตื่นเต้นมากที่สุดในตอนแรกระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ “หัวหน้าหนีไปแล้ว คือจะไม่เข้าร่วมสงครามกับเรา?”
ผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของทุกคนไม่อยู่ที่นี้แน่นอนว่ามันต้องส่งผลต่อกำลังใจของเหล่าทหารอย่างแน่นอน และยิ่งการที่ชูฮันจากไปในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่มีคิดใครคิดเหตุผลที่เพียงพอมาอ้างได้เลย
เหอเฟิงพูดแทรกขึ้นมาท่ามกลางอารมณ์สับสนของหลายคนเขาพยายามควบคุมความโกรธในใจตัวเองเอาไว้สุดกำลัง “ช่วยบอกทีว่าชูฮันไปไหน แล้วทำไมเขาถึงไม่มาบอกพวกเราก่อนจะไป?”
มันเป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดที่ชูฮันหายไปในเวลาวิกฤตเช่นนี้การหนีหายไปแบบนี้มีแต่จะสร้างความวิตกกังวลให้ทุกคน สู้มาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจก่อนมันจะดีกว่าไหม การกระทำครั้งนี้ของชูฮันมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้พวกเขาควบคุมอารมณ์และความคิดของทั้งกองทัพได้
”ตามเหมิงชีเหว่ยไป”เกาช้าวฮุ่ยตอบทันที “ฉันต้องการให้ทุกคนทำตามแผน ให้ทำเป็นฉันซึ่งคือชูฮันในความเข้าใจของทุกคนว่าชูฮันอยู่ที่นี้ และรอให้ชูฮันกลับมาอธิบายกับทุกคนเอง”
เกาช้าวฮุ่ยบอกความจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นมันยังมีอีกส่วนที่น่าอายเกินกว่าจะบอกทุกคน เขาบอกไม่ได้เด็ดขาด…มันคือสิ่งที่ชูฮันกระซิบบอกเกาช้าวฮุ่ยที่มุมเต้นท์ก่อนหน้านี้
ชูฮันบอกว่า…ทั้งๆที่ตัวเกาช้าวฮุ่ยมีพลังสูงที่สุดในที่นี้แต่กลับไม่สามารถฆ่าอะไรได้แม้แต่ซอมบี้ยังไม่กล้า เพราะงั้นพาไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในตอนที่เมืองหนานตู้ เกาช้าวฮุ่ยทำประโยชน์ได้อยู่อย่างหนึ่งคือเป็นตัวนำโชค ดังนั้นให้เกาช้าวฮุ่ยอยู่ที่นี้เป็นตัวนำโชคคอยขจัดความชั่วร้ายแทน…