Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 972 ฆ่าให้หมด!!!
”อึก!อึก!”
เหล่าสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับยืนข้างกายชูฮันมองไปยังภาพเกิดเหตุที่อยู่ไกลออกไป เสียงกรีดร้องและต่อสู้ดังระงมไม่หยุดหย่อน
พวกเขารู้สึกแปลกและสับสนในตอนแรกที่ได้ยินหัวหน้าพูดว่า’ปั่น’ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทีมความลับของพระเจ้าถึงลงสนามต่อสู้ไปโดยไม่ซักถามอะไรเพิ่มเลย แต่แล้วทันทีที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า พวกเขาก็เข้าใจได้ในทันที ความรู้สึกที่มีต่อทีมความลับของพระเจ้ายิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
มีคนตายจำนวนมากจากทั้งฝั่งของจงคุยและจงไคและในตอนนี้การต่อสู้ที่รุนแรงยังคงดำเนินต่อไป ทำให้เหล่าหน่วยข่าวกรองลับได้เห็นถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของทีมความลับของพระเจ้ากับตา
ความสามารถที่มีรอบด้านจนน่าทึ่ง! ”กองกำลังทหารมากกว่าครึ่งของค่ายจินหยางตอนนี้…โดนทำลายแล้วครับ”เหมิงชีเหว่ยรายงานเสียงสั่นด้วยความผวา ส่งผลให้สมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับทั้งหลายมองไปที่ชูฮันเป็นตาเดียว
การเคลื่อนไหวตามแผนในเวลาเพียงแค่6 วัน และวันนี้ที่มีการต่อสู้เกิดขึ้นก็สามารถทำให้กองกำลังทหารของค่ายจินหยางสูญหายไปได้มากกว่าครึ่งแล้วภายในไม่ถึงสองชั่วโมง
แล้วในท่ามกลางกองกำลังที่สูญไปเหล่านี้ก็มีทหารวิวัฒนาการระยะ1 ถึง 3 อยู่ด้วย!
เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกค่ายรู้กันดีว่าไม่ว่าค่ายใหญ่หรือค่ายเล็กก็ตามกองกำลังทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่นั้นเป็นสมบัติที่มีค่ามหาศาลของทุกค่าย จำนวนมนุษย์สายพันธุ์ที่ได้เจอได้ยาก มีค่ายิ่งกว่าเพชรทองคำ และในค่ายส่วนใหญ่ แม้จะมีกองกำลังทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่แต่ก็มีแค่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะต่ำเท่านั้น ยิ่งโดยเฉพาะมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงที่หายากยิ่งกว่าอะไรโดยปกติทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะมีการซื้อตัวเพื่อโยกย้ายไปแต่ละค่าย ไม่มีใครอยากฆ่าทิ้งด้วยความที่ถือเป็นของหายาก แต่ความจริงที่ชูฮันสั่งให้ทีมความลับของพระเจ้าฆ่าทหารวิวัฒนาการระยะ 5 ไปเมื่อครู่นั้นทำให้ทุกคนต้องตะลึงค้าง
คิดว่าในจีนมีคนที่อยู่ระยะ5 กี่คนกัน?
ไม่มีความเมตตาเลย!
เพราะฉะนั้นเหล่าสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับทั้งหลายที่ได้ประจักษ์พยานกับเหตุการณ์ในปัจจุบันของค่ายจินหยางจึงช็อคจนพูดอะไรไม่ออก สมาชิกในหน่วยส่วนใหญ่เป็นพลเมืองธรรมดาที่อาศัยความเฉลียวฉลาดทางปัญญาและในการหาหนทางต่างๆผสมกับความทะเยอะทะยานที่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ
สำหรับการต่อสู้นั้นหน่วยข่าวกรองลับมักจะลบอยู่ข้างหลังและส่งต่อให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นฝ่ายจัดการเสมอ
ดังนั้นเหมิงชีเหว่ยจึงเข้าใจชัดเจนว่าคำว่าเป็นไปไม่ได้มันไม่สามารถใช้กับกองทัพเขี้ยวหมาป่า อย่างเช่นตอนนี้ที่พวกเขาสามารถฆ่ากองกำลังทหารของค่ายจินหยาง ฆ่าทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนน่าเหลือเชื่อ
เหมิงชีเหว่ยรู้ดีกว่าใครว่าเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้ทีมความลับของพระเจ้าไม่ได้ทำงานโดยต่างคนต่างทำ ทั้งๆที่ทุกคนนั้นมีพลังการต่อสู้และความสามารถที่ไม่ธรรมดา หากพวกเขาทำงานกันเป็นทีม ประสานงานด้วยกันไม่มีใครลุยเดี่ยวหรือเอาหน้า
จำนวนทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่100 คนของทีมความลับของพระเจ้าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งในตัวมันเองอยู่แล้ว จัดเป็นกองกำลังระดับสูงที่ไม่ว่าค่ายไหนก็ฝันอยากจะมี แต่ชูฮันกลับสามารถดึงทีมที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาเพื่อกำจัดค่ายจินหยางโดยไม่มีผลกระทบต่อเมืองอันลูที่เวลานี้ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังทำศึกอยู่!
นี้มันหมายความว่ายังไง?
มันแสดงให้เห็นชัดว่ามีคนที่มีพละกำลังสูงและความสามารถยอดเยี่ยมจำนวนมากในกองทัพเขี้ยวหมาป่าไงล่ะ!
สามทีมที่โด่งดังที่สุดของกองทัพเขี้ยวหมาป่าคือทีมนักฆ่าขนนก ทีมกุ้งเสือดำ และทีมความลับของพระเจ้า ส่วนทีมหลงยาและฮูหยานั้นเป็นทีมที่ซ่อนอยู่ในที่มืด มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในกองทัพเขี้ยวหมาป่า และจำนวนทหารแข็งแกร่ง มีฝีมือยอดเยี่ยมและมีความสามารถรอบด้านที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงกับมือชูฮันเอง สิ่งที่ชูฮันมีในมือนั้นก็มากพอที่จะทำให้ค่ายต่างๆอิจฉา ไม่ต้องพูดถึงมีทั้งหมด 5 ทีมแบบชูฮันเลย แค่มีหนึ่งทีมได้ทุกคนก็พอใจตายแล้ว
พวกเขาจะสามารถขึ้นเป็นหนึ่งได้ไร้คนต่อกร…เพราะมีกองกำลังที่มีการป้องกันระดับสูงสุดอยู่ในมือ! นอกจากนั้นชูฮันยังมีทีมยิงปืนที่ไม่ได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ทีมลาดตระเวน และกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นทหารในกองทัพไม่ได้สังกัดทีมไหนอีก
ดังนั้นข้อได้เปรียบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าในด้านพละกำลังจึงสูงมาก สูงจนไม่มีใครเทียบได้ และข้อเสียก็คือจำนวนสมาชิกในกองทัพที่น้อยเพราะการหาคนที่มีความสามารถจำนวนมากไม่ใช่เรื่องงาย
ภูมิศาสตร์ของเมืองอันลูทำให้แต่เดิมจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์มีจำนวนน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆดังนั้นพอเข้าสู่โลกาวินาศ การเกิดมนุษย์สายพันธุ์จึงมีไม่มาก ส่งผลให้จำนวนคนที่จะเกณฑ์เข้าร่วมกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็หายากตามไปด้วย แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันมีทางออกที่แสนจะง่ายดายสำหรับเรื่องนี้ เพียงแค่ที่ผ่านมาชูฮันไม่ได้กลับไปยังค่ายเขี้ยวหมาป่า ชูฮันที่เป็นคนมองหาแต่ความสมบูรณ์แบบและมุ่งหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขี้ยวหมาป่าจะหาหนทางได้เสมอ และมันก็เป็นอย่างที่ทุกคนเชื่อมาเสมอชูฮันสามารถขยายจำนวนกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้เมื่อไหร่ก็ตามที่ใจต้องการ เหมือนกับทหารเกณฑ์ใหม่ 3,000 คนที่อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาภายในวันเดียวที่ชูฮันมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่า หากสิ่งที่ยังขาดอยู่ตอนนี้คือการฝึกฝนในการเข้าร่วมเป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าอย่างแท้จริง
เมื่อได้ยินการรายงานของเหมิงชีเหว่ยชูฮันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ขยับขวานซิ่วโหลในมือก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ส่งคนออกไปแจงทีมความลับของพระเจ้าอย่างลับๆว่าฉันเรียกตัวกลับ”
”เอ่อ…”เหมิงชีเหว่ยที่ตามจังหวะความคิดของชูฮัน สมองเขาเบลอไปชั่วขณะ “แต่มันยังกองกำลังทหารอีกครึ่งหนึ่งที่ค่ายจินหยางยังไม่ส่งออกมานะครับ!”
แม้ว่าในตอนนี้มันจะมีคนตายมากพอแล้วแต่มันก็ยังมีกองกำลังทหารระดับสูงที่ยังไม่โผล่ออกมา มันยังสถานที่ที่จำเป็นต้องมีการคุ้มกันระดับสูงที่แผนการของพวกเขายังเข้าไปไม่ถึงอยู่ ที่ซึ่งเป็นรากฐานของทุกอย่าง
รอยยิ้มปีศาจปรากฏขึ้นที่มุมปากของชูฮันแววตาของเขาแสดงออกถึงความต้องการทำลายล้างขณะกวาดสายตามองไปรอบๆค่าย “มั่นใจได้ กองกำลังระดับสูงที่เหลืออยู่ได้อีกไม่นาน…ก็ต้องตายไม่ก็บาดเจ็บหนัก”
เหมิงชีเหว่ยผงะด้วยความตกใจอย่างแรงแม้มันจะยังไม่แน่ชัดว่าทำไมชูฮันถึงดูมั่นใจนัก แต่ตลอด 6 วันที่พวกเขาได้ทำงานกับชูฮัน พวกเขาได้เห็นถึงความสามาถในการควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ต้องการนั้นทำให้เหมิงชีเหว่ยไม่คิดจะสงสัยอะไรในคำพูดของชูฮันให้เหนื่อยเปล่าๆอีก
เหมิงชีเหว่ยหันหลังไปหาลูกน้องของตัวเองและออกคำสั่งให้สมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับไปส่งข่าวเพื่อพาทีมความลับของพระเจ้ากลับมายังฐานลับ
ขณะนี้พื้นที่ชนชั้นสูงนั้นโกลาหลไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน มันยากที่จะมองว่าชีวิตจะดำเนินต่อไป ด้วยความที่หน่วยข่าวกรองลับนั้นอ่อนแอได้ด้านพละกำลังการต่อสู้ มันจึงค่อนข้างที่พวกเขาจะเข้าประชิดตัวทีมความลับของพระเจ้าแต่ละคน แสร้งทำเป็นสู้ขณะแอบส่งข้อความลับไปด้วย
กว่าทุกคนจะส่งผ่านข้อความได้เสร็จมันก็กินเวลาไปพักใหญ่ทีมความลับของพระเจ้ารีบถอยตัวออกจากสนามต่อสู้ด้วยความเร็วที่สุดที่พวกเขาจะทำได้และรีบมุ่งหน้ากลับมายังฐานลับที่หัวหน้าของชูฮันรออยู่———
”(*&^%$*&^%!^&*()(*&^%$#!!”
ทว่าทันใดนั้นมันก็มีกลุ่มคนขนาดใหญ่แห่ออกมาจากหัวมุมถนนโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว กลุ่มคนที่มาใหม่นั้นแตกต่างจากกลุ่มเดิม พวกเขาไม่มีการเดินแถวอย่างเป็นระเบียบของกองทัพทหารให้เห็น ไม่มีผู้นำ มีเพียงแค่แววตาแดงก่ำที่แสดงออกถึงความเคียดแค้น
ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เกิดเสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังระงมไปทั่วครั้งนี้มันรุนแรงและนองเลือดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ แขนขาของผู้คนขาดปลิวว่อนในอากาศ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วจนพื้นดินชุ่มไปด้วยเลือด พลังการทำลายล้างในครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับฝูงซอมบี้เลย
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มกองกำลังระดับสูงของค่ายจินหยางนั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยกับทหารระดับสูงของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
ไม่ว่าจะค่ายจินหยางหรือแม้แต่ค่ายตวนไม่มีค่ายไหนที่กองกำลังทหารตัวเองจะมีรูปแบบการทำงานที่เป็นหนึ่งอันเดียวกันอย่างค่ายเขี้ยวหมาป่า การมีผู้นำทางจิตวิญญาณที่ทุกคนเชื่อมั่นและรับฟังอย่างไม่ข้องใจ การรักษาระเบียบการและกฏปฏิบัติอย่างเคร่งครัด…ไม่มีค่ายไหนเหมือนค่ายเขี้ยวหมาป่า
กองกำลังระดับสูงของค่ายจินหยางนั้นคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใครและเก่งกาจที่สุดการที่พวกเขาแห่ออกมาจำนวนมากแบบนี้จะต้องทำให้อีกฝ่ายกลัวจนหัวหด มือไม้อ่อนอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าพวกเขาคิดผิดอย่างสิ้นเชิงเพราะทันทีที่พวกเขาเข้าสนามต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะฆ่าอีกฝ่ายให้ราบ “ฆ่ามัน! ฆ่าให้หมด!!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ทีมความลับของพระเข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจาก…สู้กลับ!
เหล่าสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับยืนข้างกายชูฮันมองไปยังภาพเกิดเหตุที่อยู่ไกลออกไป เสียงกรีดร้องและต่อสู้ดังระงมไม่หยุดหย่อน
พวกเขารู้สึกแปลกและสับสนในตอนแรกที่ได้ยินหัวหน้าพูดว่า’ปั่น’ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทีมความลับของพระเจ้าถึงลงสนามต่อสู้ไปโดยไม่ซักถามอะไรเพิ่มเลย แต่แล้วทันทีที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า พวกเขาก็เข้าใจได้ในทันที ความรู้สึกที่มีต่อทีมความลับของพระเจ้ายิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
มีคนตายจำนวนมากจากทั้งฝั่งของจงคุยและจงไคและในตอนนี้การต่อสู้ที่รุนแรงยังคงดำเนินต่อไป ทำให้เหล่าหน่วยข่าวกรองลับได้เห็นถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของทีมความลับของพระเจ้ากับตา
ความสามารถที่มีรอบด้านจนน่าทึ่ง! ”กองกำลังทหารมากกว่าครึ่งของค่ายจินหยางตอนนี้…โดนทำลายแล้วครับ”เหมิงชีเหว่ยรายงานเสียงสั่นด้วยความผวา ส่งผลให้สมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับทั้งหลายมองไปที่ชูฮันเป็นตาเดียว
การเคลื่อนไหวตามแผนในเวลาเพียงแค่6 วัน และวันนี้ที่มีการต่อสู้เกิดขึ้นก็สามารถทำให้กองกำลังทหารของค่ายจินหยางสูญหายไปได้มากกว่าครึ่งแล้วภายในไม่ถึงสองชั่วโมง
แล้วในท่ามกลางกองกำลังที่สูญไปเหล่านี้ก็มีทหารวิวัฒนาการระยะ1 ถึง 3 อยู่ด้วย!
เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกค่ายรู้กันดีว่าไม่ว่าค่ายใหญ่หรือค่ายเล็กก็ตามกองกำลังทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่นั้นเป็นสมบัติที่มีค่ามหาศาลของทุกค่าย จำนวนมนุษย์สายพันธุ์ที่ได้เจอได้ยาก มีค่ายิ่งกว่าเพชรทองคำ และในค่ายส่วนใหญ่ แม้จะมีกองกำลังทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่แต่ก็มีแค่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะต่ำเท่านั้น ยิ่งโดยเฉพาะมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงที่หายากยิ่งกว่าอะไรโดยปกติทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะมีการซื้อตัวเพื่อโยกย้ายไปแต่ละค่าย ไม่มีใครอยากฆ่าทิ้งด้วยความที่ถือเป็นของหายาก แต่ความจริงที่ชูฮันสั่งให้ทีมความลับของพระเจ้าฆ่าทหารวิวัฒนาการระยะ 5 ไปเมื่อครู่นั้นทำให้ทุกคนต้องตะลึงค้าง
คิดว่าในจีนมีคนที่อยู่ระยะ5 กี่คนกัน?
ไม่มีความเมตตาเลย!
เพราะฉะนั้นเหล่าสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับทั้งหลายที่ได้ประจักษ์พยานกับเหตุการณ์ในปัจจุบันของค่ายจินหยางจึงช็อคจนพูดอะไรไม่ออก สมาชิกในหน่วยส่วนใหญ่เป็นพลเมืองธรรมดาที่อาศัยความเฉลียวฉลาดทางปัญญาและในการหาหนทางต่างๆผสมกับความทะเยอะทะยานที่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ
สำหรับการต่อสู้นั้นหน่วยข่าวกรองลับมักจะลบอยู่ข้างหลังและส่งต่อให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นฝ่ายจัดการเสมอ
ดังนั้นเหมิงชีเหว่ยจึงเข้าใจชัดเจนว่าคำว่าเป็นไปไม่ได้มันไม่สามารถใช้กับกองทัพเขี้ยวหมาป่า อย่างเช่นตอนนี้ที่พวกเขาสามารถฆ่ากองกำลังทหารของค่ายจินหยาง ฆ่าทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนน่าเหลือเชื่อ
เหมิงชีเหว่ยรู้ดีกว่าใครว่าเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้ทีมความลับของพระเจ้าไม่ได้ทำงานโดยต่างคนต่างทำ ทั้งๆที่ทุกคนนั้นมีพลังการต่อสู้และความสามารถที่ไม่ธรรมดา หากพวกเขาทำงานกันเป็นทีม ประสานงานด้วยกันไม่มีใครลุยเดี่ยวหรือเอาหน้า
จำนวนทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่100 คนของทีมความลับของพระเจ้าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งในตัวมันเองอยู่แล้ว จัดเป็นกองกำลังระดับสูงที่ไม่ว่าค่ายไหนก็ฝันอยากจะมี แต่ชูฮันกลับสามารถดึงทีมที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาเพื่อกำจัดค่ายจินหยางโดยไม่มีผลกระทบต่อเมืองอันลูที่เวลานี้ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังทำศึกอยู่!
นี้มันหมายความว่ายังไง?
มันแสดงให้เห็นชัดว่ามีคนที่มีพละกำลังสูงและความสามารถยอดเยี่ยมจำนวนมากในกองทัพเขี้ยวหมาป่าไงล่ะ!
สามทีมที่โด่งดังที่สุดของกองทัพเขี้ยวหมาป่าคือทีมนักฆ่าขนนก ทีมกุ้งเสือดำ และทีมความลับของพระเจ้า ส่วนทีมหลงยาและฮูหยานั้นเป็นทีมที่ซ่อนอยู่ในที่มืด มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในกองทัพเขี้ยวหมาป่า และจำนวนทหารแข็งแกร่ง มีฝีมือยอดเยี่ยมและมีความสามารถรอบด้านที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงกับมือชูฮันเอง สิ่งที่ชูฮันมีในมือนั้นก็มากพอที่จะทำให้ค่ายต่างๆอิจฉา ไม่ต้องพูดถึงมีทั้งหมด 5 ทีมแบบชูฮันเลย แค่มีหนึ่งทีมได้ทุกคนก็พอใจตายแล้ว
พวกเขาจะสามารถขึ้นเป็นหนึ่งได้ไร้คนต่อกร…เพราะมีกองกำลังที่มีการป้องกันระดับสูงสุดอยู่ในมือ! นอกจากนั้นชูฮันยังมีทีมยิงปืนที่ไม่ได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ทีมลาดตระเวน และกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นทหารในกองทัพไม่ได้สังกัดทีมไหนอีก
ดังนั้นข้อได้เปรียบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าในด้านพละกำลังจึงสูงมาก สูงจนไม่มีใครเทียบได้ และข้อเสียก็คือจำนวนสมาชิกในกองทัพที่น้อยเพราะการหาคนที่มีความสามารถจำนวนมากไม่ใช่เรื่องงาย
ภูมิศาสตร์ของเมืองอันลูทำให้แต่เดิมจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์มีจำนวนน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆดังนั้นพอเข้าสู่โลกาวินาศ การเกิดมนุษย์สายพันธุ์จึงมีไม่มาก ส่งผลให้จำนวนคนที่จะเกณฑ์เข้าร่วมกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็หายากตามไปด้วย แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันมีทางออกที่แสนจะง่ายดายสำหรับเรื่องนี้ เพียงแค่ที่ผ่านมาชูฮันไม่ได้กลับไปยังค่ายเขี้ยวหมาป่า ชูฮันที่เป็นคนมองหาแต่ความสมบูรณ์แบบและมุ่งหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขี้ยวหมาป่าจะหาหนทางได้เสมอ และมันก็เป็นอย่างที่ทุกคนเชื่อมาเสมอชูฮันสามารถขยายจำนวนกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้เมื่อไหร่ก็ตามที่ใจต้องการ เหมือนกับทหารเกณฑ์ใหม่ 3,000 คนที่อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาภายในวันเดียวที่ชูฮันมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่า หากสิ่งที่ยังขาดอยู่ตอนนี้คือการฝึกฝนในการเข้าร่วมเป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าอย่างแท้จริง
เมื่อได้ยินการรายงานของเหมิงชีเหว่ยชูฮันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ขยับขวานซิ่วโหลในมือก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ส่งคนออกไปแจงทีมความลับของพระเจ้าอย่างลับๆว่าฉันเรียกตัวกลับ”
”เอ่อ…”เหมิงชีเหว่ยที่ตามจังหวะความคิดของชูฮัน สมองเขาเบลอไปชั่วขณะ “แต่มันยังกองกำลังทหารอีกครึ่งหนึ่งที่ค่ายจินหยางยังไม่ส่งออกมานะครับ!”
แม้ว่าในตอนนี้มันจะมีคนตายมากพอแล้วแต่มันก็ยังมีกองกำลังทหารระดับสูงที่ยังไม่โผล่ออกมา มันยังสถานที่ที่จำเป็นต้องมีการคุ้มกันระดับสูงที่แผนการของพวกเขายังเข้าไปไม่ถึงอยู่ ที่ซึ่งเป็นรากฐานของทุกอย่าง
รอยยิ้มปีศาจปรากฏขึ้นที่มุมปากของชูฮันแววตาของเขาแสดงออกถึงความต้องการทำลายล้างขณะกวาดสายตามองไปรอบๆค่าย “มั่นใจได้ กองกำลังระดับสูงที่เหลืออยู่ได้อีกไม่นาน…ก็ต้องตายไม่ก็บาดเจ็บหนัก”
เหมิงชีเหว่ยผงะด้วยความตกใจอย่างแรงแม้มันจะยังไม่แน่ชัดว่าทำไมชูฮันถึงดูมั่นใจนัก แต่ตลอด 6 วันที่พวกเขาได้ทำงานกับชูฮัน พวกเขาได้เห็นถึงความสามาถในการควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ต้องการนั้นทำให้เหมิงชีเหว่ยไม่คิดจะสงสัยอะไรในคำพูดของชูฮันให้เหนื่อยเปล่าๆอีก
เหมิงชีเหว่ยหันหลังไปหาลูกน้องของตัวเองและออกคำสั่งให้สมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับไปส่งข่าวเพื่อพาทีมความลับของพระเจ้ากลับมายังฐานลับ
ขณะนี้พื้นที่ชนชั้นสูงนั้นโกลาหลไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน มันยากที่จะมองว่าชีวิตจะดำเนินต่อไป ด้วยความที่หน่วยข่าวกรองลับนั้นอ่อนแอได้ด้านพละกำลังการต่อสู้ มันจึงค่อนข้างที่พวกเขาจะเข้าประชิดตัวทีมความลับของพระเจ้าแต่ละคน แสร้งทำเป็นสู้ขณะแอบส่งข้อความลับไปด้วย
กว่าทุกคนจะส่งผ่านข้อความได้เสร็จมันก็กินเวลาไปพักใหญ่ทีมความลับของพระเจ้ารีบถอยตัวออกจากสนามต่อสู้ด้วยความเร็วที่สุดที่พวกเขาจะทำได้และรีบมุ่งหน้ากลับมายังฐานลับที่หัวหน้าของชูฮันรออยู่———
”(*&^%$*&^%!^&*()(*&^%$#!!”
ทว่าทันใดนั้นมันก็มีกลุ่มคนขนาดใหญ่แห่ออกมาจากหัวมุมถนนโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว กลุ่มคนที่มาใหม่นั้นแตกต่างจากกลุ่มเดิม พวกเขาไม่มีการเดินแถวอย่างเป็นระเบียบของกองทัพทหารให้เห็น ไม่มีผู้นำ มีเพียงแค่แววตาแดงก่ำที่แสดงออกถึงความเคียดแค้น
ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เกิดเสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังระงมไปทั่วครั้งนี้มันรุนแรงและนองเลือดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ แขนขาของผู้คนขาดปลิวว่อนในอากาศ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วจนพื้นดินชุ่มไปด้วยเลือด พลังการทำลายล้างในครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับฝูงซอมบี้เลย
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มกองกำลังระดับสูงของค่ายจินหยางนั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยกับทหารระดับสูงของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
ไม่ว่าจะค่ายจินหยางหรือแม้แต่ค่ายตวนไม่มีค่ายไหนที่กองกำลังทหารตัวเองจะมีรูปแบบการทำงานที่เป็นหนึ่งอันเดียวกันอย่างค่ายเขี้ยวหมาป่า การมีผู้นำทางจิตวิญญาณที่ทุกคนเชื่อมั่นและรับฟังอย่างไม่ข้องใจ การรักษาระเบียบการและกฏปฏิบัติอย่างเคร่งครัด…ไม่มีค่ายไหนเหมือนค่ายเขี้ยวหมาป่า
กองกำลังระดับสูงของค่ายจินหยางนั้นคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใครและเก่งกาจที่สุดการที่พวกเขาแห่ออกมาจำนวนมากแบบนี้จะต้องทำให้อีกฝ่ายกลัวจนหัวหด มือไม้อ่อนอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าพวกเขาคิดผิดอย่างสิ้นเชิงเพราะทันทีที่พวกเขาเข้าสนามต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะฆ่าอีกฝ่ายให้ราบ “ฆ่ามัน! ฆ่าให้หมด!!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ทีมความลับของพระเข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจาก…สู้กลับ!