Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 974 อยากฟังอันไหนก่อนล่ะ?
”แก?ได้ยังไง? ทำไมถึงเป็นแก?!” จงกุยแหกปากดังลั่นอย่างตื่นตระหนก พูดไม่เป็นประโยคเพราะความตกใจ สมองโล่งอย่างคิดอะไรไม่ออก แม้แต่จะยืนให้ตรงยังยืนไม่อยู่เพราะแข้งขาอ่อนยวบไปหมด
เขากลัวจนฉี่แทบราด!
ในขณะเดียวกันปัญหามากมายตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็วิ่งกลับเข้ามาในหัวจงคุยจนมึนหัวไปหมด ทุกอย่างมันอัดแน่นจนคิดอะไรไม่ออก
ชูฮัน!
ก่อนหน้านี้ข่าวบอกว่าชูฮันอยู่ค่ายหนานตู้ที่เขาเคยคลั่งและโดนชูฮันตบหน้าต่อหน้าคนนับหมื่น!
ทำไมชูฮันถึงมาอยู่ที่นี้ได้?
เป็นไปได้ยังไงกัน!มาปรากฏตัวที่นี้ได้ยังไง?! แล้วปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในค่ายจินหยางอย่าบอกนะว่ามันเกี่ยวกับชูฮัน?
ถ้าใช่อย่างที่คิดจริงๆ…จงคุยคิดว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอความตายแม้จะยอมตายก็ยังอาจจะต้องตายอย่างทรมานเลย!
ชูฮันมองท่าทีลนลานของจงคุยอย่างตลกๆเขากระตุกยิ้มเบาๆสบตากับจงคุยก่อนจะยิ้มกว้างและชี้นิ้วไปที่ประตู “พลเอกจงคุย ฉันคิดว่าคุณควรจะเปิดประตูนะ ปล่อยให้ลมมันพัดเข้ามาในห้องหน่อยดีมั้ย?”
”พรึบ!”
จงคุยที่กำลังลนลานรีบถลาตัวไปข้างหน้าตามไปยังทิศทางที่นิ้วของชูฮันชี้ไปมื้อไม้สั่นไปหมดและค่อยๆผลักประตูเปิดออก
”แอ๊ดดดดด!”
บรรยากาศนอกห้องที่มักจะสวนงามยามแสงพระอาทิตย์ในยามบ่ายสลัวๆทอประกายลงอย่างอบอุ่นกระทบกับพื้นน้ำและสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับสวยงามสบายตา
ทว่ามันกลับไม่ใช่สำหรับเวลานี้
มันไม่มีภาพสวยงามเช่นนั้นให้เห็น
กลับกัน…
มันเป็นภาพเลือดที่นองเต็มพื้นสนาม!
กลิ่นเหม็นเน่าของเลือดคลุ้งไปทั่วจนไม่สามารถสูดลมหายใจเข้าได้!
ศพที่นอนตายเกลื่อนเต็มพื้นสนามไปหมด!
”อ๊วกกกกก!แหวะะะะะ!”
จงคุยแม้จะอารมณ์เดือดดาลเต็มที่ทว่าก็ไม่สามารถต้านทานกลิ่นเหม็นคาวที่ปะทะเข้าหน้าอย่างแรงได้จนเคลื่อนไส้อย่างหนักภาพอันน่าหดหู่ของการถูกสังหารหมู่
ที่นี้คือพื้นที่ที่มีระบบป้องกันหนาแน่นที่สุดในค่ายจินหยางมีทหารประจำการอยู่ทั่วทุกจุด มีกำลังทหารระยะสูงสุดจำนวนมากคอยคุ้มกันจงคุย แต่ชูฮันกลับสามารถลอบเข้ามาอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครสังเกตแถมยังลอบฆ่าทหารของเขาทั้งหมดไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!
จงคุยรู้สึกละอายเขาไม่อยากจะคิดถึงพละกำลังของชูฮันที่มีเลย และก็รู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ที่จะเดาว่าชูฮันทำได้อย่างไร…
”ทำไม?”จงคุยหันหน้ากลับมา พยายามกล้ำกลืนความโกรธแค้นในใจลงไปและถามชูฮัน “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายของฉัน เป็นฝีมือแกทั้งหมดใช่มั้ย? ทำไม?!”
จงคุยถามคำถามที่โง่ที่สุดแต่ชูฮันยินดีที่จะตอบ
”ใช่”ชูฮันตอบตรงๆอย่างไม่ปิดยัง ท่าทางมีความสุข “สำหรับเหตุผล~ เพราะการกระทำของแกที่ค่ายหนานตู้ แกสองพ่อลูกไม่ควรทำกับผู้หญิงแบบนั้น ยิ่งเมื่อคนคนนั้นคือฉางกวนยวีซิน…”
ชูฮันไม่สนใจสีหน้าย่ำแย่และสภาพของจงคุยที่อ๊วกหนักไม่หยุดจนมีเลือดออกมาด้วยเขาหยิบเมล็ดแตงโมในกระเป๋าขึ้นมานั่งแทะอย่างสบายอารมณ์ “ฉันเป็นคนขี้งก ฉันไม่ยอมให้ใครมาขโมยของของฉันไปเด็ดขาด และไม่ใช่แค่นั้น แต่เพราะแกสองพ่อลูกกล้าทำให้เธอต้องอับอายขายขี้หน้า!”
”แก!แกมัน!” จงคุยนึกคำด่าชูฮันไม่ออก เนื้อตัวสั่นเทิ้มจนต้องหยุดครู่หนึ่ง “เพราะว่าฉันทำให้ฉางกวนยวีซินขายหน้า? แก! ไอ้ชั่ว! ฝีมือแกใช่มั้ย? แกเป็นคนทำให้ค่ายฉันเป็นแบบนี้?!”
เมื่อมีคำว่าไอ้ชั่วหลุดมา…หวังไคที่อยู่กระเป๋าชูฮันก็พลันสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกขนมันลุกชันทันทีและก็รู้ได้ในทันทีว่านรกได้มาเยือนจงคุยแล้ว
ไอความน่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากตัวชูฮันอย่างหนาแน่นราวกับยมทูตที่มารอรับวิญญาณ!
ชูฮันเงยหน้าขึ้นสบตากับจงคุยด้วยแววตาแข็งกร้าวจนทำให้จงคุยถึงกับตัวสั่น “ตอนแรกฉันจะให้เวลาแกสักครู่เพื่อทำความเข้าใจ แต่ในเมื่อแกจองหองดีนัก แผนฉันก็คงต้องเปลี่ยน” ”อะไรนะ?”จงคุยที่ตามไม่ทันถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
ชูฮันปลายตามองจงคุยก่อนจะเบนสายตาออกไปทางนอกบ้านพัก จงคุยที่เห็นจึงมองตามสายตาของชูฮันไป——-
”ฟรึบ!”
จู่ๆร่างของเหมิงชีเหว่ยก็ปรากฏขึ้นกระทันหันที่ประตูและเดินตรงเข้าไปหาชูฮันทันทีเมินเฉยจงคุยที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูราวกับไร้ตัวตน เหมิงชีเหว่ยมายืนตรงต่อหน้าชูฮันพร้อมทำท่าวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพ
”ท่านพลเอกโปรดสั่งการครับ” ในฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับ เหมิงชีเหว่ยนั้นจดจำระเบียบการทางทหารได้อย่างแม่นยำเพราะเขาทำงานให้ชูฮันมายาวนาน
ชูฮันยิ้มเบาๆ”บอกให้ทุกคนเร่งมือให้เร็วขึ้น ฉันต้องการเห็นผลลัพธ์ภายในหนึ่งชั่วโมง” เหมิงชีเหว่ยไม่มีความลังเลเขาหมุนตัวและจากไปทันที ร่างของเขาหายตัวไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา
จงคุยยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับจ้องไปยังทิศทางที่เหมิงชีเหว่ยมุ่งหน้าไปขณะตกอยู่ในภวังค์…จงคุยจำหน้าเหมิงชีเหว่ยได้ ดูเหมือนเขาจะเคยเห็นคนคนนี้หลายครั้งแล้วในศูนย์บัญชาการ แถมตัวเขายังเคยมอบหมายงานให้เหมิงชีเหว่ยเองกับมือด้วย
ทว่า…คนคนนี้คือคนของชูฮันงั้นเหรอ?!
”อึก~~”จงคุยเคลื่อนไส้ขึ้นมาอีกรอบ เขาอ้วกออกมาเป็นเลือดจนเปรอะเปื้อนเต็มพื้นและผนังห้อง
ชูฮันยังไม่ได้โดนตัวจงคุยเลยด้วยซ้ำไม่แม้แต่ปลายเล็บ แต่จงคุยในตอนนี้กลับดูเหมือนได้รับบาดเจ็บรุนแรง เหมือนกับ——
บาดเจ็บภายใน!
ความแค้นที่กระอักออกมาเป็นเลือด!
หลังจากนั้นชูฮันก็ปล่อยให้จงคุยรออยู่ที่บ้านพักนั้นทั้งชั่วโมง มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ยาวนานและทรมานที่สุดในชีวิตของจงคุย
ตรงกันข้ามกับชูฮันที่ใช้เวลานั่งแทะเมล็ดแตงโมกินกัดผลไม้กินเล่นอย่างสบายใจ บางทีก็หยิบหวังไคที่อยู่ในร่างกระต่ายจิ๋วออกมาคีบหูของหวังไคแกว่งเล่นไปมาในอากาศ ไม่สนใจภาพสังหารหมู่อันน่าสยองขวัญทั้งในและนอกบ้านพักเลยสักนิด แถมยังทำราวกับจงคุยนั้นเป็นอากาศที่ไร้ตัวตน
ถึงกระนั้นถึงแม้ชูฮันจะไม่สนใจหรือปลายตามองจงคุยเลย หากจงคุยก็ไม่กล้าจะหนีออกไปจากบ้าน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่จงคุยมองชูฮัน เขารู้สึกราวกับว่ามันมีรัศมีอำนาจมหาศาลเปล่งประกายรอบตัวชูฮัน รัศมีอำนาจที่ทุกคนต้องยอมสยบ ความกดดันและแรงตึงเครียดมหาศาลกดให้จงคุยอยู่กับที่ไม่กล้าขยับ สภาพจิตใจของจงคุยในตอนนี้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
และทันทีที่มันกำลังจะครบเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อมาถึงหนึ่งนาทีสุดท้าย เหมิงชีเหว่ยก็โผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับเหงื่อชุ่มตัวเบาๆ และเหมือนเคยเขาตรงเข้าไปหาชูฮันทันที ไม่เหลียวแลจงคุยที่อยู่ตรงประตูเลยสักน้อย “รายงานครับท่าน ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”
ชูฮันที่ไม่ได้รู้เลยว่าทุกคนโหมทำงานกันอย่างบ้าคลั่งแค่ไหนที่จู่ๆแผนการเดิมที่มีกำหนดการสำเร็จในเที่ยงคืนของวันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นแค่ภายในหนึ่งชั่วโมงแม้กระนั้นเหมิงชีเหว่ยก็ทำงานเหมือนหมาเชื่องๆ เขารับคำสั่งและออกไปกระจายงานพร้อมลงมือทันทีโดยไม่ปริปากใดๆทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเหมิงชีเหว่ยและหน่วยข่าวกรองลับหรือทีมความลับของพระเจ้าทุกคนยิมยอมทำตามคำสั่งอย่างไร้ความกังขา แถมสมาชิกบางคนในทีมความลับของพระเจ้าปักใจเชื่อว่านี้คงเป็นวิธีการฝึกฝนรูปแบบใหม่ของหัวหน้าชูฮันที่ออกแบบมาให้พวกเขา
เพื่อทดสอบความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง! ชูฮันเองก็ทึ่งกับปรากฏการณ์ครั้งนี้เช่นกัน…เวลาชั่วโมงเดียวที่เขาพูดออกไปด้วยความโกรธนั้นหากเขาไม่ได้คิดว่าหน่วยข่าวกรองลับและทีมความลับของพระเจ้าจะทำทุกอย่างได้สำเร็จจริงๆภายในหนึ่งชั่วโมงจริงๆ!
เพราะงั้นตอนนี้ชูฮันจึงอารมณ์ดีอย่างมากเขาจึงปรายตามองไปยังจงคุย ธรรมชาติการชื่นชอบการได้ทรมานคนของชูฮันก็เปิดเผยออกมา “จงคุย มีข่าวดีและข่าวร้าย อยากฟังอันไหนก่อนล่ะ?”
เขากลัวจนฉี่แทบราด!
ในขณะเดียวกันปัญหามากมายตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็วิ่งกลับเข้ามาในหัวจงคุยจนมึนหัวไปหมด ทุกอย่างมันอัดแน่นจนคิดอะไรไม่ออก
ชูฮัน!
ก่อนหน้านี้ข่าวบอกว่าชูฮันอยู่ค่ายหนานตู้ที่เขาเคยคลั่งและโดนชูฮันตบหน้าต่อหน้าคนนับหมื่น!
ทำไมชูฮันถึงมาอยู่ที่นี้ได้?
เป็นไปได้ยังไงกัน!มาปรากฏตัวที่นี้ได้ยังไง?! แล้วปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในค่ายจินหยางอย่าบอกนะว่ามันเกี่ยวกับชูฮัน?
ถ้าใช่อย่างที่คิดจริงๆ…จงคุยคิดว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอความตายแม้จะยอมตายก็ยังอาจจะต้องตายอย่างทรมานเลย!
ชูฮันมองท่าทีลนลานของจงคุยอย่างตลกๆเขากระตุกยิ้มเบาๆสบตากับจงคุยก่อนจะยิ้มกว้างและชี้นิ้วไปที่ประตู “พลเอกจงคุย ฉันคิดว่าคุณควรจะเปิดประตูนะ ปล่อยให้ลมมันพัดเข้ามาในห้องหน่อยดีมั้ย?”
”พรึบ!”
จงคุยที่กำลังลนลานรีบถลาตัวไปข้างหน้าตามไปยังทิศทางที่นิ้วของชูฮันชี้ไปมื้อไม้สั่นไปหมดและค่อยๆผลักประตูเปิดออก
”แอ๊ดดดดด!”
บรรยากาศนอกห้องที่มักจะสวนงามยามแสงพระอาทิตย์ในยามบ่ายสลัวๆทอประกายลงอย่างอบอุ่นกระทบกับพื้นน้ำและสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับสวยงามสบายตา
ทว่ามันกลับไม่ใช่สำหรับเวลานี้
มันไม่มีภาพสวยงามเช่นนั้นให้เห็น
กลับกัน…
มันเป็นภาพเลือดที่นองเต็มพื้นสนาม!
กลิ่นเหม็นเน่าของเลือดคลุ้งไปทั่วจนไม่สามารถสูดลมหายใจเข้าได้!
ศพที่นอนตายเกลื่อนเต็มพื้นสนามไปหมด!
”อ๊วกกกกก!แหวะะะะะ!”
จงคุยแม้จะอารมณ์เดือดดาลเต็มที่ทว่าก็ไม่สามารถต้านทานกลิ่นเหม็นคาวที่ปะทะเข้าหน้าอย่างแรงได้จนเคลื่อนไส้อย่างหนักภาพอันน่าหดหู่ของการถูกสังหารหมู่
ที่นี้คือพื้นที่ที่มีระบบป้องกันหนาแน่นที่สุดในค่ายจินหยางมีทหารประจำการอยู่ทั่วทุกจุด มีกำลังทหารระยะสูงสุดจำนวนมากคอยคุ้มกันจงคุย แต่ชูฮันกลับสามารถลอบเข้ามาอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครสังเกตแถมยังลอบฆ่าทหารของเขาทั้งหมดไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!
จงคุยรู้สึกละอายเขาไม่อยากจะคิดถึงพละกำลังของชูฮันที่มีเลย และก็รู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ที่จะเดาว่าชูฮันทำได้อย่างไร…
”ทำไม?”จงคุยหันหน้ากลับมา พยายามกล้ำกลืนความโกรธแค้นในใจลงไปและถามชูฮัน “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายของฉัน เป็นฝีมือแกทั้งหมดใช่มั้ย? ทำไม?!”
จงคุยถามคำถามที่โง่ที่สุดแต่ชูฮันยินดีที่จะตอบ
”ใช่”ชูฮันตอบตรงๆอย่างไม่ปิดยัง ท่าทางมีความสุข “สำหรับเหตุผล~ เพราะการกระทำของแกที่ค่ายหนานตู้ แกสองพ่อลูกไม่ควรทำกับผู้หญิงแบบนั้น ยิ่งเมื่อคนคนนั้นคือฉางกวนยวีซิน…”
ชูฮันไม่สนใจสีหน้าย่ำแย่และสภาพของจงคุยที่อ๊วกหนักไม่หยุดจนมีเลือดออกมาด้วยเขาหยิบเมล็ดแตงโมในกระเป๋าขึ้นมานั่งแทะอย่างสบายอารมณ์ “ฉันเป็นคนขี้งก ฉันไม่ยอมให้ใครมาขโมยของของฉันไปเด็ดขาด และไม่ใช่แค่นั้น แต่เพราะแกสองพ่อลูกกล้าทำให้เธอต้องอับอายขายขี้หน้า!”
”แก!แกมัน!” จงคุยนึกคำด่าชูฮันไม่ออก เนื้อตัวสั่นเทิ้มจนต้องหยุดครู่หนึ่ง “เพราะว่าฉันทำให้ฉางกวนยวีซินขายหน้า? แก! ไอ้ชั่ว! ฝีมือแกใช่มั้ย? แกเป็นคนทำให้ค่ายฉันเป็นแบบนี้?!”
เมื่อมีคำว่าไอ้ชั่วหลุดมา…หวังไคที่อยู่กระเป๋าชูฮันก็พลันสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกขนมันลุกชันทันทีและก็รู้ได้ในทันทีว่านรกได้มาเยือนจงคุยแล้ว
ไอความน่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากตัวชูฮันอย่างหนาแน่นราวกับยมทูตที่มารอรับวิญญาณ!
ชูฮันเงยหน้าขึ้นสบตากับจงคุยด้วยแววตาแข็งกร้าวจนทำให้จงคุยถึงกับตัวสั่น “ตอนแรกฉันจะให้เวลาแกสักครู่เพื่อทำความเข้าใจ แต่ในเมื่อแกจองหองดีนัก แผนฉันก็คงต้องเปลี่ยน” ”อะไรนะ?”จงคุยที่ตามไม่ทันถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
ชูฮันปลายตามองจงคุยก่อนจะเบนสายตาออกไปทางนอกบ้านพัก จงคุยที่เห็นจึงมองตามสายตาของชูฮันไป——-
”ฟรึบ!”
จู่ๆร่างของเหมิงชีเหว่ยก็ปรากฏขึ้นกระทันหันที่ประตูและเดินตรงเข้าไปหาชูฮันทันทีเมินเฉยจงคุยที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูราวกับไร้ตัวตน เหมิงชีเหว่ยมายืนตรงต่อหน้าชูฮันพร้อมทำท่าวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพ
”ท่านพลเอกโปรดสั่งการครับ” ในฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับ เหมิงชีเหว่ยนั้นจดจำระเบียบการทางทหารได้อย่างแม่นยำเพราะเขาทำงานให้ชูฮันมายาวนาน
ชูฮันยิ้มเบาๆ”บอกให้ทุกคนเร่งมือให้เร็วขึ้น ฉันต้องการเห็นผลลัพธ์ภายในหนึ่งชั่วโมง” เหมิงชีเหว่ยไม่มีความลังเลเขาหมุนตัวและจากไปทันที ร่างของเขาหายตัวไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา
จงคุยยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับจ้องไปยังทิศทางที่เหมิงชีเหว่ยมุ่งหน้าไปขณะตกอยู่ในภวังค์…จงคุยจำหน้าเหมิงชีเหว่ยได้ ดูเหมือนเขาจะเคยเห็นคนคนนี้หลายครั้งแล้วในศูนย์บัญชาการ แถมตัวเขายังเคยมอบหมายงานให้เหมิงชีเหว่ยเองกับมือด้วย
ทว่า…คนคนนี้คือคนของชูฮันงั้นเหรอ?!
”อึก~~”จงคุยเคลื่อนไส้ขึ้นมาอีกรอบ เขาอ้วกออกมาเป็นเลือดจนเปรอะเปื้อนเต็มพื้นและผนังห้อง
ชูฮันยังไม่ได้โดนตัวจงคุยเลยด้วยซ้ำไม่แม้แต่ปลายเล็บ แต่จงคุยในตอนนี้กลับดูเหมือนได้รับบาดเจ็บรุนแรง เหมือนกับ——
บาดเจ็บภายใน!
ความแค้นที่กระอักออกมาเป็นเลือด!
หลังจากนั้นชูฮันก็ปล่อยให้จงคุยรออยู่ที่บ้านพักนั้นทั้งชั่วโมง มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ยาวนานและทรมานที่สุดในชีวิตของจงคุย
ตรงกันข้ามกับชูฮันที่ใช้เวลานั่งแทะเมล็ดแตงโมกินกัดผลไม้กินเล่นอย่างสบายใจ บางทีก็หยิบหวังไคที่อยู่ในร่างกระต่ายจิ๋วออกมาคีบหูของหวังไคแกว่งเล่นไปมาในอากาศ ไม่สนใจภาพสังหารหมู่อันน่าสยองขวัญทั้งในและนอกบ้านพักเลยสักนิด แถมยังทำราวกับจงคุยนั้นเป็นอากาศที่ไร้ตัวตน
ถึงกระนั้นถึงแม้ชูฮันจะไม่สนใจหรือปลายตามองจงคุยเลย หากจงคุยก็ไม่กล้าจะหนีออกไปจากบ้าน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่จงคุยมองชูฮัน เขารู้สึกราวกับว่ามันมีรัศมีอำนาจมหาศาลเปล่งประกายรอบตัวชูฮัน รัศมีอำนาจที่ทุกคนต้องยอมสยบ ความกดดันและแรงตึงเครียดมหาศาลกดให้จงคุยอยู่กับที่ไม่กล้าขยับ สภาพจิตใจของจงคุยในตอนนี้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
และทันทีที่มันกำลังจะครบเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อมาถึงหนึ่งนาทีสุดท้าย เหมิงชีเหว่ยก็โผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับเหงื่อชุ่มตัวเบาๆ และเหมือนเคยเขาตรงเข้าไปหาชูฮันทันที ไม่เหลียวแลจงคุยที่อยู่ตรงประตูเลยสักน้อย “รายงานครับท่าน ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”
ชูฮันที่ไม่ได้รู้เลยว่าทุกคนโหมทำงานกันอย่างบ้าคลั่งแค่ไหนที่จู่ๆแผนการเดิมที่มีกำหนดการสำเร็จในเที่ยงคืนของวันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นแค่ภายในหนึ่งชั่วโมงแม้กระนั้นเหมิงชีเหว่ยก็ทำงานเหมือนหมาเชื่องๆ เขารับคำสั่งและออกไปกระจายงานพร้อมลงมือทันทีโดยไม่ปริปากใดๆทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเหมิงชีเหว่ยและหน่วยข่าวกรองลับหรือทีมความลับของพระเจ้าทุกคนยิมยอมทำตามคำสั่งอย่างไร้ความกังขา แถมสมาชิกบางคนในทีมความลับของพระเจ้าปักใจเชื่อว่านี้คงเป็นวิธีการฝึกฝนรูปแบบใหม่ของหัวหน้าชูฮันที่ออกแบบมาให้พวกเขา
เพื่อทดสอบความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง! ชูฮันเองก็ทึ่งกับปรากฏการณ์ครั้งนี้เช่นกัน…เวลาชั่วโมงเดียวที่เขาพูดออกไปด้วยความโกรธนั้นหากเขาไม่ได้คิดว่าหน่วยข่าวกรองลับและทีมความลับของพระเจ้าจะทำทุกอย่างได้สำเร็จจริงๆภายในหนึ่งชั่วโมงจริงๆ!
เพราะงั้นตอนนี้ชูฮันจึงอารมณ์ดีอย่างมากเขาจึงปรายตามองไปยังจงคุย ธรรมชาติการชื่นชอบการได้ทรมานคนของชูฮันก็เปิดเผยออกมา “จงคุย มีข่าวดีและข่าวร้าย อยากฟังอันไหนก่อนล่ะ?”