Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 973 เปลี่ยนไปภายในวินาทีเดียว
ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุและผลมันคือสิ่งที่เหมิงชีเหว่ยและเหล่าหน่วยข่าวกรองคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นอิงจากการกระทำที่ผ่านมา แต่พอได้เห็นกระบวนการทั้งหมดเองกับตา พวกเขาก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี
พวกเขารู้สึกว่ามีคำเรียกคำเดียวที่เหมาะสำหรับหัวหน้าชูฮัน…
จักรพรรดิแห่งการทำนาย!
ชูฮันยิ้มขณะมองกลุ่มคนที่ยังคงรบราฆ่าฟันกันไม่หยุดหย่อนและในตอนนี้ทีมความลับของพระเจ้าที่รีบกลับมาด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็มายืนเรียงแถวรอรับคำสั่งต่อไปจากชูฮันแล้ว
ชูฮันยืนมองไปที่พื้นที่ชนชั้นสูงที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินดีๆนี่เองและแววตาไม่แยแสของชูฮันก็เรืองรองชัดเจนอีกครั้ง เขาหมุนตัวกลับมาและเดินนำทุกคนออกไปจากฐานลับ ก่อนจะเอ่ยสั่งด้วยเสียงที่ไม่มีใครกล้ากังขา “เจียงเหว่ย ลอบสังหารจงไคซะ แล้วมารายงานฉันว่าคนของจงไคเหลือเท่าไหร่”
”ครับ!”เจียงเหว่ยตอบรับเสียงดัง ในใจนั้นลิงโลด
ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่เจียงเหว่ยแต่คนอื่นๆในฐานลับล้วนตกใจกับคำสั่งของชูฮันทั้งนั้น มันกระทันหันจนแทบลืมหายใจ…ลอบสังหารพลเอกจงไค หัวหน้าออกคำสั่งง่ายๆเหมือนสั่งให้ไปหาอาหารมาให้ ทั้งๆที่คำสั่งนี้อาจจะนำมาสู่การทำลายล้างของค่ายจินหยางได้
แล้วทำไมหัวหน้าถึงต้องมอบหมายหน้าที่การลอบสังหารพลเอกจงไคให้กับเจียงเหว่ยลงมือเพียงคนเดียว…มันจะต้องมีความหมายอย่างอื่นแอบแฝงอยู่แน่เพราะอย่างนั้นทุกคนจึงรีบเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ รอคอยคำพูดต่อมาของหัวหน้า
แน่นอนว่าแทบไม่มีเสียงลมหายใจได้ยินเลยภายในห้อง มีเพียงแต่เสียงฝีเท้าของชูฮันที่กำลังเดินลงบันไดอยู่ดังก้องเป็นเสียงเดียวท่ามกลางความเงียบ ทันใดนั้นเสียงของชูฮันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้น้ำเสียงของเขาไม่ได้เยือกเย็นจนน่าขนลุกเหมือนเดิม หากมันกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารและความคลั่งอย่างรุนแรง “ที่เหลือ หน่วยข่าวกรองลับนำทางไป ทีมความลับของพระเจ้าเป็นคนลงมือ จัดการฆ่ากองกำลังทหารระดับสูงให้หมด ห้ามให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
”ครับ!!!”ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้จากหัวหน้า มันก็ชัดเจนแล้วว่ามันถึงเวลาปิดงานแล้ว ความหมายก็คือ…การประกาศว่าพร้อมจะทำลายค่ายจินหยาง
หลังจากออกคำสั่งออกไปจู่ๆชูฮันก็หยุดฝีเท้าที่กำลังเดินลงบันได เหลือบมองไปที่สนามต่อสู้ที่ยังเสียงกรีดร้องดังแว่วมาให้ได้ยิน “อ้อใช่ ส่งคนไปกลุ่มเล็กๆ ไล่เก็บตราตำแหน่งมา แล้วก็นับด้วยว่าทหารของค่ายจินหยางตายไปทั้งหมดกี่คน?”
ทุกคนตอบรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้งหากมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฝืดคอจนกลืนน้ำลายไม่ลง พวกเขาเกิดข้อสงสัยสองสามข้อในใจ โดยเฉพาะทีมความลับของพระเจ้าที่รับรู้ถึงความตึงเครียดได้มากกว่า
เก็บตราตำแหน่ง?
ฟู่ววววว~
ปีศาจในตัวของหัวหน้าชูฮันมันน่ากลัวยิ่งกว่าหลิวยู่ติงหลายเท่า!
แต่…
แล้วจงคุยล่ะ?
”กลางดึกคืนนี้เราจะไปที่บ้านพักของจงคุย” ชูฮันเอ่ยเสียงราบเรียง กวาดสายตาคมกริบสบตาเข้ากับทุกคนในฐานลับเพื่อให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเด็ดขาดและเอาจริงเอาจังของเขา “เตรียมตัว!”
เวลา12 นาฬิกาในตอนกลางคืน เข้าสู่วันที่ 7 อย่างเต็มรูปแบบ ชูฮันที่มีเส้นตายไว้ที่ 7วันและวันสุดท้ายของแผนการทำลายค่ายจินหยางก็ได้มาถึงแล้วซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ตลอดทั้งอาทิตย์นั้นก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรเสียเปล่า…
และสำหรับตัวจงคุยนั้นชูฮันตัดสินใจจะส่งเขาเข้าคุก
”ครับ!!!”ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง และสบตากันอย่างเข้าใจกันเองโดยไม่ต้องพูดจากนั้นก็กระจายกันไปปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อยอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นทุกคนกระจายตัวไปกันหมดจนทั้งห้องเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่ามีเพียงแค่เหมิงชีเหว่ยที่ยังอยู่กับชูฮันเท่านั้น ชูฮันก็ออกเดินลงบันไดต่อไป เดินออกไปจากตึกสูงที่เป็นที่ตั้งของฐานลับโดยไม่แม้แต่จะพลางตัวแถมยังถือขวานซิ่วโหลเดินออกไปกลางถนนอย่างโจ่งแจ้งพร้อมกับเหมิงชีเหว่ยเดินตามหลังมาติดๆ
ทั้งสองคนเดินเป็นจังหวะเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังกึกก้องในหูของทุกคนท่ามกลางความเงียบสนิทและสายตาของผู้คนในค่ายจินหยางที่กำลังช็อคกับภาพที่ได้เห็น
ในเวลาเดียวกันภายในบ้านพักของจงคุย แววตาแดงก่ำด้วยความเดือดดาล เขาฟาดมือลงโต๊ะไม้ตัวยาวตรงหน้าอย่างแรง แหกปากใส่นายทหารระดับสูงซึ่งก็คือทีมที่ปรึกษาของเขาภายในบ้านพัก “จะบอกว่าพวกแกจัดการฝั่งนั้นไม่ได้เลย! นี้มันกำลังเกิดบ้าอะไรขึ้น?!”
ความวุ่นวายโกลาหลในพื้นที่ชนชั้นสูงนั้นลากยาวเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกันการเคลื่อนไหวของฝั่งจงคุยและจงไคที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีหรือที่จงคุยจะไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ครั้งนี้ สถานการณ์ภายในพื้นที่ชนชั้นสูงนั้นเป็นที่รู้ไปทั่วทั้งค่าย
สงคราม…
สงครามที่แท้จริง!
ภายในค่ายจินหยางแม้จะไม่มีการรุกรานของศัตรูจากภายนอก แต่มันกลับมีสงครามระดับชาติปะทุขึ้นมา? กองกำลังทหารระดับสูงบางส่วนของค่ายจินหยางก็ได้เข้าร่วมสงครามกลางเมืองทหารวิวัฒนาการระยะต่ำได้ตายเป็นจำนวนมากในสงครามกลางเมืองครั้งนี้ ที่เหลืออยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่คือทหารวิวัฒนาการระยะสูงบางส่วนที่คอยคุ้มกันพลเอก สถานการณ์ยังไม่มีการทุเลาลงเพราะว่าทหารทั้งสองฝ่ายยังคงต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างไม่มีใครยอมใครและรู้ดีว่าแต่ละฝ่ายยังมีทหารเหลืออยู่ เพราะฉะนั้นคำถามในตอนนี้คือเมื่อไหร่กองกำลังสุดท้ายจะเข้าสู่สงครามกลางเมืองครั้งนี้?
สองชั่วโมงภายในพื้นที่ชนชั้นสูงมีทหารตายเกลื่อนจำนวนมหาศาล!
แล้วจงคุยจะอดทนต่อไปได้อีกเหรอ?
เพื่อที่จะเอาชนะลูกชายของเขาเขาถึงกับยอมเอาทั้งค่ายจินหยางมาเดิมพัน วันนี้สถานะของค่ายจินหยางในจีนนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีกต่อไป เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งค่ายใหญ่ของจีนก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ อาจจะเทียบกับค่ายเล็กๆไม่ได้ด้วยซ้ำไป พลเอกสองคน…หนึ่งในห้าค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน?
ตลกสิ้นดี!
”นี่มันไม่ใช่มันไม่ถูกต้อง!” จงคุยที่กำลังเดือดจนคลั่ง เขาระเบิดอารมร์อย่างรุนแรง เดินวุ่นไปมารอบห้องไม่หยุด ในใจสับสนและไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อแล้ว
”พังหมดแล้วเราจะทำยังไงต่อ?” จงคุยที่ถูกคนของหน่วยข่าวกรองลับซึ่งปลอมตัวเข้ามาเป็นคนในคอยปั่นหัวมาตลอดตั้งแต่แรกเริ่ม จนแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ จงคุยในตอนนี้ทำได้แค่พยายามหาทางออกร่วมกับเหล่าที่ปรึกษาของเขา “ฉันแค่บอกให้ส่งคนของเราเข้าไปในพื้นที่ชนชั้นสูงเพื่อเอาคืนพวกมัน สั่งสอนบทเรียนให้พวกมัน ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาได้ถึงขนาดนี้?! ทำไมถึงปล่อยให้มีพลเรือนตาย นี้พวกมันต่อสู้กันจริงๆเหรอ? ใครอนุญาตให้พวกมันลงมือ! พวกมันกล้าดียังไง!”
กลุ่มที่ปรึกษาได้แต่นั่งก้มหน้าด้วยความกลัวไม่กล้าจะพูดอะไรทั้งนั้นในเวลานี้ เพราะปัญหาแบบนี้มันพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว ทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหากันมานาน ทำร้ายกันไป สักวันมันก็ต้องปะทุขึ้นเพียงแค่รอว่าเมื่อไหร่ก็เท่านั้น
แต่ที่ยอมไม่ได้คือกองกำลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมีคนตายจำนวนมากจนเลือดนองเป็นแม่น้ำ นี้มันคือปัญหาอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ความกลัวที่เขาพยายามฝังลึกในใจคุ้นเคยดีดังขึ้น——
”อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมั้ยพลเอกจงคุย?”
”ฟรึบ!!”
เหงื่อเย็นๆซึมออกมาตามรูขุมขนทั้งตัวของพลเอกจงคุยทันทีเขาค่อยๆหันหน้ามาด้วยความวิตกอย่างช้าๆและก็ต้องตัวแข็งทื่อกับภาพที่ได้เห็น
ชูฮันกำลังนั่งนั่งไขว้ขาอย่างสบายๆอยู่บนเก้าอี้ที่มุมห้องรอยยิ้มปีศาจที่กำลังกรีดกรายส่งมาให้เขา
ชูฮันเข้ามาได้ยังไง?
มาแบบเงียบๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว!
เหล่าที่ปรึกษาทั้งหลายที่ก้มหน้างุดลงพื้นมาตลอดก็ตกใจกับประโยคที่ได้ยินและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของพลเอกจงคุยทุกคนจึงรีบเงยหน้าขึ้นมาและทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนก็ช็อค ตัวแข็งทื่อไม่ต่างจากพลเอกจงคุยและภายในพริบตาเดียว หัวของทุกคนถูกตัดขาดตายคาที่จนมองแทบไม่ทัน
จงคุยหันมามองไม่ทันด้วยซ้ำและพอหันมาดูอีกทีที่ปรึกษาทั้งหมดของเขาก็นอนตายเลือดท่วมหัวขาดอยู่ที่พื้นกันหมดแล้ว
แค่เสี้ยววินาที?
เสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ที่ปรึกษาสิบกว่าคนของเขายังมีชีวิตอยู่เลย?
จงคุยมองไปรอบๆอย่างลนลานหวาดกลัวจนขาอ่อนแทบยืนไม่ไหว ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ…
สิบกว่าคนภายในห้องถูกฆ่าตายภายในพริบตาโดยที่ไม่มีใครได้ทันขยับตัวหรือได้ทันหายใจด้วยซ้ำ…
ชูฮัน?!!!
พวกเขารู้สึกว่ามีคำเรียกคำเดียวที่เหมาะสำหรับหัวหน้าชูฮัน…
จักรพรรดิแห่งการทำนาย!
ชูฮันยิ้มขณะมองกลุ่มคนที่ยังคงรบราฆ่าฟันกันไม่หยุดหย่อนและในตอนนี้ทีมความลับของพระเจ้าที่รีบกลับมาด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็มายืนเรียงแถวรอรับคำสั่งต่อไปจากชูฮันแล้ว
ชูฮันยืนมองไปที่พื้นที่ชนชั้นสูงที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินดีๆนี่เองและแววตาไม่แยแสของชูฮันก็เรืองรองชัดเจนอีกครั้ง เขาหมุนตัวกลับมาและเดินนำทุกคนออกไปจากฐานลับ ก่อนจะเอ่ยสั่งด้วยเสียงที่ไม่มีใครกล้ากังขา “เจียงเหว่ย ลอบสังหารจงไคซะ แล้วมารายงานฉันว่าคนของจงไคเหลือเท่าไหร่”
”ครับ!”เจียงเหว่ยตอบรับเสียงดัง ในใจนั้นลิงโลด
ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่เจียงเหว่ยแต่คนอื่นๆในฐานลับล้วนตกใจกับคำสั่งของชูฮันทั้งนั้น มันกระทันหันจนแทบลืมหายใจ…ลอบสังหารพลเอกจงไค หัวหน้าออกคำสั่งง่ายๆเหมือนสั่งให้ไปหาอาหารมาให้ ทั้งๆที่คำสั่งนี้อาจจะนำมาสู่การทำลายล้างของค่ายจินหยางได้
แล้วทำไมหัวหน้าถึงต้องมอบหมายหน้าที่การลอบสังหารพลเอกจงไคให้กับเจียงเหว่ยลงมือเพียงคนเดียว…มันจะต้องมีความหมายอย่างอื่นแอบแฝงอยู่แน่เพราะอย่างนั้นทุกคนจึงรีบเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ รอคอยคำพูดต่อมาของหัวหน้า
แน่นอนว่าแทบไม่มีเสียงลมหายใจได้ยินเลยภายในห้อง มีเพียงแต่เสียงฝีเท้าของชูฮันที่กำลังเดินลงบันไดอยู่ดังก้องเป็นเสียงเดียวท่ามกลางความเงียบ ทันใดนั้นเสียงของชูฮันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้น้ำเสียงของเขาไม่ได้เยือกเย็นจนน่าขนลุกเหมือนเดิม หากมันกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารและความคลั่งอย่างรุนแรง “ที่เหลือ หน่วยข่าวกรองลับนำทางไป ทีมความลับของพระเจ้าเป็นคนลงมือ จัดการฆ่ากองกำลังทหารระดับสูงให้หมด ห้ามให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
”ครับ!!!”ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้จากหัวหน้า มันก็ชัดเจนแล้วว่ามันถึงเวลาปิดงานแล้ว ความหมายก็คือ…การประกาศว่าพร้อมจะทำลายค่ายจินหยาง
หลังจากออกคำสั่งออกไปจู่ๆชูฮันก็หยุดฝีเท้าที่กำลังเดินลงบันได เหลือบมองไปที่สนามต่อสู้ที่ยังเสียงกรีดร้องดังแว่วมาให้ได้ยิน “อ้อใช่ ส่งคนไปกลุ่มเล็กๆ ไล่เก็บตราตำแหน่งมา แล้วก็นับด้วยว่าทหารของค่ายจินหยางตายไปทั้งหมดกี่คน?”
ทุกคนตอบรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้งหากมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฝืดคอจนกลืนน้ำลายไม่ลง พวกเขาเกิดข้อสงสัยสองสามข้อในใจ โดยเฉพาะทีมความลับของพระเจ้าที่รับรู้ถึงความตึงเครียดได้มากกว่า
เก็บตราตำแหน่ง?
ฟู่ววววว~
ปีศาจในตัวของหัวหน้าชูฮันมันน่ากลัวยิ่งกว่าหลิวยู่ติงหลายเท่า!
แต่…
แล้วจงคุยล่ะ?
”กลางดึกคืนนี้เราจะไปที่บ้านพักของจงคุย” ชูฮันเอ่ยเสียงราบเรียง กวาดสายตาคมกริบสบตาเข้ากับทุกคนในฐานลับเพื่อให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเด็ดขาดและเอาจริงเอาจังของเขา “เตรียมตัว!”
เวลา12 นาฬิกาในตอนกลางคืน เข้าสู่วันที่ 7 อย่างเต็มรูปแบบ ชูฮันที่มีเส้นตายไว้ที่ 7วันและวันสุดท้ายของแผนการทำลายค่ายจินหยางก็ได้มาถึงแล้วซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ตลอดทั้งอาทิตย์นั้นก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรเสียเปล่า…
และสำหรับตัวจงคุยนั้นชูฮันตัดสินใจจะส่งเขาเข้าคุก
”ครับ!!!”ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง และสบตากันอย่างเข้าใจกันเองโดยไม่ต้องพูดจากนั้นก็กระจายกันไปปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อยอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นทุกคนกระจายตัวไปกันหมดจนทั้งห้องเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่ามีเพียงแค่เหมิงชีเหว่ยที่ยังอยู่กับชูฮันเท่านั้น ชูฮันก็ออกเดินลงบันไดต่อไป เดินออกไปจากตึกสูงที่เป็นที่ตั้งของฐานลับโดยไม่แม้แต่จะพลางตัวแถมยังถือขวานซิ่วโหลเดินออกไปกลางถนนอย่างโจ่งแจ้งพร้อมกับเหมิงชีเหว่ยเดินตามหลังมาติดๆ
ทั้งสองคนเดินเป็นจังหวะเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังกึกก้องในหูของทุกคนท่ามกลางความเงียบสนิทและสายตาของผู้คนในค่ายจินหยางที่กำลังช็อคกับภาพที่ได้เห็น
ในเวลาเดียวกันภายในบ้านพักของจงคุย แววตาแดงก่ำด้วยความเดือดดาล เขาฟาดมือลงโต๊ะไม้ตัวยาวตรงหน้าอย่างแรง แหกปากใส่นายทหารระดับสูงซึ่งก็คือทีมที่ปรึกษาของเขาภายในบ้านพัก “จะบอกว่าพวกแกจัดการฝั่งนั้นไม่ได้เลย! นี้มันกำลังเกิดบ้าอะไรขึ้น?!”
ความวุ่นวายโกลาหลในพื้นที่ชนชั้นสูงนั้นลากยาวเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกันการเคลื่อนไหวของฝั่งจงคุยและจงไคที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีหรือที่จงคุยจะไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ครั้งนี้ สถานการณ์ภายในพื้นที่ชนชั้นสูงนั้นเป็นที่รู้ไปทั่วทั้งค่าย
สงคราม…
สงครามที่แท้จริง!
ภายในค่ายจินหยางแม้จะไม่มีการรุกรานของศัตรูจากภายนอก แต่มันกลับมีสงครามระดับชาติปะทุขึ้นมา? กองกำลังทหารระดับสูงบางส่วนของค่ายจินหยางก็ได้เข้าร่วมสงครามกลางเมืองทหารวิวัฒนาการระยะต่ำได้ตายเป็นจำนวนมากในสงครามกลางเมืองครั้งนี้ ที่เหลืออยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่คือทหารวิวัฒนาการระยะสูงบางส่วนที่คอยคุ้มกันพลเอก สถานการณ์ยังไม่มีการทุเลาลงเพราะว่าทหารทั้งสองฝ่ายยังคงต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างไม่มีใครยอมใครและรู้ดีว่าแต่ละฝ่ายยังมีทหารเหลืออยู่ เพราะฉะนั้นคำถามในตอนนี้คือเมื่อไหร่กองกำลังสุดท้ายจะเข้าสู่สงครามกลางเมืองครั้งนี้?
สองชั่วโมงภายในพื้นที่ชนชั้นสูงมีทหารตายเกลื่อนจำนวนมหาศาล!
แล้วจงคุยจะอดทนต่อไปได้อีกเหรอ?
เพื่อที่จะเอาชนะลูกชายของเขาเขาถึงกับยอมเอาทั้งค่ายจินหยางมาเดิมพัน วันนี้สถานะของค่ายจินหยางในจีนนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีกต่อไป เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งค่ายใหญ่ของจีนก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ อาจจะเทียบกับค่ายเล็กๆไม่ได้ด้วยซ้ำไป พลเอกสองคน…หนึ่งในห้าค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน?
ตลกสิ้นดี!
”นี่มันไม่ใช่มันไม่ถูกต้อง!” จงคุยที่กำลังเดือดจนคลั่ง เขาระเบิดอารมร์อย่างรุนแรง เดินวุ่นไปมารอบห้องไม่หยุด ในใจสับสนและไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อแล้ว
”พังหมดแล้วเราจะทำยังไงต่อ?” จงคุยที่ถูกคนของหน่วยข่าวกรองลับซึ่งปลอมตัวเข้ามาเป็นคนในคอยปั่นหัวมาตลอดตั้งแต่แรกเริ่ม จนแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ จงคุยในตอนนี้ทำได้แค่พยายามหาทางออกร่วมกับเหล่าที่ปรึกษาของเขา “ฉันแค่บอกให้ส่งคนของเราเข้าไปในพื้นที่ชนชั้นสูงเพื่อเอาคืนพวกมัน สั่งสอนบทเรียนให้พวกมัน ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาได้ถึงขนาดนี้?! ทำไมถึงปล่อยให้มีพลเรือนตาย นี้พวกมันต่อสู้กันจริงๆเหรอ? ใครอนุญาตให้พวกมันลงมือ! พวกมันกล้าดียังไง!”
กลุ่มที่ปรึกษาได้แต่นั่งก้มหน้าด้วยความกลัวไม่กล้าจะพูดอะไรทั้งนั้นในเวลานี้ เพราะปัญหาแบบนี้มันพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว ทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหากันมานาน ทำร้ายกันไป สักวันมันก็ต้องปะทุขึ้นเพียงแค่รอว่าเมื่อไหร่ก็เท่านั้น
แต่ที่ยอมไม่ได้คือกองกำลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมีคนตายจำนวนมากจนเลือดนองเป็นแม่น้ำ นี้มันคือปัญหาอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ความกลัวที่เขาพยายามฝังลึกในใจคุ้นเคยดีดังขึ้น——
”อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมั้ยพลเอกจงคุย?”
”ฟรึบ!!”
เหงื่อเย็นๆซึมออกมาตามรูขุมขนทั้งตัวของพลเอกจงคุยทันทีเขาค่อยๆหันหน้ามาด้วยความวิตกอย่างช้าๆและก็ต้องตัวแข็งทื่อกับภาพที่ได้เห็น
ชูฮันกำลังนั่งนั่งไขว้ขาอย่างสบายๆอยู่บนเก้าอี้ที่มุมห้องรอยยิ้มปีศาจที่กำลังกรีดกรายส่งมาให้เขา
ชูฮันเข้ามาได้ยังไง?
มาแบบเงียบๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว!
เหล่าที่ปรึกษาทั้งหลายที่ก้มหน้างุดลงพื้นมาตลอดก็ตกใจกับประโยคที่ได้ยินและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของพลเอกจงคุยทุกคนจึงรีบเงยหน้าขึ้นมาและทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนก็ช็อค ตัวแข็งทื่อไม่ต่างจากพลเอกจงคุยและภายในพริบตาเดียว หัวของทุกคนถูกตัดขาดตายคาที่จนมองแทบไม่ทัน
จงคุยหันมามองไม่ทันด้วยซ้ำและพอหันมาดูอีกทีที่ปรึกษาทั้งหมดของเขาก็นอนตายเลือดท่วมหัวขาดอยู่ที่พื้นกันหมดแล้ว
แค่เสี้ยววินาที?
เสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ที่ปรึกษาสิบกว่าคนของเขายังมีชีวิตอยู่เลย?
จงคุยมองไปรอบๆอย่างลนลานหวาดกลัวจนขาอ่อนแทบยืนไม่ไหว ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ…
สิบกว่าคนภายในห้องถูกฆ่าตายภายในพริบตาโดยที่ไม่มีใครได้ทันขยับตัวหรือได้ทันหายใจด้วยซ้ำ…
ชูฮัน?!!!